ในที่สุดก็ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมตัวดำเนินคดีในข้อหาฉ้อโกงอดีตแม่บ้านไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วสำหรับ "ธาน มาน" (ชายหนุ่มที่เติบโตในป่าหิมพานต์ นอนในพีรามิด ทานมักกะลีผลเป็นอาหาร มีอาจารย์เป็นองค์ดาไลลามะ และว่าที่ดาราชื่อดังของฮอลลีวูด ตัวเต็งนักแสดงนำชายยอดเยี่ยมรางวัลออสการ์ จากภาพยนตร์เรื่อง The Prince Of Red Shoe) หลังสวมรองเท้าแดงกางร่มตระเวนหนีไปพักอาศัยอยู่ในหลายๆ พื้นที่
สำหรับจุดเริ่มต้นของเรื่องราวทั้งหมด คงต้องย้อนกลับไปจากการที่เจ้าตัวให้ข่าวว่าได้มีโอกาสไปแสดงภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ของฮอลลีวูด ก่อนจะถูกตั้งข้อสงสัยว่าเรื่องราวดังกล่าวไม่น่าจะเป็นความจริง เหตุเพราะไม่เคยมีรายละเอียดใดๆ เลยเกี่ยวกับหนังเรื่องดังกล่าวนอกจากสิ่งที่อดีตนักร้องคนนี้กล่าวอ้าง
เรื่องมาเข้มข้นขึ้นหลังเพื่อนร่วมธุรกิจของเขาออกมาเผยว่าถูกอีกฝ่ายโกงเงินในการทำร้านด้วยกันก่อนจะแฉไปถึงพฤติกรรมที่เข้าข่ายการเป็นคนขี้โกหกของหนุ่มนาธาน รวมไปถึงคนที่เคยไปทัวร์กับเขา และหญิงสาวรายหนึ่งที่ถูกหนุ่มนาธานหลอกว่าจะฝากงานที่ ททท.ให้ทำ
หลังจากนั้นเจ้าตัวก็ต้องถูกกดดันอย่างหนักจากสื่อฯ ที่ลงพื้นที่ขุดคุ้ยข้อมูล สัมภาษณ์บุคคลต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ทั้งยาย เพื่อนเมื่อสมัยเด็กๆ จนพบว่า สิ่งที่ธานเคยบอกไว้เกือบจะทั้งหมดล้วนเป็นเรื่องที่โกหกทั้งสิ้น
อย่างไรก็ตามแม้จะมีหลักฐานต่างๆ นานา ทว่าธานของเราก็ยังยืนกรานว่า สิ่งที่ตนเองบอกเป็นความจริง ทั้งเรื่องของการเป็นลูกครึ่งไทยเนปาล(แต่ดันมีเชื้อสายโอมานแทนที่จะเป็น "ปาทาน") การได้แสดงหนังฮอลลีวูด รวมถึงไม่เคยโกงเงินใคร ฯ โดยมีคนในวงการบันเทิงไม่น้อยหลงเชื่อ ขณะที่บางส่วนก็ยื่นมือเข้าช่วยเหลือปกป้อง อาทิ นักร้องลูกทุ่งคนบ้านเดียวกันที่ถึงขนาดเปิดบ้านให้ไปอยู่ รวมไปถึงรายการวิทยุชุมชนแห่งหนึ่ง
แต่ทั้งหลายทั้งปวงก็ไม่ได้ทำให้เขาดูหลุดพ้นจากข้อกล่าวหาต่างๆ แต่อย่างใด
หากกลับมาหนักหนาสาหัสมากขึ้นไปอีกเมื่ออดีตแม่บ้านพร้อมลูกชายที่ทำงานให้กับธานออกมาเผยว่าถูกอีกฝ่ายโกงเงินไปกว่า 3 แสนบาท พร้อมหอบเอาหลักฐานต่างๆ มาโชว์ รวมถึงตรายางซึ่งมีทั้งของ ททท. โรงแรมหรูหลายแห่ง และที่สำคัญก็คือตรายาง ของ บ.ฟ็อกซ์ ค่ายหนังชื่อดังที่เจ้าตัวอ้างว่าไปแสดงภาพยนตร์ให้
ถูกแม่บ้าน "ขุดหลุมฝัง" การเป็นคนลวงโลกยังไม่พอ เจ้าตัวยังถูก "กลบทับ" ด้วยเหยื่อความเป็นคนขี้โกหกของเขาอีกหลายต่อหลายคน ไม่ว่าจะเป็นมารดาของนักร้องหญิงร่วมค่ายที่ออกมายืนยันว่าหนุ่มนาธานขี้โม้เรื่องเล่นหนัง, โมเดลลิ่งแห่งหนึ่งที่ออกมายอมรับว่าตนเองมีส่วนอย่างไม่ได้ตั้งใจเกี่ยวกับการเมคภาพที่บอกว่าเป็นการไปถ่ายหนังที่ฮอลลีวูด รวมไปถึงชาวบ้านอีกหลายคนที่ธานไปตระเวนยืมเงินมา
แต่ที่ผมรู้สึกว่าสะเทือนอารมณ์ความรู้สึกของคนที่ติดตามข่าวมากที่สุดก็คงจะเป็นการที่ผู้เป็นยายของ "น้องอ้อม เด็กดักแด้" ที่เคยเป็นข่าวดังรวมทั้งเคยออกรายการเรียลิตี้โชว์ร่วมกับธานเมื่อหลายปีก่อน ซึ่งเผยว่าถูกธานหลอกยืมเงินทั้งที่เป็นส่วนของตนเองและของน้องอ้อมไปกว่าแสนบาท
พร้อมยังบอกด้วยความช้ำใจด้วยว่า นับตั้งแต่ผู้เป็นหลานป่วยหนัก จนเสียชีวิต กระทั่งวันเผาลูกหนี้รายนี้ไม่เคยมาหาเลยสักครั้งเดียว
หลังหลักฐานข้อมูลทุกอย่างปรากฏเป็นที่แน่ชัดจนไม่รู้จะชัดเช่นไร ประกอบกับการชิ่งหนีของคนที่เคยสนับสนุน พร้อมๆ กับ "หมายจับ" ของเจ้าหน้าที่ตำรวจทำให้ธานของเราต้องหลบหนีหน้าไปอยู่กับชาวบ้านที่ อ.บางน้ำเปรี้ยว จ.ฉะเชิงเทรา โดยมีแม่บุญธรรมเป็นครูแต่ดูไร้การศึกษาคอยให้การช่วยกระทั่งถูกจับกุมในที่สุด
ผมอ่านคำให้สัมภาษณ์ของคุณแม่บ้านก่อนที่ธานจะถูกจับกุมแล้วต้องบอกว่าเขาแถจนหยดสุดท้ายทีเดียว หลังโทรไปกล่อมแม่บ้านให้ถอนแจ้งความ ทำทีปากหวานบอกธานยังรักและเคารพ ตอนนี้ธานกำลังหาเงินมาใช้คืนอยู่ด้วยการเตรียมไปเดินสายออกรายการหลายรายการ คาดจะได้ค่าตัวรายการละหนึ่งแสนบาท!
ที่สำคัญตนเองโทรศัพท์อยู่ที่เชียงคาน ยังบอกหน้าตาเฉย(หรือเปล่าไม่ทราบ)ว่าโทรฯ มาจาก ภูเก็ตบ้าง นราธิวาสบ้าง
สำหรับการจับกุมธานในครั้งนี้ โดยส่วนตัวผมมองว่าจริงๆ แล้วนี่คือโอกาสทองครั้งสำคัญที่สุดที่นาธานน่าจะต้องรีบคว้าเอาไว้ในการเรียกคะแนนสงสาร เรียกความเห็นอกเห็นใจที่คนไทยมีพร้อมจะให้เสมอ (หากตรูไม่ได้รับความเดือดร้อนเพราะเอ็ง)
โอกาสที่ว่าคือโอกาสที่เจ้าตัวจะได้สะสางปัญหาคดีความทั้งหมด, โอกาสที่จะได้ชดใช้กรรมผิดที่ตนเองก่อไว้กับใครหลายต่อหลายคนทั้งในแง่ของกฏหมายและความรู้สึก รวมไปถึงโอกาสที่จะได้กล่าวคำว่า "ขอโทษ" แบบไม่ต้องรู้สึกเสียหน้า และเริ่มต้นการมีชีวิตใหม่อย่างที่ต้องการ
เพียงแต่เงื่อนไขที่สำคัญก็คือ ทั้งหมดต้องเกิดขึ้นจากความสำนึกจริงๆ และแน่นอน ธานจะต้องไม่เดินกลับไปหา "สันดาน" แห่งความปลิ้นปล้อนอีก
แต่ก็อย่างว่าแหละครับ หมาอย่างไรก็ชอบขี้
เพราะแม้จะถูกจับกุม ติดคุกไปหนึ่งคืนชนิดยังไม่ทันได้เก็บก้มเก็บสบู่เพราะไม่ได้อาบน้ำ ทว่าดูเหมือนธานจะไม่ได้รู้สึกสลดสำนึกแต่อย่างใด
แถมให้สัมภาษณ์ซะอย่างกับว่าตนเองไม่ผิด ตนเองไม่เคยโกหกใคร ตนเองไม่เคยปลิ้นปล้อน ตนมีแฟนคลับไปเยี่ยม ตนมีตำรวจมาคุยด้วย ทำให้ได้เพื่อนเพิ่ม( จำเริญละทีนี้นักฉ้อฉลได้ตำรวจเป็นเพื่อน) ตนได้ประสบการณ์ในคุก คุกไม่น่ากลัวเหมือนที่เห็นในภาพยนตร์ ฯ
เท่านั้นยังไม่พอ ครั้นถูกถามเรื่องเล่นหนังฮอลลีวูด ว่าตกลงเล่นจริงๆ หรือเปล่า? แทนที่จะบอกว่าจริงหรือไม่จริง ธานของเราก็ยังแถไปว่า ไม่ขอตอบเกี่ยวกับเรื่องนี้...ไม่ตอบด้วยว่าได้เล่นจริงเท็จแค่ไหน เพราะมันนอกประเด็นไปแล้ว เรื่องเล่นหนังไม่เกี่ยวกับตะราง แต่ตอนนี้เรื่องมันเกี่ยวคุกตะราง
ไปเรื่อย...
ตอนนี้สงสารก็แต่แม่บ้านนั่นแหละครับ กว่าคดีจะจบ กว่าจะได้เงินมาใช้หนี้ ที่ดินก็คงจะไม่มีให้อยู่แล้ว
สำหรับจุดเริ่มต้นของเรื่องราวทั้งหมด คงต้องย้อนกลับไปจากการที่เจ้าตัวให้ข่าวว่าได้มีโอกาสไปแสดงภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ของฮอลลีวูด ก่อนจะถูกตั้งข้อสงสัยว่าเรื่องราวดังกล่าวไม่น่าจะเป็นความจริง เหตุเพราะไม่เคยมีรายละเอียดใดๆ เลยเกี่ยวกับหนังเรื่องดังกล่าวนอกจากสิ่งที่อดีตนักร้องคนนี้กล่าวอ้าง
เรื่องมาเข้มข้นขึ้นหลังเพื่อนร่วมธุรกิจของเขาออกมาเผยว่าถูกอีกฝ่ายโกงเงินในการทำร้านด้วยกันก่อนจะแฉไปถึงพฤติกรรมที่เข้าข่ายการเป็นคนขี้โกหกของหนุ่มนาธาน รวมไปถึงคนที่เคยไปทัวร์กับเขา และหญิงสาวรายหนึ่งที่ถูกหนุ่มนาธานหลอกว่าจะฝากงานที่ ททท.ให้ทำ
หลังจากนั้นเจ้าตัวก็ต้องถูกกดดันอย่างหนักจากสื่อฯ ที่ลงพื้นที่ขุดคุ้ยข้อมูล สัมภาษณ์บุคคลต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ทั้งยาย เพื่อนเมื่อสมัยเด็กๆ จนพบว่า สิ่งที่ธานเคยบอกไว้เกือบจะทั้งหมดล้วนเป็นเรื่องที่โกหกทั้งสิ้น
อย่างไรก็ตามแม้จะมีหลักฐานต่างๆ นานา ทว่าธานของเราก็ยังยืนกรานว่า สิ่งที่ตนเองบอกเป็นความจริง ทั้งเรื่องของการเป็นลูกครึ่งไทยเนปาล(แต่ดันมีเชื้อสายโอมานแทนที่จะเป็น "ปาทาน") การได้แสดงหนังฮอลลีวูด รวมถึงไม่เคยโกงเงินใคร ฯ โดยมีคนในวงการบันเทิงไม่น้อยหลงเชื่อ ขณะที่บางส่วนก็ยื่นมือเข้าช่วยเหลือปกป้อง อาทิ นักร้องลูกทุ่งคนบ้านเดียวกันที่ถึงขนาดเปิดบ้านให้ไปอยู่ รวมไปถึงรายการวิทยุชุมชนแห่งหนึ่ง
แต่ทั้งหลายทั้งปวงก็ไม่ได้ทำให้เขาดูหลุดพ้นจากข้อกล่าวหาต่างๆ แต่อย่างใด
หากกลับมาหนักหนาสาหัสมากขึ้นไปอีกเมื่ออดีตแม่บ้านพร้อมลูกชายที่ทำงานให้กับธานออกมาเผยว่าถูกอีกฝ่ายโกงเงินไปกว่า 3 แสนบาท พร้อมหอบเอาหลักฐานต่างๆ มาโชว์ รวมถึงตรายางซึ่งมีทั้งของ ททท. โรงแรมหรูหลายแห่ง และที่สำคัญก็คือตรายาง ของ บ.ฟ็อกซ์ ค่ายหนังชื่อดังที่เจ้าตัวอ้างว่าไปแสดงภาพยนตร์ให้
ถูกแม่บ้าน "ขุดหลุมฝัง" การเป็นคนลวงโลกยังไม่พอ เจ้าตัวยังถูก "กลบทับ" ด้วยเหยื่อความเป็นคนขี้โกหกของเขาอีกหลายต่อหลายคน ไม่ว่าจะเป็นมารดาของนักร้องหญิงร่วมค่ายที่ออกมายืนยันว่าหนุ่มนาธานขี้โม้เรื่องเล่นหนัง, โมเดลลิ่งแห่งหนึ่งที่ออกมายอมรับว่าตนเองมีส่วนอย่างไม่ได้ตั้งใจเกี่ยวกับการเมคภาพที่บอกว่าเป็นการไปถ่ายหนังที่ฮอลลีวูด รวมไปถึงชาวบ้านอีกหลายคนที่ธานไปตระเวนยืมเงินมา
แต่ที่ผมรู้สึกว่าสะเทือนอารมณ์ความรู้สึกของคนที่ติดตามข่าวมากที่สุดก็คงจะเป็นการที่ผู้เป็นยายของ "น้องอ้อม เด็กดักแด้" ที่เคยเป็นข่าวดังรวมทั้งเคยออกรายการเรียลิตี้โชว์ร่วมกับธานเมื่อหลายปีก่อน ซึ่งเผยว่าถูกธานหลอกยืมเงินทั้งที่เป็นส่วนของตนเองและของน้องอ้อมไปกว่าแสนบาท
พร้อมยังบอกด้วยความช้ำใจด้วยว่า นับตั้งแต่ผู้เป็นหลานป่วยหนัก จนเสียชีวิต กระทั่งวันเผาลูกหนี้รายนี้ไม่เคยมาหาเลยสักครั้งเดียว
หลังหลักฐานข้อมูลทุกอย่างปรากฏเป็นที่แน่ชัดจนไม่รู้จะชัดเช่นไร ประกอบกับการชิ่งหนีของคนที่เคยสนับสนุน พร้อมๆ กับ "หมายจับ" ของเจ้าหน้าที่ตำรวจทำให้ธานของเราต้องหลบหนีหน้าไปอยู่กับชาวบ้านที่ อ.บางน้ำเปรี้ยว จ.ฉะเชิงเทรา โดยมีแม่บุญธรรมเป็นครูแต่ดูไร้การศึกษาคอยให้การช่วยกระทั่งถูกจับกุมในที่สุด
ผมอ่านคำให้สัมภาษณ์ของคุณแม่บ้านก่อนที่ธานจะถูกจับกุมแล้วต้องบอกว่าเขาแถจนหยดสุดท้ายทีเดียว หลังโทรไปกล่อมแม่บ้านให้ถอนแจ้งความ ทำทีปากหวานบอกธานยังรักและเคารพ ตอนนี้ธานกำลังหาเงินมาใช้คืนอยู่ด้วยการเตรียมไปเดินสายออกรายการหลายรายการ คาดจะได้ค่าตัวรายการละหนึ่งแสนบาท!
ที่สำคัญตนเองโทรศัพท์อยู่ที่เชียงคาน ยังบอกหน้าตาเฉย(หรือเปล่าไม่ทราบ)ว่าโทรฯ มาจาก ภูเก็ตบ้าง นราธิวาสบ้าง
สำหรับการจับกุมธานในครั้งนี้ โดยส่วนตัวผมมองว่าจริงๆ แล้วนี่คือโอกาสทองครั้งสำคัญที่สุดที่นาธานน่าจะต้องรีบคว้าเอาไว้ในการเรียกคะแนนสงสาร เรียกความเห็นอกเห็นใจที่คนไทยมีพร้อมจะให้เสมอ (หากตรูไม่ได้รับความเดือดร้อนเพราะเอ็ง)
โอกาสที่ว่าคือโอกาสที่เจ้าตัวจะได้สะสางปัญหาคดีความทั้งหมด, โอกาสที่จะได้ชดใช้กรรมผิดที่ตนเองก่อไว้กับใครหลายต่อหลายคนทั้งในแง่ของกฏหมายและความรู้สึก รวมไปถึงโอกาสที่จะได้กล่าวคำว่า "ขอโทษ" แบบไม่ต้องรู้สึกเสียหน้า และเริ่มต้นการมีชีวิตใหม่อย่างที่ต้องการ
เพียงแต่เงื่อนไขที่สำคัญก็คือ ทั้งหมดต้องเกิดขึ้นจากความสำนึกจริงๆ และแน่นอน ธานจะต้องไม่เดินกลับไปหา "สันดาน" แห่งความปลิ้นปล้อนอีก
แต่ก็อย่างว่าแหละครับ หมาอย่างไรก็ชอบขี้
เพราะแม้จะถูกจับกุม ติดคุกไปหนึ่งคืนชนิดยังไม่ทันได้เก็บก้มเก็บสบู่เพราะไม่ได้อาบน้ำ ทว่าดูเหมือนธานจะไม่ได้รู้สึกสลดสำนึกแต่อย่างใด
แถมให้สัมภาษณ์ซะอย่างกับว่าตนเองไม่ผิด ตนเองไม่เคยโกหกใคร ตนเองไม่เคยปลิ้นปล้อน ตนมีแฟนคลับไปเยี่ยม ตนมีตำรวจมาคุยด้วย ทำให้ได้เพื่อนเพิ่ม( จำเริญละทีนี้นักฉ้อฉลได้ตำรวจเป็นเพื่อน) ตนได้ประสบการณ์ในคุก คุกไม่น่ากลัวเหมือนที่เห็นในภาพยนตร์ ฯ
เท่านั้นยังไม่พอ ครั้นถูกถามเรื่องเล่นหนังฮอลลีวูด ว่าตกลงเล่นจริงๆ หรือเปล่า? แทนที่จะบอกว่าจริงหรือไม่จริง ธานของเราก็ยังแถไปว่า ไม่ขอตอบเกี่ยวกับเรื่องนี้...ไม่ตอบด้วยว่าได้เล่นจริงเท็จแค่ไหน เพราะมันนอกประเด็นไปแล้ว เรื่องเล่นหนังไม่เกี่ยวกับตะราง แต่ตอนนี้เรื่องมันเกี่ยวคุกตะราง
ไปเรื่อย...
ตอนนี้สงสารก็แต่แม่บ้านนั่นแหละครับ กว่าคดีจะจบ กว่าจะได้เงินมาใช้หนี้ ที่ดินก็คงจะไม่มีให้อยู่แล้ว