“นาธาน” โผล่มอบตัวแล้วคดีโกงอายุเข้ารับรางวัลเยาวชนดีเด่น ยังยันไม่ผิด โบ้ยอาร์เอสเป็นคนเสนอชื่อเข้าไปเอง ขอสู้คดี ด้านตำรวจเผยถ้าอดีตนักร้องหนุ่มยอมสารภาพ จะพาตัวไปศาลแขวง ผิดจริงจะถูกจำคุกไม่เกิน 6 เดือนปรับไม่เกิน 1 พันบาท ส่วน “ทนายปุ๊” เชื่อมั่นไม่ได้ถูกอดีตนักร้องหนุ่มหลอก แม้จะยังไม่ได้เงินค่าจ้างว่าความสักบาทเดียว
หลังผิดนัดเลื่อนการให้เข้าปากคำกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ในคดีที่ถูกกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เข้าแจ้งความ ในข้อหาปลอมแปลงเอกสารในการเข้ารับรางวัลเยาวชนดีเด่นเมื่อปี 2549 มาแล้วถึงสองครั้ง โดยอ้างว่ายังติดคดีฉ้อโกงเงินอดีตแม่บ้าน “เต็ม สมาน สุขเสริม” อยู่ที่จังหวัดอำนาจเจริญ และพร้อมจะเข้ามอบตัวหลังจากวันที่ 22 กุมภาพันธ์ไปแล้ว
ความคืบหน้าล่าสุดเมื่อเวลาประมาณ 14.00 น. วันนี้ (24 ก.พ.) นาธาน โอร์มาน พร้อมทนายความ “ปุ๊ พิรวรรณ ชลพิทักษ์พงษ์“ และคนสนิท “หญิง” ลูกสาวโต๊ะละห์แห่งซอยวากั๊ฟ อ.บางน้ำเปรี้ยว จ.ฉะเชิงเทรา ได้เดินทางมายังกองบัญชาการตำรวจนครบาล 1 หรือ บช.น เพื่อเข้ามอบตัวและให้เข้าปากคำในคดีดังกล่าว โดยทันทีที่นาธานเดินทางมาถึง ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็รีบเดินเข้าไปหาที่รถ พร้อมกับนำตัวนาธานเดินหลบกลุ่มผู้สื่อข่าวเข้ามาทางประตูหลัง จากนั้นจึงพาตัวเข้าไปยังห้องสอบสวน ซึ่งตลอดเวลาที่ลงจากรถ และเดินเข้าไปในห้องสอบสวนนั้น นาธานมีสีหน้านิ่งเรียบเฉย ไม่แสดงท่าทีตื่นตระหนกแต่อย่างใด
จากนั้น พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รองผบช.น. ได้ทำการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนว่า การเดินทางมาของอดีตนักร้องหนุ่มในวันนี้ เป็นการเข้ามอบตัวในคดีที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เข้าแจ้งความในข้อหาปลอมแปลงเอกสารในการเข้ารับรางวัลเยาวชนดีเด่นเมื่อปี 2549 ซึ่งถ้าทำการสอบสวนแล้วเจ้าตัวยอมรับสารภาพ ในวันพรุ่งนี้ (25 ก.พ.) ก็สามารถเดินทางไปขึ้นศาลแขวงได้เลย และถ้ามีความผิดจริงนาธานก็จะถูกจำคุกไม่เกิน 6 เดือน และปรับไม่เกิน 1 พันบาท ซึ่งหลังจากทำการแจ้งข้อกล่าวหาและสอบสวนแล้ว ทางเจ้าหน้าที่สามารถปล่อยตัวนาธานไปได้ โดยไม่ต้องมีการประกันตัวใดๆ
ด้านนาธาน โอร์มาน เมื่อเจอกลุ่มผู้สื่อข่าวที่ได้พยายามสัมภาษณ์และสอบถามความรู้สึก แต่เจ้าตัวกลับนั่งนิ่งเฉยไม่ตอบคำถามใดๆ มีเพียง “ทนายปุ๊” ที่วันนี้แต่งหน้าและแต่งตัวมาเต็มที่เป็นพิเศษ ด้วยการทาปากแดงเป็นเอกลักษณ์ และมีผ้าพันคอหลากสีผูกเป็นโบว์ขนาดใหญ่เท่านั้น ที่พยายามพูดสอดแทรกเข้ามาว่า หากต้องการถามคำถามอะไรให้มาถามที่ตน
“ดิฉันในฐานะทนายของนาธาน ก็อยากจะขอความวิงวอนและเห็นใจ ทางกระทรวงตั้งรางวัลเยาวชนดีเด่นว่าอายุไม่เกิน 25 ปี แต่ถ้าตามบัญญัติการจัดตั้งศาลเยาวชนและครอบครัว จะเห็นได้ชัดว่าเยาวชนต้องมีอายุ 18 ปีลงมา พอ 19 ก็ถือว่าเป็นผู้ใหญ่แล้ว และเท่าที่เห็นมาผู้ที่รับรางวัลเยาวชนดีเด่นเกินอายุ 18 มีหลายคน”
“และทางนาธานเองดิฉันได้รับทราบว่า ไม่ได้เป็นผู้ยื่นใบสมัคร ทางอาร์เอสเป็นผู้ยื่นใบสมัครให้เอง นาธานก็เห็นว่าคนอื่นรับมาเยอะ พอถึงวันรับรางวัลเขาก็รับ เพราะเห็นว่าเพื่อนที่อายุไล่เลี่ยกันไปรับ เขาจะไม่มีทางทราบเลยว่าคุณกำหนดอายุกฎเกณฑ์ไว้เท่าไหร่ อันนี้โทษปรับมันเล็กน้อย แต่ที่พูดเพื่อข้อกฎหมาย เราจะได้มาดูข้อกฎหมายกันว่า การที่ตั้งรางวัลอย่างนี้มันถูกต้องตามข้อกฎหมายหรือไม่”
นักข่าวพยายามถามข้อเท็จจริงจากปาก “นาธาน” เอง แต่ “ทนายปุ๊” ก็ยังคอยพูดแทรกพูดแทนตลอดว่า วันนี้นาธานไม่ขอพูด ป้องลูกความตัวเองไม่ได้เป็นคนเซ็นเอกสาร และไม่ได้โกงอายุ พร้อมชี้แจงตนไม่ได้ถูก “นาธาน” หลอก แม้จะยังไม่ได้เงินค่าจ้างเลยก็ตาม แต่ที่มาทำหน้าที่ทนายความให้ เพราะเชื่อใจและสนิทสนมกับ “นาวาเอกพิเศษนันทนาพร พรายแสง” หรือ “น้าแอ๊ะ” ซึ่งเป็นน้าสาวของ “ปุ๊กกี้ ปริศนา พรายแสง”
พอเห็น “นาธาน” ไม่ยอมปริปากพูดอะไรแน่ ทาง พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รองผบช.น. จึงขอทำการสอบปากคำเรื่องคดีต่อไป โดยไร้สื่อมวลชนอยู่ภายในห้อง ผ่านไปร่วมชั่วโมง “ทนายปุ๊” ได้ออกมาจากห้องสอบสวนก่อน พร้อมบอกว่าวันนี้นาธานคงไม่ให้สัมภาษณ์ แต่ถ้ามีคำถามอะไรก็ให้ถามจากตนแทน แต่นักข่าวจากหลายสำนักต้องการที่จะให้เจ้าตัวออกมาให้สัมภาษณ์พร้อมกัน ทางทนายปุ๊จึงตอบว่าคงไม่ได้ และกลับเข้าห้องไปด้วยสีหน้าไม่พอใจนัก สักพักจึงจูงนาธานออกมาจากห้อง พร้อมกับเดินฝ่าวงล้อมนักข่าวออกไป จนเกือบเกิดการปะทะกัน
ซึ่งทนายปุ๊ได้ตวาดโวยวายเสียงดังลั่น อ้างมีธุระต้องไปต่อ และนาธานก็ปฏิเสธไปแล้ว แต่สื่อมารุมทำอย่างกับนาธานเป็นนักโทษฆ่าคนตาย นักข่าวมีสิทธิ์อะไรที่จะไม่ปล่อยตัวลูกความตนไป และจะให้พูดอะไรได้ยังไง ในเมื่อมันเป็นหลักฐานทางสำนวน ไม่งั้นจะมีทนายไว้ทำไม!!!!
หลังเจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยพา “นาธาน” หลบออกไปได้ เหลือเพียงแต่ “ทนายปุ๊” ที่ยังบ่นไม่หยุด และให้สัมภาษณ์สื่อว่า
“การนัดครั้งต่อไปทางเจ้าหน้าที่ยังไม่ได้แจ้งค่ะ อันนี้ตอบได้ก็ตอบ แต่ที่ดิฉันบอกว่าวันนี้เราปฏิเสธ คือในกรณีที่เขากล่าวหาว่าเราแจ้งความเท็จ ว่าเราเป็นคนให้ข้อมูล เราก็ต้องมาดูรายละเอียดอีกครั้งนึงว่ามันใช่ข้อมูลหรือไม่ อย่างเรื่องใบสมัครถ้าเป็นลายมือเรา เราก็รับ ถ้าไม่ใช่ก็คือไม่รับ ก็ต้องสู้กัน แต่เท่าที่ดูแล้วมันไม่ใช่ ดิฉันได้ถามจากคนใกล้ชิด เขาก็บอกไม่ใช่นาธาน นาธานก็ยืนยันว่าไม่ใช่”
“เรื่องลายเซ็นมันหลายปีมาแล้ว คนเราเซ็นได้หลายอย่าง เพราะฉะนั้นก็ต้องดูอีกว่า มันมีอะไรบ้างที่ใช่หรือไม่ใช่ มันยังตอบไม่ได้ชัดเจน สมมติปีนี้เราเซ็นอย่างนี้ ปีหน้าอาจจะเซ็นอย่างนั้น เพราะฉะนั้นในเรื่องลายเซ็นยังบอกไม่ได้ นาธานไม่ได้บอกว่าเขียนประวัติเองค่ะ และในการถามประวัติ สมมติไปสมัครเขาก็อาจจะถามว่าคุณชื่ออะไร เขาก็อาจจะกรอกให้ก็ได้ ไม่ใช่เรากรอกถูกมั้ยคะ ก็จะเป็นแบบฟอร์มมาสอบถาม เจ้าตัวก็ตอบ แต่เขากรอกให้ก็มี”
“คืออันไหนที่จริงก็ยอมรับว่าจริง อย่างเรื่องบัตรประชาชน สมมติผู้หญิงที่บางคนท้องไม่มีพ่อ หรือพ่อแม่แยกทางแล้วปล่อยไว้กับยาย พอจะไปเข้าโรงเรียนยายไปแจ้งเกิดไปทำบัตร ขี้เกียจเลี้ยงหลานก็แจ้งล่วงหน้า 2 ปี บัตรกับอายุจริงก็จะไม่ตรงกัน อันนี้ตอบถูกมั้ยคะ แต่นาธานกรอกเองมั้ยอันนั้นเป็นในสำนวน ขอไม่ตอบ ตอนนี้เราก็ต้องหาหลักฐาน แล้วถ้ามีการพิสูจน์ลายมือ ก็ต้องหาบุคคลที่เป็นกลางจริงๆ เป็นธรรมของทั้งสองฝ่าย แล้วก็ลายมือต่างๆ มันก็ต้องค้นกันมาดูว่า ใช่หรือไม่ใช่”
“ถามว่ามั่นใจแค่ไหน เรายังไม่ทราบเพราะเพิ่งมาวันนี้ เพิ่งเห็นอะไรวันนี้ แต่ต้องเข้าใจนะคะว่าคดีนี้โทษปรับมันแค่พันเดียว เราก็บอกว่าถ้าทำจริงเราก็รับ เพราะปรับแค่พันเดียว แต่ถ้าไม่จริงเราก็ต้องสู้เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของเรา แต่ต้องเข้าใจว่าคนเรามันหลายปีบางทีก็เซ็นไม่เหมือนกัน เพราะฉะนั้นเราก็ต้องดูให้แน่ใจก่อนว่าใช่หรือไม่ใช่ ก่อนจะรับหรือปฏิเสธ ถามว่าเขาจำไม่ได้หรือเปล่าว่าเซ็น อันนี้ต้องเข้าใจนะคะ ขนาดถามว่ารางวัลมีอะไรบ้าง เขายังจำไม่ได้เลย เพราะมันหลายปีแล้ว แต่เขาจำได้ว่ารับ ก็คือเข้าไปรับจริงจากพระบรมฯ”
“แต่เรื่องที่ว่าเขาเขียนประวัติเองหรือเปล่า อันนี้อยู่ในสำนวน คืออันไหนอยู่ในสำนวน ก็ขอให้อยู่ในสำนวน อันไหนที่พูดได้ก็พูด ตอนนี้ก็ต้องไปรวบรวมหลักฐานอีกหลายอย่าง เช่นหนังสือทั้งหลายที่เคยเขียน จะได้มาดูว่าปีไหนเขียนลายเซ็นไหน ปีไหนขายลายเซ็นไหน เพราะเราเองก็เคยพิสูจน์ลายมือคน ไม่ว่าจะยังไงก็ตามลักษณะลายเส้น ถ้าคนเดียวกันจะเขียนยังไง ความหนักเบามันก็ต้องออกมาเหมือนกัน”
ส่วนกรณีที่จะฟ้องร้อง “นางจารุพรรณ พรายแสง” แม่ของอดีตนักร้องสาว “ปุ๊กกี้” ในข้อหาหมิ่นประมาทนั้น ทนายปุ๊เผยว่ายังไม่ดำเนินการใดๆ จนกว่าหลักฐานจะพร้อม
“เรื่องฟ้องแม่ปุ๊กกี้ตอนนี้ยังไม่ได้ฟ้อง เพราะมันยังไม่มีอะไรที่ชัดเจนมาถึงเรา ถ้าเผื่อสื่อไปลงอย่างนั้น เรามีหลักฐานพร้อมถึงจะฟ้อง คือถ้าไม่เห็นเอกสารเราจะไม่ทำอะไรใคร และการที่เข้ามาตรงนี้ขอยืนยันเลย เราเป็นคนถามแอ๊ะ น้าของปุ๊กกี้เลยนะว่า นาธานหลอกเงินแอ๊ะมาดาวน์รถรึเปล่า แอ๊ะบอกเปล่า อ้าว…ถ้าเขาไม่ได้หลอก พี่ปุ๊ก็จะช่วย นั่นคือจุดของการเข้ามาช่วยของเรา ซึ่งมาโดยความจริงใจ”
“ถามว่าคดีนี้หนักไปมั้ย คือปกติคดีการพิสูจน์เอกสาร เราไม่ค่อยจะเชี่ยวชาญเท่าไหร่ ก็ยอมรับว่ามันต่อเนื่องมาจากคดีฉ้อโกงที่อำนาจเจริญ ฉะนั้นถ้าสมมติจะต้องสู้กันจริงๆ เราก็อาจจะหาคนที่เชี่ยวชาญหรือเก่งกว่าเข้ามา ส่วนเรื่องกระแสสังคมที่โจมตีดิฉันเนี่ย ถ้านักข่าวจำได้ ถ้าใครเคยอยู่ไอทีวีมา ตอนที่ไปทลายซ่องสี่แยกบ้านแขก ดิฉันพาผู้ต้องหาเข้าออกห้องสอบสวนนะคะ ช่วยโดยที่ไม่ได้ตังค์ด้วย เมื่อก่อนนี้ก็เคยไปช่วยคุณปวีณา (หงสกุล) อยู่พักนึง ตีสี่ยังอยู่โรงพยาบาล คนที่เดือดร้อนก็ยังช่วย ถึงเป็นโจรเราก็ต้องสู้ แต่ถ้าลูกความผิดเราก็ต้องชี้แจงให้เข้าใจว่าอันนี้มันผิดนะ เราก็ต้องรับเพื่อเป็นเหตุให้บรรเทาโทษ ถ้าเธอไม่ผิดเธอก็ต้องสู้ ไม่ใช่เป็นทนายความแล้วว่าความให้คนผิดไม่ได้ ไม่มีอย่างนั้น ขอร้องล่ะอย่ามาด่ากันอย่างนั้นเลย(หัวเราะ)”
แจงคดีฉ้อโกงเงินอดีตแม่บ้าน “เต็ม สมาน สุขเสริม” ที่ยังติดค้างอยู่ที่จังหวัดอำนาจเจริญ ศาลต้องการให้ไกล่เกลี่ย และนัดอีกครั้งวันที่ 25 มีนาคมนี้
“คดีที่อำนาจเจริญยังอยู่ในระหว่างการไกล่เกลี่ย เพราะศาลต้องการให้จบลงด้วยการไกล่เกลี่ย ต้องเข้าใจนะคะวิธีการไกล่เกลี่ย มันอยู่ที่ใจของทั้งสองฝ่ายว่า ต่างคนต่างมีจิตใจที่จะให้อภัยซึ่งกันและกันมั้ย อันนี้เราพูดเป็นกลางๆ มันจะต้องมีฝ่ายที่ได้เปรียบนิดนึง กับเสียเปรียบนิดนึง คนเคยอยู่บ้านเดียวกัน ถ้าสมมติฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งให้อภัย มันก็จบลงได้ แต่ที่เคยบอกว่าจะยอมจ่าย ตอนนั้นมันเป็นตัวเลขนึง แต่ตอนนี้มันเป็นอีกตัวเลขนึง (หัวเราะ) แต่บอกไม่ได้ว่าเท่าไหร่ มันเป็นในสำนวน ศาลห้ามพูด"
">
เกาะติดข่าวบันเทิงและร่วมวงเมาท์ดารากับ “ซ้อ7” ก่อนใคร ผ่าน SMS โทรศัพท์มือถือทุกเครือข่าย ระบบ dtac - เข้าเมนู write Message พิมพ์ R แล้วส่งไปที่หมายเลข 1951540 ระบบ AIS - กด *468200311 แล้วโทร.ออก ระบบ True Move และ Hutch - เข้าเมนู write Message พิมพ์ ENT แล้วส่งไปที่หมายเลข 4682000 *ค่าบริการเพียง 29 บาท ต่อเดือน ทดลองใช้ฟรี 15 วัน อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิก |