“ภูริ” แย้มอีก 2 ปีมีลุ้นวิวาห์ “แอน อลิชา” หยอดหวานแอนคือคนที่ใช่ แต่ตอนนี้ขอใช้ชีวิตโสดก่อน ส่วนกรณีฝ่ายหญิงฟิวส์ขาดปัดกล้องนักข่าวที่บันทึกภาพขณะไปเสียค่าปรับโทรแล้วขับบนโรงพัก เจ้าตัวแจงว่า ไม่ได้ก้าวร้าวแต่คนเราก็ต้องมีอารมณ์บ้างเหมือนกัน
คบหากันมานานเลยทีเดียวสำหรับคู่ของ “ภูริ หิรัญพฤกษ์” กับ “แอน อลิชา ไล่ศัตรูไกล” เลยถูกจับตามองว่าเมื่อไรที่จะมีข่าวดีเรื่องงานวิวาห์กับเขาสักที ซึ่งหนุ่มภูริ ยืนยันเสียงแข็งว่ายังไม่มีงานมงคลเร็วๆ นี้อย่างแน่นอน แต่อาจจะมีลุ้นภายในปี 2 ปีนี้ เพราะผู้ใหญ่เองก็เร่งรัดมาแล้ว ส่วนเรื่องกรณีที่แฟนสาวถูกจับสาเหตุ จากโทรศัพท์ขณะขับรถ ที่สน.โชคชัย เมื่อเดือนก่อน เจ้าตัวรู้สึกผิดที่เป็นต้นเหตุ ยันดาราสาวทำตัวเป็นพลเมืองดีแต่บังเอิญไปเจอนักข่าวที่โรงพักเลยถูกบันทึกภาพ แต่ต้องให้เข้าใจแฟนสาวของตนด้วยว่าคงจะมีอารมณ์เหมือนกัน ยันที่ดาราสาวเอามือไปบังกล้องไม่ใช่พฤติกรรมก้าวร้าวแต่อย่างใด
"ยังไม่แต่งครับ แต่ก็ไม่น่าจะนานเกินไป ยังไม่ได้คิดว่าปีไหนครับ แต่หวังว่าไม่เกิน 2 ปีนี้ ที่ผ่านมาเราไม่ได้คุยเรื่องนี้แต่เหมือนน่าจะรู้ๆ กันอยู่ ถ้านานกว่านี้คงไม่มีความรู้สึกอยากแต่ง ทางผู้ใหญ่ก็เร่งรัดมาตั้งนานแล้วครับ (หัวเราะ) แต่ช่วงนี้ไม่มีเวลาคิด ทำงานถ่ายละครถ่ายหนัง ตอนนี้ยังติดเพื่อนอยู่ครับ (หัวเราะ) ไม่หรอก จริงๆ ยังดูกันอยู่ให้มันแน่นอน จริงๆ มันก็แน่นอนแล้วแหละแต่เรื่องบางเรื่องเรายังต้องปรับนิดหน่อย ถ้าเราเข้าใจกัน ให้เวลากันได้ลงตัวกว่านี้ มันก็คลิกกันอยู่แล้วครับ ช่วงนี้อยากติดเพื่อนบ้าง ยังต้องการอิสระนิดนึง แต่ถ้าอีกหน่อยอยู่ด้วยกันก็อยู่ด้วยกัน 24 ชม. นะ ตรงนี้ก็อาจจะหายไป"
“ไม่ใช่ว่าผมหวงชีวิตโสด จริงๆ เราก็เตรียมตัวไว้แล้วมันอยุ่ในช่วงการเตรียมใจไว้ก่อน (หัวเราะ) แต่ช่วงนี้เราก็อยู่ด้วยกันเยอะขึ้น ผมพร้อมจะดูแลเขาไปตลอดชีวิต แต่ยังมีห่วงเรื่องงานอยู่เท่านั้น แต่ ณ เวลานี้แอนใช่ที่สุด ใช่ครับ ถ้าไม่ใช่ก็ไม่รู้จะยังไงแล้วครับ ถ้าจะแต่งแล้วจะบอกครับ"
สำหรับกรณีที่ "แอน อลิชา" มาจ่ายค่าปรับข้อหาโทรศัพท์ขณะขับรถที่สน.โชคชัย แต่บังเอิญดันไปเจอกับผู้สื่อข่าวพอดี เลยบันทึกภาพไว้ได้ ทำเอาแอนถึงกับเดือดเอามือมาปัดกล้องผู้สื่อข่าวนั้น ภูริออกโรงป้องแฟนสาวบอกแอนไม่ได้มีนิสัยก้าวร้าว แต่คนเรามันต้องมีอารมณ์ฉุนบ้างต้องเข้าใจ
“ส่วนเรื่องวันนั้นแอนขึ้นโรงพักเสียค่าปรับขับเพราะคุยโทรศัพท์ในขณะขับรถ คือจริงๆ เขาคุยโทรศัพท์กับผมเองครับ แล้วก็โดนจับก็เป็นความผิดผมเอง (หัวเราะ) วันนั้นเขาโทรมาถามทางเพราะเขาไปไม่ถูก รู้สึกเขาจะมาที่โรงแรมแล้วหลงทางเลยโทรถามทางผมว่าอยู่ที่ไหน แล้วก็โดนตำรวจจับ เขาก็ไปจ่ายค่าปรับที่โรงพักถูกต้องตามกฎหมายเท่านั้นเอง แล้ววันนั้นมีพี่นักข่าวอยู่โรงพักพอดี”
“แอนเขาคงเห็นนักข่าวแอบถ่ายเขาอยู่มั้ง เขาเลยเดินเข้าไปถามว่าถ่ายอะไรคะ เขาคงหงุดหงิดที่โดนจับมากกว่า ไม่ได้หงุดหงิดที่ถูกถ่าย แต่เขาไม่ได้บ่นอะไร แต่ข่าวไวมากนะไม่ถึง 10 นาทีเองคนรู้กันหมดเลยทั้งประเทศเลยครับ เพราะ sms ทั่วเลยครับ คุณพ่อคุณแม่ผมก็หน้าตาตื่นโทรมาว่าเป็นไงบ้าง ผมบอกไม่มีอะไรครับ จริงๆ ผมว่าก็ต้องเห็นใจแอนบ้างครับ คนเราบางทีมีอารมณ์ส่วนตัวนิดหน่อย แต่ผมว่าคุณแอนก็เป็นผู้ใหญ่พอ ถ้าพี่นักข่าวขอถ่ายดีๆ ก็โอเค แต่เขาเหมือนถูกแอบถ่าย ก็จริงๆ น่าจะเข้าใจซึ่งกันและกัน ทำงานตรงนี้มันก็รู้กันอยู่ครับ"
“ตอนนี้เขาก็คงโอเคแล้วครับ หลังเกิดเหตุการณ์ผมเลยซื้อหูฟังให้เลยครับ ก็รู้สึกผิดเหมือนกันครับเพราะเขาโดนจับเพราะคุยโทรศัพท์กับผม แต่จริงๆ เราก็ไม่ได้ถือเป็นเรื่องใหญ่อะไรเท่าไหร่ เราก็แค่เตือนๆ ว่าถ้าขับรถอยู่ก็ไม่ต้องโทรมาก็แล้วกัน"
