"ซาแมนธา ไกเมอร์" เหยื่อในคดีข่มขืนโดยผู้กำกับชื่อดังชาวโปแลนด์ "โรมัน โปลันสกี้" เมื่อกว่า 30 ปีก่อนได้ยื่นต่อศาลของจำหน่ายคดีอันโด่งดังนี้ออกไปเสียที หลังความอื้อฉาว และเป็นที่สนใจต่อคดี มีผลกับชีวิตส่วนตัวของเธออย่างหนัก ทั้งทำลายสุขภาพจิต สุขภาพกาย และอาจทำให้ต้องเสียงานประจำไป
ตัวแทนด้านกฎหมายของ ไกเมอร์ ได้ยื่นคำร้องต่อศาลของเมืองแคลิฟอร์เนีย เพื่อให้จำหน่ายคดีอาญาที่ผู้กำกับชื่อดัง ถูกแจ้งข้อหา ข่มขืน และมีเพศสัมพันธ์กับเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี เมื่อ 30 ปีก่อน ซึ่งตอนนั้น ไกเมอร์ มีวัยเพียง 13 ปีเอง
ตามคำร้องนั้น ไกเมอร์ แจ้งว่าเธอไม่สามารถใช้ชีวิตแบบปกติสุขได้ หลังจากข่าวเรื่อง โปลันสกี้ ถูกจับดำเนินคดีในสวิสเซอร์แลนด์ เมื่อวันที่ 26 ก.ย. ที่ทำให้สื่อมวลชนหันความสนใจมายังตัวของเธอ และครอบครัวอีกครั้ง
ไกเมอร์ ที่ได้ตกลงยอมความกับโปลันสกี้ไปนานแล้วขณะนี้อาศัยอยู่ในรัฐฮาวาย ระบุว่าเธอถูกติดตามโดยนักข่าว มีโทรศัพท์มาถึงที่บ้านถึง 500 กว่าสาย จากสำนักข่าวมากมายจากหลากหลายประเทศ ถูกร้องขอให้สัมภาษณ์เปิดใจถึงเรื่องราวดังกล่าวจาก พิธีกรชื่อดังอย่าง แลร์รี่ คิง และโอปราห์ วินฟรีย์ ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่เธอต้องการเลย
"คดีที่เกิดขึ้นกลายเป็นความกดดันมาที่เธอ" ผู้ใกล้ชิดหญิงสาวผู้เคราะห์ร้ายกล่าว "มันทำให้เธอต้องประสบกับปัญหาสุขภาพ รบกวนสมาธิในการทำงาน ตอนนี้เจ้านายของ ซาแมนธา ไม่พอใจกับเรื่องดังกล่าวเป็นอย่างมาก เธออาจจะต้องถูกไล่ออกจากงาน"
หลังจากคำร้องของ ไกเมอร์ ถูกใช้ประกอบในการยื่นอุทธรณ์โดยทนายความของ ผู้กำกับชื่อดัง อัยการเขตของลอส เองเจลลิส สตีฟ คูเลย์ ออกมายืนยันว่า คดีดังกล่าวไม่สามารถยุติได้ด้วยวิธีนี้อย่างแน่นอน เพราะคดีอาญาจำเป็นจะต้องสิ้นสุดด้วยกระบวนการทางศาลเท่านั้น และการดำเนินคดีครั้งนี้ ไม่ได้ทำไปเพื่อกลั่นแกล้ง ผู้กำกับคนดังแต่อย่างใด
คดีความดังกล่าวนี้เกิดขึ้นเมื่อปี 1977 เมื่อโรมัน โปลันสกี้ ผู้กำกับชื่อดัง ถูกล่าวหาว่ามอมยาข่มขืน นางแบบเด็กวัย 13 ปี ซาแมนธา เกย์ลี่ (ชื่อในขณะนั้น) หลังจากชวนให้เธอมาถ่ายแบบ หลังจากคดีดำเนินไปด้วยความซับซ้อน โปลันสกี้ ตัดสินใจหนีออกจากสหรัฐ หลังมีทีท่าว่าเขาจะต้องถูกคุมขัง เขาอาศัยอยู่ที่ฝรั่งเศสจนมาถึงปัจจุบัน
ก่อนหน้านี้ ซาแมนธา ไกเมอร์ เคยออกมาพูดต่อสาธารณะว่าเธอให้อภัยผู้กำกับชื่อดังแล้ว ซึ่งเกิดขึ้นหลังจากที่ในปี 1998 มีการฟ้องร้องทางแพ่งเกิดขึ้น โดยมีรายงานระบุว่า ผู้กำกับวัย 67 ปีตัดสินใจชดใช้ค่าเสียหายเป็นจำนวนถึง 500,000 เหรียญทีเดียว