“เอ ไชยา” ยันไม่เคยรู้จักสาวหาดใหญ่ เชื่อเพลงเป็นเหตุทำให้อีกฝ่ายเข้าใจผิด บอกตนเป็นลูกผู้ชายพอ ถ้าเป็นเรื่องจริงยอมรับแน่ ออกอาการเป็นห่วงฝ่ายหญิงเครียดจัดถึงขนาดกรีดข้อมือตัวเอง และยังมีอาการทางจิตไม่ปกติ ลั่นอโหสิกรรมให้ และไม่โกรธที่แจ้งความดำเนินคดี
เกี่ยวกับกรณีที่สาวจากหาดใหญ่ น.ส.พนิดา คิ้วนาง หรือ "จอย" ได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ให้ดำเนินคดีกับพระเอกลิเกชื่อดัง “เอ ไชยา มิตรชัย” ในข้อหาหลอกลวงทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง เนื่องจากมีข่าวลือว่าพระเอกลิเกคนดังมารักและชอบพอน.ส.พนิดา พอเพื่อนๆและคนละแวกบ้านทราบข่าวก็นำมาล้อ จนเกิดความอับอาย ทำให้เครียดจนต้องกรีดข้อมือทำร้ายตัวเอง ซึ่งน.ส.พนิดาได้จี้ให้ “เอ ไชยา” ออกมาแถลงข่าว หากเป็นเรื่องจริงก็ให้ผู้ใหญ่มาสู่ขอ แต่ถ้าไม่ยอมรับก็เลิกแล้วต่อกัน
ความคืบหน้าล่าสุดเมื่อเวลาประมาณ 15.00 น.วันนี้ (20 ม.ค.) พระเอกลิเกชื่อดังได้จัดแถลงข่าวเกี่ยวกับกรณีดังกล่าวต่อสื่อมวลชน ที่อาคารมาลีนนท์ ย่านพระราม 4 โดยเจ้าตัวเผยว่า กำลังติดการแสดงลิเกอยู่ที่จ.ชลบุรี แต่หลังทราบข่าวก็รีบบึ่งรถมาแถลงข่าวทันที ยันไม่เคยรู้จักกับคู่กรณีมาก่อน
“ที่มาวันนี้ก็เพิ่งจะทราบข้อมูลจากพี่ๆทีมงาน จริงๆที่ต้องมาแถลงข่าว ไม่ได้มาเพราะอยากเรียกร้องอะไร แต่มีพี่ๆสื่อมวลชนโทรศัพท์เข้าไปเมื่อวานนี้เยอะมากๆ โทรมาสัมภาษณ์ว่า ได้ไปมีเรื่องกับผู้หญิงทางภาคใต้หรือเปล่า ตอนนั้นเราเองก็ยุ่งด้วย เนื่องจากแสดงลิเกกันเรื่องใหม่ ก็เลยต้องกำกับเรื่องเอง ก็เลยยังไม่พร้อมที่จะให้ข้อมูล เลยผลัดมาขอพูดในวันนี้ละกัน”
“สำหรับผู้หญิงคนนั้นผมไม่เคยรู้จักเลย ยังไม่ได้เห็นหน้าเลย ณ วันนี้ยังไม่ได้ดูหนังสือพิมพ์เลยด้วยซ้ำ เพราะเมื่อคืนนี้เล่นแต่ลิเกอย่างเดียว เท่าที่ทราบมีคนทางใต้ไปดูลิเกเมื่อวานที่โรงโม่หิน ที่ชลบุรี เขาก็บอกว่าจำได้ว่าพี่เอไปหาดใหญ่ ก็ไปแค่สองครั้งเอง เพราะทางใต้ผมจะไม่ค่อยรับงานบ่อยนัก ส่วนใหญ่จะอยู่ในภาคกลางซะมากกว่า”
“ผมว่าผลมันอาจจะเกิดมาจากเพลงๆหนึ่ง คือผมทราบมาว่าเขาชื่อ จอย ใช่มั้ย แล้วมันมีอยู่เพลงนี้ชื่อ ความหลังห้างโลตัส ซึ่งเนื้อเพลงจะมีคำร้องว่า....... จอยๆๆๆสุดที่รัก พบฮักน่ารักเมื่อแรกพบ (ร้องเพลง) อะไรประมาณนี้ มันเป็นเพลงความหลังมากๆ ซึ่งเพลงๆนี้ได้ถูกเขียนขึ้นมาแต่ไม่มีการเชียร์ จะใช้ร้องหน้าวงหน้าเวทีอย่างเดียว เนื้อหาก็จะเป็นประมาณว่าไปพบรักผู้หญิงที่ชื่อจอย เพลงนี้ต้องยกผลประโยชน์ให้คุณพ่อ ท่านเป็นคนเขียนขึ้นมาเองเลย นานแล้วในชุดกระทงถึงฝั่ง แต่ก็ยังมีร้องกันอยู่ในวง และน่าจะเคยร้องที่หาดใหญ่ (หัวเราะ)”
“นักร้องเวลาที่เขาให้เพลงเรามา เราก็ต้องร้องไปตามลิขิตของผู้ประพันธ์ อย่างคุณพ่อเขียนเพลงนี้ขึ้นมา พ่อคงไม่ได้มาถามว่าเอ็งไปรักใครหรือเปล่า เอ็งไปชอบใครหรือเปล่า ผู้หญิงคนนี้มีมั้ยลูก เขาก็เขียนของเขาขึ้นมาเอง เราก็ร้องของเราไป พอร้องแล้วมันอาจจะไปตรงจุด ไปโดนชื่อของใครคนใดคนหนึ่ง ผมก็ต้องขออภัยไว้ด้วย แต่จริงๆแล้วร้องไปด้วยความบันเทิง ไม่ได้ไปกำหนดเฉพาะเจาะจงว่า จะต้องเป็นคนนั้นหรือคนนี้ ซึ่งถ้าหากเป็นตามข่าวที่ออกมาจริงๆ ผมเป็นลูกผู้ชายพอ ถ้าเกิดผมไปทำอย่างนั้นเอาไว้ ไอ้ครั้นผมจะไม่ไปดูดำดูดีไม่รับผิดชอบ มันก็ไม่ใช่ผมเหมือนกัน”
ผู้สื่อข่าวถามต่อว่าจะจัดการเรื่องนี้อย่างไรต่อ เพราะโดนแจ้งความไปแล้ว “เอ ไชยา” เผยยังงงกับข้อหาที่โดนแจ้ง เปรยรู้สึกเป็นห่วงฝ่ายหญิงมากกว่า ที่เครียดกับการล้อเลียนของคนรอบข้าง ถึงขนาดกรีดข้อมือตัวเอง
“ตอนนี้ผมยังไม่รู้เลยว่าตัวเองโดนข้อหาอะไรบ้าง (หัวเราะ) แต่ที่ไม่สบายใจคือเรื่องที่เขาเครียดถึงขนาดกรีดข้อมือตัวเอง คือตั้งแต่ผมเป็นไชยามา ไม่เคยไปสร้างความเดือดร้อนให้ใครเลย มีแต่มุ่งไปสร้างความบันเทิงให้กับคนหลายๆคน อย่างเมื่อคืนนี้เห็นคนไปกันเป็นครอบครัว บางคนก็เปิดกระจกรถทักทายกันก็มี สิ่งเหล่านี้พอเราเห็นก็ชื่นใจจังเลย เขามาแล้วแฮปปี้กับเรานะ แต่ถ้ากลับไปแล้วไปนั่งเครียด คิ้วขมวดผูกโบว์ อย่างนี้เราก็ไม่ชอบ และเวลาเราไปแล้ว จุดประสงค์ของเราไม่อยากทำให้ใครต้องมาเดือดร้อนเพราะเราเลย ตรงนั้นมันไม่ใช่จุดประสงค์หลักของศิลปิน”
“ผมก็อยากให้เขาสบายใจ มันเคยมีเคสที่เขียนจดหมายมาถึงบอกว่า อยากจะมาอยู่กับพี่เอ ผมเลยอยากวิงวอนไปเลยว่า ตอนนี้ตัวเองก็ยังลำบากอยู่ ยังต้องทำมาหากิน ยังต้องเลี้ยงพ่อเลี้ยงแม่ เลี้ยงอีกหลายปากท้องด้วยกัน ถ้าคิดว่าไชยา มิตรชัย โอ้โห...อยู่อย่างสบายแล้ว อย่างบางกรณีมีมาเขียนขอเงินขอทอง ก็อย่าเพิ่งเขียนมาเลยครับตอนนี้ เพราะยังลำบากอยู่จริงๆ รถผมยังต้องผ่อนอยู่เลย เลยอยากบอกว่าขอความเห็นใจเถอะ ผมไม่อยากให้มีความทุกข์ ดูอะไรก็อยากให้มีความสุข”
“แม้กระทั่งคุณจอยที่เกิดเหตุการณ์นี้ อย่างไรซะเรายังมีครอบครัว ยังมีคุณพ่อคุณแม่หรือคนทางบ้านที่ห่วงเราอยู่ ฉะนั้นแล้วจะทำอะไรก็แล้วแต่ เราจะต้องทำไม่ให้มาก แม้แต่ตัวไชยาเองจะไปทำอะไรที่มันเกิดความเสื่อมเสียกับครอบครัวปั๊บ ผมจะฉุกคิดขึ้นมาทันทีว่า ยังมีพ่อแม่มีน้อง ที่ยังรอเราอยู่ทางบ้าน เราไม่อยากให้เขามาเป็นทุกข์เพราะเราด้วย”
“ส่วนคนรอบข้างคุณจอยที่ไปแซวเขาจนเขาเครียด คือมันเป็นอุทาหรณ์เป็นครูสอนเลยว่า แม้กระทั่งเพื่อนๆเองจะล้อจะพูดเล่นในบางครั้ง คนเราเก็บเอามาคิดว่าเป็นจริงขึ้นมาได้หรือเปล่า อย่าถามถึงผลเสียเลย มันต้องเกิดแน่ ผมพูดจริงๆเลยว่าผมเป็นลูกผู้ชาย ความเสียหายย่อมมีน้อยกว่าลูกผู้หญิง ทุกวันนี้พูดได้คำเดียวว่ายังไงก็คือเห็นใจ ล้อกันแต่พอหอมปากหอมคอ อย่าล้อเป็นจริงจังจนเขาเอาไปคิด พอคิดแล้วคิดมาก ยิ่งคนเกิดรักเราอยู่ด้วย มันก็อาจจะทำให้เขาคิดสั้นได้ เพราะฉะนั้นคนรอบข้างมีผลมาก ช่วยกันเป็นกำลังใจและช่วยกันปลอบใจปลอบโยนกันดีกว่า”
ต่อข้อซักถามที่ว่า อยากจะไปเคลียร์กับคู่กรณีด้วยตัวเองหรือไม่ พระเอกลิเกคนดังหัวเราะก่อนตอบว่า
“(หัวเราะ) ทำเหมือนอยู่หัวกระไดบ้านใกล้กันเลย ความจริงก็อยากจะไป แต่ช่างอยู่ไกลเหลือเกิน และเราก็ยังมีงานอยู่ทุกคืน อย่างวันนี้เดี๋ยวก็ต้องตีรถกลับไปชลบุรีอีก ต้องไปเล่นลิเก”
“เรื่องนี้ที่เห็นผลจริงๆเลย ก็จะมีบรรดาแฟนคลับแฟนลิเก แล้วแฟนเพลงโทรเข้าไปหา และเข้าไปในเว็บไซด์ถามว่ามันเป็นจริงหรือเปล่า ทุกคนก็เป็นทุกข์เป็นร้อนกันไปหมด เราก็เลยบอกว่าไม่เป็นอย่างนั้นเลย วันนี้ก็มีบางส่วนที่มาให้กำลังใจอยู่ข้างล่าง ผมถึงต้องบอกไงว่าถ้าไม่ออกมาพูด เดี๋ยวหลายท่านที่ไม่ทราบข้อมูลเลย จะคิดว่าผมไปโชว์ตรงนั้น ผมไปมีพฤติกรรมแบบนี้ พฤติกรรมที่เป็นข่าวไม่ดีด้วย ทั้งตัวเราและตัวผู้หญิงเองก็เสียหาย ก็เลยต้องรีบออกมาพูดให้ทุกคนเข้าใจ”
ส่วนกรณีที่น้องชายของสาวที่ไปแจ้งความ ได้โทรมาหาสื่อมวลชน บอกอยากจะขอโทษ “เอ ไชยา” เนื่องจากพี่สาวของเขามีอาการทางจิตไม่ปกติ ต้องเข้าออกโรงพยาบาลอยู่บ่อยๆ พระเอกลิเกคนดังได้แสดงความเห็นอกเห็นใจ บอกยิ่งรู้แบบนี้ยิ่งไม่ถือโทษโกรธอีกฝ่าย
“ผมก็เพิ่งทราบนี่แหละ ถ้าอย่างนั้นผมก็ถือโอกาสฝากกลับไปเลยละกันว่า ไม่ถือโทษโกรธใดๆทั้งสิ้น ยิ่งมาทราบเรื่องแบบนี้แล้ว ก็ขอเป็นกำลังใจให้ด้วย ถ้าจะเป็นเรื่องเงินเรื่องทอง เดี๋ยวขอปรึกษากับทางคุณแม่ก่อนละกันว่า เราจะพอช่วยเหลือได้มั้ย สมควรจะอย่างไรกันดี เพราะจริงๆแล้วถ้าเขาอยู่ในเคสนี้ เราควรจะเห็นใจเขาให้มากที่สุด เราก็ต้องเป็นกำลังใจให้เขา แต่คนอื่นคนไกลคงไม่ดีเท่ากับคนใกล้ตัวมากกว่า คนที่เป็นน้องชายเขายิ่งต้องพูดคุยและให้กำลังใจ”
“ไชยาพูดอยู่ตรงนี้ก็เหมือนกัน เดี๋ยวภาพที่ออกไปก็อยากบอกคุณจอยว่า เป็นกำลังใจให้สู้ๆ ไม่ว่าจะเจอปัญหาใดๆมาทั้งสิ้น ผมก็เป็นคนหนึ่งที่ยังเป็นศิลปินของประชาชน เพราะฉะนั้นก็อยากให้คุณสู้เหมือนที่ไชยาเป็นอยู่ คือบางครั้งเจอปัญหาเจอมรสุมชีวิตเข้ามามากมาย เคยคิดที่จะฆ่าตัวตายด้วยซ้ำ แต่พอมาตอนนี้แล้วเราทำอย่างนั้นไม่ได้ เนื่องจากเรามีคุณพ่อคุณแม่ มีน้อง และมีลูกทีมเราอีกเป็น 100 ชีวิตที่ฝากท้องไว้กับเรา เหนื่อยยังไงก็แล้วแต่เราก็ต้องสู้ แล้วต้องยืนให้ได้ด้วย เพราะฉะนั้นอย่าท้อนะขอเป็นกำลังใจให้อีกแรง เรื่องที่แล้วๆมาไม่ติดอกติดใจใดๆทั้งสิ้น อโหสิกรรมซึ่งกันและกัน ก็เป็นกำลังให้ครับ”
“ที่น้องชายเขาฝากขอโทษมา ทางผมและแฟนคลับก็ต้องฝากขอโทษกลับไปด้วย ที่ถ้าเกิดว่าบทเพลงนั้นไปฟังแล้วเขาเกิดติดใจในคำๆนั้น จนเก็บเอาไปคิดมาก เอาไปนอนคิดจนเป็นทุกข์ ผมก็ต้องขอโทษเขากลับไปด้วยจริงๆ เพราะว่าร้องเพลงมาเราไม่เคยไปฝากใจกับใครเลย เพลงหนึ่งที่ร้องมาอยากให้ทุกคนฟังแล้วมีความสบายใจมากกว่า แต่ถ้าฟังแล้วเอาไปทำร้ายตัวเองอย่างนี้ คนร้องก็ไม่สบายใจนะครับ แล้วยังจะพาเราเป็นทุกข์ด้วย”
เมื่อถูกถามต่อว่า จะเลิกร้องเพลงที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับชื่อ “จอย” ไปเลยหรือไม่ เจ้าตัวหัวเราะก่อนกล่าวว่า ถ้ามีคนขอก็คงต้องร้อง ส่วนเรื่องแฟนตัวจริง ถ้ามีเมื่อไหร่บอกแน่นอน
“ก็ถ้ามีคนขอก็คงต้องร้องอยู่ (หัวเราะ) แต่อย่างที่บอกแหละว่าเนื้อเพลงมีอย่างนี้จริงๆ แหม...คุณพ่อผมก็ช่างเขียน (หัวเราะ) ถามว่าจริงๆแล้วผมมีแฟนหรือยัง อันนี้ถ้ามีแล้วจะบอก ไม่ต้องกลัว”
“ถามว่าเรื่องที่เกิดขึ้นถือว่าซวยตั้งแต่ต้นปีเลยหรือเปล่าโดนชงตั้งแต่ต้นปีเลยเหรอเนี่ย ที่มีข่าวขึ้นมาผมต้องขอขอบพระคุณจริงๆมากกว่า ก็ดีแล้วครับ ถ้ามีอะไรขึ้นมาอย่างนี้ มีข่าวมาก็มาบอกให้กันรู้ เมื่อผมว่างก็จะมาอย่างนี้ มาบอกให้ทุกท่านรู้ ไม่ใช่ว่าวันนี้อะไรนิดอะไรหน่อยก็จะมาแก้ข่าว มีพี่คนหนึ่งโทรมาบอกว่าไม่ต้องแถลงข่าวก็ได้นะ แต่คราวนี้ผมไม่สามารถมีเวลารับโทรศัพท์ได้ทุกสายจริงๆ หลังจากงานนี้ข้าวไม่รู้จะได้ทานหรือเปล่า พอกลับไปถึงชลบุรีก็ต้องเล่นลิเกเลย ที่โรงโม่ที่ชลบุรีเราเล่นมานานแล้ว ก็ต้องมีเรื่องใหม่ๆบ้าง ดังนั้นผมเลยคิดว่าออกมาพูดทีเดียวเลยจะดีกว่า”