xs
xsm
sm
md
lg

“แมน” เข้าข้าง “ฟลุค” รับเอาเงินร้านไปใช้แต่คืนแล้ว แนะ “แป้ง” คิดก่อนพูด ทะเลาะผ่านสื่อแค่เรื่องส่วนตัว

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“แมน” รับ “ฟลุค” นำเงินของร้านไปใช้ส่วนตัว แต่คืนครบถ้วนแล้ว เผยหุ้นส่วนคนอื่นไม่ซีเรียส เพราะให้สิทธิ์อีกฝ่ายบริหารร้าน และเป็นการยืมเงินฉันท์พี่น้อง ลั่นยังมองคาสโนว่าเป็นมืออาชีพในการทำธุรกิจ แนะ “แป้ง” ควรทะเลาะกันผ่านสื่อแค่เรื่องส่วนตัว อย่าดึงคนอี่นไปเกี่ยวทำให้ปวดหัวตาม

ยังคงเป็นเรื่องราวบานปลายที่หลายคนให้ความสนใจ สำหรับกรณีของสาว “แป้ง อรจิรา แหลมวิไล” และหนุ่ม “ฟลุค เกริกพล มัสยวานิช” ที่ดาราสาวไปเขียนด่าสาปส่งฝ่ายชายลงนรกผ่านเฟซบุ๊ค จากนั้นก็ถอนหุ้นออกจากร้านตัดผม “ฮาชิ ซาลอน” ย่านทองหล่อ เพราะไม่พอใจที่ “ฟลุค” นำเงินที่ร้านไปใช้ส่วนตัว จึงทำให้มีปากเสียงกัน แถมสาวแป้งยังแขวะผ่านสื่อว่า ฝ่ายชายทำธุรกิจไม่เป็นมืออาชีพ และไม่เห็นจะทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน ทั้งยังบอกว่าช่วงที่ยังอินเลิฟเป็นช่วงโง่ของตน

เมื่อสอบถามเรื่องราวดังกล่าวไปยังหนุ่ม “แมน ศุภกิจ ตังทัตสวัสดิ์” ซึ่งเป็นหนึ่งในหุ้นส่วนร้านฮาชิ ซาลอน เจ้าตัวมองว่าเป็นเรื่องของคน 2 คนที่คุยกันไม่ลงตัว ไม่ใช่ปัญหาทางธุรกิจ รับ “ฟลุค” นำเงินของร้านไปใช้จริง แต่ก็นำเงินมาคืนเรียบร้อยแล้ว

“จริง ๆ แล้วปัญหาของร้านมันเป็นปัญหาเรื่องธุรกิจว่า เราจะทำยังไงให้มันดี ทั้งแป้งและฟลุค รวมถึงผู้ถือหุ้นคนอื่น ก็ต้องการอยากจะให้ร้านมันดีอยู่แล้ว แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นปัญหาเล็ก ๆ หยุมหยิม ซึ่งเป็นปัญหาทั่วไปของผู้ถือหุ้น แต่บังเอิญผู้ถือหุ้นนั้นเคยเป็นแฟนกันมาก่อนแค่นั้นเอง จริง ๆ แล้วกับผู้ถือหุ้นคนอื่นก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรมากมาย”

“ฟลุคเอาเงินไปใช้จริง แต่ก็เอาเงินมาคืนแล้ว คือวิธีการที่จะต้องทำบัญชีหรือว่ารายงาน มันจะถูกรายงานชัดเจนอยู่แล้วทุกเดือน แต่ส่วนที่น้องพูดไป เขาอาจจะไม่ได้ไตร่ตรองหรือดูสิ่งที่เป็นบัญชีโดยชัดเจน เขาอาจจะพูดไปอย่างนั้น อาจจะพูดไปผสมความเป็นส่วนตัวอะไรหรือเปล่า ตรงนั้นเราเองก็ไม่รู้ เพราะเป็นเรื่องส่วนตัวของเขา”

“ถึงฟลุคจะเอาเงินที่ร้านไปใช้ ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องมาบอกกับผู้ถือหุ้นคนอื่นหรอก เขาก็แค่บอกฝ่ายบัญชีและพนักงานที่ร้านก็พอว่า เอาเงินไปใช้ทำอะไรบ้าง ซื้ออะไรบ้าง เอาเงิน เอาไวน์ออกไป คือมันจะมีคนที่ทำบัญชีอยู่แล้ว เขาก็จะจัดการตรงนั้นทุกอย่างให้เรา แล้วที่ฟลุคเอาเงินไปจริง ๆ มันก็ไม่ได้เยอะมากมาย มันไม่ใช่เป็นแสนบาทหรือล้านบาท แต่ถึงเขาจะเอาไปจริง ๆ ผมถือว่าเขาเป็นคนบริหารร้าน ไอ้ส่วนที่จะมีหายไปบ้าง ถ้าผู้ถือหุ้นทุกคนสบายใจ มันก็ไม่มีปัญหาอะไร”

“แต่เงินมันก็ไม่ได้หายไปจากร้านเรา มันก็แค่หายไปแวบนึงแล้วเดี๋ยวเอามาคืน ถ้าหายไปเลยดื้อ ๆ ก็คงไม่มีใครยอมให้เงินที่ตัวเองลงทุนหายไป เราเองก็สบายใจไม่ได้คิดอะไร เรารับได้ แต่จริงๆเขาก็ไม่ได้เอาเงินในร้านไป มันแค่เอาของออกจากร้านไป แล้วบอกว่ามันเป็นของๆเรา แต่จริงแล้วมันเป็นของๆร้าน แล้วเงินนั้นก็เป็นเงินของร้าน พอใช้ไปเดี๋ยวก็เอามาคืน แต่ขั้นตอนที่จะเอามาคืนมันยังไม่ถูกคนอื่นรู้ เหมือนให้ร้านแอดวานซ์ไปก่อนแล้วค่อยเอากลับมาคืนร้าน คือเขาคงเคยแต่ทำธุรกิจเป็นพันล้านไง(หัวเราะ)”

ยังมอง “ฟลุค” ทำงานเป็นมืออาชีพ แม้จะเอาเงินที่ร้านไปใช้บ้าง ส่วนที่ “แป้ง” บอกว่าหุ้นส่วนคนญี่ปุ่นเตรียมถอนหุ้นตาม เจ้าตัวเผยไม่ทราบเรื่อง

“ถ้าถามผม ผมว่าเขาก็โอเคในระดับหนึ่ง อย่างน้อยเขาใส่ใจในการบริหาร เงินส่วนใหญ่ที่ลงไปในร้านก็เป็นเงินเขา และเขาก็ตกลงตั้งแต่แรกแล้ว ให้เขาบริหารและให้เงินเดือนในการบริหารกับเขาไป คนอื่นก็มีหน้าที่ตรวจสอบบ้าง ลงเงินมาส่วนนึง เวลาที่เรามีปัญหาอะไรกันขึ้นมา มันก็มักจะเป็นเรื่องว่านี่มันเงินฉัน อันนี้ไม่ได้ แม้แต่บาทเดียวก็ทะเลาะกันได้ ซึ่งต้องกลับไปนึกถึงวันที่เราคิดที่จะร่วมทำกัน ทุกคนที่จะทำร้ายหรือว่าทำธุรกิจ ไม่เคยมีใครอยากที่จะทำให้มันเป็นลบหรอก ทุกคนอยากจะให้มันเป็นบวก แต่วันนึงถ้าในใจเรารู้สึกว่ามันจะเป็นลบ ทุกอย่างมันก็จะลบหมด”

“ส่วนที่เขาบอกว่าหุ้นทางญี่ปุ่นก็เตรียมตัวจะถอนหุ้นเหมือนกัน ตรงนี้ผมเองก็ไม่รู้เรื่อง มันเป็นเรื่องของเขา อย่างเวลาที่ฟลุคเอาเงินที่ร้านไปใช้ หุ้นส่วนคนอื่นทราบ เพราะเขาบอกเรียบร้อยเลย เขาไม่ได้เอาไปใช้ส่วนตัว เขาแค่ขอยืมไปก่อน ซึ่งแต่ละครั้งที่เขาเอาไป เขาก็บอกกับทุกคน ไม่ใช่มุบมิบเอาไปโดยที่ไม่มีใครรู้ วันนี้รู้กันหมดแล้ว”

“จริงๆแล้วทุกอย่างเราตรวจสอบได้ มันจะมีบัญชีอยู่แล้วว่าอะไรเข้า อะไรออก มันไม่ได้หายไปแล้วเราจะตรวจสอบไม่ได้ มันไม่ใช่อย่างนั้น ธุรกิจนี้มันเป็นธุรกิจแบบพี่น้อง เพราะฉะนั้นถ้าน้องจะยืมเงินพี่ไป หรือใครมีปัญหาเรื่องเงิน จะเอาเงินไปใช้ก่อนมันก็ไม่มีปัญหา มันไม่ใช่ธุรกิจแบบมหาชนขนาดนั้น”

รับเป็นคนกลางลำบากใจและเวียนหัว ยันไม่ได้เข้าข้างใคร แนะให้พูดกับสื่อแค่เรื่องส่วนตัว อย่าดึงคนอื่นไปเกี่ยวข้องด้วย

“เราเป็นตัวกลางก็รู้สึกเวียนหัวมาก รู้สึกว่าบางอย่างถ้าเป็นเรื่องส่วนตัว ก็ไม่ควรจะเอาเรื่องงานที่มันมีคนอื่นมาเกี่ยวพันเข้าไปพูด คือคุณควรจะพูดกับสื่อในเรื่องที่มันเป็นเรื่องส่วนตัวระหว่างกันและกัน ไม่ต้องเอาคนอื่นเข้าไปข้องเกี่ยว เพราะถ้าดึงคนอื่นเข้าไปข้องเกี่ยวมันเดือดร้อน ถ้าคุณทะเลาะกันมีปัญหากันไปเคลียร์กัน 2 คน มันไม่ได้เกี่ยวกับหุ้นส่วนคนอื่นๆในร้าน เรื่องร้านก็คือเรื่องร้าน เรื่องการทะเลาะกันระหว่างส่วนบุคคล ก็คือเรื่องของส่วนบุคคลมันไม่เกี่ยวกัน มันแยกกันชัดเจน แต่บางอย่างอาจจะเกิดอารมณ์ แล้วก็เอาไปรวมไปข้องเกี่ยวกันบ้าง”

“มันไม่เกี่ยวว่าผมสนิทกับฟลุคเลยพูดอย่างนี้ ไม่ใช่เลย ไม่ได้เข้าข้างใครทั้งนั้น แป้งเองก็เป็นน้องที่น่ารัก ก็เคยบอกแป้งว่าถ้ามันทำให้เราสบายใจ ถ้าเกิดทำด้วยกันไปแล้วทำให้คนอื่นไม่สบายใจ แล้วตัวเองก็รู้สึกอึดอัด ฟลุคเองก็อึดอัด ก็ไม่ต้องทำดีกว่า ก็ไปทำอย่างอื่นสิ มีอย่างอื่นให้ทำตั้งเยอะแยะจะมานั่งบ้าๆบอๆกับร้านทำผมทำไม แป้งก็เข้าใจไม่มีเกาเหลากันหรอกครับ เพราะน้องก็คือน้อง ผมไม่ได้ไปให้ร้ายอะไรน้อง ถ้าน้องมีปัญหาก็มาปรึกษา น้องจะไปทำอย่างอื่นที่มันมีความสุขกว่าก็ไปทำ เราก็ไม่ได้ไปห้าม เราพูดกันแบบผู้ใหญ่พูด ไม่ใช่เด็กๆมาเล่นขายของ มาเอาอารมณ์มาใส่ในงานหรือในธุรกิจ แบบนั้นมันไม่ได้ มันจะทำให้เราเอาความรู้สึกส่วนตัวลึกๆ เอามาพูดกับเรื่องงานทันที”

ส่วนกรณีที่มีคนเห็นไปเดินโอบเอวสาวอยู่แถวรัชดานั้น เจ้าตัวแจงว่าหญิงคนดังกล่าวเป็นญาติของตน รับข่าวมีผลกระทบกับครอบครัวบ้างแต่ก็พยายามอธิบายให้ภรรยาเข้าใจตลอด

“เขาเป็นลูกพี่ลูกน้องเรา น่าจะใช่นะเพราะแม่กับผมให้เขาไปพักแถวนั้น แล้วเราก็ไปดูแลเขา เพราะเขามาจากต่างจังหวัด ใครเห็นมันก็แล้วแต่เขาจะไปคิด เพราะมันคิดได้หมด ถ้าคุณไปนั่งรถผมแล้วนั่งข้างๆ แล้วมีคนเห็นก็ต้องเอาไปพูดว่า คนนี้เป็นแฟนผม ถ้าเราไปเดินกับผู้ชายเขาก็จะบอกว่าเราเป็นเกย์ สงสัยใช่มั้ยว่าทำไมมันถึงยังไม่มีลูก เพราะมันเป็นอย่างนี้นี่เองก็ว่ากันไป พอเราไปเดินกับผู้หญิง เขาก็ต้องว่าคนนี้เป็นกิ๊กใหม่เราแน่ๆ คือต้องเดินกับคนอายุ 50 อย่างเดียวถึงจะไม่เป็นข่าว”

“มันไม่มีอะไรหรอก เราเองก็บริสุทธิ์ใจ ครอบครัวเราโอเครับรู้ มันก็คงไม่ต้องแคร์อะไร เรื่องข่าวกับสาวๆเมจิเองก็เคยรู้สึกว่ากระทบกับข่าวบ้าง แต่ในความเป็นจริงแล้ว ถ้าเราเข้าใจกัน และเราพูดกันจริงๆไม่ได้มีอะไรปิดบังกัน ผมว่ามันก็ไม่น่าจะมีอะไรที่เป็นปัญหา ถ้าเราพูดกันตรงๆแล้วพูดกันด้วยหัวใจ”







เกาะติดข่าวบันเทิงและร่วมวงเมาท์ดารากับ “ซ้อ7” ก่อนใคร ผ่าน SMS โทรศัพท์มือถือทุกเครือข่าย
ระบบ dtac - เข้าเมนู write Message พิมพ์ R แล้วส่งไปที่หมายเลข 1951540
ระบบ AIS - กด *468200311 แล้วโทร.ออก
ระบบ True Move และ Hutch - เข้าเมนู write Message พิมพ์ ENT แล้วส่งไปที่หมายเลข 4682000
*ค่าบริการเพียง 29 บาท ต่อเดือน ทดลองใช้ฟรี 15 วัน อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิก




กำลังโหลดความคิดเห็น