xs
xsm
sm
md
lg

“ฟลุค” ทำเป็นไม่โกรธ “แป้ง” ด่าไล่ลงนรก แขวะดีแล้วที่ถอนหุ้น เคยตาบอดไม่อยากเจอหน้าเหมือนกัน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“ฟลุค” ฉะกลับ “แป้ง” เคยตาบอดและไม่อยากเจอหน้าเช่นกัน ลั่นไม่โกรธถูกด่าลงเฟซบุ๊ค รู้อีกฝ่ายเด็กและชอบคิดไปเอง แอบเหน็บหลังถอนหุ้นทำร้านดีขึ้น พนักงานไม่อึดอัด เพราะชอบสั่งงานสวนทางคนอื่น ความรักกับ “นาตาลี” กำลังแฮปปี้ อุบเรียกแฟนไม่ขอพูดอะไรมาก พร้อมปัดย่องขายขนมจีบนางแบบ “มารีญา” ถึงโรงเรียน

กลายเป็นอดีตคู่รักแค้นฝังหุ่น ที่เปิดศึกวาทะฉะกันมันส์หยดไปแล้ว สำหรับ “แป้ง อรจิรา แหลมวิไล” กับคาสโนว่า “ฟลุค เกริกพล มัสยวานิช” ที่หลังจากเลิกรากันไปนานเกือบ 2 ปี แต่ยังคงเป็นหุ้นส่วนร้านตัดผม “ฮาชิ ซาลอน” ย่านทองหล่อด้วยกัน แล้วจู่ๆเมื่อเร็วๆนี้สาวแป้งดันไปขึ้นหัวเฟซบุ๊คด่าสาปส่งอดีตรัก “ฟลุค” ให้ไปลงนรก พร้อมเผยถึงสาเหตุว่าโมโหที่ฝ่ายชายไม่แมนเรื่องทำธุรกิจ ตัวเองไม่อยากเห็นไม่อยากเจอหน้า เลยถอนหุ้นออกมาจากร้านฮาชิ พร้อมรับเมื่อก่อนโง่และตาบอดที่เคยไปหลงรักฝ่ายชาย แต่ตอนนี้ตาสว่างแล้ว

เจอของแรงเบิ้ลใส่มาขนาดนี้ คาสโนว่าเลยไม่ยอมแพ้พูดสวนกลับทันทีว่า ตัวเองก็ไม่อยากเจอหน้าฝ่ายหญิง และตาบอดมาแล้วเช่นกัน ลั่นไม่โกรธอีกฝ่ายเพราะรู้ว่ายังเด็ก

“เรื่องเฟซบุ๊คเขาเราก็เห็นมาตั้งแต่แรกแล้ว รู้สึกว่ามันเป็นเรื่องปกติ เพราะว่าเขาเด็ก ปกติเวลาเขาคิดอะไรก็จะทำเลย โดยที่ไม่ได้รู้เรื่องอะไรเลย แล้วก็พูดไป ซึ่งผมไม่เคยไปว่าอะไรเขานะครับ ไม่ว่าจะทำอะไรก็ตาม ผมก็ปล่อยเขาไป ก็แล้วแต่เขาจะคิดแล้วกัน ผมไม่ได้ถือโทษโกรธ เพราะตั้งแต่รู้จักกันคบกัน เขาก็เป็นแบบนี้มาอยู่แล้ว”

“ผมไม่โกรธ แต่หลายๆคนโกรธแทนผม ทั้งน้องสาว แม้กระทั่งคุณย่าคุณพ่อ ซึ่งเคยเจอเขา เคยไปกินข้าวด้วยกัน ก็รู้สึกว่าทำแบบนี้มันไม่ถูกเลย แต่ตัวผมเองรู้จักเขามากกว่าคนอื่น ผมเลยเฉยๆเพราะเป็นเรื่องปกติ”

“สาเหตุสำคัญที่เกิดเรื่องคงเป็นเพราะเราไม่ได้สื่อสารกัน เนื่องจากเราเลิกกันแล้วเลยไม่ค่อยได้คุยกันเยอะ ส่วนใหญ่ถ้าจะคุยกันก็คุยกันถึงเรื่องร้านอย่างเดียว แต่ผมว่าเขาคงไม่ได้โกรธเรื่องงานเป็นหลักหรอก มันก็มีเรื่องส่วนตัวบางอย่าง ที่บางทีคนเราพอเวลาอินเลิฟกันอะไรมันก็ดูดีไปหมด แต่พอเลิกกันเวลามองอะไรก็ดูขัดหูขัดตา มันเป็นเรื่องปกติ ซึ่งที่เขาบอกว่าผมอยู่แล้วรกหูรกตาเขา คือผมเองก็ไม่ได้อยากเจอเขาเหมือนกัน เพราะฉะนั้นความรู้สึกก็ไม่แตกต่างกัน เพียงแต่เราไม่จำเป็นต้องพูดเท่านั้นเอง มันก็แล้วแต่เขาจะเอามาพูด”

“ผมรู้มาตั้งนานแล้วที่เขาบอกตอนมีความรักตาบอด ส่วนตอนนี้ตาสว่างแล้ว มันเป็นอย่างนี้มาตั้งนานแล้ว ผมแค่จะพูดว่ามันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร แต่ในเมื่อเขาเอามาพูดมันก็ไม่เป็นไร ผมไม่เคยโกรธไม่เคยมีปัญหาอะไรกับเขา ถึงน้องจะออกมาพูดอะไรยังไง ผมก็ไม่ถือโทษโกรธ เพราะน้องเป็นเด็ก คือทั้งหมดตัวเขาเองคิดไปเอง และก็สรุปไปเอง มันก็เลยเป็นอย่างนั้น มันก็เป็นเรื่องของเขาไป”

แอบเหน็บหลังอดีตรักถอนหุ้นออกจากร้านฮาชิไป ทำให้ทุกอย่างดีขึ้น พนักงานในร้านก็แฮปปี้เลิกอึดอัด เพราะฝ่ายหญิงมักมีคำสั่งสวนทางกับตน เนื่องจากไม่เข้าใจการทำธุรกิจ

“ผมไม่ได้โทรคุยเคลียร์กับเขาเรื่องนี้ แต่เจอกันก็คุยกัน ตอนนั้นเจอกันที่ร้านฮาชิก็คุยกัน ผมคิดว่าเรื่องนี้คงไม่มีบานปลายอะไร เพราะเขาถอนหุ้นไปแล้ว ทุกอย่างก็ดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของหุ้นส่วนผม หรือลูกน้องที่ทำงานอยู่ด้วย ทุกคนแฮปปี้ แต่จริงๆแล้วจะไปโทษเขาไม่ได้ เพราะเหมือนกับเขาไม่เข้าใจในเรื่องของการทำธุรกิจ เขาอาจจะทำงานในวงการมาโดยตลอด ซึ่งการที่จะมาเป็นหุ้นส่วนกัน คอยให้คนๆหนึ่งเป็นคนดูแล นั่นหมายถึงว่าเราก็ต้องเป็นคนที่สั่งการ อย่างร่างกายเรามีหัวเดียว ไม่ใช่ว่ายูจะมาเป็นหัวอีกคนหนึ่ง ถ้ามีหัวสองหัวแล้วสั่งตัวที่เป็นมนุษย์มันก็งง จะให้เดินซ้ายเดินขวา ทุกคนก็อึดอัด”

“เขาไม่ถึงขนาดจู้จี้จุกจิก แต่พี่ๆหลายคนไม่ว่าจะเป็นพี่แมน (ศุภกิจ ตังทัตสวัสดิ์ หรือทุกคนก็จะออกความเห็นว่า ควรทำแบบนี้นะ แต่ในขณะเดียวกันน้องก็จะแบบว่าอยากทำแบบนี้ถึงจะดี แล้วพอสั่งแบบนี้ในฐานะที่เขาก็เป็นผู้ใหญ่คนหนึ่ง ฉะนั้นถ้าเขาบอกพนักงาน พนักงานก็ต้องฟัง แต่บางทีมันอาจจะไปตรงกันข้ามกับสิ่งที่ผมพูดไว้ มันก็เลยกลายเป็นว่า ถ้าวันไหนผมบอกว่าให้เลี้ยวซ้าย น้องเขาก็จะบอกให้เลี้ยวขวา อย่างนั้นพนักงานก็งง มันจะขัดกัน เพราะว่าจริงๆแล้วการทำองค์กรอะไรก็ตาม มันจะมีซีอีโอแค่คนเดียว”

“การที่เขาถอนหุ้นออกไปไม่ได้มีผลกระทบอะไรกับร้านเลย ดีแล้วที่ถอนออกไป ดีในที่นี้หมายถึงว่า สบายใจในตัวของผมและของคนอื่น เขาก็ไม่ต้องงงว่าต้องมาฟังใคร คือน้องเขาก็ไม่ผิดที่มาสั่งพนักงานว่าให้ทำอย่างนั้นอย่างนี้ เพียงแต่มันควรที่จะมาพูดกับผมโดยตรง และให้ผมเป็นคนบอกพวกพนักงานในร้าน ไม่ใช่ว่าไปพูดกันเองเลย ซึ่งผมคิดว่าเขาอาจไม่เข้าใจอะไรตรงนี้”

“เท่าที่ผ่านมาผมลงหุ้นกับใครก็ไม่มีปัญหานะ ผมว่าเรื่องนี้มันแล้วแต่คนจริงๆ เพราะเรื่องของธุรกิจถ้าเป็นคนที่เข้าใจก็ไม่มีปัญหา อย่างร้านตัดผมฮาชิ หุ้นส่วนมี 8 คน แล้วทุกคนก็ยังอยู่ครบ ทุกคนก็แฮปปี้ไม่มีปัญหา แต่ว่าเขามีปัญหาของเขาอยู่คนเดียว และถ้าพูดในส่วนใหญ่และส่วนน้อย ส่วนใหญ่ก็ไม่มีปัญหา ที่ผมเคยทำธุรกิจกับทุกคนมาก็ไม่มีปัญหา เรื่องมันแค่นั้นเอง”

ส่วนที่เคยประกาศว่า จะยกหุ้นบริษัทผลิตรายการ “เพื่อนแพง” ให้อดีตคนเคยเลิฟ “แพง ขวัญข้าว เศวตวิมล” ไปฟรีๆ แต่ฝ่ายหญิงบอกจะขอซื้อหุ้นต่อแทน เจ้าตัวเผยไม่มีหุ้นจะขาย เพราะไม่ได้เอาเงินไปลงทุนตั้งแต่แรก

“เรื่องรายการผมไม่ได้รับและไม่ได้เอา เพราะในเรื่องของธุรกิจ ถ้าทำต้องมีกำไร ถ้าไม่มีกำไรก็ไม่ทำ ดังนั้นตอนที่เราทำมันกำไรไปแล้ว ไม่ต้องลงทุนครับ เพราะเราขายโฆษณาได้แล้วก่อนที่จะมาทำ ไม่อย่างนั้นเราจะไปทำทำไมให้มันขาดทุน พอทำปุ๊บได้กำไรแล้ว ผมก็ไม่ได้เอากำไรตรงนั้นมา เพราะผมไม่ได้ลงเงินตั้งแต่ต้น ฉะนั้นผมจะเอาหุ้นไปขายยังไงเพราะผมไม่มี จะไปเรียกหุ้นยังไงเพราะมันไม่มีทุนแค่นั้นเอง เลยบอกว่าให้น้องเขาเอาไป”

“แล้วผมก็ไม่ได้เข้าไปยุ่งกับการทำรายการตั้งแต่แรกแล้ว ก็แค่รับผลิตให้ แล้วก็เป็นหุ้นส่วนในเรื่องของการช่วยศึกษา ตัวเขาเองเป็นกำลังสำคัญที่ทำงานรายการเยอะ เพราะเขาเป็นคนที่หาโฆษณาเยอะที่สุด”

เผยความสัมพันธ์กับดาราสาว “นาตาลี เจียรวนนท์” กำลังแฮปปี้ เข้ากับลูกชาย “น้องอชิ” ได้ดี อุบเรียกแฟน โบ้ยถามฝ่ายหญิงเพราะไม่อยากพูดมาก

“มันมีข่าวออกมาเรื่อยๆอยู่แล้ว แต่มันไม่มีอะไร ก็เป็นคนที่สนิท เดี๋ยวนี้ผมไม่ค่อยได้เข้ามายุ่งกับวงการบันเทิงมากนัก ฉะนั้นเลยคิดว่ามันคงเป็นเรื่องส่วนตัวมากกว่าที่ผมจะตอบเรื่องนี้ เอาเป็นว่าตอนนี้ก็แฮปปี้ดี เขาก็เข้ากับน้องอชิได้ดี ผมก็ไม่รู้นะว่าเขารักเด็กหรือเปล่า แต่เขาสองคนเข้ากันได้ ถามว่าเรียกแฟนได้หรือยัง ผมขอไม่พูดดีกว่า ไปรอถามฝ่ายหญิงดีกว่า ผมขอพูดแค่นี้ ผมเป็นผู้ชายพูดเยอะมากก็ไม่ได้”

“ที่พูดน้อยลงเพราะคิดว่าสิ่งที่เราพูดไป มันอาจจะพูดไปแล้วไม่ได้อะไร เลยไม่รู้จะพูดออกไปทำไม เลยคิดว่าไม่พูดดีกว่า อยู่เฉยๆก็แฮปปี้ดี เพราะถ้าพูดออกไปเดี๋ยวก็มีคนชอบบ้างไม่ชอบบ้าง สู้อยู่ของเราเฉยๆดีกว่า แฮปปี้ดี”

ปัดย่องขายขนมจีบนางแบบรุ่นน้อง “มารีญา ลินน์ เอียเรียน” ที่เคยมีข่าวกับนักร้องขวัญใจวัยกรี๊ด “ไมค์ พิรัชต์ นิธิไพศาลกุล” ถึงโรงเรียนของลูกชาย

“เราเจอเป็นประจำอยู่แล้ว เพราะผมไปรับลูกที่โรงเรียนอาทิตย์ละสองครั้ง พอเจอกันก็จะทักทายกันเป็นเรื่องปกติ แต่ผมไม่ได้จีบ และไม่เคยไปส่งเขาที่บ้าน เวลาเราคุยก็คุยกันปกติ ไม่ได้อะไรในทำนองนั้นมากมาย ตอนเจอก็เจอกันไม่เกิน 1-2 นาที เพราะผมต้องรีบไปรับลูก คือผมเคยไปรับเวลาไหนก็จะเป๊ะอยู่แล้ว เราก็ต้องรีบวิ่งไปรับเดี๋ยวไม่ทัน (กลัวนาตาลีเข้าใจผิดกับข่าว) ผมคิดว่าไม่น่าจะเป็นอย่างนั้น เพราะมันไม่มีอะไร”









เกาะติดข่าวบันเทิงและร่วมวงเมาท์ดารากับ “ซ้อ7” ก่อนใคร ผ่าน SMS โทรศัพท์มือถือทุกเครือข่าย
ระบบ dtac - เข้าเมนู write Message พิมพ์ R แล้วส่งไปที่หมายเลข 1951540
ระบบ AIS - กด *468200311 แล้วโทร.ออก
ระบบ True Move และ Hutch - เข้าเมนู write Message พิมพ์ ENT แล้วส่งไปที่หมายเลข 4682000
*ค่าบริการเพียง 29 บาท ต่อเดือน ทดลองใช้ฟรี 15 วัน อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิก


กำลังโหลดความคิดเห็น