“ท็อป” โต้เป็นพ่อของลูก "ไบรโอนี่" เผยสนิทเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่ประถม รับเพิ่งเจออีกฝ่ายพร้อมเด็กผู้หญิง ปัดตอบเป็นลูก "ไบรโอนี่" จริงหรือไม่ โบ้ยถามเจ้าตัวเองหลังกลับเมืองไทยอีกครั้ง บอกอดีตนักร้องสาวรู้สึกไม่ดี ที่ดึงตนเข้ามาพัวพัน ทั้งที่แต่งงานมีครอบครัวแล้ว โล่งภรรยาเข้าใจและไม่ซีเรียสกับข่าวที่เกิดขึ้น
เป็นข่าวลือที่หลายๆ คงยังคงสงสัย และอยากรู้ความจริงมาโดยตลอด เกี่ยวกับกรณีที่อดีตนักร้องสาวมีเขา “เคท ไบรโอนี่ สไมท์ รอดโพธิ์ทอง” ที่จู่ๆ ก็หายหน้าหายตาไปอยู่เมืองนอกซะหลายปี แถมก่อนไปยังกระเตงท้องอ่อนๆ ไปคลอดลูกที่อเมริกาอีก ยิ่งทำให้กลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างต่อเนื่อง และถูกจับตามองมาตลอดว่า สุดท้ายแล้วเป็นเรื่องจริงหรือไม่ และที่สำคัญใครกันแน่ที่เป็นพ่อของเด็ก เพราะช่วงที่สาว “เคท” ยังอยู่เมืองไทย ก็มีข่าวกุ๊กกิ๊กกับหนุ่มๆ หลายคน ตั้งแต่นักร้องหนุ่ม "ต้าร์ นาวิน เยาวพลกุล" หรือ "นาวินต้าร์", "ขันเงิน เนื้อนวล" แต่ที่ถูกจับตามองมากที่สุดคงหนีไม่พ้น พิธีกรไฮโซ “ท็อป ณัฐเศรษฐ์ พูนทรัพย์มณี” ที่แม้ตอนนี้จะแต่งงานมีครอบครัวไปแล้วกับสาวนอกวงการ “แพม อรอาภา สุสมากุลวงศ์” แต่กระแสข่าวดังกล่าวก็ยังไม่ลดละซาลง จนทำให้หนุ่มท็อปพ้นข้อหาไปได้
และเมื่อไม่นานมานี้มีคนเห็นสาว “เคท” กระเตงเด็กผู้หญิงตัวน้อยเดินช้อปปิ้งอยู่ห้างเซ็นทรัลเวิลด์ หลังจากที่ไม่ได้กลับเมืองไทยนานหลายปี โดยมีหนุ่ม “ท็อป” ตามวนเวียนอยู่ใกล้ๆ ยิ่งทำให้ข่าวลือนี้ดูจะเป็นเรื่องจริงมากขึ้น ล่าสุดผู้สื่อข่าวมีโอกาสเจอพิธีกรหนุ่ม เมื่อสอบถามเจ้าตัวก็ยอมรับว่าไปเจออดีตนักร้องสาวจริง ยันเด็กที่เห็นไม่ใช่ลูกตน และอาจจะไม่ใช่ลูกของ "เคท" ซึ่งรอให้อีกฝ่ายกลับมาให้คำตอบเรื่องนี้เองจะดีกว่า
“จริงๆ วันนั้นก็แค่แวะไปเจอเขาแป๊บเดียว เป็นวันที่เขาจะเดินทางกลับแล้ว ก็เลยไปเจอก่อนเขาขึ้นเครื่อง แต่ถามว่าใช่ลูกเขาจริงมั้ย ก็ถ้าใครที่ได้เห็นตามภาพ ก็คงต้องคิดว่าเป็นอย่างนั้นนะครับ แต่ว่าโดยส่วนตัวก็ได้มีการติดต่อ และคุยกับเคทเป็นระยะอยู่แล้ว ซึ่งเคทก็บอกว่ารอให้เขามาพูดเองดีกว่าว่า ท้ายที่สุดแล้วเด็กคนนี้เป็นลูกของเขาจริงหรือเปล่า และข้อเท็จจริงมันเป็นยังไง ก็รอวันนั้นอยู่ ซึ่งปัจจุบันนี้ก็มีหลายคนยื่นงานมาว่า อยากจะติดต่อเคท และติดต่อผ่านท็อปมา ก็รอให้เขาพร้อมครับ ถ้าเขาพร้อมก็คงจะพูด ตอนนี้ก็รออยู่ว่าเมื่อไหร่ที่เขาพร้อม ท็อปจะได้หลุดจากตรงนี้สักที”
“ข่าวที่ว่าเด็กคนนี้เป็นลูกของท็อปกับเคท ก็ถ้าย้อนไปคือเราเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่สมัยเด็กแล้ว รู้จักกันมานานมากกว่า 10 ปีแล้ว ตั้งแต่สมัยเรียนประถมเลย เป็นเพื่อนกันมาโดยตลอด แต่หลายๆ คนอาจจะเข้าใจผิด และมองไปในแบบอื่น ถ้าถามท็อปก็คือมันไม่ใช่ และมันจะดูไม่ค่อยดีด้วย เพราะตอนนี้ท็อปเองก็มีครอบครัวแล้ว เลยยิ่งอยากให้ใครเห็นว่า ทางเคทก็มีในด้านของเขาเหมือนกัน”
“กับเด็กผู้หญิงที่เห็นกันในข่าว จริงๆ จะปฏิเสธอะไรก็คงไม่ได้นะ เพราะมันมีข่าวและก็มีเรื่องของรูปด้วย ก็ได้เจอนะครับ น่ารักมากๆ จริงๆ เคทยังไม่ได้บอกเลยนะว่า เป็นลูกของเขา แต่เราก็ตีความไปกันแล้วว่าเป็นอย่างนั้น ผมว่าเอาไว้รอให้เขากลับมาแล้วพูดเองดีกว่า ตอนนี้ท็อปว่าเขาก็พร้อมแล้วล่ะ เพียงแต่รอว่าท้ายที่สุดจะเป็นใครที่จะได้เขาไปออกรายการหรือถ่ายหนังสือ เพราะเขาก็คิดถึงเมืองไทย เขาเป็นคนไทย รักเมืองไทยมาก”
พิธีกรหนุ่มเผยต่อว่า พร้อมอยู่เคียงข้าง "เคท" หากกลับเมืองไทยแล้วยอมออกรายการแจงเรื่องจริง แต่คงต้องขออนุญาตภรรยา "แพม อรอาภา" ก่อน โล่งที่ผ่านมาภรรยาเข้าใจ และไม่ซีเรียสกับข่าวที่เกิดขึ้น
“ถ้าเขากลับมายอมออกรายการจริงๆ ท็อปก็พร้อมที่จะไปกับเขาด้วย แต่ตอนนี้ท็อปก็มีครอบครัวแล้ว คงต้องขออนุญาตแพมก่อน ถ้าไม่มีปัญหาอะไรท็อปก็คงไป และอยู่ข้างเขาอยู่แล้ว เพราะเขาเป็นผู้หญิงเก่งคนนึง ก็คิดว่าแพมไม่น่าจะมีปัญหา เพราะผมบอกแพมตลอดเวลาทุกเรื่อง มีการคุยกับแพมอยู่เรื่อยๆ ไม่เคยปิดบังอะไรแพมเลย เรื่องนี้เคยเป็นข่าวก่อนหน้าที่เราจะแต่งงานกัน ก็ได้เล่าให้เขาฟัง และวันนั้นไปเจอเคท แพมก็ทราบดี และไม่ได้มีปัญหาอะไร จนกระทั่งมีข่าวก็บอกเขา เขาก็ทราบ เขาก็ไม่ได้ว่าอะไร”
“แพมน่ารักมาก เขาไม่ซีเรียสและรู้ว่าอะไรคืออะไร เขาไม่ได้ว่าอะไรเลยครับ จริงๆ มันเป็นเรื่องที่ไม่มีอะไรเลย มันเป็นเรื่องในข่าวมากกว่า คือเราเป็นเพื่อนกัน แล้วไปอยู่กันตรงนั้น คนก็มองกันไปว่าเราเป็นพ่อของเด็กหรือเปล่า ซึ่งท็อปบอกได้เลยว่าเป็นเพื่อนเขา และก็มีความรู้สึกดีๆ กับเขา ส่วนถ้าวันใดวันนึงเคทจะกลับมา แล้วเขาจะพูดอะไร มันก็คงจะเป็นสิทธิ์ของเขา”
เผยไม่รู้ “เคท” จะกลับเมืองไทยอีกเมื่อไหร่ แต่อีกฝ่ายรู้สึกผิดกับตนมาก ที่ถูกดึงเข้ามาพัวพันเป็นพ่อของเด็ก และยังเป็นตัวกลางในการติดต่อถึงเธออีก
“เคทกลับไปเมืองนอกตั้งแต่วันที่เป็นข่าวแล้วครับ วันนั้นเป็นวันสุดท้าย ซึ่งเขามาสั้นมาก ก็เกือบจะไม่มีโอกาสได้เจอ แต่เคทไม่เห็นด้วยมากๆ ที่เวลามีเรื่องอะไรเกี่ยวกับเขา ต้องมาถามทางท็อป เพราะเขารู้สึกเกรงใจท็อปมากๆ ท็อปเองก็มีครอบครัวอยู่แล้ว เขาก็รู้สึกไม่ดี รู้สึกผิดเลย คือถ้าเป็นไปได้ให้ติดต่อผ่านทางเขาเองโดยตรง และเขาเองก็มีผู้จัดการที่เป็นผู้ช่วยของเขาอยู่แล้ว ก็รอวันนั้นอยู่ครับว่า ถ้าหลังจากนี้ต้องติดต่อใคร แต่ว่าไม่จำเป็นต้องติดต่อผ่านท็อปตลอด จริงๆ มันก็ไม่ใช่เรื่องของท็อปนะครับ แต่ท็อปพูดตรงๆ ด้วยความเป็นเพื่อน ท็อปยินดีอยู่แล้วที่จะประสานอะไรให้ได้”
“จริงๆ เขาก็อึดอัดเหมือนกัน เขามาทราบทีหลังว่าวันนั้นที่เราเจอกันมันมีข่าว ซึ่งก่อนหน้านั้นเขาก็กลัวเหมือนกันว่า มันจะมีเรื่องข่าวหรือเปล่า แต่ด้วยความที่เราบริสุทธิ์ใจกันทั้งสองฝ่าย ไม่ได้คิดว่าการเจอกันจะเป็นสิ่งที่ผิด แล้วเราก็เจอกันแป๊บเดียวมากๆ คือท็อปรู้ว่าเขาจะกลับมาช่วงนี้ แต่ก็ไม่คิดว่าจะได้เจอ จนวันนั้นเขาโทรมาว่า ต้องไปทำธุระที่เซ็นทรัลเวิลด์อย่างที่เห็นอยู่ในข่าว ถ้าถามว่าตอนนี้เขาอยู่ไหน ผมก็ไม่รู้ เพราะเขาเดินทางเยอะเหมือนกัน แต่ที่หลักๆของเขาคงจะเป็นที่อเมริกา”
“ตั้งแต่เขาหายไปก็มีข่าวมาตลอด ตีข่าวว่าท้องนี่ยังไม่เท่าไหร่ แต่ตีข่าวว่าเป็นท็อปนี่สิ (หัวเราะ) มันก็ไม่มีอะไรต้องพูดหรือปฏิเสธ คือเรื่องนี้มันเป็นเรื่องของเคทมาโดยตลอด ซึ่งท็อปในฐานะเพื่อน ก็ให้กำลังใจเขามาโดยตลอด ท็อปเชื่อว่าเคทเป็นผู้หญิงที่แข็งแรง และแข็งแกร่งมาก ถ้าเกิดวันใดวันหนึ่งเขาพร้อมที่จะพูดเขาพูดอยู่แล้วครับ และเท่าที่ท็อปรู้ตอนนี้เขาก็พร้อมแล้ว เพียงแต่เราคงต้องรอเวลาที่เหมาะสมสำหรับเขา”
“เขาจะกลับมาอีกเมื่อไหร่ท็อปไม่ทราบเลย ท๊อปเองก็กลัวเขาจะเครียด ส่วนเขาก็คงคิดว่าท๊อปเครียด เพราะท๊อปเป็นคนที่อยู่ตรงนี้ จะได้รู้และได้เห็นข่าวตลอด แต่เคทอยู่ที่นั่น ถ้ามันมีข่าวเขาก็ไม่เห็นไม่รู้ เขาก็ไม่ได้เครียดอะไร และอย่างที่เขาบอกรู้สึกผิดกับท็อปมาก เขารู้สึกว่ามันเป็นเรื่องของเขา แต่ทำไปทำมาจากเรื่องของเขากลายเป็นเรื่องของท็อป และตอนนี้ท็อปมีครอบครัวแล้ว ก็กลายเป็นเรื่องของครอบครัวท็อปอีก”
ในส่วนทายาทของตัวเองกับภรรยาสาว "ท็อป" กล่าวว่าต้องรอไปก่อนเพราะยังไม่พร้อม ซึ่งในอนาคตถ้ามีก็อยากได้ลูกผู้หญิง
“ในส่วนลูกของท็อปกับแพมคงต้องรอก่อน เพราะตอนนี้เราสองคนทำงานกันเยอะ แพมก็ดูแลเรื่องธุรกิจของที่บ้านเขา ท็อปเองก็มีทั้งทำอีเว้นท์และธุรกิจที่ทำอยู่ แต่จริงๆ ลึกๆ ก็อยากมีครับ อยากมีมานานแล้ว อยากมีมาโดยตลอด แต่ด้วยความที่ว่าเราไม่พร้อมจริงๆ แต่ก่อนก็ไม่เข้าใจนะว่าการไม่พร้อมคืออะไร แต่ตอนนี้เริ่มรู้แล้วว่า เราไม่พร้อมเพราะไม่มีเวลา และถ้าเรามีลูกคนนึงคงอยากจะเลี้ยงเอง ท็อปอยากได้ผู้หญิง ส่วนแพมก็แล้วแต่ท็อปครับ เขาตามใจท็อป ท็อปเองก็ตามใจแพม แต่ถ้าวันนึงจะมีคงขอแบบธรรมชาติ คงไม่ได้ไปฟิกซ์อะไรมาก จะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายก็รักอยู่แล้ว เพราะเป็นลูกของเรา”
เกาะติดข่าวบันเทิงและร่วมวงเมาท์ดารากับ “ซ้อ7” ก่อนใคร ผ่าน SMS โทรศัพท์มือถือทุกเครือข่าย ระบบ dtac - เข้าเมนู write Message พิมพ์ R แล้วส่งไปที่หมายเลข 1951540 ระบบ AIS - กด *468200311 แล้วโทร.ออก ระบบ True Move และ Hutch - เข้าเมนู write Message พิมพ์ ENT แล้วส่งไปที่หมายเลข 4682000 *ค่าบริการเพียง 29 บาท ต่อเดือน ทดลองใช้ฟรี 15 วัน อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิก |