ครบปีที่ 26 ที่วงคีรีบูนเจ้งเกิดในวงการเพลง อ๊อด – รณชัย ถมยาปริวัฒน์ นักร้องลูกคอกระเส่าสั่นสะเทือนเบาๆเป็นเอกลักษณ์พิเศษที่ทำให้แฟนเพลงในยุคนั้นหลงใหล ระยะผ่านสู่วันนี้ … เขาเป็นนักร้องรับเชิญบนเวทีคอนเสิร์ตของนักร้องหลายคนและมากมายหลายครั้ง ทุกครั้งแจ้งประจักษ์ว่า ยังมีคนที่ชื่นชอบในบทเพลงของเขา
ณ วันนี้ … วงคีรีบูนจะกลับมาเพื่อจัดแสดงคอนเสิร์ต “กาลครั้งหนึ่งของ...คีรีบูน “ ซึ่งจัดโดยทีวีไดเร็ค นับเป็นการกลับมาอย่างเต็มวงครั้งแรกในรอบ 26 ปี งานนี้ อ๊อด รณชัยควักเงินสด 7 แสนบาทเพื่อจัดทำผลงานเพลง “กาลครั้งหนึ่งของ...คีรีบูน” วางจำหน่าย (เฉพาะวันงาน) โดยนำรายได้แบบไม่หักค่าใช้จ่ายมอบแก่โครงการผ้าป่าช่วยชาติ ของหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน
จะเรียกว่าชีวิต อ๊อด รณชัย “ติดในธรรม” ก็คงไม่ผิดนัก !! ธรรมนี้ติดตัวมาแต่สมัยที่เขาโด่งดังสุดขีด ไปจนถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของวงคีรีบูน จนมาถึงปี 2540 ที่ประพันธ์เพลง “หลวงตามหาบัวกู้ชาติ” ให้แก่โครงการผ้าป่าช่วยชาติ
อ๊อด รณชัย เป็นลูกศิษย์ท่านพ่อเฟื่อง โชติโก วัดธรรมสถิต จ. ระยอง มาตั้งแต่ก่อนที่จะเข้าวงการเพลง ในสมัยที่เขากำลังโด่งดังในฐานะนักร้องนำวงคีรีบูน และเมื่อมีโอกาสขับรถและร่วมเดินทางไปส่งเสบียงให้พระภิกษุสงฆ์ที่จำพรรษาในถ้ำแห่งหนึ่งในป่าละอู (ในเขตอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี) คำพูดประโยคหนึ่งของครูบาอาจารย์ท่านหนึ่งทำให้เขาอึ้ง และต้องฉุกคิด
“ท่านบอก อ๊อดก็ดีเนอะ ในด้านหนึ่งคือ ทำให้คนมีความสุข แต่อีกด้านหนึ่งก็ทำให้คนหลงนะ” ประโยคนี้ อ๊อด รณชัยบอกว่า เหมือนมีดที่พุ่งเข้ามาปักที่หัวใจ ….
คำกล่าวเพียงประโยคเดียวทำให้ภาษา “รัก” ในบทเพลงที่เขาบรรจงเขียนขึ้นในช่วงนั้นเริ่มเปลี่ยนไป จากเพลงรัก สนุกสนาน มีความโลดโผนอยู่ในเส้นดนตรี แปรเปลี่ยนเป็นบทเพลงเหงา เศร้าและซึม
“ตอนนั้นผมยังเด็ก ยังคิดแยกแยะไม่เป็น ท่านพูดแบบที่ยังไม่ได้ขยายมิติ จนเมื่อเราโตขึ้น เราเรียนรู้และค้นพบว่า ถ้าปลี่ยนภาษาและเนื้อเพลง เพลงก็ยังสามารถรับใช้และเป็นประโยชน์อื่นได้ ถ้าเราไม่จงใจเขียนเพลงในทำนองหลอกล่อให้คนหลงในความรัก” รณชัย ถมยาปริวัฒน์ หรือ “อ๊อด คีรีบูน” กล่าวกับทีมสกู๊ปพิเศษ ซูเปอร์บันเทิงออนไลน์
“ท่านพ่อเฟื่องเคยทักผมไว้เมื่อตอนที่กำลังดังมากว่า ให้ผมร้องเพลงให้ดังไปถึงข้างบนเลยนะ ตอนนั้นผมยังเด็ก ได้แต่หัวเราะหึๆ ผู้ใหญ่ที่นั่งอยู่ด้วยตีมือผม บอกให้ยกมือรับด้วยการไหว้ท่านพ่อและกล่าวคำว่าสาธุ รับพรนั้น ผู้ใหญ่บอกว่า พรหลวงพ่อ วาจาท่านศักดิ์สิทธิ์มาก ตอนที่ผมหัวเราะนั้น ผมยังร้องเพลง … มีดวงใจหนึ่งดวงจะมอบให้เธอไว้ครอง เพลงรักจะดังขึ้นไปถึงสวรรค์ชั้นต่างๆ ข้างบนได้อย่างไร”
ท่านพ่อเฟื่อง วัดธรรมสถิต เป็นผู้ริเริ่มสร้างพระอุโบสถโดยมีพระพุทธรูปปางนาคปรกครอบอยู่เหนือโบถ์ อันเป็นเอกลักษณ์ของวัดธรรมสถิต พระอุโบสถหลังนี้ วางศิลาฤกษ์และก่อสร้างเมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม 2525 แล้วเสร็จใน 3 ปีต่อมา โดยความร่วมมือของชาวบ้านทั้งวัยรุ่น ผู้เฒ่า ผู้แก่ เด็ก และหนึ่งในผู้ร่วมแรงร่วมใจในครั้งนั้น มี อ๊อดร่วมอยู่ด้วย
“ทุกคนมาช่วยกันยกหิน ยกทราย ผูกเหล็ก ขุดดิน ระเบิดหิน ระเบิดเขา ส่งกระป๋องปูนต่อเนื่องกัน ทำกันหลายปี ท่านพ่อเฟื่องบอกว่า เจ้าพวกนี้บุญเบาๆไม่ชอบชอบบุญหนัก บุญเบาคือการนั่งสมาธิซึ่งได้บุญมาก แต่คนส่วนใหญ่ไม่ชอบทำกัน แต่ชอบที่จะลงแรง เอาแรงกายเป็นทาน เสียสละความสุขส่วนตัวมาร่วมทำกัน”
หลังโบสถ์หลังนี้เสร็จตามความมุ่งหมายของท่านพ่อเฟื่องเพียงปีเดียว ท่านก็มรณภาพเมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2529 ที่สำนักกรรมฐานรังสี เกาะฮ่องกง พระอาจารย์ชิน ปริปณฺโณ ลูกศิษย์ท่านพ่อเฟื่องเป็นเจ้าอาวาสลำดับถัดมา เมื่อปี 2540 หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน ทำโครงการ “ผ้าป่าช่วยชาติ” และปีนั้น … หลวงตามหาบัวต้องมารับผ้าป่าช่วยชาติที่วัดธรรมสถิต พระอาจารย์ชินจึงบอกให้อ๊อด – รณชัย ซึ่งบวชและจำพรรษาอยู่ที่วัดแต่งเพลง !! ชักชวนให้คนมาร่วมกันทำบุญ
“ผมแต่งเพลงถวายหลวงตาจะเหมาะหรือครับ ท่านว่า เราช่วยทำอะไรได้ก็ทำไปสิ”
เพลงในกลุ่มนี้ประกอบด้วยเพลง หลวงตามหาบัวกู้ชาติ , ทำเพื่อใคร และแผ่นดินไทย ตอนนั้นเขาบวชครั้งที่ 2 ในชีวิตเพื่อแก้บนให้พี่ชาย
“ ผมยกมือระลึกถึงหลวงตามหาบัวและก้มลงกราบ 3 ครั้งแล้วกล่าวว่า หลวงตาครับ เพลงที่ผมจะแต่งนี้ เป็นภาษาที่สูงสำหรับผม ผมไม่รู้ว่าจะทำให้หลวงตาเหมาะสมหรือไม่เพียงใด ผมขออนุญาตขอพรหลวงตาให้ผมแต่งเพลงที่ดีที่สุดออกมาถวายในโครงการผ้าป่าช่วยชาติด้วยครับ ผมใช้เวลา 2 ชั่วโมงกับการแต่งเพลงหลวงตามหาบัวกู้ชาติ”
….................................................................................................
เมื่อครั้งที่ชาติไทยกรุงศรีแตก แผ่นดินไทยเสียให้พวกเขา
พระเจ้าตากสินรวมไพร่พลพี่น้องเรา ต่อสู้เพื่อเอาไทยกลับคืน
ฝ่าชีวิตฝ่าตาย ฝ่าคมมีดกรีดแทง พระเจ้าตากสินยอมแลกด้วยชีวิต
ตั้งกองทัพรวมไพร่พล ก่อกำลังสู้อีกหน พระเจ้าตากสินทั้งสู้ตายเพื่อชาติไทย
และในวันนี้โลกหันมองไทยของเรา ไม่ต่างกับคราวเสียกรุงศรี
อิสรภาพพี่น้องไทยต้องริบหรี่ ก็เราเป็นหนี้ต่างชาติเขา
ซึ่งในวันนี้ไม่มีพระเจ้าตากสินสู้นำ แต่ในวันนี้เรามีหลวงตา
ท่านเป็นพระบวชเรียน สืบและสานพระศาสนา แผ่ธรรมะ ท่านมาช่วยชาติไทย
หลวงตามหาบัว หลวงตามหาบัว
หลวงตามหาบัว หลวงตามหาบัว
ช่วยกันพี่น้องทุกๆ คนรวมน้ำใจ ช่วยกันคงไว้ชาติไทยนี้
รวมกองธรรมะตามหลวงตาเถอะน้องพี่ ช่วยกันวันนี้เพื่อชาติไทย
อย่าให้ช้าเนิ่นนาน ต้องร่วมแรงร่วมใจ กอบและกู้ชาติไทยกลับคืนมา
และธรรมะร่มเย็น จะสืบสานต่อมา สืบต่อมา ต่อมาคู่ชาติไทย
ร่วมพลังกันเถิดหนาเพื่อชาติไทย
ช่วยกันพี่น้องไทย ช่วยกันกู้ชาติไทย
กับหลวงตามหาบัว หลวงตามหาบัว
และในวันนี้โลกหันมองไทยของเรา ไม่ต่างกับคราวเสียกรุงศรี
อิสรภาพพี่น้องไทยต้องริบหรี่ ก็เราเป็นหนี้ต่างชาติเขา
ซึ่งในวันนี้ไม่มีพระเจ้าตากสินสู้นำ แต่ในวันนี้เรามีหลวงตา
ท่านเป็นพระบวชเรียน สืบและสานพระศาสนา แผ่ธรรมะ ต่อมาช่วยชาติไทย
แผ่ธรรมะ ท่านมาช่วยชาติไทย
หลวงตามหาบัว หลวงตามหาบัว
หลวงตามหาบัว หลวงตามหาบัว
ช่วยกันพี่น้องไทย ช่วยกันกู้ชาติไทย
กับหลวงตามหาบัว หลวงตามหาบัว
…......................................................................................
“ เพลงของผม ทางกองผ้าป่าบอกว่า เมื่อใดที่เขาเริ่มท้อ กำลังใจหดหาย ฟังเพลงนี้แล้วจะกลับมาฮึกเหิมอีกครั้ง ภาษาสวยงามมากครับ ท่อนแรกผมอารัมภบทถึงพระเจ้าตากสินมหาราช ท่อนที่สอง วันนี้ไม่มีพระเจ้าตากสิน แต่การกู้ชาตินั้นมีหลวงตามหาบัว เป็นเพลงที่ลงตัวครับ บางคนคิดว่า ผมได้แรงบันดาลใจจากเพลงบางระจันของวงคาราบาว เพราะอินโทรด้วยฝีเท้าม้าเหมือนกัน ผมเขียนเพลงนี้ เมื่อปี 2540 หนังรื่องบางระจันเข้าฉายเมื่อปลายปี 2543 รถแห่ขบวนผ้าป่าช่วยชาติของหลวงตาจะเปิดเพลงนี้ แล้วก็จะมีเสียงผมอ่านสปอต และในช่วงปีนั้นๆ ผมไปยืนเป็นพิธีกรด้วย” อ๊อด คีรีบูนย้อนความหลังให้ฟัง
อีกเพลงหนึ่งในโครงการนี้คือ “ ทำเพื่อใคร”
“เนื่องจากมีคนตั้งคำถามบ่อยๆเกี่ยวกับท่านหลวงตามหาบัว ผมจึงแต่งเพลงนี้ขึ้น ถามว่า ทำไม... คุณมองไม่ออกหรืออย่างไรว่าทำไม หลวงตายอมเหน็ดเหนื่อย เดินทางขึ้น – ลงนับหมื่น – แสนกิโลเมตร พระผู้เฒ่ารูปหนึ่ง ปีนี้ท่านอายุ 97 ปีแล้ว บ่อยครั้งที่มีหลายๆ คนตั้งคำถามว่า ท่านทำเพื่อใคร ผมมาเปรียบเทียบว่า คนไทยทั้งประเทศได้มีโอกาสร่วมทำบุญกับหลวงตามหาบัว ในโครงการผ้าป่าช่วยชาติ แต่คนทั่วไปมองไม่ออก เนื่องจากบุญของหลวงตาไม่มีสิ่งล่อ สายพระกัมมัฏฐาน พระป่า นั้นถือว่าการทำบุญที่ถูกต้องต้องไม่ไปเกื้อกับพุทธพาณิชย์ หลวงตาต้องการเงินช่วยชาติ ท่านเอาธรรมะไปล้วนๆ ไม่มีการแจกโน่นแจกนี่ เพื่อให้คนที่มาร่วมกันทำบุญศรัทธาในเหตุและผลจริงๆ ถ้ามีสิ่งล่อ มันก็จะมีจิตของความอยากได้ อยากมี เป็นจิตของความโลภ นี่คือความละเอียดอ่อนของผู้ที่ท่านเป็นครูบาอาจารย์”
คอนเสิร์ต “กาลครั้งหนึ่งของ...คีรีบูน” นี้จะนำบทเพลงเก่าที่คุ้นหูมาคัฟเวอร์ใหม่ บทเพลงทั้งหมดประกอบด้วย ฝากไว้ให้คิดถึง, เปาะแปะ, ไร้คู่, รอวันฉันรักเธอ, ครั้งหนึ่ง, ชีวิตกับเสียงเพลง, อายุไม่สำคัญ, ปีกรัก, เจ็บแล้วจำ, โอ้นกน้อย,อดีตรักยามเย็น, หากรัก, ไม่รู้สิ, สะพานรัก, ทะเลแห่งรัก, รักนี้เหมือนฝัน และเด็กกำพร้า ผลงานเพลงชุดนี้จัดทำและวางจำหน่ายเฉพาะในงานคอนเสิร์ต “กาลครั้งหนึ่งของ...คีรีบูน” ในวันเสาร์ที่ 13 มีนาคม 2553 บริเวณอาคาร 1 ศูนย์แสดงสินค้าอิมแพค เมืองทองธานีแห่งเดียวเท่านั้น ไม่มีวางจำหน่ายตามร้านค้าทั่วไป
อ๊อด รณชัย และวงคีรีบูนต้องการทำบุญร่วมกับแฟนเพลง โดยอ๊อด คีรีบูนจะเป็นคนลงทุนในส่วนของการทำมาสเตอร์ไปแล้ว 7 แสนบาท ซึ่ง 7 แสนบาทนี้ไม่มีการนำยอดขายซีดีมาหักเป็นค่าใช้จ่ายแต่อย่างได
“ การหักค่าใช้จ่าย ภาพมันทะแม่งๆ ผมรู้สึกตลอดเวลาว่า แฟนเพลงมีบุญคุณกับพวกเราชาวคีรีบูน น้องบางคนที่เป็นแฟนคลับบอกผมว่า พี่รู้มั้ย เวลาหนูจะไปดูพี่เล่นคอนเสิร์ตสมัยนั้น หนูต้องไปรับจ้างดำนาอยู่อาทิตย์หนึ่งเต็มๆ เลยนะ น้องคนนี้พ่อแม่เขาเป็นครู แม่บอกว่าอยากไปดูต้องหาเงินเอง นี่คือคุณค่าหนึ่งที่ผมอยากจะตอบแทนแฟนๆ ด้วยการเอาบุญมาแฟนเพลงดีกว่า เรามาทำบุญร่วมกัน ผมออก 7 แสน ส่วนเงินทุกบาททุกสตางค์ที่คุณมาซื้อ ผมจะรวบรวมแล้วเราไปถวายครูบาอาจารย์ด้วยกัน เอาไปถวายหลวงตามหาบัวส่วนหนึ่ง อีกส่วนหนึ่งนำไปสร้างโรงพยาบาล ตามที่มีการร้องขอมากับพระในสายวัดป่าด้วยกัน โดยงานเพลงชุดนี้ ไก่ สุธีร์ แสงเสรีชน แฟนเพลงของคีรีบูนมาแต่อดีตเป็นคนช่วยในเรื่องซาวนด์ต่างๆ ให้เสียงดนตรีมีความร่วมสมัยขึ้น” อ๊อด คีรีบูนกล่าว
เพลง-รอวันฉันรักเธอ
หมายเหตุ : ฟัง อ๊อด คีรีบูน- ” ขึ้นเวทีพันธมิตรฯ - สุดทน “เพ็ญ” จาบจ้วงหลวงตาบัว” พร้อมฟังเพลง แผ่นดินไทยและหลวงตามหาบัวกู้ชาติ ได้ที่ http://www.boybdream.com/manager-news-content.php?newid=59371
