xs
xsm
sm
md
lg

"ป๋อ" คิดหนักต่อสัญญา 7 สี โต้ถูกวิก 3 ซื้อตัว 12 ล้าน รับเสียใจถูกตราหน้าเนรคุณ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


"ป๋อ" โผล่คอนเฟิร์มยังภักดี 7 สีจนกว่าสัญญาจะหมด ปัดถูกช่อง 3 ทาบพร้อมทุ่มเงิน 12 ล้านซื้อตัว รับอยู่ในช่วงคิดหนักจะต่อสัญญา 7 สีหรือไม่ เผยเข้าไปคุยอย่างตรงไปตรงมากับเจ้าแม่ 7 สีแล้ว ถูกแนะให้ใช้เวลา 3 เดือนที่เหลือคิดให้ดี วอนแฟนๆให้โอกาสและเปิดใจรับการตัดสินใจของตน รับเสียใจถูกตราหน้าเป็นคนเนรคุณ ป้อง "เอ๋" ไม่ได้ย้ายช่องตาม ส่วนงานวิวาห์ให้ลุ้นกันต่อปีหน้า



ยังคงเป็นประเด็นทอล์ค ออฟ เดอะทาวน์ที่หลายคนกำลังรอคำตอบเฉลยอยู่ว่า แท้จริงแล้วพระเอกผิวเข้ม "ป๋อ ณัฐวุฒิ สกิดใจ" จะตีปีกหนีจากช่อง 7 ไปซบอกช่อง 3 ตามที่มีกระแสข่าวลือออกมาหรือไม่ ซึ่งที่ผ่านมามีหลายกระแสเสียงคอนเฟิร์มว่า เจ้าตัวไปแน่นอน เพราะถูกวิกพระราม 4 ทุ่มเงินซื้อตัว 12 ล้านบาท พร้อมเตรียมละครไว้รอท่าเรียบร้อยแล้ว หลังจากปล่อยให้ข่าวเมาท์ลือกันไปสามวาสองศอก ในที่สุด "ป๋อ ณัฐวุฒิ" ก็ยอมออกมาเปิดใจถึงประเด็นนี้เป็นครั้งแรก โดยเจ้าตัวยันว่ายังไม่ย้ายออกจาก 7 สีเนื่องจากสัญญายังไม่หมด ส่วนหลังจากนั้นจะเป็นเช่นไร ตนขอเวลาคิดตัดสินใจให้ดีก่อน

"(หัวเราะ) ยังไม่ย้าย ยังอยู่ช่อง 7 ในส่วนของสัญญาได้พูดคุยกับผู้ใหญ่แล้ว จริงๆต้องบอกไว้ก่อนก็คือ สัญญาที่มีอยู่มันถึงกลางปีกว่าจะหมด อาจจะเป็นเพราะไม่ได้ออกมาพูดด้วย หลายๆคนเลยตีความกันไปต่างๆนานา ตอนนี้ก็ได้เข้าไปคุยกับคุณแดงแล้วเรียบร้อย อยากจะบอกว่าผลการพูดคุยก็เป็นไปในทางที่ดีมากๆ โดยส่วนตัวผมพอใจมากครับ ผมได้พูดกับคุณแดงทุกเรื่อง คือต้องเรียนตามตรงว่า พอสัญญาจะหมดมันต้องมีการพูดคุยกันเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว เราก็พูดคุยถึงข้อดีและข้อเสียของการต่อสัญญา และไม่ต่อสัญญา ในหลายๆสิ่งหลายๆอย่าง ซึ่งต้องบอกว่าทางผู้ใหญ่ของช่อง 7 โดยเฉพาะคุณแดงเมตตาต่อผมมาก คือให้เวลากับผมในการที่จะคิด"

"วิธีการที่เข้าไปพูดคุย เรายังไม่ต้องการคำตอบ ไม่ได้หมายความว่าสิ่งที่พูดไปในวันนี้ แล้วมันจะฟันได้ทุกอย่างเลยว่า จะต้องเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ แต่ผมกำลังจะบอกว่ามันคงยังต้องใช้เวลา มันยังอีกตั้งหลายเดือน เพราะฉะนั้นผมคงต้องบอกทุกคน ให้ต้องฝากติดตามกันไปก่อน ถ้าให้พูดตอนนี้คือยังไม่ได้ตัดสินใจอะไร"

ยันยังไม่ได้รับการทาบทามจากช่อง 3 หรือมีการทุ่มเงิน 12 ล้านมาซื้อตัว งงไม่รู้เรื่องวิกพระราม 4 เตรียมละครให้เล่นคู่ "ป๊อก ปิยธิดา วรมุสิก" แล้ว หรือมีการยื่นข้อเสนอให้เป็นผู้จัดแทนนักแสดง

"ถามว่าทางช่อง 3 มีมาจีบทาบทามมั้ย ยังไม่มีครับ ถามว่ามันเป็นประเด็นที่ทุกคนอยากรู้มั้ย ผมก็ว่ามันเป็นประเด็นที่ทุกคนอยากรู้มาก ผมจะไปไหนต่อก็เป็นที่ทุกคนอยากรู้ แต่ตอบตรงนี้เลยว่ายังไม่มีติดต่อเข้ามา ที่เมาท์กันว่าผมแอบไปคุยกับช่อง 3 แล้วก็ไม่จริง ผมยืนยันได้ ถ้าใครมีภาพเอาภาพจากวงจรปิดของทางช่อง 3 มาเช็คได้เลย ผมไม่เคยเข้าไปเหยียบเลย เนื่องจากว่ามันไม่ใช่วิสัยที่จะต้องทำอย่างนั้นอยู่แล้ว"

"ที่มีข่าวว่าเขาจะซื้อตัวผม 12 ล้านบาท ถ้า 12 ล้านเป็นเรื่องจริงก็เป็นอะไรที่เยอะมาก แต่มันไม่เป็นความจริงผมขอยืนยันตรงนี้ ผมว่าตัวเลขมันสูงมากนะ มันยิ่งกว่าโฆษณาซะอีก 12 ล้านคือ 5 ปีตกปีละ 2 ล้าน เรื่องนี้ก็ไม่ใช่อีกเหมือนกัน เอาเป็นว่ายังไม่มีข้อมูลจากทางช่อง 3 ติดต่อเข้ามา และทางคุณสมรักษ์ก็ยังไม่ได้โทรมาหา ถ้าจะโทรคงจะต้องโทรหาพี่เอ (ศุภชัย ศรีวิจิตร) เพราะพี่เอเป็นผู้จัดการของผม เพราะฉะนั้นพี่สมรักษ์คงไม่ติดต่อทางผมอยู่แล้ว ผมเชื่อว่าผู้จัดหรือใครทุกคนก็รู้ แต่ผมยินดีอยู่อย่างหนึ่ง ผมขอบคุณมากๆ ที่หนังสือหลายเล่มเขียนว่า ผมเป็นนักแสดงที่มีฝีมือ มีคุณภาพ ผมก็ขอบคุณน้อมรับ ก็อย่างที่บอกเพิ่งรู้เหมือนกันว่ามีคนสนใจเราเยอะเหมือนกัน"

"ส่วนที่ว่าพ่อผมป่วยต้องการใช้เงินเยอะ พอดีถูกช่อง 3 เสนอตัวเลขมา คือจะบอกว่าพ่อผมเป็นข้าราชการ ฉะนั้นสามารถเบิกได้หมด ไม่ได้ต้องการเงินเลย แล้วทุกบาททุกสตางค์ที่ไป เขาเรียกว่าสายตรง ถ้าคนเป็นข้าราชการจะทราบกันดี คือไม่ต้องจ่ายสามารถเบิกได้หมด พ่อไม่ได้ต้องการใช้เงินอะไรขนาดนั้น อีกอย่างคือพ่อป่วยถามว่าถ้าเราไม่มีเงิน เราต้องการเงินแบบนั้นมั้ย...ใช่ แต่อันนี้มันไม่ได้จำเป็น เพราะพ่อก็ไม่ได้ต้องการ พ่อเบิกได้อยู่แล้ว เงินทุกบาททุกสตางค์ที่ใช้ในการรักษาพ่อเยอะมั้ย...เยอะ แต่เบิกได้หมด ขอบคุณรัฐบาลมากๆ"

"ช่อง 3 เตรียมละครให้ผมเล่นกับป๊อก (หัวเราะ) เรียนตามตรงไม่ทราบจริงๆ อันนี้ต้องไปถามกับทางฝั่งโน้น ตอนนี้อย่าเอาผมไปโยงกับทางช่อง 3 มากเลย ถามได้ก็จะตอบ แต่กำลังจะบอกว่าผมเองก็เกรงใจทั้งสองสถานี เพราะมันไม่ใช่เรื่องของผู้ใหญ่ มันเป็นเรื่องของตัวผมเองมากกว่า ผมไม่อยากให้สังคมมองไปเรื่องของผู้ใหญ่ เพราะท่านทั้งสองก็น่ารักทั้งคู่ แล้วมันไม่ใช่เรื่องของการแข่งขัน ไม่ใช่เรื่องของการดูดอะไรทั้งสิ้น ต้องบอกตรงๆเลยว่า ถ้าจะทำอะไรเราจะตัดสินใจได้ด้วยตัวเอง แต่มันย่อมไม่ได้เอาเหตุผลส่วนตัว ผมทำงานที่นี่มา 10 กว่าปี ผมย่อมที่จะมีเหตุและผลในการตัดสินใจอยู่แล้ว"

"เรื่องถูกเสนอให้เป็นผู้จัดช่อง 3 ผมว่าดาราทุกคนอยากเป็นผู้จัดหมดนะ วันหนึ่งพอคุณเป็นนักแสดง คุณก็อยากเป็นผู้จัด เป็นผู้กำกับ คือความอยากของทุกคนมี เพียงแต่ว่าเราจะจัดวางมันไว้ตรงไหนมากกว่า อย่างผมถามว่าอยากเป็นผู้จัดหรือผู้กำกับมั้ย อยากเป็นหมดเลย แต่ด้วยโอกาสและอะไรต่างๆ ต้องพิจารณากันไปเป็นระยะๆไป ซึ่งตอนนี้ถ้าพูดยืนยัน ผมยังเป็นนักแสดงของทางช่อง 7 สี และเพื่อเป็นการให้เกียรติกับทางสถานีช่อง 7 สี และทางช่อง 3 ด้วย ผมมองว่าเป็นสถานีที่ให้ความสุขกับประชาชนทั้งสองช่อง ฉะนั้นเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ว่าเป็นเรื่องของทางสถานี คนมามองอย่างนี้ผมว่ามันไม่ดี ผมว่ามันเป็นเรื่องส่วนตัว มันเป็นเรื่องของผม ผมอยากจะเคลียร์กันให้เข้าใจเลยนะว่า ตอนนี้ผมอยู่ในช่วงตัดสินใจ และคงต้องใช้เวลา"

เมื่อซักถามต่อว่า ใช้คำว่าตัดสินใจ แสดงว่ามีสิทธิ์ที่จะย้ายหรือไม่ย้ายไปช่อง 3 พระเอกผิวเข้มก็ยอมรับอย่างตรงไปตรงมาว่า

"ก็คิดอยู่ทั้งสองทาง บอกตรงๆไม่โกหกเลย คนเราเวลาจะต่อสัญญาหรือไม่ต่อสัญญา ย่อมมีโอกาสทั้งสองอย่าง เราต้องคิดแม้กระทั่งว่าถ้าเราต่อจะทำยังไงต่อไป หรือถ้าเราไม่ต่อแล้วเราจะทำยังไงต่อไป วันหนึ่งผมอาจจะไม่มีงานทำก็ได้ แล้วผมจะทำยังไงล่ะถูกมั้ย ผมก็ต้องคิดไปทุกอย่าง แล้วมันก็มีเหตุผลหลายประการอย่างเช่นว่า เวลาทำงานขอใช้คำแทนตัวเองว่า เราเป็นนักแสดง เราก็อยากได้รับงานที่มันหลากหลายมากขึ้น ไม่ใช่เรื่องของการย้ายไปอยู่ที่อื่นหรือที่ไหน แต่มันเป็นเรื่องของบางทีที่เราไม่ต่อสัญญา สามารถทำให้เราเปิดกว้างในการรับงานมากขึ้นหรือเปล่า มันก็ย่อมคิดไปในมุมนั้นได้ด้วย"

"ก็ต้องมาลุ้นกันอีกที ผมพูดตรงๆว่าจะย้ายหรือไม่ย้าย มันไม่ใช่ประเด็น ประเด็นมันอยู่ที่ว่าผมเข้าไปคุย ไปกราบเรียนคุณแดงตรงๆว่า เราจะต่อสัญญาหรือไม่ต่อสัญญามากกว่ากับทางช่อง 7 มันมีเหตุผลหลายประการ ถ้าจะเอาเข้าจริงๆ มันต้องย้อนไปว่าเราก็ทำงานที่นี่มาตั้ง 10 ปีคือเราก็มีเหตุผลในการทำงานที่นี่ ผมก็เรียนคุณแดงตรงๆว่า เราก็มานะเพียรพยายามที่จะทำงานออกมาให้ดีที่สุด ซึ่งผมเชื่อว่างานทุกชิ้น ผมทำออกมาด้วยความตั้งใจอย่างดีที่สุด แล้วก็ไม่เคยทำให้ช่อง 7 เสื่อมเสียเลย"

ปัดเจ้าแม่ 7 สี "แดง สุรางค์ เปรมปรีดิ์" โมโหข่าวย้ายช่อง ถึงขนาดปาของและเรียกเข้าไปคุยส่วนตัวถึง 3-4 รอบ

"คือคุณแดงเรียกผมเข้าไปคุยจริงๆ แต่ไม่ได้โกรธ ถ้าคนที่อยู่หน้าห้องจะทราบดี เพราะมีแต่เสียงหัวเราะแลบออกมาตลอด แกอารมณ์ดีมาก จนผมก็ตกใจว่าเอ๊ะยังไง คือผมกับคุณแดงจะล้อเล่นกันประจำ บางทีก็ชอบคุยกันไปเรื่อยเปื่อย คุณแดงท่านก็เหมือนแม่ เวลาเราจะพูดกับแม่อย่างตรงไปตรงมาว่า เราต้องการแบบนี้ย่อมที่จะยาก แต่เราก็มีความจำเป็นที่จะต้องพูดไปตรงๆว่า ต้องขออนุญาตคิดจริงๆว่าจะต่อหรือไม่ต่อ ขอพูดตรงๆแล้วคุณแดงท่านก็ฟัง และให้เวลากับผมมาไตร่ตรอง 3 เดือนที่เหลือนี้ ท่านก็ให้ผมไปไตร่ตรองว่าจะเอายังไง ตอนนี้ก็ทำ จันทร์พันดาว ไปก่อน"

"คุณแดงไม่ได้ยื่นข้อเสนออะไรมาเลย พูดแค่เรื่องจะต่อหรือไม่ต่อสัญญาเฉยๆ ผมก็ไม่รู้ว่ายังไง แต่ก็ไม่แน่ถ้าต่อมันอาจจะเป็นสัญญาเดิม หรือสัญญาใหม่ก็ย่อมเป็นไปได้ อันนี้มันจะถูกพิจารณาหลังจากที่สัญญามันใกล้จะหมดจริงๆ ทางช่องจะเรียกเข้าไปคุยอีกรอบหนึ่ง ซึ่งข่าวที่ออกมาคุณแดงก็บอกว่า ป๋อ...เธอรีบมาบอกนักข่าวเถอะ (หัวเราะ) เธอต้องรีบมาพูดคุย คุณแดงท่านก็เมตตาผม ในเชิงให้มาพูดคุยชี้แจงเอง ผมก็ไม่อยากรบกวนคุณแดงโดยให้นักข่าวไปตาม เราก็เกรงใจท่านเหมือนกันในลักษณะนั้น แต่การพูดคุยก็เป็นไปในทางที่ดีมากๆจริงๆ คุยกันหัวเราะตลอดเวลา"

"ผมไม่ได้คุยกับคุณแดงเรื่องอยากเป็นผู้จัดเลย เราพูดคุยกันตรงๆ เรื่องของการต่อสัญญาหรือไม่ต่อสัญญา และก็พูดในเรื่องของการทำงานอิสระ ข้อดีข้อเสียต่างๆ คือคุณแดงเป็นห่วงแม้กระทั่งว่าผมเจ็บป่วยอะไร ก็มาหาคุณแดงได้ตลอด คือผมอยู่กับคุณแดงมาตลอด คุณแดงรู้ดีว่าผมเป็นยังไง ผมเชื่อว่าพี่ๆน้องๆนักข่าวก็ทราบดีว่าผมเป็นยังไง แต่กระแสในอินเทอร์เน็ตก็มีเยอะ ผมก็ได้เข้าไปอ่านดูเหมือนกัน แต่ความจริงผมก็ไม่ได้อยากเป็นผู้จัดหรอก เพราะมันต้องใช้เงินเยอะ และผมก็ไม่ได้อยากเป็นผู้กำกับ เพราะผู้กำกับจะแก่เร็ว ผมก็เลยคิดว่าขอเป็นพระเอกก่อนได้มั้ย"

"เรื่องสัญญาเรามีการพูดคุยกันมานานแล้ว จริงๆจะบอกว่ามันเป็นเรื่องที่บังเอิญมากกว่า (หัวเราะ) มันช่างบังเอิญตรงที่มาประจวบเหมาะ ซึ่งมันเป็นไปได้ที่คนจะคิด อย่างตอนนี้ก็มีข่าวของกบ (สุวนันท์ คงยิ่ง) เพราะกบเพิ่งแต่งงานด้วย แล้วกบเองก็อยากจะมีเวลาไปดูแลครอบครัว กอปรกับรายการ จันทร์พันดาว ก็เลื่อนเวลาด้วย เราทำงานต้องใช้เวลากันมากขึ้น ต้องถ่ายเอ้าท์ดอร์กันมากขึ้น บางทีเราทำงานถ่ายละครมันไม่มีเวลาไปเอ้าท์ดอร์ ก็ค่อนข้างที่จะเป็นอุปสรรคอยู่เหมือนกัน"

"ล่าสุดเห็นว่ารายการใหม่ของเจเอสแอลจะไม่มีผม มีแต่กบ อันนี้คงต้องแล้วแต่ทางเจเอสแอลเหมือนกัน คือผมก็พูดตรงๆว่าอันนี้ต้องไปถามทางเจเอสแอลอีกที เพราะทางต้นสังกัดจะเป็นคนพิจารณาในส่วนของรายการอยู่แล้วว่ าถ้าสมมติทางรายการ จันทร์พันดาว ไม่ทำ ก็ต้องเสนอผู้ใหญ่ว่าใครจะทำต่อ ซึ่งอันนี้ผมไม่ทราบ อันนี้ต้องถามทางผู้ใหญ่"

เมื่อถามต่อว่าเป็นเพราะปัจจุบันกระแสทางช่องนิยมคู่พระ-นางวัยรุ่นมากกว่าหรือไม่ เลยมีส่วนทำให้ลังเลต่อสัญญา

"อันนั้นไม่ใช่ประเด็น ผมไม่ได้มองตรงนั้นเลย ผมมองว่าที่เราอยู่กันทุกวันนี้ เราอยู่กันยิ่งกว่าครอบครัวอีก แต่คราวนี้ต้องเรียนตามตรงว่า เราเข้ามาทำงานตอนอายุ 25 ไม่ใช่เด็กๆแล้ว ไม่ใช่เด็กที่ประกวดเข้ามา เพราะฉะนั้นผมเข้ามาทำงานเป็นมืออาชีพอยู่แล้ว นึกออกมั้ยผมต้องไปออกจากที่อื่น เพื่อมาทำงานกับช่อง 7 เหมือนกัน อันนี้อยากให้ทุกคนเปิดใจกับเราด้วยว่า อย่าเพิ่งตกอกตกใจกับเรื่องทั้งหมด คือผมเองก็ทำงานเป็นมืออาชีพเหมือนกัน พอผมออกจากงานที่เก่ามาทำงานช่อง 7 10 ปีที่ผ่านมาผมก็ทุ่มเทเต็มที่ ผมเชื่อว่าหนทางพิสูจน์ม้า กาลเวลาพิสูจน์คน เชื่อว่าผมพิสูจน์ตัวเองได้พอสมควรในระดับหนึ่ง"

"แนวโน้มที่จะแยกตัวออกมาเป็นนักแสดงอิสระ คือถ้าไม่ต่อสัญญาก็ต้องอิสระ มันต้องเป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว ด้วยความที่เราทำที่นี่มา 10 ปี ผมจะบอกให้นะครับว่านี่เป็นการตัดสินใจครั้งสำคัญที่สุด ในชีวิตผมเลยก็ว่าได้ เพราะผมได้รับความรักความประทับใจมามากจากช่อง 7 สี อย่างที่บอกถามว่ายากมั้ย...ยาก และที่มีคนติดต่อเข้ามา ผมไม่ได้คุยกับใครก็ต้องขอโทษตรงนี้ เพราะอยู่ในช่วงกำลังคิดจริงๆ กำลังอยู่ในช่วงรวบรวมความคิดและพูดทีเดียว จะได้ไม่เกิดการสื่อสารและเข้าใจผิด"

"การตัดสินใจครั้งนี้แน่นอนต้องมีคำว่ากตัญญูเข้ามาด้วย แต่อย่างที่บอกว่าถ้าไม่ได้เป็นอย่างที่ทุกคนคิด ก็อย่ามองผมว่าเป็นคนเนรคุณ ถ้าเกิด 10 ปีที่ผ่านมาผมทำดี ช่วยมองว่าผมกตัญญูหน่อยได้มั้ยครับ เพราะฉะนั้นมันก็เหมือนกัน ถ้าผมไม่ได้ทำอย่างนั้น กลับมองว่าผมเนรคุณมันดูใจร้ายกับผมไปหน่อย อยากให้แฟนๆทุกท่านเข้าใจว่า กรณีนี้มันอาจจะเป็นกรณีศึกษา เราไม่ได้ตั้งใจที่จะให้มันเกิดขึ้น แต่อายุของสัญญามันหมดจริงๆ มันมีโอกาสที่ทางช่องจะไม่ต่อสัญญากับผมก็เป็นได้ สัญญามันเกิดจากคนสองกลุ่ม ตกลงคุยกันแล้วเซ็นสัญญา มีระยะเวลา"

"บางทีผมอาจจะอยากต่อกับช่อง แต่ทางช่องอาจจะไม่อยากต่อกับผมก็ได้ ผมอาจจะต้องไปคุยกับทางช่องเองก็ได้ว่า ทำไมไม่ต่อสัญญากับผม มันก็เป็นไปได้เหมือนกัน แล้วจะบอกว่าในการคุยครั้งนั้น มันมีเนื้อหาแต่อย่าเอาไปปนในส่วนของเนรคุณ ผมมองว่ามันดูใจร้ายจังเลย ผมว่าบ้านเรามันระหองระแหงกันอยู่ ไม่ว่าจะเป็นสถานการณ์ทางการเมือง สถานการณ์อะไรต่างๆที่เกิดขึ้น เราต้องอยู่ด้วยการให้โอกาส ฟังความคิดเห็นของคนอื่นก่อน ฟังความคิดเห็นของผมก่อนว่า ผมคิดอย่างนี้ ต้องเข้าใจผมด้วย ไม่ใช่ว่าผมไม่อยากทำในสิ่งที่คุณต้องการ แต่บางครั้งมันคือชีวิตของผม ผมจะต้องเป็นคนเลือกเองถูกมั้ย ผมต้องเป็นคนที่ตัดสินใจ เพราะฉะนั้นอย่ามองว่าถ้าผมไม่ต่อ แล้วจะมาต่อว่าทำไมยังให้โอกาส ผมขอร้องให้ใจเย็นๆ"

ถามถึงความรู้สึกที่ถูกตราหน้าว่าเป็นคนเนรคุณไปแล้ว เจ้าตัวยอมรับว่าเสียใจ วอนแฟนๆให้เปิดใจรับฟังเหตุผลของตนบ้าง

"ที่หลายคนตั้งฉายาผมว่าเป็นพี่เน (เนรคุณ) หรือน้องเน ถามว่าผมเสียใจมั้ย...เสียใจนะ ผมทำงานมา 10 ปีมันนานนะ แล้วผมเป็นคนที่กตัญญูอยู่แล้ว ถึงบอกไงครับว่า เวลาที่จะพิจารณาอะไร ก็ให้เปิดใจให้เราด้วย ถ้าพิจารณากันง่ายๆ ผมเข้ามาตอนอายุ 25 ผมต้องออกจากที่อื่นมาทำงานที่นี่แน่ๆ เพราะฉะนั้นทุกคนที่เปลี่ยนสถานที่ทำงาน ต้องเป็นคนเนรคุณหมดทุกคนเลยเหรอ มันไม่ใช่นะครับ ผมรู้สึกแย่มากๆ เพราะอย่าลืมนะว่าพวกเรามาสร้างความสุข คือที่พูดไม่ได้บอกว่าผมเป็นคนดีที่สุดนะ แต่อย่ามองว่าดาราทุกคนจะต้องเป็นเหมือนกัน หรือทุกคนเป็นคนเลวหมดมันไม่ใช่ เราอยู่ในโลกของความรักกัน เราต้องเห็นใจกันหน่อย"

"สมมติผมบอกไม่ต่อสัญญา หมายความว่าเราจะต้องเป็นคนเลวเลยเหรอ ต้องเปิดใจให้ผมด้วยว่า ผมก็เป็นคนคนหนึ่งเท่านั้นเอง ที่เดินไปข้างหน้ากับชีวิต เพราะฉะนั้นถามว่ามันต้องตัดสินใจมั้ย มันต้องตัดสินใจ เราไม่ใช่เด็กที่จะทำอะไรโดยที่ไม่ได้คิดอะไร ไม่ใช่คนที่จะไม่คิดหน้าคิดหลัง เราอายุขนาดนี้ เราทำงานอยู่ในวงการมานานขนาดนี้ ทำไมเราต้องคิดขนาดนี้ล่ะ เพราะว่าเราไม่ใช่คนโง่ เราเป็นคนที่คิดและไตร่ตรอง เพราะฉะนั้นมันตัดสินใจในวันเดียวไม่ได้ บางทีมันต้องใช้เวลาในการคิดหน่อย"

"ในช่วงเวลา 3-4 เดือนที่เหลือ ถามว่าผมถูกช่อง 7 แขวนไม่รับงานเลยหรือเปล่า (หัวเราะ) ใช้คำว่าถูกแขวนเลยเหรอ อันนี้ต้องถามคุณแดงแล้วล่ะ แต่คุณแดงบอกว่าเหมือนให้ผมเอาเวลาไปคิดก่อน ผมคิดว่าคงเป็นช่วงเวลาของการให้โอกาสในการตัดสินใจ ต้องเรียนตรงๆว่าคุณแดงท่านเมตตากับผมนะ ตั้งแต่วันแรกที่ผมก้าวเข้ามาจนถึงวันที่ผมเข้าไปคุย ซึ่งเป็นวันที่สำคัญที่สุดในชีวิตของผม ที่ผมจะเข้าไปเรียนกับคุณแดงตรงๆ แล้วผมก็พูดกับคุณแดงอย่างตรงไปตรงมาที่สุด ซึ่งคุณแดงก็บอกมาว่า ดีแล้วที่พูดกับท่านตรงๆอย่างนี้ มันชัดเจน คือช่อง 7จะได้ทำงานต่อได้ ผมก็ไม่อยากไปเป็นตัวถ่วง เล่นละครเรื่อง ลุย ไป 3 เดือนแล้วสัญญาหมด แล้วจะยังไงต่อ ต้องพูดกันตามตรงว่าคงต้องให้เวลาในการตัดสินใจว่า จะเอายังไงต่อ ซึ่งเวลาที่เหลือต่อจากนี้ผมกะจะเอาไปพักผ่อน นี่ก็เพิ่งกลับมาจากไปพักผ่อนที่เชียงรายมา เพราะต้องการหยุดคิดอะไรอยู่นิ่งๆ บอกตรงๆเลยว่าตัวผมเองก็ไม่รู้จะตอบคำถามยังไงเหมือนกัน"
 
ให้คำมั่นหากตัดสินใจได้เมื่อไหร่ จะออกมาป่าวประกาศบอกทุกคนแน่นอน

"แต่ถ้าหมดสัญญาวันไหน จะต่อหรือไม่ต่อสัญญาผมจะออกมาพูดแน่นอน เพราะเรามีการไปลามาไหว้ เราไม่ใช่คนลักษณะที่จะไปไม่ลามาไม่ไหว้ใคร พูดตรงๆว่าตอนนี้มันก็ชัดเจนกันมาพอสมควรแล้ว แต่สิ่งที่ผมอยากจะพูด ต้องให้โอกาสผมด้วย ด้วยความเคารพเลยนะครับต้องบอกแฟนๆ บอกทุกคนที่คอมเม้นท์ มีจดหมายเข้ามาต่อว่าต่อขานถึงที่บ้าน บอกว่าทำไมถึงเป็นคนอย่างนั้นอย่างนี้ กะลาหัวคุณอะไรก็ไม่รู้ไปกันใหญ่ ผมรู้สึกว่าก็อาจจะเป็นไปได้ที่เขาจะโกรธ หรืออาจจะเป็นไปได้ที่เขาอาจจะไม่พอใจ แต่ถ้าฟังผมก็อยากให้ทุกคนตระหนักไว้เยอะๆว่า ทุกสิ่งทุกอย่างคงต้องดำเนินไป มันต้องมีช่วงเวลาของแต่ละคน ที่จะต้องตัดสินใจอยู่แล้ว"

"มันไม่ได้หมายความว่าคนทุกคน จะต้องทำงานอยู่ที่เดิม โดยที่ไม่ต้องทำงานที่ไหนเลย มันน้อยมากครับ ผมเชื่อว่านักข่าวก็ต้องมีการย้ายสำนัก มันย่อมเป็นเรื่องธรรมดา อย่างที่บอกผมทำงานในฐานะมืออาชีพ ให้โอกาสผมบ้าง และเห็นใจผมด้วย ถ้าเกิดพิจารณาผมด้วยความรักจริงๆ ต้องเข้าใจว่าผมเดินทางมาขนาดนี้ ผมมอบความสุขให้กับทุกคนมาเกือบ 10 กว่าปี เพราะฉะนั้นขอโอกาสให้ผมตัดสินใจชีวิตของผม ด้วยตัวผมเองบ้างได้มั้ยครับ เพราะว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ผมรับรองเลยว่ามันจะต้องไม่ทำให้ทุกคนรู้สึกแย่ ผมแค่อยากให้ทุกคนรู้สึกว่า ผมก็พยายามเต็มที่แล้ว"

"แล้วจริงๆมันเป็นแค่เรื่องการต่อหรือไม่ต่อสัญญา แต่คนก็เอาไปผูกกันว่าจะย้ายหรือไม่ย้าย ก็อย่างที่ผมบอกแหละว่า ถ้าเดือนหน้าหรือ 2 เดือนหน้า ความคิดเห็นต้องมีอะไรเกิดขึ้น แต่ตอนนี้ขอเอาไปคิดก่อน แต่ทุกวันนี้ผมเองก็ขอยืนยันว่า จริงๆผมก็ยังเป็นนักแสดงของทางช่อง 7 สีอย่างเต็มตัวด้วยความภาคภูมิ ช่วงที่ผมตัดสินใจอยู่ก็อย่าเพิ่งรำคาญกันนะครับ เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องที่สำคัญมากจริงๆ มันคงต้องใช้เวลาในเรื่องของการคิดว่า จะต่อหรือไม่ต่อ และขอยืนยันจากปากเลยว่า ไม่มีเรื่องคุณแดงโมโหปาของ ไม่มีเรื่องของการอารมณ์เสีย มีแต่เสียงหัวเราะและมีแต่ความเมตตา"

"ส่วนเรื่องเงินยอมรับว่าเป็นปัจจัยสำคัญ แต่เงินไม่ใช่ที่สุดเข้าใจกันใช่มั้ยครับ ถามว่าผมไม่สนใจเรื่องเงินเลยเหรอ ขอร้องอย่าได้เชื่อผมเลย คือทุกคนทำงานย่อมที่จะมีเหตุผล เงินเป็นสิ่งสำคัญ แต่มันไม่ใช่สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับผมเท่านั้นเอง เพียงแต่ว่าตรงนี้เราไม่ได้พูดถึงเรื่องของเงินกันแล้วล่ะ เพราะตอนนี้ผมก็พอมีพอกินแล้ว อันนี้เรามาพูดกันถึงเรื่องความน่าจะเป็นมากกว่า พูดเรื่องงานมากกว่าว่า เราอยู่ต่อไปจะทำอะไร จะเซ็นสัญญาอย่างไร และเราจะอยู่แบบไหน มันย่อมที่จะมีเรื่องที่เราต้องมานั่งพูดคุยกันในเรื่องรายละเอียดมาก ซึ่งผมเชื่อว่าทางช่องฟังในสิ่งที่ผมพูดแล้ว และผมเชื่อว่าก็คงต้องมีสิ่งที่ต้องคุยกันอีก ทางช่องก็ต้องมีข้อเสนอกลับมา ซึ่งประมาณสิ้นเดือนเมษายน หรือสิ้นพฤษภาคมไม่แน่ใจ เดี๋ยวจะบอกอีกทีว่าจะเป็นยังไงต่อ"

เมื่อถามความคิดเห็นว่า เป็นเพราะตัวเองเป็นพระเอกเบอร์หนึ่งของช่องหรือไม่ เลยทำให้ข่าวย้ายช่องเป็นเรื่องใหญ่และฮือฮา พระเอกผิวเข้มตอบอย่างถ่อมตนว่า ทางช่องมีเบอร์หนึ่งหลายคน ตนแค่อยู่มานานกว่าคนอื่นเท่านั้น เผยยังรักอาชีพนักแสดง ประกาศจะยืนหยัดเล่นบทพระเอกไปเรื่อยๆ จนกว่าจะอายุ 50

"ตอนนี้ทางสถานีเองก็มีเบอร์หนึ่งหลายคนแล้ว ผมว่าตัวเองก็ไม่ใช่เบอร์หนึ่งอะไรขนาดนั้น เพียงแต่อยู่มานานมากกว่า แล้วก็เกิดฐานของความรักที่มันเกิดขึ้นมา ซึ่งคนพวกนั้นก็รักเราจริงๆ แต่ก็ต้องบอกแหละครับว่า ถ้ารักผมจริงๆ ก็ต้องฟังผมพูดด้วย ต้องฟังในสิ่งที่ผมต้องการอธิบายด้วยว่า มันก็เป็นชีวิตของผม ขอให้ผมได้เลือกชีวิตของตัวผมเองบ้างเถอะ"

"จริงๆผมอยากเป็นนักแสดงต่อไป ผมชอบลักษณะวิธีการของคลิ้นท์ อีสต์วู้ด คือวันหนึ่งดาราแต่ละท่านจะต้องพัฒนาตัวเองไปถึงตรงนั้นให้ได้ ผมเชื่อว่าวันหนึ่งก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่เหมือนกัน เมืองไทยต้องเป็นอย่างนั้น เป็นอย่าง โรเบิร์ต เรดฟอร์ด คลิ้นท์ อีสต์วู้ด หรือดาราคนไหนที่เก่งๆก็ตาม ที่สามารถเล่นละครเล่นหนังได้โดยที่ไม่ต้องจำเป็นว่า คุณจะต้องเอาพระเอกอายุ 15 หรือ 19 มาเล่นละครเล่นหนังตลอด มันสามารถมีละครที่เอาคนอายุ 30-40 มาเป็นพระเอกได้ ผมว่าวันหนึ่งจิตใจของเราจะยอมรับได้ อย่างคนอเมริกาตอนนี้ก็ยอมรับได้ ไม่ใช่ว่าเรามาสรรเสริญเขา เพียงแต่เรายังติดภาพของพระเอกนางเอกอายุ 17-18 แต่ก็ต้องเข้าใจว่าคนเรามันก็ต้องมีวันแก่ คนมันก็ต้องมีอายุไปข้างหน้าต่อไป เพราะฉะนั้นผมจะพยายามอยู่วงการนี้ให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้"

"ผมจะพยายามเป็นพระเอกต่อไปอย่างถึงที่สุด ผมตั้งใจจะเล่นเป็นพระเอกยันแก่เลย ถ้ามีคนจ้างอายุ 50 ผมก็ยังจะเป็นพระเอก ส่วนบทอื่นก็เล่นได้ แต่หมายความว่ามาถึงตอนนี้งานมันอิสระ มันก็ย่อมต้องมีโอกาสที่จะได้คุยงานอะไรที่หลากหลายขึ้นเท่านั้นเอง แต่ถ้าบทอื่นที่เข้ามา มันมีความสำคัญแล้วเราเห็นว่ามันโอเคสนุก ก็ไม่จำเป็นต้องยึดติดกับบทพระเอก ถ้าคนคนหนึ่งบอกว่าผมไม่ยึดติดเลย ผมว่าโกหก ผมยึดติดกับบทพระเอกและผมก็จะพยายามทำให้ได้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ ซึ่งเรื่องนี้ผมไม่ได้บอกให้คุณแดงฟัง มันเป็นสิ่งที่เราคิดอยู่ในใจ และในวันนี้ก็ได้บอกในสิ่งที่เราคิดอยู่ ผมจะไม่ยอมเป็นดาราที่วันหนึ่งก็หายไป ผมพยายามที่จะทำงานที่ดีๆออกมา และพยายามจะอยู่ในวงการนี้ให้ได้ แต่ต้องมีคุณธรรมด้วย ผมก็ได้เรียนเจตนารมณ์นี้กับคุณแดงเหมือนกัน ผมก็พูดกับท่านไปตรงๆ ครั้งนี้เป็นการพูดกับคุณแดงที่ตรงที่สุดเท่าที่คุยกันมา"

ถามถึงอีกกระแสข่าวที่อาจเป็นสาเหตุทำให้ไม่ต่อสัญญากับ 7 สี เพราะเข้าไปขอเจ้าแม่ 7 สีเรื่องจะสละโสดแต่งงานกับแฟนสาว "เอ๋ พรทิพย์ วงศ์กิจจานนท์" แต่ไม่ได้รับอนุญาต เพราะกลัวความนิยมตก เจ้าตัวรีบร้องปฏิเสธ

"คุณแดงเองยังถามด้วยซ้ำว่าจะแต่งเมื่อไหร่ คุณแดงท่านก็เชียร์อยู่ ท่านก็บอกว่าผู้หญิงรอนานแล้วนะ เดี๋ยวเขาจะหาว่าเธอล่อกแล่กหรือเปล่า คุณแดงยังถามอยู่เลย ผมก็เลยบอกว่ายังไม่พร้อมครับ มันก็ยากเหมือนกันนะ แต่ถามว่าผมอยากมั้ย ผมอยากแต่งงานมาตั้งนานแล้ว ผมมีความอยากส่วนตัวเลย แต่ว่าความอยากของเรา มันต้องขึ้นด้วยเหตุและผล ซึ่งมันก็ยังไปถึงตรงนั้นไม่ได้"

"แล้วตอนนี้ก็มีข่าวพาดพิงไปถึงเอ๋ด้วยว่า จะเตรียมย้ายช่องเหมือนกัน ซึ่งเรื่องนี้เอ๋เครียดมาก เรียกว่าตอนนี้เราเครียดปากห้อยกันเลยทีเดียว คืออย่าเอาไปรวมกันเลย น้องเอ๋ก็เข้าวงการมาด้วยตัวเขาเอง ส่วนงานของผมก็คืองานของผม งานเอ๋ก็คืองานเอ๋ เราคบกันมันก็เป็นเรื่องส่วนตัวอย่างเดียว เราไม่เอาเรื่องงานมาปนกันอยู่แล้ว ฉะนั้นในส่วนของเอ๋ ขอร้องอย่าดึงเอ๋เข้ามาโยง เดี๋ยวมันจะเป็นปัญหา ตัวเขาเองก็ต้องทำงานเลี้ยงพ่อแม่ เขาก็ไม่อยากต้องมานั่งเครียดหรือคิดมาก"

โต้ผู้ใหญ่ฝ่ายหญิงแอบดอดไปดูฤกษ์แต่งงานเรียบร้อยแล้ว ลั่นปีนี้ไม่มีงานวิวาห์แน่ พูดให้ลุ้นจับตาดูปี 54 ต่อไป

"ไม่ได้ดูจริงๆ เป็นปีหน้า (หัวเราะ) ไม่ใช่...ยังไม่ได้ดู คือเราไปวัดกันบ่อย อย่างพารากอนไม่ค่อยได้ไปหรอก ต้องพูดว่าไม่ค่อยได้ไปห้าง ถ้าจะไปถ่ายรูปตรงนั้นไม่มี ถ้าจะถ่ายวัดจะเจอเยอะ ผมกำลังจะบอกว่า สำหรับผมกับเอ๋มันอยู่แค่ว่าเมื่อไหร่วันไหนเท่านั้นเอง จริงๆเราก็บอกกับทางสังคมอยู่แล้วว่า เราก็คงไม่ได้เปลี่ยนใจกันไปไหน แต่ส่วนของเรื่องฤกษ์ยังไม่ได้หาจริงๆ แต่ก็คงจะเป็นแต่งกับเอ๋นะ คงไม่เป็นคนอื่นหรอก"

"ที่ผมเคยพูดไว้ว่าจะแต่งปีหน้าคือปี 2554 ขอโทษครับถ้าถามตอนนี้ก็ยังขอตอบว่าเป็นปีหน้าอยู่ ผมว่าตอนนี้ปีหน้าใกล้เคียงสุดแล้ว ไม่น่าเกินปี 54 และไม่ต้องให้หมอดูมาดู ผมดูเองเลย ที่บอกว่าแต่งปีนี้ไม่ใช่แน่นอน ฟันทิ้งกันไปได้เลย ส่วนสาเหตุที่เลื่อนไปปีหน้าเกี่ยวกับเอ๋ปีชงหรือเปล่า เออ...ฟังแล้วก็ท่าจะดีนะ แต่ผมไม่ได้มองถึงขนาดนั้น ผมมองเรื่องความพร้อมมากกว่า แต่อย่าเพิ่งสรุปสิว่าเป็นปี 54 ยังเอาตัวเลขกันไม่ได้ คือมันยังไม่ได้เป็นแพลน ยังไม่ได้เป็นสิ่งที่เราจะทำ หรือว่าจะต้องทำอะไรถึงขนาดนั้น ผมต้องถามเอ๋ด้วยว่าเขาจะโอเคหรือเปล่า"



รายงานสดจากพื้นที่ข่าว


เดินทางไปที่นี่
Latitude: 13.742023 Longitude: 100.54775



เกาะติดข่าวบันเทิงและร่วมวงเมาท์ดารากับ “ซ้อ7” ก่อนใคร ผ่าน SMS โทรศัพท์มือถือทุกเครือข่าย
ระบบ dtac - เข้าเมนู write Message พิมพ์ R แล้วส่งไปที่หมายเลข 1951540
ระบบ AIS - กด *468200311 แล้วโทร.ออก
ระบบ True Move และ Hutch - เข้าเมนู write Message พิมพ์ ENT แล้วส่งไปที่หมายเลข 4682000
*ค่าบริการเพียง 29 บาท ต่อเดือน ทดลองใช้ฟรี 15 วัน อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิก




กำลังโหลดความคิดเห็น