xs
xsm
sm
md
lg

"บุ๋ม ปนัดดา" ขบถนางงาม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


"นางงาม"

คุณจะนิยามคำนี้ว่าอย่างไร?

ผู้หญิงที่มีรูปร่างหน้าตาสวยงาม กริยามารยาทอ่อนหวาน วางตัวเรียบร้อยราวกับผ้าที่พับไว้

หากทั้งหมดนี้คือนิยมของการเป็นนางงามในความคิดของคุณ ผู้หญิงที่ชื่อ "บุ๋ม ปนัดดา วงศ์ผู้ดี" ก็คงจะต้องเป็นขบถนางงามอย่างไม่ต้องสงสัย

....
ย้อนกลับไปในปี พ.ศ.2543 กับการก้าวขึ้นรับตำแหน่งนางสาวไทยของ "บุ๋ม ปนัดดา วงศ์ผู้ดี" ในปีดังกล่าวถือว่าเป็นอะไรที่ดูจะเหมาะสมไม่น้อยกับคุณสมบัติของตัวเธอ ทั้งในเรื่องของรูปร่างหน้าตา การศึกษา การวางตัว แม้กระทั่งการแสดงทรรศนะความคิดเห็น

แต่หลังจากห้วงปีที่ว่าผ่านไปได้ไม่นาน ทุกอย่างกลับตรงกันข้าม หลังเธอหันมารับงานละครเรื่องหนึ่งที่มีการถ่ายแบบชนิดที่ต้องเรียกว่าเปลือยซึ่งเธอเคยลั่นเอาไว้ว่าไม่ใช่สิ่งที่ดีกระทั่งนำมาซึ่งเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการที่ตัวเธอยืนอยู่ในฐานะของการเป็นอาจารย์ของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง

และจากนั้นมาผู้หญิงคนนี้ก็เจอะเจอกับเรื่องฉาวๆ มาโดยตลอด ทั้งในเรื่องของความรักและงานที่ทำที่นับวันต้องบอกว่าหวือหวาขึ้นเรื่อยๆ ตลอดจนด้วยความที่เธอเป็นคนที่ไม่ปิดบังความคิด พูดตรงนั่นเอง หลายคนจึงมองว่าสาวคนนี้แรง!
...
เซ็กซี่สตาร์?
"ถ้าถามว่าเทียบกับสมัยนี้ เซ็กซี่เนี่ยของบุ๋มเด็กๆ ไปเลยนะถ้าเทียบกับสมัยนี้นะ ภาพหลุดภาพอะไรต่างๆ เพียงแต่ในสมัยนั้นมันยังไม่มีใครทำ ยุคนั้นอาจจะเห็นเป็นภาพนางสางไทยซึ่งบุ๋มก็งงว่าแล้วนางสาวไทยที่ก่อนหน้าบุ๋มทุกคนเนี่ยก็ใส่ชุดว่ายน้ำหมด"

"เป็นรุ่นแรกที่ไม่ใส่ชุดว่ายน้ำบนเวที แต่ใส่ให้คณะกรรมการดูในห้องไม่แต่งหน้ารวบผมตึงแล้วดู หนักกว่าอีกค่ะเพียงแค่ไม่ได้ใส่ขึ้นเวทีเท่านั้นเองค่ะ ถามว่าใส่ ใส่ค่ะแล้วหลายคนก็เขียน โพสในกระทู้ว่าก็เห็นพูดนิว่า ถ้าต้องใส่ชุดว่ายน้ำขึ้นเวทีเธอจะไม่ประกวด"

"ก็ถามวัตถุประสงค์ของการประกวดก่อนถ้าไปประกวดมิสยูนิเวิร์ส แล้วบนเวทีนั้นมีการใส่ชุดว่ายน้ำ บุ๋มใส่ แต่นี่คือไม่ได้ไปทำอะไรจบแล้วก็ได้ไปเป็นฑูตวัฒนธรรมการท่องเที่ยว ได้ไปเผยแพร่วัฒนธรรมไทยและการท่องเที่ยวที่ต่างประเทศ อันนั้นบุ๋มก็เห็นไม่มีความจำเป็นต้องใส่ชุดว่ายน้ำ ใส่ชุดไทยประกวดจะเหมาะสมกว่า มันขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์"

บอกเซ็กซี่น้อยกว่าปัจจุบัน แต่หลายๆ งานก็ดูจะหวือหวาชนิดหลุดเอามากๆ
"โอ้โห ไม่หลุดหรอกเราก็ต้องมีเซฟ (เยอะนะ?)มันเกี่ยวกับท่าทางมากกว่า แต่ทีนี้ลองให้นึกภาพบุ๋มนะ ถ้าบุ๋มใส่กางเกงขาสั้นหรือกระโปรงพลิ้วๆๆๆ เสื้อมีลายปักหน่อยๆ แล้วก็ใส่แขนกุด แล้วก็ติดกิ๊บสี่สี แล้วก็(ทำท่าชู 2นิ้ว) ใครรับบุ๋มได้มั่งอ่ะ"

"มันก็ไม่ใช่ บุ๋มก็ไม่เกิดหรอก แต่พอบุ๋มทำแค่อ่ะ ดูชุดนี้นะคะ คือไม่จำเป็นต้องโป๊อะไรแล้วก็เนี่ย (นั่งท้าวคาง) แค่นี้ก็บอกว่าบุ๋มเซ็กซี่แล้วอ่ะ คือบุ๋มมาแนวนี้ไง หน้าตาบุ๋มรูปร่างบุ๋มมันมาแนวนี้ บุ๋มเกิดแนวนี้ บุ๋มก็โอเคเราทำได้แนวนี้เราก็ทำไป แต่ทีนี้จะให้มาแบบ(ทำท่าคิคุชู 2นิ้ว)มันไม่เกิดอ่ะคุณยังขำกันเลย แค่นี้เอง"

"บุ๋มไม่ได้มองว่าเป็นแนวเซ็กซี่นะ คือบุ๋มทำงานวิชาการ ทำงานเป็นพิธีกรระดับชาติ ใส่ชุดไทยเป๊ะๆ ตามที่คุณเห็นๆ ตามงานถ่ายทอดสดก็ทำได้ คืออะไรก็ตามดิฉันทำได้ทั้งนั้นค่ะ ถือว่าขอเต็มที่กับหน้าที่นั้นๆ งานถ่ายแบบมาถ้ามัวแต่แบบใส่ชุดว่ายน้ำแล้วแบบ(ทำท่าเหนียมๆ)คนก็ด่าไม่เห็นสวยเลย โพสไม่ได้เรื่องเลย"

"โดนด่างานก็ไม่เข้าอีกอะไรอย่างนี้ เซ็กซี่ไปก็โดนบางทีก็ต้องยอมรับบางอันก็โดนรีทัชนะคะ เมื่อเราทำงานกับเขาก็ต้องไว้ใจ แล้วก็ต้องเข้าใจหลักทางด้านการตลาดด้วย"

กับคำถามที่ว่าภาพที่ออกมาไม่รู้สึกว่าขัดต่อฐานะของการเป็นอาจารย์หรือไม่? เรื่องนี้เจ้าตัวมองว่า...
"บุ๋มว่าคนสมัยปัจจุบันไม่พอที่จะดูแค่ภาพ จะดูที่ผลงานของบุ๋มมากกว่า ว่า ณ.วันที่เคยทำงานกับเขามา แล้วบุ๋มไม่ใช่เพิ่งเข้าวงการคือบุ๋มอยู่วงการนี้มา 10 ปี ดังนั้นเขารู้อยู่แล้วว่าบุ๋มทำงานที่ผ่านมาเป็นยังไง พอเราทำงานอย่างนี้ปุ๊บ เขาก็เออๆ มันทำงานดีแล้ว เขาไว้ใจได้เขาก็ให้ทำ โดยที่เขาก็รู้ว่าภาพนั้นก็คือภาพนึงงานของวงการบันเทิง แต่ในงานวิชาการหรือในงานพิธีกร งานบริษัท งานทางการบุ๋มไม่เคยเสีย"

อีกหนึ่งผลงานที่ทำให้ชื่อของบุ๋ม ปนัดดา รู้จักเป็นอย่างมากพอๆ กับเสียงวิพากษ์วิจารณ์ก็คงจะไม่พ้นการออกหนังสือที่ชื่อ "ดอก...ปนัดดา"
"ถ้าคนอื่นที่ไม่เคยอ่านจะเห็นว่า บอกว่าบุ๋มเขียนแฉคนอื่น แต่ถ้าคนที่อ่านแล้วจะบอกว่าไม่เห็นมีอะไร ก็เขียนข่าวเก่าที่นักข่าวเคยเขียน บุ๋มก็แค่อธิบายกลับว่าข่าวนั้นเกิดขึ้นเพราะอะไรแค่นั้นจบ แต่มันไม่เคยมีใครทำอย่างนั้นไง ไม่เคยมีใครตอบกลับไงว่าอะไรคืออะไร ก็เลยบอกว่านั่นคือการแฉ"

"แต่หลังๆ แรงกว่าบุ๋มอีกเอาเรื่องบนตงบนเตียง คือทำอะไรเป็นแรกๆ ก็จะถูกจับตามองเท่านั้นเอง แต่ถ้าจะให้บุ๋มไปทำอะไรซ้ำกับคนอื่นที่เขาทำมาแล้วก็ไม่รู้จะทำทำไม"
...
เจ้าแม่งานกุศล
พูดไปอาจจะไม่มีใครเชื่อแต่เจ้าตัวยืนยันว่าที่ผ่านมาเธอทำงานการกุศลมาเยอะจริงๆ
"บุ๋มเป็นคนนึงที่ทำงานการกุศลเยอะ คือไม่ได้เงินคือเสียเงินบางครั้งอะไรอย่างนี้ แต่เพียงแต่ว่าอย่างน้อยมันได้ออกสื่อ บุ๋มคิดอย่างนี้นะ อย่างน้อยเราได้ออกสื่อและเราได้ทำไรกลับเพื่อสังคม เพราะเราได้อะไรจากสังคม บุ๋มจะดีใจมากเวลามีคนมาขอถ่ายรูป เวลามีคนมาขอลายเซ็นถ้าเกิดเขาไม่ชอบเขาคงไม่ถ่ายรูปเรา ดังนั้นทุกวันนี้ถ้าทำอะไรกลับเพื่อสังคมได้บุ๋มก็จะทำ"

ไปงานกุศลแต่หวังโปรโมตตัวเองด้วย ดูเหมือนจะไม่บริสุทธิ์ใจเท่าไหร่?
"เอาช่วยไม่ได้ เขาก็ได้ดาราไปร่วมงาน ไม่งั้นเขาก็เรียกตาสีตาสาไปซิ เขาก็ได้เหมือนกัน ถูกไหมเขาก็ได้เมือนกัน เราก็ได้เหมือนกัน (ยอมรับว่ายังไงก็ตามต้องมีข่าว?)ก็ควรมีข่าว แต่ถ้าไม่มีข่าวก็ไม่เป็นไร อย่างน้อยได้ไปเจอะเจอประชาชนก็ได้พีอาร์ตัวเองเหมือนกัน"

"ถามดารา สมมติว่าถ้างานหด ข่าวก็ไม่ค่อยมี "บุ๋ม ปนัดดา" จะทำยังไงให้ตัวเองเป็นข่าว ออกมาถ่ายแบบปลดบีกินนี?
"ถ้าไม่ดังคุณก็ไม่เอาคุณถ่ายแบบ จริงปะ เขาก็ต้องเลือกเหมือนกันว่าใครที่ไปอยู่บนหน้าแผง คนที่เขาจะต้องไปแข่งกับชาวบ้านเนี่ยจะเอาใครไปแข่งกับชาวบ้านได้ถูกไหมค่ะ เขาก็กลัวเล่มเขาขายไม่ออกเหมือนกัน เขาก็ต้องเลือกหน่อย อย่างน้อยคุณก็ต้องดูแลตัวเอง สองทำอะไรให้แปลกใหม่เสมอ อย่าอยู่นิ่งๆ อยู่กับที่ สามอย่ามีข่าวฉาว มีข่าวฉาวเยอะเขาก็ไม่เอาก็มีเหมือนกัน ดังนั้นทำอะไรดีๆ เพื่อสังคมกลับไป งานดีๆ ผู้ใหญ่ส่งงานต่อเยอะค่ะ"

เซ็ทที่ถ่ายเซ็กซี่มากๆ ที่นั่งแบบว่ารับลมเย็นๆ เซ็ทนั้นนะ ค่าตัวเยอะไหม?
"งานถ่ายเซ็กซี่ รับลมเย็นๆ ก็หลายแสนอยู่ บุ๋มเรียกทีไปเยอะเพราะบุ๋มรู้อย่างนึง คือบุ๋มรีทัชน้อยมากเพราะบุ๋มจะเฟิร์มตัวเองสุดๆ บุ๋มจะมีโปรแกมออกกำลังกายของบุ๋มเลย อย่างอันนั้นบุ๋มขอเขาเลยให้เขามีภาพเบื้องหลังอยู่ประมาณ 2-3 หน้า เพื่อให้เห็นว่าเราเฟิร์มจริงๆ คือเราทำงานเพื่องานเซ็ทนั้นจริงๆ"

"แล้วก็เราไม่ได้รับงานแบบประปลายไง นานๆ เราทำที อันนี้ก็เขียนหนังสือ อันนี้ถ่ายแบบนะ อันนี้เป็นพรีเซ็นเตอร์นะ อันนี้ทำงานการกุศลนะ คือบุ๋มอาจจะเป็นคนนึงที่ไชอบอยู่นิ่งๆ กับที่ หรือทำงานไม่ได้ฉันไม่ๆๆๆแค่งานพิธีกร ไม่ๆๆ ฉันแค่งานการแสดงแต่เราทำทุกอย่างไง มันก็เลยมีข่าวด้านนั้นที ข่าวด้านนี้ที ทำนู่นทีทำนี่ที ก็เลยยังมีข่าวในวงการบันเทิงอย่างต่อเนื่อง"

เคยมีข่าวว่าถึงกับจ้างหนุ่มๆ มาสร้างกระแส?
"สาธุขอให้เป็นจริง(หัวเราะ) จำเป็นเหรอ ไม่จำเป็นหรอกค่ะ ถ้าเกิดดิฉันขนาดเสียตังค์ แล้วดูจากความงกของดิฉันแล้วเนี่ย ถ้าดิฉันจะเสียตังค์สักบาทหนึ่งให้กับผู้ชายเนี่ยเพื่อให้มันมาเป็นข่าวกับดิฉันเนี่ย ดิฉันจะต้องบอกให้มันพูดดีๆ ถึงดิฉัน เทอดทูนให้ฉันเป็นนางฟ้านะ ไม่ใช่ให้เป็นข่าวฉาว ให้พูดไปสิว่าฉันได้รางวัลอะไรบ้าง ทำดีเพื่อการกุศลขนาดไหน ปนัดดาจริงๆ เป็นคนไม่มีอะไร"



แล้วมีข่าวอย่างนี้ออกมาได้ยังไง?
"จะไปรู้เหรอ (มีขบวนการทำลาย บุ๋ม ปนัดดา มีคนเกลียดบุ๋ม ปนัดดาเยอะไหมในวงการ?) ไม่น่าจะมีหรอกแต่เพียงแต่ว่า (จริงเหรอ?) ไม่มีชมรมนะ (หัวเราะ) (มีคนชอบคุณแน่ๆแต่คนที่หมั่นไส้คุณน่ะเยอะ?) ก็เห็นมันหมั่นไส้ทุกคนนั่นแหละ ไม่ใช่บุ๋มคนเดียวหรอก จริง (ยังไง?) เดี๋ยวก็โดนด่า ไม่ใช่บุ๋มคนเดียวเหรอก แต่ก็โอเคถือว่ายังสนใจ"

คุณกำลังจะบอกว่านักข่าวเป็นคนสร้างข่าวเอง?
"ไม่ใช่ หมายถึงคนที่ ทั้งนักข่าวทั้งไม่ใช่นักข่าว แต่นักข่าวบางทีก็แค่เริ่มประเด็น อันนี้เรารู้ บางที่นักข่าวสัมภาษณ์ว่า เออได้ข่าวมาว่า ได้ข่าวจากไหนเออแกน่ะนักข่าว แล้วได้ข่าวจากไหนล่ะ มีคนบอกว่า มีใครบอกแก แกก็บอกมาสิ ถ้าทำงานวิชาการมันต้องมีอ้างอิง แต่ถ้าแกมาพูดมีคนบอกว่า มันไม่ได้มัน (ข่าวลือไง ลอยมาเรื่อยๆ?) ลือ ก็ไม่ไปถามไอ้คนที่ลอยมาล่ะ ลอยมาจากไหน แกได้ยินมาจากไหน จากใครเคยเห็นจริงหรือเปล่าอย่างเนี่ย"

"หรืออย่างมีคนมาเขียนด่าว่าบุ๋มแบบว่า เนี่ยหนูได้ยินมาจากคนที่เชื่อถือได้ว่าพี่ตอนอยู่สมัยเอแบคเนี่ยว่าพี่แรดมากเลย พี่กินผู้ชายไม่เลือกเลย เรานึกในใจ (หัวเราะ) บุ๋มส่งรูปสมัยเรียนให้เขาดู น้องดูสภาพพี่ก่อนแล้วน้องค่อยเขียนด่าพี่ต่อได้ไหม อะไรอย่างนี้ แต่ถามว่าบุ๋มโกรธไหม ไม่โกรธ เพราะถือว่าเขาไม่รู้ คนไม่รู้ย่อมไม่ผิด"

เคยสังเกตไหมว่าไอ้นี่มันเขามาหาเรา เพราะต้องการเกาะเราดัง เคยมีไหม?
"มี(คุณรู้ด้วย?) รู้ แหมก็ไม่ได้โง่ เดินเข้ามาบอกเห็นพี่อยากไปออสเตรีย อยากไปด้วยจังเงี้ย เราก็รู้อยู่แกเดินกับใคร นักข่าวเขาก็ตามนะ เราก็ไม่ได้ไก่กาอาราเร่ย์ (ไม่พาไปด้วย?) จะพาไปทำไม เปลืองตังค์(หัวเราะ) ตังค์สักบาทยังไม่ได้แอ้มเลยคุณ ถ้าให้เลี้ยงข้าว โอเคเลี้ยงได้ถ้าแกจนขนาดนั้น สบาย ข้าวจานนึงเลี้ยงได้ค่ะ เพียงแต่ว่าจบ"
...
ทำก็บอกว่าทำ
ขณะที่ดารานางแบบหลายต่อหลายคนเลือกที่จะปิดบังการปรับเปลี่ยนอวัยวะในร่างกายตนเอง ทว่าสำหรับอดีตนางสาวไทยปี 2543 คนนี้เธอไม่เคยปิดบังว่า เพราะเหตุใดเธอถึงต้องไปเสริมอึ๋มมา
"มันไม่มีหายไป คือตอนประกวดบุ๋มเคยมีอยู่แล้ว 36 คับบี เพราะมีลูกแล้วมันหายไปอันนี้ยอมรับตามตรงนอนแล้วแมนมากๆ ไม่เหลืออะไรเลยคุณเอ้ย (หัวเราะ) แล้วเราต้องทำงานต้องใส่ชุดแล้วเปิดหลังอะไรอย่างนี้ ก็ทำ แต่ว่าเป็นคนไม่โกหกเท่านั้นเองว่าไม่ได้ทำค่ะแม่ให้มา"
"แล้วแม่ให้มาตอน 30 กว่าแล้ว ใครจะเชื่อฉันล่ะ ก็บุ๋มสะโพกปาเข้าไป 38 แล้วหน้าอก 32 มันก็ไม่บาลานส์ มันก็ไม่ไหวอ่ะคุณ ก็ทำเพิ่มขึ้นมาอีกนิดเป็น 34

พอทำปุ๊บก็โชว์เลย?
"เอ้าก็ทำมาแล้วเสียตังค์อะคุณ ก็ให้มันได้ตังค์กลับมาคุ้มหน่อยสิ (มีข่าวว่าหน้าอกเบี้ยว?) คือโดยธรรมชาติหน้าอกคนก็ไม่เท่ากันอยู่แล้วนะ แล้ววันนั้นในรูปถ่ายดิฉันยืนท่าเนี่ย (ทำตัวเบี้ยวๆ ไหล่ขวายกขึ้น) มันก็ขึ้นมาอยู่แล้วข้างหนึ่งต่อให้ไม่ต้องทำหน้าอก ไปยืนส่องกระจกที่บ้านก็ขึ้น"

ตอนทำหน้าอกกับไม่ทำหน้าอกโนบรามันต่างกันไหม?
"คือว่า ขึ้นอยู่กันกล้ามเนื้อของแต่ละคน อันนี้ให้ความรู้ไปเลยละกันนะคะ คือขึ้นอยู่กับกล้ามเนื้อของแต่ละคนว่าแบบไหน ถ้าคุณมีกล้ามเนื้อแข็งอย่างบุ๋ม คือบุ๋มมีกล้ามเนื้อแข็งต้องทำบนกล้ามเนื้อค่ะ ถ้ายังน้อยอยู่แล้วไปทำใต้กล้ามเนื้อ มันจะเป็นบล็อค แต่ถามว่าจับแล้วรู้ไหม รู้น้อยกว่า อะไรอย่างนี้ ขึ้นอยู่กับคุณทำบนหรือใต้กล้ามเนื้อ ทำเป็นถุงน้ำเกลือหรือถุงซิลิโคน"

ทำไมถึงกล้าที่จะบอกสังคมในเรื่องนี้
"บุ๋มไม่อยากโดนคนด่าว่าตอแหล และโกหกโอ้โหคุณนมทำกับนมไม่ทำมันต่างกันรู้อยู่แล้วอ่ะ แล้วอีกอย่างโดนภาพนักข่าวทำบีฟอร์แอนด์อาฟเตอร์ โห มันเจ็บไม่รู้สึกอะไรกันบ้างเหรอ”
...
ครอบครัวที่ล้มเหลว-รักเด็ก
2 เมษายน พ.ศ. 2548 อาจจะเป็นวันที่สาวๆ หลายคนอิจฉาผู้หญิงคนนี้หลังแฟนหนุ่ม "วีรพงศ์ พิพิธสุขสันต์" จูงมือเธอเข้าสู่ประตูวิวาห์ ก่อนจะกลายเป็นแม่คนเมื่อให้กำเนิดน้อง "อันดามัน" ออกมา

แต่แล้วชีวิตครอบครัวที่ทำท่าจะไปได้ดีก็ต้องพังครืน เมื่อเธอออกมาประกาศต่อสาธารณชนเมื่อวันที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2550 ว่าได้แยกกันอยู่กับสามีเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

“ถามว่าหนักไหม หนัก ไม่ใช่ว่าบุ๋มไม่แคร์อะไรนะ คิดหนักนะ เป็นคนของประชาชน เป็นดารา แม่งเมาท์ หัวเราะเยาะกูแน่เลยเลิกกับผัวเนี่ย อะไรอย่างนี้ โดนแน่ๆ เลย แต่งานคู่กันโทรมาเรียก ไอนั่นก็โทรมา อย่างนั้นก็โทรมาอย่างนี้ อึดอัดนะ ลำบากใจนะ ก็เลยบอกตามตรงดีกว่าเราคิดว่ายังไงคำว่าคนของประชาชนคือเขาอยากรู้เรื่องส่วนตัวน่ะ เราก็ตอบเท่าที่ตอบได้ ก็เลยบอกว่าเลิกก็คือเลิก”

เจ้าตัวปัดไม่ใช่เรื่องเงิน หรือเวลาที่คอบหากันน้อยเกินไป หากแต่เป็นเรื่องของงานที่ทำที่นำมาซึ่งเวลาที่ไม่ตรงกัน
"ไม่ๆๆ บ้านเขาก็ไม่ได้แหม บ้านเขาก็มีฐานะของเขา เออแล้วเขาจะมาเอาตังค์เราทำไม แต่ว่าหลายๆคนก็มองว่าทำไมเพราะเราไม่ไปช่วยงานบ้านเขาหรือเปล่า เปล่า คือว่าสไตล์ของการทำงานเราอ่ะพออะไรที่ดีเขาก็รวมหัวกันบอกว่าดี แต่ถ้าไม่ดีก็รวมกันว่าไม่ดี"

"แล้วคนข้างนอกที่ไม่ใช่ครอบครัวก็มาร่วมแสดงความคิดเห็นกันเยอะแยะมากมาย เราก็เลยแบบคุณเป็นใครยุ่งอะไร แล้วเราก็ทำงานของเรามาอยู่ดีๆ ตังค์ก็ไม่เคยขอแล้วมาอะไรเยอะแยะกับเรา เราก็เลยคิดว่าโอเคนะคุณก็มีชีวิตของคุณไปเราก็ทำงานของเราไป เพราะว่าวันหยุดของเขาคือวันทำงานของ เรานี่คือดารา แต่ถ้าเกิดวันทำงานของเราเท่ากับกลับกลายเป็นว่าวันหยุดของเขาก็ไม่เจอกันดังนั้นต่างคนต่างอยู่สบายใจกว่า"

"เรื่องเวลา 8 เดือนน้อยไปไหม ก็ไม่น้อยนะ เพียงแต่ว่าถามว่าชีวิตเรามันไม่ได้มาอยู่ด้วยกันไง ชีวิตก่อนแต่งงานกับหลังแต่งงานมันต่างกัน พอแต่งงานปุ๊บมันต้องมาใช้ชีวิตคู่อยู่ด้วยกัน 24 ชม.มันเลยต้องมานั่งเรียนรู้ว่าวิถีชีวิตของแต่ละคนมันต่างกันไหม มันเป็นยังไงเข้ากันได้ไหม"



คิดยังไงที่มีคนเรียกเราว่า “แม่ม่าย”?
“ยอมรับตรงๆ ว่าน้อยใจบางครั้ง ว่าทำไมเป็นแม่ม่ายแล้วมันไม่สามารถมีความรักครั้งใหม่ได้เหรอ มันเป็นตำหนิและรอยบาปตลอดชีวิตเลยใช่ไหม โอ้โหแก่เนี่ยเป็นแม่ม่ายแล้วไอเนี่ยเป็นหนุ่มดังอะไรอย่างนี้ บางทีแบบอ่านข่าวแล้วแบบทั้งๆ ที่ไม่มีอะไรอะนะ แต่มันอ่านข่าวแล้วมันน้อยใจว่ะ”

พร้อมยืนยันไม่ใช่เพราะเรื่องเลิกราที่ทำให้เธอหันมาถ่ายงานแนวเซ็กซี่มากขึ้น
"ไม่อ่ะ บุ๋มก็ถ่าย FHM ก่อนเป็นแม่ม่ายอยู่แล้ว (มันอาจจะต่างกันไง พอเป็นแม่ม่าย ในวงการมองว่าเป็มแม่ม่ายเนื้อหอม มีข่าวกับผู้ชายมากกว่าก่อนแต่งงานมะ?) อาจจะกล้าเล่นมากกว่า นักข่าวกล้าเล่นข่าวกันบุ๋มเรื่องผู้ชายมากกว่าสมัยก่อน สมัยก่อนมันมีคุณวีไง คุณวียาวเกือบปีไม่ได้เล่นข่าวอื่นไง ภาพผู้ชายก็ไม่ได้เยอะ(แต่พอเลิกปุ๊บ?) โอ้โห เยอะเลย ไม่รู้จักก็มีเล่นข่าวบุ๋มเนี่ย ขึ้นคอนดงคอนโดอะไรอย่างนี้"

หลังเลิกรากับสามีม่ายสาวก็ตกเป็นข่าวกับหนุ่มๆ รุ่นน้องอีกแบบชนิดไม่มีว่างเว้น เริ่มกันตั้งแต่ "เต๊ะ ศตวรรษ เศรษฐกร”
“คบกันจริงค่ะ หลายเดือนอยู่นะแต่ที่ไม่สัมพันธ์ไม่พัฒนาบุ๋มว่าเป็นเพื่อนดีกว่า มันไม่เกี่ยวกับยืนคนละฝั่งแล้วสัมพันธ์เราต้องจบ วันที่บุ๋มเป็นผู้ประกาศข่าวน่ะ ก็คือวันที่เขาเอาขากระโดดถีบป้ายที่กระทรวงการคลัง(หัวเราะ)”

ปัญหามาจากเรื่องการเมือง?
"ไม่เกี่ยว เอออันนี้บุ๋มต้องบอกในจุดยืนบุ๋มก่อนนะ ไม่ใช่ว่าอะไรยังไงนะ คือว่าณ.วันนั้นที่เป็นผู้ประกาศข่าว NBT เนี่ยคุณต้องเข้าใจว่าบุ๋มเป็นนางสาวไทย ITV นาวสาวไทยในยุคแรก ยุคที่ 5 ที่ ITV เป็นผู้จัดการประกวด ดังนั้นมันเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ว่าสังคมที่บุ๋มได้ถือกำเนิดขึ้นมาและเพื่อนๆ ที่บุ๋มรู้จัก หรือพี่ๆ ที่บุ๋มรู้จักคือคนที่มาจาก ITV กลุ่ม ITV เขาไปทำงานที่ไหนเขาก็จะชวนกัน คอยส่งงานกัน มันเป็นเรื่องช่วยไม่ได้ที่คนส่วนใหญ่ที่บุ๋มรู้จักคืออยู่กลุ่มนั้น"

"แล้วเขาก็ชวนกันมาทำงานในตรงจุดนี้ แต่ NBT ตอนนั้นนับปัจจุบันคือจุดยืนเดิมค่ะ คือเป็นสถานีข่าวของรัฐบาลดังนั้นรัฐบาลไม่ว่าหัวจะเป็นใครก็ตาม ข่าวก็จะต้องไปพูดถึงรัฐบาลนั้นๆ (เคยโดนด่าด้วย?) เยอะ...สวยแต่โง่ไปอยู่ตรงนั้นได้ยังไง คือบุ๋มก็เครียดก็เอาแล้วซิจะยังไง การเมืองแรงขนาดนี้ แล้วก็มีคนเขียนด่าแล้วก็ขู่ว่าจะลักพาตัวลูก เอาทำไมต้องแดงทำไมต้องเหลืองด้วยล่ะ อะไรที่ให้งานฉัน ฉันก็ไปอ่ะแค่นั้นเอง"

“ณ ตอนนั้นเสียใจมาก ทุกๆ ครั้งที่อ่านข่าวว่าใครโดนทำร้ายไม่ว่าจะแดงหรือเหลืองยอมรับว่าเศร้า แล้วเครียดมาก แล้วมันมีอาการเครียดกลับบ้าน แล้วรู้สึกเสียใจกับสิ่งที่เห็นที่เกิดขึ้นดังนั้นก็เลยถอยออกมาดีกว่า ไม่เอาทั้งแดงทั้งเหลืองไม่รับรู้อะไรทั้งสิ้น”

"แทค ภรัณยู"
"เออ บุ๋มว่าเขาจีบทุกคนนะ (หัวเราะ) ก็ขอเบอร์อะไรยังงี้ แต่เขาขอทุกคนแหละ เชื่อบุ๋มเหอะ น้องเขามีมนุษยสัมพันธ์ดี (แล้วยังไงคุณให้เบอร์ไป?) ให้ทุกคนอยู่แล้วในวงการใครอยากได้เบอร์บุ๋มได้หมด คือ ผู้ชายทุกคนนี่ ที่เข้ามานี่มีหลายประเภท บางคนก็เข้ามาคุยธรรมดา บางคนก็เข้ามาคุยเพื่อหาประสบการณ์ หาประสบการณ์ว่าเอ๊ะ ผู้หญิงคนนี่เป็นแม่ม่าย เป็นผู้หญิงเปรี้ยวมันจะเป็นอย่างข่าวไหม อยากรู้จัก"

"โอเคก็คุย บางคนใช้ คือบุ๋มเนี่ยจะรักษาระดับของบุ๋มไง จะคุยเป็นกันเอง เจอหน้าทักทายได้นะ แลกเบอร์ได้นะ แต่ถ้าใครเข้ามาในชีวิตส่วนตัวบุ๋มยังไม่เคยมีใครเข้ามาในชีวิตส่วนตัวบุ๋มได้เลย"

ตอนนี้ยังโทรอยู่ไหม?
"โทรค่ะ สบายไหมๆ ทักทายธรรมดาเท่านั้นเอง เป็นเพื่อนๆ พี่น้องกันละ(ไม่ลองดู ลองคบดู?) เหอะ ตามสบายปล่อยให้พ่อเขาไปเรื่อยๆ (หัวเราะ) แต่คุณพ่อ คุณแม่เขาน่ารักนะคะ แทคเป็นผู้ชายที่น่ารัก แล้วก็เอาใจเก่ง พูดจาหวาน ผู้หญิงก็ชอบอย่างนั้นหมดแหละคุณ หุ่นมันแมนขนาดนั้นเนาะ น้ำลายสอกัน ดิฉันเห็นนะ นักข่าวไปยืนถ่ายรูปเขาตอนเขาถอดเสื้อ (หัวเราะ)"

"คือถ้าเป็นเพื่อนต่อไปเรื่อยๆ ก็ยังคุยค่ะ เขาเป็นคนดี กตัญญูต่อคุณพ่อ คุณแม่ ใช่ ดังนั้นบุ๋มเลือกคบคนแต่ละคนนั้นคือจะมองจุดดีของแต่ละคน กับเต๊ะยังคุยกันอยู่ว่าสบายดีไหม ทำงานไปจีนเมื่อไหร่ อะไรอย่างนี้ กับแทคก็ยังคุย"

รวมถึงพระเอกวิก 3 “โฬม พัชฏะ นามปาน”
“ก็ยังงง ไม่เคยมีข่าวก่อนหน้านั้น วันนั้น(วันเปิดตัวแบนด์เสื้อผ้า)เป็นวันแรกที่โดนสัมภาษณ์เรื่องโฬม ก็เลยยืนงงเป็นไก่ตาแตกเพราะว่าที่ผ่านมาไม่เคยเจอโฬมเลย เคยแต่คุยโทรศัพท์กันแค่ว่าเฮ้ยไปดูท่อไอเสียที่ไหน เรื่องมอเตอร์ไซด์เท่านั้น แต่ถามว่าเรื่องส่วนตัวไม่เคย ก็เลยยังงง วันนั้นงงมากคือข่าวกับโฬมก็ยังงงอยู่ว่ามันมาจากไหน เพราะว่ากับโฬมเองไม่เคยไปไหนด้วยกัน”

รู้สึกอย่างไรที่ถูกมองว่าเป็นวัวแก่อยากเคี้ยวหญ้าอ่อน?
"ไม่เอาคำไอ้แทคมาใช้ล่ะ ไม่คิดว่าหญ้าอ่อนอยากจะเคี้ยววัวล่ะ เออ เขาก็กล้าตอบ แม่หนูช้อนร่วงเลยกินข้าวอยู่ จริงๆ วัวแก่ก็มีสิทธิ์เลือกนะจ๊ะ (ทำไมเรามีข่าวกับเด็กไยอะจัง?)เด็กๆ แรงกล้าพูดออกมามั้ง หนุ่มๆ ผู้ใหญ่คนโตไม่ค่อยพูด เก็บตัวเงียบ"

มีคนเข้ามาจีบเยอะมั้ย ถึง 10 มั้ย?
"โอ๊ยไม่ถึงหรอก ดิฉันไม่ได้ฮอตขนาดนั้น คือถามว่าโทรมาคุยไหม มีประปราย ทั้งนอกวงการและในวงการวงการอื่นนักธุรกิจก็มี ก็คุยธรรมดา บุ๋มสบายดีไหม ว่างก็มากินข้าวกันนะครับ ได้แค่นั้นแหละ ไม่มีอะไรมาก ยังไม่เคยได้ไปกับใคร ทำไมต้องไป เปิดแล้วไง สานต่อแล้วไง กลัวจบไม่ลง บางคนเอาจริง บางคนรอนานแล้ว ขอแต่งงานเลยก็มี"

"เยอะ คือบางคนก็รอบุ๋มตั้งแต่ คืออาจจะเป็นเพราะว่าถ้าได้มารู้จักตัวตนที่แท้จริงของบุ๋มจะรู้ว่าบุ๋มสบายๆ แล้วก็คุยกับแต่ละคนแบบเพื่อน แล้วเขาคงคิดว่าถ้าแต่งงานกันยัยนี่คงอยู่กันแบบเพื่อนสบายๆไปตลอดชีวิต ซึ่งบุ๋มกลับคิดว่าถ้าเป็นเพื่อนกันอย่างนี้โดยไม่ใช้ชีวิตคู่จะสบายใจมากกว่า"
...
แนวความคิด
ตกเป็นข่าวฉาว โดนด่ามานับครั้งไม่ถ้วนถ้าเป็นคนอื่นอาจจะรู้สึกแย่และเซ็งไปกับชีวิต ทว่าสำหรับหญิงสาวคนนี้กลับเดินเข้าหาข่าวทำนองนี้ได้อย่างไม่ลังเล ด้วยแนวความคิดที่ว่าให้มองโลกในแง่บวกเข้าไว้

“เพราะไม่งั้นชีวิตเราจะไม่เหลืออะไรเลยคือชีวิตใครไม่มีใครเพอร์เฟ็กต์อ่ะ พอไม่มีใครเพอร์เฟ็กต์แล้วยังไงอ่ะ สมมติบุ๋มผิดหวังเรื่องของความรัก ทำไมบุ๋มต้องมานั่งร้องไห้ตอนที่ทำงานเหรอ ไม่ใช่ อย่างน้อยบุ๋มมองว่าไม่ได้เว้ย ต้องดูแลตังเองให้สวยขึ้นกว่าเดิม ให้เขาเสียดายเราไม่มีฉัน"

"อย่างที่สองทำงานให้มันดีกว่าเดิม เอางานให้มันหนักกว่าเดิม อย่างน้อยฉันยังมีงานดีๆ ฉันยังมีชีวิตที่ฉันดีๆ อยู่แม้ว่าความรักมันจะไม่สุขสมหวังร้อยเปอร์เซ็นอย่างที่ฉันเคยคาดหวังไว้ก็ตามอย่างน้อนฉันยังมีอะไรดีๆ ในชีวิต ถ้าบุ๋มเอาเรื่องของความรักมาพาลใส่งาน มาพาลใส่ตัวเองทำให้ตัวเองโทรม มันจะไม่เหลืออะไรเลยค่ะ”

“มันก็คงไม่ต่างอะไรกับการทำการตลาดสินค้าตัวนึงนะคะ การเป็นดาราไม่ว่าคุณจะเป็นคนธรรมดา แต่คุณอยากจะโดดเด่นอยู่ในสังคมหรือในบริษัทของคุณ หรือว่าเป็นดาราอยู่ในวงการ บุ๋มเชื่อว่าสิ่งหนึ่งคือต้องพยายามพัฒนาศักยภาพตัวเองอยู่เสมอ ทำตัวเองให้ดูน่าสนใจ"

"อย่างที่สามก็คือคุณให้อะไรกันคนอื่นหรือยังก่อนที่คุณคิดว่าคนอื่นจะให้อะไรกับคุณ สามอย่างนี้นะคะถ้าเกิดคุณมองตลอดเวลา คุณจะมีอะไรแปลกๆ ใหม่ๆ มาให้คนอื่นสนใจตัวคุณอยู่เสมอ”

ทุกวันนี้อะไรทำให้บุ๋ม ปนัดดาอยู่ในวงการบันเทิงได้?
"ความรับผิดชอบต่องาน บุ๋มเชื่ออย่างนั้นนะคะ คือต่อให้วิ่งงานเฉียดฉิวมากกับการขึ้นเวที หรือแค่ครึ่งชม.ก่อนขึ้นเวทีคนก็ยังส่งงานให้ นั่นคือเขาเชื่อใจว่าบุ๋มออนไทม์แน่นอน ก็คคือตรงเวลาแน่นอน สองคือเราทำงานให้เขาได้ค่ะ ไม่มีพลาด อย่างที่สามก็คือในส่วนของการทำงานบุ๋มให้มากกว่าหนึ่งร้อยเปอร์เซ็นเสมอ"

และนี่แหละ ผู้หญิงที่ชื่อ "บุ๋ม ปนัดดา วงศ์ผู้ดี"

(เรียบเรียงบทสัมภาษณ์จากรายการ "เปิดหมดเปลือก" ทางช่อง Super บันเทิง)


กำลังโหลดความคิดเห็น