ชื่นมื่น! "บลู เอลิกา" วิวาห์หวานแฟนนักธุรกิจ เผยเคยอธิษฐานขอเจอคนที่ใช่ในวันเกิด แล้วก็ได้สมใจ ลั่นเป็นผู้หญิงที่โชคดีที่สุดที่ได้แต่งงานกับฝ่ายชาย แย้มจดทะเบียนสมรสแล้ว แต่ยังขอใช้คำนำหน้านางสาว ลังเลเปลี่ยนนามสกุลตามสามี ด้านเจ้าบ่าวชมภรรยาสวยที่สุดในโลก แพลนฮันนีมูนอเมริกา มีทายาท 3 คน ให้คำมั่นจะซื่อสัตย์และดูแลกันตลอดไป
เป็นคู่รักสายฟ้าแลบที่คบหาดูใจกันเพียงปีเดียว ก็ควงกันเข้าพิธีหมั้นหมายอย่างเป็นทางการไปเมื่อวันที่ 6 ก.พ.ที่ผ่านมา ที่บ้านของฝ่ายหญิงที่จ.จันทบุรี ล่าสุดเมื่อช่วงบ่ายวันนี้ (20 มี.ค.) ดาราสาววัย 24 ปี “บลู เอลิกา พลอยอัมพร” ได้จูงมือแฟนหนุ่มนอกวงการ เจ้าของธุรกิจนำเข้ายาและอาหารเสริม “ตี๋ ธันร์นากร จันทร์อ่อน” เข้าพิธีวิวาห์ตามแบบศาสนาคริสต์กันไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ที่โบสถ์คริสตจักรวัฒนา ย่านสุขุมวิท 19
ทั้งนี้พิธีวิวาห์ของดาราสาวได้จัดขึ้นอย่างเรียบง่าย บรรยากาศโดยรอบโบสถ์ประดับประดาไปด้วยดอกไม้ ในธีมสีฟ้า ซึ่งสื่อถึงชื่อของเจ้าสาว และสีชมพู ซึ่งเป็นสีที่เจ้าสาวชอบ ท่ามกลางครอบครัวของทั้งสองฝ่าย และเพื่อนพ้องในและนอกวงการที่มาร่วมเป็นสักขีพยานกันอย่างคับคั่ง อาทิ นุ้ย เกศรินทร์ เอกธวัชกุล , จิ๊บ คีตภัทร อันติมานนท์, ปูไข่ พงษ์สิรี บรรลือวงศ์, ไผ่ พาทิศ พิสิฐกุล, เมย์ อรวรรษา ฐานวิเศษ, เปิ้ล ภารดี อยู่ผาสุข, ส้ม สิชา ศรีทองสุข, ตู่ จารุศิริ ภูวนัย, มนัญญา ลิ่มเสถียร หรือ “เบลล์ เกิร์ลลี่เบอร์รี่, อธิกิตติ์ พริ้งพร้อม หรือ “แบงค์ แบล็ควนิลา”, แพร พรรัมภา สุขได้พึ่ง ที่ควงแฟนหนุ่มคนล่าเจ้าของผับดัง ก้อง วรททิพ ทวีวัฒน์ มาเปิดตัวเป็นครั้งแรก
ซึ่งก่อนที่จะเข้าไปทำพิธีในโบสถ์ตามแบบศาสนาคริสต์ เจ้าสาว “บลู” ที่อยู่ในชุดวิวาห์เกาะอกสีขาวกระโปรงยาวแค่เข่า และเจ้าบ่าว “ตี๋” มาในชุดสูทสีขาว ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มตลอดเวลา ได้จูงมือกันมาเปิดใจ และเผยความรู้สึกกับสื่อมวลชน โดยฝ่ายชายได้เปิดปากชมดาราสาวก่อนว่า เป็นผู้หญิงที่สวยที่สุดในโลก
“เมื่อคืนนอนหลับ แต่เมื่อเช้าตื่นมารู้สึกตื่นเต้น พอเห็นเจ้าสาวในวันนี้แล้ว ก็คิดว่าเขาน่าจะเป็นผู้หญิงที่สวยที่สุดในโลกแล้ว”
เมื่อย้อนถามถึงวันแรกที่ทั้งคู่ได้เจอและรู้สึกปิ๊งปั๊งกัน คู่บ่าว-สาวเผยว่า
ตี๋ : “เราเจอกันครั้งแรกที่โบสถ์ แต่ตอนนั้นยังไม่ได้ติดต่อกัน ก็ได้แค่มองเฉยๆ ไม่รู้ว่าเขาคือใคร จากนั้นผมได้ไปดูบอลที่มาเลเซีย ก็ได้ไปเจอเขาที่โน่น แล้วพอดีเขาเป็นรุ่นน้องที่ม.กรุงเทพ เลยคุยกัน หลังจากนั้นเลยติดต่อกัน แต่ก่อนหน้าเจอเขา ผมได้อธิษฐานไว้ว่าอยากได้คู่ครอง ส่วนเขาก็อธิษฐานเหมือนกัน เขาขอในช่วงก่อนถึงวันเกิดเขา เราก็ต่างคนต่างขอ”
บลู : “ก็ถือว่าการขอประสบความสำเร็จค่ะ คือเรารู้สึกว่าทำงานมาหลายปีแล้ว ก็อยากมีความรัก อยากมีคู่ครอง เลยอธิษฐานว่าวันเกิดปีนี้ขอเจอคนที่ใช่สักที แต่ตอนที่เจอเขาก็ยังไม่รู้ว่าเขาคือคนที่ใช่ แต่ยิ่งคุยไปคุยได้ไม่นานยิ่งรู้สึกว่าผู้ชายคนนี้ใช่แน่ๆ เลย เป็นคนที่เราเคยขอไว้”
ตี๋ : “ส่วนผมถูกใจบลูตรงที่เขาเป็นผู้ใหญ่ มีความรับผิดชอบ รักพ่อแม่ รักครอบครัว และรักการท่องเที่ยวเหมือนกัน ดังนั้นผมเลยตัดสินใจขอเขาแต่งงาน คือผมดูความพร้อมในลักษณะเราโตเป็นผู้ใหญ่กันทั้งคู่แล้ว มีอาชีพการงานมั่นคงกันแล้วทั้งคู่ เมื่อเราศึกษากันแล้วก็รู้ว่าเขาเป็นคนยังไง มีความคิดยังไง และมีการวางแผนอนาคตไว้ยังไง ความคิดเขาเข้าทางตรงสเปคที่เราขอไว้ทุกอย่าง”
“ผมขอเขาแต่งงานที่โบสถ์ ซึ่งวันที่ขอก็ไม่ได้มีเซอร์ไพร์สอะไรมากมาย ผมตั้งใจคุยกับเขาเรื่องครอบครัว เรื่องอนาคตของเขา และก็ให้ความมั่นใจกับเขา ซึ่งเขาก็ตอบตกลง แต่มันก็มีด่านนะไม่ใช่ไม่มีด่าน มีด่านพี่เลี้ยงเขา อาจารย์ที่โบสถ์ พ่อแม่เขา ญาติเขาทุกคนต้องผ่านหมด ถ้าไม่ผ่านคือไม่ใช่ แต่ว่ามันผ่านทุกสเต็ป”
บลู : “ก่อนหน้าที่เขาจะขอแต่งงาน เราก็รู้สึกว่าเขาเป็นคนที่ใช่ และพี่ตี๋จะเริ่มปูเรื่องมาค่อยๆ เขาถามว่าอยากมีครอบครัวมั้ย แล้วถามว่าคิดไว้หรือยัง อยากมีลูกกี่คน มองอนาคตไว้ยังไง และสุดท้ายเขาก็บอกว่าแต่งงานกับพี่ตี๋นะ เราก็โอเค เพราะในใจเราก็รู้สึกรักเขา อยากใช้ชีวิตกับเขาอยู่แล้ว เขาถามมาเราก็เลยโอเค พอหลังจากที่เขาขอ 2-3 วัน มาเจอหน้ากันก็เอ๊ะ..เราจะแต่งงานกันแล้วเหรอ ก็มาคุยกันทีหลังว่าต้องทำยังไงบ้าง”
“เราทั้งคู่ก็เข้าไปเรียนการใช้ชีวิตคู่ประมาณ 5-6 ชั่วโมง เพราะถ้าเรามาใช้ชีวิตคู่ เราก็จะไม่ได้พึ่งพาครอบครัวแล้ว เราต้องใช้ชีวิตกันสองคน พอเราได้ทราบความหมายของการแต่งงาน การใช้ชีวิตครอบครัว รู้เป้าหมายของการทำงาน เราก็เริ่มมีการวางแผนกันว่าจะทำยังไง”
เจ้าบ่าวเผยเรื่องสินสอดมีเงินสด 1 ล้าน เพชรกะรัตกว่า และทอง 10 บาท ส่วนธีมงานเน้นสีฟ้าและชมพู ซึ่งสื่อถึงชื่อของเจ้าสาว และเป็นสีที่ “บลู” ชอบ
ตี๋ : “สินสอดก็มีเงินสด 1 ล้าน เพชรกะรัตกว่า ทองประมาณ 10 บาท แล้ววันนี้ก็มีการแลกแหวนกัน แหวนนี้บ่งบอกถึงความหมายของวงกลม ให้แหวนเป็นตัวแทนและเป็นกำลังใจซึ่งกันและกัน เป็นแหวนทองคำขาวปกติ ส่วนธีมงานวันนี้เราเน้นแบบอบอุ่น เป็นสีฟ้าที่สื่อถึงความหมายชื่อ บลู”
บลู : “จริงๆบลูชอบสีชมพู เลยเป็นชมพูฟ้า ซึ่งธีมงานวันนี้พี่ตี๋ให้บลูเลือก ส่วนบรรยากาศรอบโบสถ์ข้างนอก บลูกับพี่ตี๋ก็ลงมาจัดกันเองเมื่อคืนตอน 4 ทุ่ม ทำกันเองทุกอย่าง ซึ่งก็ทำให้เรารู้สึกว่ามันเป็นงานแต่งงานของเรา เพราะถ้าเรานั่งอยู่กับบ้านเฉยๆไม่รับรู้เลย เราก็จะไม่รู้อะไรเลย แต่ถ้าลงมือทำด้วยก็จะรู้ปัญหา ซึ่งถ้าผ่านวันนี้ไปมันก็ทำให้เราภูมิใจว่า วันนี้เราได้ช่วยกัน ได้นั่งทำด้วยกัน”
ตี๋ : “วันนี้ผมเททั้งหัวใจและหน้าตักเลยครับ (ยิ้ม)”
บลู : “เขาทำให้บลูรู้สึกว่าเป็นผู้หญิงที่โชคดีที่สุดในโลก บลูรู้สึกว่าตัวเองโชคดี และบลูก็เคยบอกพี่ตี๋ว่า บลูเป็นผู้หญิงที่โชคดี”
แย้มแพลนฮันนีมูนจะไปเที่ยวอเมริกา และรออีกสัก 3 ปีถึงมีทายาท ซึ่งก็วางแผนเอาไว้ว่าอยากมีลูก 3 คน
ตี๋ : “แพลนฮันนีมูนเราอาจจะไปอเมริกา รัฐแคลิฟอร์เนีย เพราะเพิ่งได้วีซ่ามา จะไปช่วงสงกรานต์นานประมาณ 2 อาทิตย์ ที่เลือกที่นี่เพราะเราแพลนกันไว้แล้วว่า อยากไปเที่ยวที่นั่น”
“ส่วนเรือนหอตอนนี้มีอยู่ 2 ที่ ที่คอนโดของบลูที่ซื้อคอนโดใหม่ไว้ตรงเลียบทางด่วน ซื้อไว้เพื่องานนี้โดยเฉพาะ และในอนาคตถ้ามีลูกค่อยกลับไปอยู่บ้าน พอดีพ่อแม่เขาอยู่ต่างจังหวัดด้วย (วางแผนมีลูกเลยมั้ย) อาจจะมีตอนบลูอายุ 28-29 ตอนนี้ให้เขาทำงานก่อน เพราะเราชอบท่องเที่ยว ถามว่าจะมีสักกี่คน จริงๆก็อยากตั้งทีมฟุตบอล แต่ว่าเอาแค่ประมาณสัก 2-3 คนก็พอ ก็อยากได้ทั้งผู้ชายและผู้หญิง”
บลู : “บลูก็คิดเหมือนกันว่า อยากได้ผู้ชายคนโต และผู้หญิงคนที่สอง ส่วนคนที่สามจะเป็นหญิงหรือชายก็ได้”
เมื่อถามถึงคำมั่นสัญญาที่ทั้งคู่ให้ไว้แก่กัน เจ้าบ่าวเจ้าสาวตอบเหมือนกันว่า จะซื่อสัตย์และดูแลกันไปตลอดชีวิต
ตี๋ : “เราให้คำมั่นสัญญาต่อกันทั้งคู่ ต่อแขกผู้มีเกียรติ ต่อพระเจ้าว่าเราจะซื่อสัตย์ต่อกัน และจะดูแลกันไปตลอดชีวิต เรามองในส่วนที่ดีๆของกันและกัน ในส่วนที่ไม่ดีเราก็จะให้อภัยซึ่งกันและกันไป มันจะไม่มีการบังคับ เพราะความรักมันบังคับกันไม่ได้ เราต้องให้เสรีภาพในการตัดสินใจ”
บลู : “สำหรับบลูคงเป็นคำมั่นสัญญาเดียวกันค่ะว่า เราจะซื่อสัตย์ต่อกัน รักเดียวใจเดียว และจะดูแลกันไป อดทน ให้อภัยกัน รักกันจนแก่จนเฒ่า ถ้าถามในเรื่องขอ บลูไม่เคยขออะไรเขา แต่ถ้าถามในฐานะผู้หญิงทุกคน ก็คงอยากได้ผู้ชายที่รักเขาคนเดียว ไม่เจ้าชู้ ซื่อสัตย์ต่อเรา รักเราเสมอต้นเสมอปลาย ซึ่งบลูก็เชื่อว่าผู้หญิงทุกคนก็คงใฝ่ฝันแบบนั้น แต่ ณ วันนี้ก็มั่นใจในตัวเขาว่า คงไม่ทำให้เราเสียใจหรือผิดหวัง”
เผยจูงมือกันไปจดทะเบียนสมรสตั้งแต่วันที่ 16 มีนาคมที่ผ่านมา เจ้าสาวบอกยังไม่ตัดสินใจเปลี่ยนนามสกุล ส่วนคำนำหน้าขอใช้ “นางสาว” เหมือนเดิม
ตี๋ : “เราจะทะเบียนกันเรียบร้อยแล้ว เพราะก่อนมีพิธีจะต้องจัดการให้เรียบร้อย ไปจดที่เขตบางรัก แต่ตอนแรกตั้งใจจะไปวันที่ 14 ก.พ. พอดีน้องเขาติดถ่ายละคร เราก็ยุ่งเลยไม่ได้ไปวันที่ 14 แต่ไปวันที่ 16 มี.ค.แทน”
บลู : “ตอนนี้บลูยังไม่ได้เปลี่ยนนามสกุลค่ะ เพราะถ้าเปลี่ยนมันต้องเปลี่ยนพาสปอร์ต เปลี่ยนอะไรเยอะแยะ ก็เลยเอาไว้ก่อน ส่วนการใช้คำนำหน้าว่า นาง (หัวเราะ) จริงๆเขาก็ถามนะว่าจะใช้ นาง หรือนางสาว เราก็ได้เลือกนางสาวไปแล้ว ซึ่งเรื่องนามสกุลเราก็ยังคุยกันอยู่ว่า จะใช้นามสกุลอะไรดี เพราะจริงๆเราก็ไม่ได้ซีเรียสเรื่องนามสกุลสักเท่าไหร่”
ตี๋ : “คือผมก็ไม่ได้ซีเรียสว่า เขาต้องมาใช้นามสกุลผมเหมือนกัน”
อย่างไรก็ตามภายหลังให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนเสร็จ เมื่อถึงเวลา 16.30 น.พิธีวิวาห์จึงได้เริ่มต้นขึ้น โดยอดีตนักร้องรุ่นใหญ่ "ปุ๊ อัญชลี จงคดีกิจ" ได้ประเดิมขับกล่อมบทเพลงรักมอบให้เป็นของขวัญแก่คู่บ่าวสาว และขณะที่เจ้าบ่าวกำลังเดินไปยังเวทีเพื่อรอเจ้าสาว สังเกตเห็นแววตามีน้ำตาแห่งความดีใจคลอเบ้าอยู่ตลอดเวลา เมื่อเจ้าสาวมาถึงก็ได้มีการท่องคำสาบาน ผลัดกันสวมแหวน และแลกจูบกันเป็นอันเสร็จพิธี ซึ่งภายหลังคู่บ่าว-สาวยังได้จัดเลี้ยงค็อกเทลปาร์ตี้ ให้แขกมาเฮฮาสนุกสนานกันต่อภายในบริเวณโบสถ์อีกด้วย