xs
xsm
sm
md
lg

“แพง” โต้ไม่เคยจิกด่า “โบวี่” อีหน้าศัลยกรรม ยันไม่เคยทะเลาะกับ “ฟลุค” แต่ฝ่ายชายดันบอกมีบ้างนิดหน่อย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“แพง” คอมเฟิร์มไม่เคยด่า “โบวี่” อีหน้าศัลยกรรม ลั่นไม่เคยรู้จัก ไม่รู้จะด่าไปทำไม พร้อมกับโต้ข่าวทะเลาะกับอดีตหวานใจ “ฟลุค เกริกพล” ที่โรงพยาบาล แต่ฝ่ายชายกลับบอกมีทะเลาะกันบ้าง ส่วนโอกาสรีเทิร์นทั้งคู่ปัดให้เป็นเรื่องของอนาคต

โคจรมารับทรัพย์ออกงานคู่กันอีกครั้งหลังจากสะบั้นรักกันไปหลายเดือนแล้ว โดยครั้งนี้ “แพง ขวัญข้าว เศวตวิมล” กับหนุ่มคาสโนว่าบ้าของแพง “ฟลุค เกริกพล มัสยวานิช” ได้โคจรมาร่วมงาน "เทศกาลผมไม้นานาชาติ Fruit Paradise @ Central Praza ชลบุรี" โดยทั้งคู่ต้องมาร่วมกิจกรรมปากแนบปากแข่งรับประทานผลไม้จากพวงเดียวกันประดุจคู่รักใหม่ อย่างไรก็ตามอดีตคู่รักหวานแหววก็สามารถร่วมสนุกกับกิจกรรมได้อย่างมืออาชีพ โดยแพงบอกว่าต้องแยกแยะให้ออกว่า อันไหนเรื่องงาน อันไหนเป็นเรื่องส่วนตัว

ฟลุค : “เราเองก็ไม่ได้ออกงานคู่กันพอสมควร ก็ไม่ได้รู้สึกแปลกอะไรตัวผมเฉยๆ ก็คิดว่ามันก็เป็นงาน ตัวเราเองก็เจอกันอยู่แล้วไม่ใช่ว่าเราไม่เจอกันเลยมันก็เลยไม่ได้เป็นเรื่องที่แปลกอะไร ก็เหมือนเรามาเจอกันตามปกติแต่เป็นมาเจอในงาน”

แพง :“ของแพงมางานด้วยกันปกติ ไม่ได้รู้สึกแปลกอะไร วันนี้ถึงแม้ว่างานจะให้เรามาร่วมสนุกกินผลไม้แต่ไม่มีว่าปากจะชนกันนะ มาสนุกมากกว่ามาร่วมกิจกรรมมากกว่า งานก็คืองาน ความสัมพันธ์เป็นยังไงก็อีกเรื่องหนึ่ง ต้องแบ่งแยกให้ถูก”

ด้าน “แพง” ลั่นไร้สาระด่า “โบวี่” อีหน้าศัลยกรรม บอกตนไม่เคยด่าหรือพูดถึงคู่กรณีเลยเพราะไม่เคยรู้จักกัน พร้อมยันตนไม่ได้มีปากเสียงกับฝ่ายชายที่โรงพยาบาลอย่างที่เป็นข่าว
แพง :“เรื่องโบวี่ไม่รู้เรื่องเลยค่ะ วันนั้นเราก็ไม่ได้คุยกันถึงเรื่องโบวี่ด้วยก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่ามันเป็นประเด็นได้ยังไง ไม่รู้เรื่องอะไรเลย เท่าที่ทราบเป็นข่าวก็เพราะว่าไปเยี่ยมพี่ที่สนิทที่โรงพยาบาล แล้วก็บอกว่ามีการพูดถึงน้องเขาซึ่งจะเป็นประเด็นพูดถึงได้ไงมันไม่เกี่ยวกันเลย คนละเรื่องกันเลยไปเยี่ยมหลานที่โรงพยาบาลไม่ทราบว่าเป็นข่าวแบบนี้ได้ไง ไร้สาระมาก งงมาก แล้วยืนยันเลยค่ะว่าวันนั้นไม่มีการทุบตีกันแน่นอน ”

ฟลุค :“ก็อย่างที่เคยบอกไปแล้วว่าเจอกัน ไม่ได้ไปด้วยกันแต่ไปเจอกันที่โรงพยาบาล แล้วเราก็ไม่ได้ทะเลาะกันคุยกันตามปกติ แต่ก็มีบางเวลาบ้างที่มันออกรสชาติเสียงดังไปนิดนึง (หัวเราะ) ปาโทรศัพท์ก็ไม่มีเดี๋ยวพังไม่คุ้มครับ”

แพง :“กับเรื่องที่บอกว่าแพงไปว่าน้องเขาว่าอีหน้าศัลยกรรม คือต้องบอกก่อนว่าแพงไม่ได้รู้จักน้องเขาเป็นการส่วนตัวนะคะ แล้วมันก็จะไม่มีประเด็นเรื่องที่ต้องพูดถึงเขาแน่นอน เพราะว่าไม่ได้รู้จักกันเป็นการส่วนตัวเลยไม่มีเรื่องที่จะต้องพูดถึงกันอยู่แล้ว ยืนยันว่าไม่ได้พูด ไร้สาระมาก ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าเอามาเกี่ยวกันยังไง มันไม่มีอะไรที่จะต้องพูดถึง วันนั้นพี่ฟลุคเองก็อยู่ด้วย ข่าวมันก็คือข่าว อยากจะชี้แจงกับน้องเขามั้ยแพงว่าน้องเขาคงเข้าใจ แล้วแพงว่ามันก็ไม่มีเรื่องอะไรที่จะต้องคุยกันเพราะมันเหมือนแค่การเป็นกระแสให้เป็นข่าวขึ้นมาเท่านั้นเอง เท่าที่จำได้แพงก็เคยเจอกับน้องเขานะแต่นานมากแล้ว น้องเขาก็ปกติไม่มีอะไร มันไม่มีเรื่องที่ต้องเป็นเรื่องเลย เรื่องที่เกิดขึ้นมาทั้งหมดมันไร้สาระมากสำหรับแพง เพราะว่ามันคือเรื่องของข่าว ”

ฟลุค :“ก็ยืนยันว่าเขาไม่ได้พูดจริงๆ ระหว่างที่ผมอยู่เขาก็ไม่ได้พูด แล้วเขาก็ไม่เคยที่จะติดต่อกัน ไม่ได้เป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว แพงเขาไม่ใช่คนอย่างนั้น แล้วอีกอย่างหนึ่งก็คือมันไม่รู้จะพูดถึงทำไมมันเหมือนกับไม่มีความเป็นไปได้ คือไม่ได้เจอเขา มันไม่มีเหตุผลที่จะต้องพูดถึงกัน กับข่าวแบบนี้ก็มักจะเกิดขึ้นกับผมอยู่เรื่อยๆ อยู่แล้วผมชินแล้ว ไม่ค่อยรู้สึกอะไรเท่าไหร่ กับเรื่องนี้ผมเชื่อว่าโบวี่เขารู้อยู่แล้วว่ามันเป็นยังไง แล้วข่าวที่ออกมานี่มันเหมือนกับช่วงหลังจากที่เป็นข่าวว่าเราเลิกกัน ฉะนั้นมันไม่ใช่อยู่แล้วผมว่าเขาน่าจะเข้าใจ เขาเองก็อยู่วงการนี้มานานพอสมควรที่จะรู้แล้วว่าอะไรเป็นอะไรน่าจะไม่มีปัญหา”

เฉไฉปัดตอบโอกาสรีเทิร์น อ้างให้เป็นเรื่องของอนาคต
ฟลุค :“อนาคตก็เป็นเรื่องของอนาคต ณ ตอนนี้ยังตอบไม่ได้ เรายังคุยกันอยู่ตลอด ส่วนเรื่องง้อมั้ยคือง้อหรือไม่ง้อมันไม่ใช่ประเด็น เรายังเจอกันอยู่เรื่อยๆ คุยกันอยู่เรื่อยๆ คือเราไม่ได้เกลียดหรือว่าทะเลาะกันเหมือนที่หลายคนอาจจะคิด ฉะนั้นเราเจอกันแล้วเราก็มีความหวังดีให้แก่กันมันก็ไม่มีอะไรที่แน่นอนในอนาคต”

แพง :“ถ้าพูดถึงว่าจะกลับไปมั้ยอะไรมั้ย แพงว่าตอนนี้ก็เป็นเพื่อนกัน เราได้ถอยห่างเราได้มาดูว่าเราต้องการอะไรอย่างนั้นดีกว่า ให้แต่ละคนได้ไปเรียนรู้ให้หาช่องว่างแก่กันและกันว่าเราต้องการอะไรดีกว่า เรื่องของอนาคตก็ปล่อยให้เป็นเรื่องของอนาคต ให้คำตอบไม่ได้จริงๆ เรื่องของคนสองคนมันตอบยาก อย่างทุกวันนี้ก็รู้สึกดี แพงว่าการถอยห่างของเรามันทำให้เรามีช่องว่างในการใช้ชีวิตมากขึ้น พอถอยห่างกลายมาเป็นเพื่อนมันก็เป็นอีกคนละความรู้สึกดี”



กำลังโหลดความคิดเห็น