“บอย” ยังไม่คิดข้ามรุ่นยันสัมพันธ์ “โม” เป็นเพียงพี่น้อง เผยตอนนี้ยังโสดสนิท ส่วนเรื่องคดีข้อหาขู่กรรโชกทรัพย์เจ้าตัวเผยตอนนี้อยู่ในขั้นตอนรวมรวบหลักฐาน เพื่อเตรียมแถลงข่าวเพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ของตนให้ถึงที่สุด
ตั้งแต่เลิกกับอดีตหวานใจไฮโซสาว “ผิง พิมพาภรณ์ ลีนุตะพงษ์” ก็ดูเหมือนว่าไฮโซหนุ่ม “บอย ภาณุศักดิ์ เดชธีรศิริ” จะเนื้อหอมขึ้นทันตา มีข่าวกับสาวๆ ในวงการบันเทิงมาแล้วหลายคนไม่ว่าจะเป็น “เจนี่ เทียนโพธิ์สุวรรณ” นางเอกชื่อดัง “มะลิ โคลส์” นางแบบอายุ 18 ที่สร้างวีรกรรมมั่นใจเกินวัยตอบคำถามแบบหน้าตาเฉย ถึงเหตุที่สามารถเข้าผับได้แม้จะอายุไม่ถึง 20 ว่า “ใช้ขาเดินเข้าผับ”
ล่าสุดก็เห็นบอยไปตามเฝ้า “โม นภัสนันท์ พสวงศ์” ทายาทร้านทองฮั่วเซ่งเฮงแฟนเก่า “โจ จิรายุส วรรธนะสิน” ในงานแห่งหนึ่ง ก่อนจะควงคู่กันช็อบปิ้งอย่างสนิทสนมไร้วี่แววกังวลใจ แม้ว่าพึ่งจะเป็นข่าวใหญ่ขึ้นหน้า 1 กรณีโดนหุ้นส่วน ซึ่งเป็นอดีตผู้สมัครสส.ไทยรักไทย เข้าแจ้งความข้อหาขู่กรรโชกทรัพย์ กักขังหน่วงเหนี่ยว
หลังมีปัญหาไม่ลงรอยกันในเรื่องของธุรกิจนำเข้ารถหรู
โดยฝ่ายคู่กรณีอ้างว่า ถูกบอยหลอกให้นำเงินมาลงทำธุรกิจรถหรูนำเข้ากว่า 100 ล้าน และเมื่อทวงถามกลับได้เงินคืนเพียง 13 ล้านบาท และต่อมาไฮโซหนุ่มเกิดเสียดายเงินจึงมาขอทวงคืน โดยนำชายฉกรรจ์ 7 คนบุกเข้าไปที่บริษัทเพื่อทวงถามเงินจำนวนดังกล่าว พร้อมทั้งยังบังคับให้อีกฝ่ายยอมเซ็นต์เอกสารยอมรับสภาพหนี้ และยึดรถเบนซ์ จนกลายเป็นคดีอื้อฉาว งานนี้บอยเลยขอเคลียร์ทั้งเรื่องหัวใจกับโม นภัสนันท์ และเคลียร์คดีที่เกิดขึ้น
“กับพี่โมเราก็ยังเป็นพี่น้องกันครับ เจอกันเหมือนเดิมพอดีวันนี้เขามีงานก็เลยมาเจอกัน เป็นพี่น้องกันครับไม่ได้มีอะไรมากกว่าเดิม ผมเองก็ยังโสดอยู่เหมือนเดิม ปกติผมกับพี่โมเองเราก็เจอกันบ่อยอยู่แล้ว เราก็คุยกันทุกวัน อย่างตอนที่มีคดีปุ๊บทุกคนรู้เรื่องเขาก็โทรมาให้กำลังใจกันตลอด”
“กับเรื่องคดีที่เกิดขึ้นมันเป็นความโชคร้าย อย่างวันก่อนแม่ผมเองก็ได้พูดไปแล้ว คือทางเขาติดเงินเราไม่ใช่ทางเราไปติดเงินนะครับ คราวนี้ผมขอพูดสั้นๆแล้วกันครับว่า งานนี้ผมคงต้องแถลงข่าวอยู่แล้ว ว่าเรื่องราวมันเป็นอะไรยังไงพร้อมกับเอกสาร เนื่องจากว่าผมคงต้องพิสูจน์ตัวเองเพราะสิ่งที่เขาให้ข่าวไปมันไม่เป็นความจริง ทางเราเองก็คงต้องสู้คดีจนถึงที่สุดอยู่แล้ว”
“คือข่าวที่ออกมามันทำให้เราดูแย่มาก คร่าวๆ เลยคือเราไม่ได้กรรโชก ก็เข้าไปทวงถามเงินที่เขาติดเรา แต่เขามาบอกว่าเราเข้าไปกรรโชกอันนี้ก็คงต้องไปว่ากันในศาลอยู่แล้ว แต่ไอ้เรื่องที่ไปบอกว่าผมไปติดเงินเขา มาร่วมเป็นหุ้นส่วนกันเป็น 100 ล้าน จะบอกว่าผมเปิดบริษัทมา 8 ปีผมเป็นเจ้าของอยู่คนเดียว ไม่เคยมีใครมาเป็นหุ้นส่วนกับผม”
“เพราะฉะนั้นรายละเอียดเกี่ยวกับเอกสารที่เขาอ้างอิง เดี๋ยวเราจะมีเอกสารเมืองนอกมาพิสูจน์ แล้วทางเราเองคงจะเอามานั่งแถลงข่าว แล้วผมก็จะพยายามหาเจ้าทุกข์คนอื่นๆ ที่เขาเคยโดนเคสแบบเดียวกับที่ผมโดนมาเป็นพยาน หรือไม่ก็จะพยายามหาเอกสารมาทีเดียว สำหรับตัวผมแล้วก็ไม่ได้รับผลกระทบอะไรกับเรื่องนี้มากเท่าไหร่ ผู้ใหญ่ที่เขารู้จักเราก็จะให้กำลังใจ เพราะเขารู้อยู่แล้วว่าเราเป็นยังไง ส่วนในแง่ของทางธุรกิจเองผมว่ามันก็มีส่วนในการดิสเครดิตเราบ้าง”
“ตอนนี้ผมขอเวลารวบรวมเอกสารอีกสัก 2-3 วัน ผมก็คงต้องรีบออกมาแถลงข่าวให้เร็วที่สุด ผมคงจะต้องทำทุกอย่าง ทุกวิถีทางที่ผมพอจะทำได้ คือผมอยากพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเองด้วยหลักฐานก่อน คดีตอนนี้ก็ไม่มีอะไร ผมก็เพิ่งประกันตัวออกมา อย่างอื่นยังไม่มีอะไร ทางตัวคู่กรณีเองผมก็เคยแจ้งความไปตั้งแต่เดือน 9 ปี 52 แล้วคดีโกง เพราะฉะนั้นก็คงต้องเอาเอกสารมาหักล้างดูว่าใครถูกใครผิด”
รับหลังจากมีข่าวแทบไม่อยากจะออกจากบ้านเพราะข่าวค่อนข้างรุนแรง แต่โดยส่วนตัวไม่ได้เกรงกลัวใครทั้งนั้น เพราะตนไมได้ทำอะไรผิด
“เราเองก็รู้สักเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นที่หนังสือพิมพ์ออกข่าวมาอย่างนั้น ผมเองแทบไม่อยากออกจากบ้านเลย ก็มีพวกผู้ใหญ่โทรมากันหลายคน เขาก็บอกว่า เขารู้กันอยู่แล้วว่าเราเป็นยังไง เราไม่ผิดแล้วเราจะไปกลัวอะไร แล้วท่านก็ให้คำแนะนำผมก็เลยไม่รู้สึกอะไรแล้ว ในเมื่อเราไมได้ทำอะไรจริงๆ เราก็คงต้องอยู่ตามปกติของเรา”
“บ้านเมืองมีกฎหมาย เราต้องมาว่ากันที่ถูกผิดดีกว่า เราเองก็คงต้องไปสู้คดีกันในศาล แต่คราวนี้ในตัวเรื่องของเครดิตที่ได้มีการนำเสนอข่าวไปแล้ว ต่อไปเราคงต้องเอาเอกสารมาให้สื่อดูก่อนอย่างแรกเพื่อเป็นการพิสูจน์ตัวเรา”