"ไก่ ทรงกลด" ยันไม่มีเจตนาโกงเงินใคร และไม่คิดหลบหนี ยินดีเคลียร์เงินคืนผู้ปกครองเด็ก และคืนเงินนายทุนสร้างหนังอีก 3 แสน ส่วนคู่กรณี "แม็กซ์" เจ้าตัวแฉกลับเป็นฝ่ายอยากสร้างหนังที่ลาว และเสนอตัวเป็นผู้กำกับเอง พยายามตามตัวเพื่อเคลียร์แต่อีกฝ่ายเงียบหาย เผยเคยโดนส่งข้อความขู่ คงต้องให้ตำรวจช่วยไกล่เกลี่ย ส่วนจะแจ้งความกลับหรือไม่ขอดูท่าทีอีกฝ่ายก่อน
เกี่ยวกับกรณีที่นักปั้น "ไก่ ทรงกลด" โดนผู้เสียหายจำนวน 7 รายรวมตัวกันเข้าแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้ที่สน.โชคชัยว่า ถูกฉ้อโกงเงิน และพยายามหลบหนี พร้อมมีการโทรข่มขู่จะส่งคนมายิงทำร้ายสารพัด จากนั้น "ไก่ ทรงกลด" พร้อมทนายความก็ได้เดินทางมารับทราบข้อกล่าวหา และหวิดเกิดการปะทะคารมกับกลุ่มผู้เสียหาย ซึ่งได้ยืนชี้หน้าโวยวายใส่นักปั้น ทำเอา "ไก่ ทรงกลด" หน้าซีดรีบเดินลงจากโรงพักไปทันที
ความคืบหน้าล่าสุดเมื่อเวลาประมาณ 13.00 น.วันนี้ (22 ม.ค.) "ไก่ ทรงกลด" ได้นัดหมายสื่อมวลชนให้มาฟังการแถลงข่าวชี้แจงเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้น ที่ออฟฟิศของตัวเองย่านลาดพร้าวซ.15 โดยนักปั้นเผยถึงเหตุที่ต้องแถลงข่าว เพราะไม่อยากตกเป็นจำเลยสังคม และไม่ได้มีเจตนาโกงเงินใครทั้งสิ้น
"ที่ต้องแถลงข่าววันนี้ เพราะไม่อยากตกเป็นจำเลย สิ่งที่เกิดขึ้นทุกอย่างเช่นที่ไปแจ้งความ มันเป็นสิ่งที่เราเจอมานาน ส่วนคู่กรณีก็เป็นเพื่อนกันทำงานร่วมกันมานาน ความจริงรักกัน เราเลยเสียใจมากว่าความรู้สึกรักกันไม่ได้ช่วยอะไรเลย แม็กซ์หรือว่าใครก็เคยช่วยเหลือกันมาก่อน ก็ไม่คิดว่าจะมีวันนี้ ส่วนตัวผมอยากจะขอชี้แจงว่า ไม่ได้มีเจตนาจะโกงใครทั้งสิ้น ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นมันมีที่มาและที่ไป ด้วยความที่ตัวเราและเพื่อนๆที่มีข่าวอยู่นี้ไม่เข้าใจกัน ก็เลยทำให้ทะเลาะกันจนเป็นเรื่องราวใหญ่โต และเป็นที่มาของเรื่องการฉ้อโกงเงิน"
"จริงๆเราอยากเคลียร์เรื่องเด็กผู้เข้าประกวดที่ได้ซื้อบัตร แต่มันไม่ลงรอยกันแล้ว เลยทำให้การเคลียร์มีปัญหา ที่เราเกิดปัญหากับคู่กรณีมันทำให้เจอโจทก์เยอะ เพราะเราอยู่ในวงการบันเทิง เป็นข่าวทีหนึ่งก็ต้องย้ายที่อยู่ งานแต่ละอย่างก็ไม่เคยประสบความสำเร็จเลยใน 3-4 ปีที่ผ่านมา สิ่งเหล่านี้ผมไม่อยากให้เกิดขึ้น ก็อยากให้เรื่องมันจบ แต่ไม่รู้ว่าจะให้จบยังไง เลยต้องพึ่งกฎหมาย พึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจให้จบเป็นเรื่องๆไป"
"เราติดค้างอะไรใคร ก็ยินดีเคลียร์ทุกอย่าง ไม่ได้คิดหลบหนี ที่ย้ายที่อยู่บ่อยๆไม่ใช่เพราะหนี แต่เป็นเพราะมีเหตุการณ์หลายๆอย่างเกิดขึ้น และมันเจ็บปวดมากสำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะโดนคนมาทุบบ้าน เจ้าของสถานที่เชิญเราย้ายออกเพราะมีปัญหาเยอะ"
โต้ทุกข้อกล่าวหาของ "นายแม็กซ์ ภฐตท ดวงสนิท" ผู้กำกับภาพยนตร์ของสมาคมสมาพันธ์ภาพยนตร์แห่งชาติ และเป็นหนึ่งในผู้เสียหาย สวนกลับอีกฝ่ายต่างหากที่เสนอจะทำหนังที่ประเทศลาว และเสนอตัวเป็นผู้กำกับเอง
"ส่วนเรื่องของแม็กซ์ จริงๆเมื่อ4ปีก่อนแม็กซ์เข้ามาร่วมงานกับเราในฐานะนักแสดง เราเห็นความสามารถเขาดี และเขาก็พาน้องๆเพื่อนๆเข้ามา ตอนนั้นก็แฮปปี้ดี เขาก็มีความคิดที่ดีอยากทำนั่นทำนี่ แล้วแม็กซ์อยากทำหนังเรื่อง นางสิบสองดอทคอม ซึ่งมันเป็นบทของเรา ตอนนั้นเรายังช่วยเหลือเขาอยู่เลย เขากำลังจะจบ เราก็ให้เขาเอาบทประพันธ์ของเราไปส่งมหาวิทยาลัย เขาก็เอาไปส่งแต่ไม่รู้ว่าเขาเอาไปส่งเรื่องอะไร เพราะเราเองก็มีบทอยู่หลายเรื่อง"
"ต่อมาเราได้ไปประเทศลาว ก็เลยพาแม็กซ์ไปด้วย เพราะเขาอยากมีผลงานก่อนจบเกี่ยวกับการทำงาน เราก็ได้ไปเปิดเทรนนิ่งสั้นๆ 3 วันที่สตาร์ชาแนลประเทศลาว ให้เขาสอนจัดแสง พอกลับมาเขาก็บอกผมว่าเราทำได้ขนาดนี้แล้ว ก็มาทำหนังเถอะ ผมก็บอกว่าเราไม่มีตังค์ ต้องหานายทุน เขาก็บอกว่าที่ลาวมีของครบ อุปกรณ์อะไรก็สามารถถ่ายทำได้เลย เขาก็ได้วางตัวนักแสดง ก็ช่วยกันกับเพื่อนเขา วางตัวคนนั้นคนนี้แสดงเป็นอะไร แล้วก็จะหานางเอกเป็นคนลาว เราเลยตกลงแล้วถามว่า พี่จะทำหน้าที่อะไร แม็กซ์จะทำหน้าที่อะไร เขาบอกแม็กซ์อยากมีผลงาน ขอแม็กซ์เป็นผู้กำกับนะ เราก็บอกว่าจะให้เราเป็นโปรดิวเซอร์อย่างเดียวก็ไม่เอาเหมือนกัน"
"หลังจากนั้นพอกลับมาก็มาคุยกันว่า เออหนังเรื่องนี้เราไม่มีเงินทำ ไม่รู้จะได้เงินไม่ได้เงินยังไงเพราะนักแสดงทีมงานอะไรหน้าใหม่หมด ถ้าขายได้เงินมาแบ่งกันได้เท่าไหร่ยังไง แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ขาย เพราะทะเลาะกันซะก่อน เราเองก็เป็นคนจุกจิกต้องอย่างนั้นอย่างนี้ เขาก็อาจจะไม่พอใจตรงจุดนี้แหละ เพราะบางอย่างมันเป็นจุดยืนเขา มันเลยเป็นกระแส เด็กในทีมก็งอแงจะไม่ถ่ายจะกลับ พอกลับมันก็มีผลเสีย ประเทศลาวก็อยู่ได้ไม่กี่วัน ในที่สุดได้ถ่ายอยู่ 7 วัน"
ยันไม่เคยโกงเงินค่าตัวนักแสดง แฉกลับตนถูกอีกฝ่ายตามรังควานเช่นกัน และยินดีเคลียร์เงินให้ผู้ปกครองของเด็กที่จ่ายค่าบัตรเข้าชมการประกวด
"ที่เขาบอกว่าผมโกงเงินค่าตัวนักแสดง ก็ต้องพิจารณาจากในสิ่งที่เขาพูดเองแล้วกัน ผมไม่ได้โกง สิ่งที่เราคุยกันเป็นอย่างนี้จริงๆ ตอนที่ทำเราไม่ได้ตกลงทำสัญญาอะไรกัน นักแสดงจากเมืองไทยมีประมาณ7คน ถามว่ามีการจ่ายค่าตัวให้นักแสดงบ้างไหม ตอนนั้นผมตามแม็กซ์ไม่เจอเกือบ 3 ปี คือหนังเพิ่งไปเอามาจากลาวเมื่อไม่นานเกือบปี เราก็บอกแม็กซ์ไปเอาหนังมาสิ เรื่องนี้มันผ่านมา 4 ปีแล้ว"
"ที่เขาไปแจ้งความ ผมก็อยากบอกว่าตัวผมเองก็ถูกตามรังควานเหมือนกัน จนทำอะไรไม่ได้ ผมแทบไม่มีอาชีพ โดยเราเองก็ติดต่อไปที่สมาพันธ์ภาพยนตร์ว่าอยากจะเคลียร์กับเขา แต่เรื่องก็เงียบหายไป เราก็รอ 1 ปีเต็มๆ จนปีใหม่ที่ผ่านมาก็ไปถามอีก เรื่องก็หายไปเลย เราอยากเคลียร์จริงๆ เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นคนที่เคยร่วมงานกัน เป็นกลุ่มเดียวกัน เป็นเรื่องที่ต้องแก้ไข"
"หวังให้เรื่องจบยังไง คือเราต้องเคลียร์กับผู้ใหญ่ที่ช่วยเหลือเราอยู่ แล้วก็เรื่องผู้ปกครองเด็ก ที่ว่าเรามีการประกวดแองเจิ้ลสตาร์ แล้วขายบัตรเด็ก เรายินดีคืนเงินเคลียร์ทุกบาททุกสตางค์ให้ ใครไม่มีบัตรก็มาเถอะ ถึงเด็กจะโตแล้วเราก็จำได้ไม่มีปัญหา จริงๆเรามีการจัดตั้งแต่รอบแรกจนจะถึงรอบตัดสินแล้ว แต่มามีเหตุการณ์พระพี่นางสิ้นเสียก่อน ก็เลยต้องหยุดกิจกรรม ก็มีการขอเคลียร์ค่าบัตร ซึ่งตอนนั้นก็เริ่มทะเลาะกันแล้ว พอเราขอรายชื่อเขาบอกไม่มีหลักฐานสักอย่าง ตอนนั้นก็ถอดใจ ไม่อยากทำวงการบันเทิงแล้ว เราทิ้งเรื่องไว้นานมาก และก็พยายามจะแจ้งความจับเหมือนกัน"
เผยอยากเคลียร์กับ "แม็กซ์" แต่คงต้องให้ตำรวจช่วยไกล่เกลี่ย ส่วนเรื่องแจ้งความกลับคงต้องดูท่าทีอีกฝ่ายก่อน แย้มมีหลักฐานเป็นข้อความถูกข่มขู่เช่นกัน
“ผมต้องเคลียร์กับแม็กซ์แน่นอน โดยเฉพาะเรื่องละครว่าเขาทำหน้าที่อะไร และก็ยอมรับในสิ่งที่ทำ เราต้องนั่งคุยกันว่าจะเอายังไง ในเมื่อคุณจะกลับกัน และหนังก็ถ่ายต่อไม่ได้ ตอนนี้ที่ผมไปปรึกษาตำรวจดูแล้วมันจะไม่จบ และผมก็ไม่ได้ปล่อยเรื่องให้ยาวมาหลายปีนะ แต่ผมเปลี่ยนที่อยู่ 3 ครั้ง เพราะเจอเหตุการณ์นั่นนี่ โดนโทรถล่มตรงนี้ เดี๋ยวโดนตั้งกระทู้ในเน็ต ตอนนี้ผมก็ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เอาหลักฐานต่างๆมาให้ดูแล้ว ทั้งกระทู้ที่โดนด่าต่างๆ เราตามตลอดไม่เคยหนี เรื่องของแม็กซ์ผมว่าให้ทางตำรวจช่วยไกล่เกลี่ยดีกว่า"
“ถามว่าจะแจ้งความกลับไหม ต้องรอดูก่อนว่าทางนั้นพูดยังไง พูดถึงเราไม่ดีหรือเปล่า ก็คงต้องมีบ้าง แต่ก็ต้องดูเจตนาก่อน จริงๆเราไม่อยากมีเรื่อง แต่วันนี้ต้องทำเพื่อตัวเองและน้องในสังกัดอีกหลายๆคน ถ้าเราล้มไปแล้วจะมีงานที่ไหนบ้างล่ะ เรื่องแมสเซจที่เขาส่งมาข่มขู่ เราก็เก็บไว้เป็นหลักฐาน ต่อไปจะดำเนินการอย่างไร สำหรับเราคงจะเคลียร์ในส่วนของคุณตี๋ (นายทุน) ที่ยืมเงินมา 3 แสนตอนทำหนัง และก็ผู้ปกครองของเด็กที่เราขายบัตร แต่สุดท้ายไม่ได้ชม เงินตรงนี้ประมาณหมื่นกว่าบาทก็ไม่ได้มากมายอะไร"
ส่วนกรณีเคยเข้าไปแจ้งความถูก "กาย นวพล ลำพูน" โทรข่มขู่พร้อมกับอัดคลิปเสียงไว้เป็นหลักฐาน จากนั้น "มาช่า วัฒนพานิช" ซึ่งเป็นแม่ของหนุ่มกาย ได้ออกโรงป้องลูกชายเตรียมฟ้องร้องกลับ "ไก่ ทรงกลด" บอกถ้าตนไม่เอาคลิปเสียงออกมาโชว์ก็จะเสีย
“เรื่องน้องกายก็เข้าใจว่าอารมณ์ร้อน คงจะโกรธ เมื่อเขาออกมาขอโทษผ่านสื่อ เราก็พอใจแล้ว อย่างน้อยทุกคน ก็รู้ว่าเราไม่ได้มาสร้างเรื่องขึ้นเอง เรื่องของกายเราแค่ลงบันทึกประจำวันไว้ ถ้าจะฟ้องต่อก็จะกลายเป็นการฟ้องแพ่ง แต่ผมไม่คิดจะฟ้องอะไร ไม่ใช่ว่าเป็นคนดีอะไร เราก็มีแผลเหวอะหวะเต็มไปหมด ในเมื่อมีแผลแล้วเราก็ต้องระวังทุกสิ่งทุกอย่าง ที่จะมาโดนตัวเองและเด็กด้วย แต่เราก็พยายามเคลียร์ทุกอย่าง"
“ที่มาช่าจะให้ทนายฟ้อง ก็รอให้เขาฟ้องมาก่อนว่าเรื่องอะไร จะบอกว่าถ้าเราไม่เอาคลิปเสียงออกมา เราก็เสียนะ คนจะมองว่าเราอยากเป็นข่าว ตอนแรกก็กดดันมาก ไม่ได้ตั้งใจจะเอาคลิปเสียงออกมาด้วย วันนั้นก็ไปงานพี่เอกชัย ศรีวิชัยธรรมดา แต่ก็เจอนักข่าว ส่วนแบ๋ม (มนพัทธ์ พิศลยบุตร เด็กในสังกัด) ตอนนี้เริ่มโกรธเขาแล้ว ทำไมไม่ติดต่อมาบ้าง ไม่สงสารพี่บ้างเหรอ พี่เจออะไรเยอะแยะเต็มไปหมด แต่แบ๋มเป็นเด็กในสังกัดที่น่ารักมาก และมีความสามารถ”
ฝากถึงคู่กรณีทำอะไรอย่าวู่วามใจร้อน พร้อมยกมือไหว้ขอโทษนายทุน ยันไม่ได้มีเจตนาหลบหนี
“อยากจะพูดอะไรกับคู่กรณี เอาทีละคนละกัน สำหรับน้องกายเราก็เสียใจนะที่ทำให้หมองไป แต่ไม่ผิดหรอกเพราะยังเด็กอยู่ ตอนเด็กเรายังเคยมีเรื่องผิดพลาดเยอะแยะ ส่วนแม็กซ์อย่าใจร้อน อย่าเชื่ออะไรใครง่ายๆ พี่ไม่เคยไปว่าอะไรแม็กซ์ก่อน ส่วนพี่ตี๋คนนี้ขอโทษอย่างสูง(ยกมือไหว้) ผมไม่ได้หลบหนี แต่เศรษฐกิจสภาวะที่เกิดขึ้น และเหตุการณ์มันหนักเหลือเกินเหนื่อยมากๆ ซึ่งวันอังคารหน้า (26 ม.ค.) ผมก็ต้องเอาเอกสารและไปให้ปากคำต่อที่สน.โชคชัยเวลา 13.00 น."