xs
xsm
sm
md
lg

อดีตที่พลิกผัน กับปัจจุบันที่รอคอย ของ 'พลอย หอวัง'

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ย้อนกลับไปสิบปีก่อน มีคณะนักร้องหญิงล้วนกลุ่มหนึ่ง นำผลงานเพลงชื่อ Project H ออกมาวางแผ่บนแผงให้คนฟังได้บริโภค ถึงแม้เพลงสนุกๆ อย่าง สุดสัปดาห์ , สาบาน(จู๊ด จู๊ด) หรือเพลงช้าๆ อย่าง ลืมได้ไหม, ความลับ และ วันที่เธอดูแปลก จะไม่ใช่เพลงที่ไพเราะเพอร์เฟค แต่เสียงร้องสดใสในลักษณะที่ผ่านการปรุงแต่งเพียงบางเบา บวกกับภาพลักษณ์ของเด็กสาวสามคนที่มีคาแรกเตอร์แตกต่างกันออกไป ก็ทำให้คนฟังเพลง(โดยเฉพาะเด็กหนุ่ม) ชื่นชอบนักร้องหญิงวัยแรกสาวกลุ่มนี้กันถ้วนหน้า

หนึ่งปีถัดมา พวกเธอก็มีผลงานออกมาอีกหนึ่งอัลบั้ม ก่อนจะปิดตำนานวงเอชด้วยอัลบั้มพิเศษที่มีเพลงใหม่ผสมกับการหยิบเอาเพลงฮิตจากอัลบั้มก่อนมาทำใหม่ หลังจากนั้นในปี พ.ศ. 2544 สามสาวในนามวงเอชก็สลายตัว แยกย้ายกันไปทำภารกิจและวิ่งตามความฝันของตัวเอง สมาชิกบางคนปรากฏตัวออกตามสื่อต่างๆ บ้างประปราย ก่อนจะเงียบหายไปตามกาล ทิ้งภาพเด็กสาวสามคนที่ออกมาร้องเสียงสดใสพร้อมโยกย้ายส่ายสะโพกเอาไว้เพียงความทรงจำของผู้ที่เคยได้สัมผัส

หนึ่งในเด็กสาววงเอชที่มีบุคลิกโดดเด่นมากที่สุด คือ 'พลอย หอวัง' เด็กสาวผมตั้งมาดกวนที่มาพร้อมเสียงเล็กสดใส หลังจากที่เกิร์ลกรุ๊ปซึ่งทำให้เธอได้เข้ามาทำงานในวงการบันเทิงสลายตัว พลอยก็ดูจะเงียบหายเข้ากลีบเมฆ พร้อมกับเสียงทิ้งท้ายว่าเธอจะไปศึกษาต่อที่ประเทศอังกฤษ

สี่ปีผ่านไป พลอยกลับเมืองไทยพร้อมประกาศนียบัตรรับรองว่าเธอได้จบการศึกษาด้านแฟชั่นดีไซน์จาก Istituto Marangoni สถาบันสอนแฟชั่นอันโด่งดังที่มีสาขาอยู่ในเมืองแห่งแฟชั่นทั้งสามของทวีปยุโรป(มิลาน ลอนดอน และปารีส) การเดินทางไปศึกษาไกลถึงประเทศอังกฤษ เป็นการเติมเต็มความฝันครั้งเยาว์วัยของพลอย ที่วาดอนาคตของตัวเองไว้ว่า สักวันหนึ่งเด็กผู้หญิงตาตี่ผมตั้งคนนั้นจะต้องเติบโตขึ้นมาเป็น 'ดีไซเนอร์' ให้ได้

"ตอนไปเรียนรู้สึกว่ามันสนุกน่ะค่ะ ถ้าตอนเด็กๆ พลอยก็ยังคิดไม่ออกว่าจะไปเรียนอะไร เหมือนเราก็จะมีช่วงของเราว่า เออ เราอยากเรียนแบบนี้ว่ะ แต่พอไปเรียนแล้วบางทีเราก็อาจจะไม่ชอบ แต่พลอยโชคดีตรงที่พลอยได้ไปเรียนซัมเมอร์มาก่อน ไปเรียนมาแล้ว โห มันว่ะ ชอบ ก็เลยไปเรียนต่อ เหมือนว่าพอเราทำอะไรก็ได้แล้วเรารู้สึกว่าเราไม่เบื่อ เราทำได้นานๆ ก็โอเค ก็เลยไปเรียน แล้วมันไม่รู้สึกเหนื่อย ไม่รู้สึกท้ออะไรเลย เพราะว่ามันมันน่ะ ได้เจอเพื่อน สนุก เต็มที่มาก"

การกลับประเทศไทยเป็นการถาวรของพลอยเป็นเรื่องที่ค่อนข้างเงียบเชียบหากเทียบกับช่วงเวลาก่อนหน้านั้นของเธอ เพราะสาวคนนี้แทบไม่ได้ปรากฏกายตามสื่อต่างๆ สักเท่าไหร่ แม้พลอยจะเคยไปทำงานเป็นวีเจที่ช่องทรู รวมถึงไปร่วมงานต่างๆ ประปราย แต่หลายคนก็ยังไม่รู้ว่าพลอย วงเอชที่เคยฝากเสียงแบ๊วๆ เอาไว้ในเพลงไม่รู้ได้กลับมาแล้ว

"บางทีพลอยก็ขี้เกียจน่ะ ไม่รู้สิ เป็นอารมณ์ที่ไม่อยากเจอคนนู้นคนนี้เยอะแยะ ขี้เกียจปั้นหน้า(หัวเราะ) เข้าใจไหม เราไม่ได้เป็นคนแบบ เฮ้ย ไปสักหน่อย ให้โดนถ่ายรูปแล้วก็กลับ อะไรแบบนั้น เราไม่ชอบอย่างนั้นไง ถ้าเราไปงานไหน เราควรที่จะเดินเข้าไป เฮ้ย ขอบคุณนะ ไปเสนอหน้า ไปพูดคุย อย่างนั้นน่ะ เราต้องมีแรงพอที่จะเข้าไปนิดนึงใช่ไหมคะ เราไม่ชอบอยู่ดีๆ ก็เข้าไป แล้วก็กลับ ก็เลยคิดว่า เออ ถ้างานไหนที่พลอยไปก็คือต้องมีจุดประสงค์ที่จะต้องไปทำอะไรสักอย่าง ถ้าไปเพื่อออกสื่อ มันไม่จำเป็น อย่าเลยค่ะ

"ตัวพลอยเองมีโลกส่วนตัว ถ้าพลอยอยากจะทำอะไร อย่างจะวาดรูปหรือจะทำอะไร พลอยก็จะหายไปเลยในห้อง อยู่ในห้องคนเดียวได้ตลอด หรือเดินเล่น ช็อปปิ้งคนเดียวก็ได้ บางทีก็ไม่ชอบให้มีคน ตอนไปช็อปปิ้งขี้เกียจมีเพื่อนมาช็อปฯด้วย เพราะเราเป็นคนเลือกของปุ๊บแล้วก็เดินออกจากร้านเลยอะไรแบบนี้น่ะค่ะ"

ในขณะที่พลอยเก็บเนื้อเก็บตัวมากขึ้นกว่าอดีต พี่สาวเพียงหนึ่งเดียวของเธออย่าง 'คริส หอวัง' กลับปรากฏหน้าตามสื่อต่างๆ ถี่บ่อยสูสีกับลูกหมีแพนด้า รวมถึงยังไปคว้าตำแหน่งนางเอกร้อยล้านมาจากภาพยนตร์เรื่องรถไฟฟ้ามาหานะเธอ ที่แสดงคู่กับเคน ธีรเดช อีกด้วย สำหรับการเดินทางเข้าวงการบันเทิงทีหลัง แต่ดูคล้ายว่าจะไปได้ไกลกว่าของคริส เป็นสิ่งที่น้องสาวอย่างพลอยบอกว่าภาคภูมิใจในตัวพี่สาวมาก

"มันคือสายของเขาน่ะ เขาสายนักแสดง คือพี่สาวหนูเก่งน่ะ หนูเชื่อนะ ถ้าเขาดังก็ไม่แปลกเลย เพราะเขาเก่งจริงๆ เขาเรียนหนังสือ เขาตั้งใจแบบสุดๆ เลย ฉะนั้นหนูภูมิใจมาก ถ้าเกิดพี่คริสจะดังกว่าพลอย พลอยไม่ว่าเลย เพราะรู้เลยว่าเขาเก่งจริง เก่งกว่าหนูน่ะ หนูยังนับถือเลย ตอนที่พลอยอยู่วงเอช พี่คริสเขาก็ชื่นชม แต่ตอนนี้เหมือนมันสลับกันไง ก็ดี เหมือนเราเติบโตคู่กันไป แต่สลับช่วงกัน"

ถึงจะบอกว่าพี่สาวเก่งกว่า แต่พลอยก็แอบกระซิบบอกว่า ถ้าเรื่องการเรียนเธอก็ไม่เป็นรองคริสเหมือนกัน

"ตอนเด็กๆ พลอยจะเรียนหนังสือเก่งกว่าพี่คริส หมายถึงประมาณม.ห้า ม.หก ตอนโตขึ้นมาก็จะพอๆ กันน่ะค่ะ มันคนละสายกันน่ะ พลอยจะเป็นด้านออกแบบน่ะค่ะ ตอนอยู่ที่อังกฤษพลอยก็ได้ที่หนึ่งของห้อง แล้วพี่คริสเขาก็ได้เหมือนกันค่ะ ได้รางวัลเต้นบัลเล่ต์อะไรแบบนั้นน่ะค่ะ เป็นด้านเต้นๆ ไป พลอยก็เคยเต้นตอนเด็กๆ จนถึงตอนประมาณอายุ 18 แล้วก็เลิก ขี้เกียจน่ะ เราไม่ใช่สายนั้นว่ะ เหมือนเราเต้น เราชอบ แต่ไม่อินน่ะ เราเต้นปัญญาอ่อนได้มากกว่า(หัวเราะ)"

ท่าเต้นปัญญาอ่อนที่พลอยพูดถึง คือสิ่งที่เธอเคยปฏิบัติเมื่อสมัยอยู่วงเอช แม้ว่าในมุมหนึ่งจะทำให้พลอย หอวังเป็นที่รู้จักของใครต่อใคร แต่ในอีกมุมหนึ่ง มันก็เป็นเหมือนรอยสิวเล็กๆ ที่ทำให้พลอยหน้าแดงทุกครั้งที่ใครขุดขึ้นมาพูดถึง

"อายมาก(ตอบทันที) ไม่รู้สิ เวลาพลอยฟังเพลงเก่า ปัจจุบันนี้ยังโดนล้ออยู่ ไปคาราโอเกะ ยังโดนล้ออยู่ ต้องเปิดมิวสิคเพลงความลับ หรือไม่ก็สุดสัปดาห์ มันเดย์ ทิวส์เดย์(ร้องเป็นเพลง) ก็จะเขินมาก ไม่รู้เป็นอะไร มันไม่ควรจะเขินนะ มันควรจะภูมิใจด้วย แต่มันอาจจะเขินตรงที่ทำไปได้ไงว้า (หัวเราะ) ต้ง เต้นอะไรแบบนั้น เขิน พี่เชื่อไหมว่าสิบปีแล้วอ่ะ มีคนเพิ่งบอก สิบปีแล้วอ่ะ(ทำเสียงตื่นเต้น) รู้สึกแก่ รู้สึกว่าเราอยู่ในวงนี้มาสิบปีแล้วอ่ะ"

สิบปีผ่านไป พลอย หอวังเติบโตเป็นสาวเปรี้ยวเต็มตัว แม้จะเลือกเดินไปบนเส้นทางสายดีไซเนอร์ แต่เธอก็ยังแอบไปเดินเล่นบนทางสายเก่าที่ตัวเองเคยคลุกคลีด้วย

"ด้วยความที่ตอนอยู่อังกฤษเราชอบออกไปนู่นไปนี่ตลอดเวลา พอกลับมาเมืองไทย เราอยู่กับเพื่อน(ดีเจป่อมป๊อม)เราบอกเขาว่า เฮ้ย เราอยากมีวงว่ะ เราอยากสร้างวงดนตรีของเราขึ้นมา คือพลอยเป็นคนหลายสิ่งมาก อยากทำดนตรี อยากทำอะไรที่ฟังแล้วตลก สนุก เปิดมาแล้วแด๊นซ์ได้เลย เพลงจังหวะไม่ต้องยากมาก แล้วเป็นซาวน์แบบ 80 อิเล็คโทรนิกส์อะไรแบบนั้น ก็คุยกับเพื่อนเล่นๆ แล้วเพื่อนก็ไปบอกพี่ชายเขา ซึ่งพี่ชายเขาเป็นเพื่อนซี้กับพี่ตุล (อพาร์ทเมนท์คุณป้า) คุยไปคุยมา อยู่ดีๆ เขาก็ตั้งวงให้พลอยเลย ตั้งชื่อให้ด้วยว่า The Diet Pills แล้วอยู่ดีๆ พวกเขาก็ทำเพลงให้"

ลบภาพเด็กสาวหัวตั้งที่ออกมาโยกย้ายส่ายสะโพกกับเพื่อนวัยแรกรุ่นอีกสองคนไปจากสมองของคุณก่อน เพราะพลอย หอวังในนามของ The Diet Pills คือสาวเปรี้ยวซ่าที่แม้ผมจะยังไม่ยาวไปกว่าตอนอยู่วงเอชสักเท่าไหร่ แต่ความชัดเจนในตัวตนที่แสดงออกมาทางดนตรีก็แตกต่างไปจากสิบปีที่แล้วอย่างสิ้นเชิง(*พิสูจน์ได้จากวิดีโอด้านล่าง)

"ตอนเราเด็กๆ เราก็ดีใจแล้วที่เราอยู่ในวง ได้มาร้องเพลง ได้เพอร์ฟอร์ม ได้เต้น มีเพื่อนอีกสองคนมาร้องเพลงด้วยกัน มันเป็นโอกาสที่ดี ที่ได้ออกเทปตั้งแต่เด็ก แล้วเราก็เจอคนมากมายซึ่งถ้าพลอยไม่ได้ออกตอนนั้น พลอยต้องไม่รู้จักพี่พวกนี้แน่นอน มันแตกต่างมาก จากเมื่อก่อนพลอยเป็นเพลงป็อบ เขาให้อะไรมา เราก็ร้องตามนั้น เราไม่ได้ดีไซน์เสียงตัวเองว่าให้เราร้องแบบไหน เขาจะออกแบบมาให้หมดแล้ว ซึ่งมันก็ดี เราเป็นเด็ก เราก็ทำอะไรก็ได้ เราก็ชอบ ก็โอเค ตามน้ำไป

"แต่พอโตขึ้น เราเริ่มจับจุดเราได้ ว่า เออ เราชอบเพลงแบบไหน เราชอบสไตล์แบบไหน เราอยากนำเสนออย่างไร เราดีไซน์เสียงแบบไหนได้ มันก็พัฒนานะ อาจจะไมได้พัฒนาว่าเสียงเราต้องเพราะขึ้น เสียงเราต้องดีขึ้น แต่มีแนวทางของตัวเองมากขึ้นน่ะค่ะ มีสไตล์ลิ่งมากขึ้นกว่าแต่ก่อนน่ะ เพราะเราไม่ได้เป็นคนร้องเพลงดี เราไม่ได้เป็นคนร้องเพราะแบบพี่คิ้ม(เจนนิเฟอร์ คิ้ม)อะไรแบบนั้นน่ะ แต่เรามีเสียงเป็นเอกลักษณ์ เพราะฉะนั้นก็ จากแต่ก่อนถึงปัจจุบันนี้ก็มีซาวน์เป็นเอกลักษณ์มากขึ้นน่ะค่ะ"

กิจกรรมยอดนิยมของผู้ที่ได้ชื่อว่ามีอดีตเป็นของตัวเองในปริมาณที่มากพอนั้น คือการหยิบเอาภาพเก่าๆ ของตัวเองออกมารำลึกถึง เพื่อที่จะอมยิ้ม หัวเราะ หรือเพื่อที่จะร้องไห้ให้กับภาพเหล่านั้น และแม้จะอายุเพียงยี่สิบกว่าๆ แต่พลอยก็มีภาพอดีตกับกลุ่มเพื่อนสาวซึ่งเป็นความประทับใจหนึ่งของเธอเช่นกัน

"เพิ่งเจอกิ๊ฟ(กุศลิน โควหกุล)เองค่ะ เขามางานแฟต มาซื้อซีดีพลอยด้วย คือมันมาอยู่แล้ว ก็เลยแวะมาหา ก็ดีค่ะ ตอนนี้กิ๊ฟเรียนหนังสืออยู่ซานฟรานฯ (ได้คุยเรื่องเก่าๆ บ้างไหม?) ไม่ได้คุยเรื่องนั้นเลยค่ะ เจอกัน ก็ถามว่าเป็นยังไง ต่างคนต่างโตแล้วน่ะค่ะ ต่างคนต่างทำนู่นทำนี่ ไม่เหมือนกัน กิ๊ฟก็เรียนหนังสือ ตั้งใจ ส่วนแอนนี่(ธีรดา รัตตะกุญชร)ก็เป็นสาวออฟฟิศ ก็คนละแบบกันไป พลอยว่ากิ๊ฟเขาคงอยากทำเพลงอยู่นะคะ แต่ว่าเขาคงไม่มีช่องทางที่จะไปทำเพลง เขาคงยังไม่รู้สไตล์เขา แต่พลอยเชื่อว่าเขาอยากทำอยู่นะ แต่แอนนี่พลอยไม่แน่ใจว่าเขาจะอยากหรือเปล่า"

ในวันธรรมดากลางสัปดาห์ พลอย หอวังประกอบอาชีพเป็นดีไซเนอร์ที่ใช้สมองออกแบบรองเท้าและกระเป๋าเครื่องหนังให้กับแบรนด์วิเอร่า บาย ลากาเซ่ อยู่บนตึกเก่าแก่ย่านราชประสงค์ ส่วนในช่วงเย็นย่ำของบางวัน เธอก็จะเจียดเวลาส่วนหนึ่งให้กับวง The Diet Pills ของตัวเอง นอกจากนั้นพลอยยังร่วมกับคู่แฝด เพชร - รัตนรัตน์ และ พลอย - รัตนารัตน์ เอื้อทวีกุล เปิดแบรนด์ ppp ซึ่งมีช็อปอยู่ที่สยามสแควร์ซอยหนึ่งอีกด้วย

เมื่อเหลียวมองอดีต แช่สายตาจนเห็นปัจจุบันแล้ว ก็อดไม่ได้ที่จะพูดถึงเรื่องอนาคต อนาคตของอดีตสาวเสียงใสที่มีสำเนียงแหบแปร่งในปัจจุบันคือวันนี้  เพราะพลอยมักจะบอกกับตัวเองเสมอว่า จะไม่คิดอะไรไปไกลเกินกว่าคติประจำใจที่ใครหลายคนท่องจำขึ้นใจนั่นคือ 'ทำวันนี้ให้ดีที่สุด'

"พลอยไมได้มองอะไรให้มันกว้างไกลจนเกินไปนะ ก็คิดว่า เออ ทำวันนี้ให้ดีที่สุดก็โอเคแล้วค่ะ เราควรมีโกลด์ใช่ไหมคะ แต่ถ้าเราไปสร้างกรอบให้โกลด์เรา เราก็จะไม่ลองทำนู่นทำนี่ แล้วไม่ผิด ไม่พลาด ตลอดเราก็จะไม่ปรับปรุงตัวเอง ซึ่งพลอยคิดว่าพลอยไม่ตั้งโกลด์อะไรนักหนาว่าเราต้องทำแบบนู้นแบบนี้ โตขึ้นมาเราต้องอยู่ที่นี่ เราต้องสร้างเงินเพื่อที่เราจะได้เป็นแบบนู้นแบบนี้ ไม่มีค่ะ

 "พลอยว่า ทำวันนี้ให้ดีที่สุดน่ะโอเคแล้วล่ะ จริงๆ นะ"












กำลังโหลดความคิดเห็น