หวั่นประวัติศาสตร์ซ้ำรอย โต้โผ “มิสทีนไทยแลนด์” ชี้ปีนี้สกรีนประวัติคัดสาวน้อยก่อนเข้าประกวดเข้มกว่าเดิม ยกกรณี “การ์ตูน-นิคกี้-หมิว” เป็นตัวอย่าง แต่ไม่เข้มงวดจัดอ้างคนเยอะ พร้อมยันข่าวฉาวที่ผ่านมาไม่ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์เวที “มิสทีนฯ” ตรงกันข้ามมีผู้มาสมัครเพิ่มขึ้น ส่วนเรื่องหน้าตาไม่นิยมสาวผ่านมีดหมอ โวเวทีนี้เน้นสาวหน้าใสของจริงล้วนๆ
ถือว่าเป็นเวทีการประกวดที่ฉาวที่สุดอยู่ในขณะนี้ สำหรับ “มิสทีนไทยแลนด์” โดยตลอด 7 ปีที่ผ่านมา อดีตสาวงามที่เคยผ่านเวทีนี้ได้ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันสร้างข่าวฉาว จนกลายเป็นเรื่องทอล์ค ออฟ เดอะทาวน์ หลายต่อหลายครั้ง แต่ที่ดูเป็นกรณีใหญ่โต คงเป็นเมื่อครั้งดาราสาว “การ์ตูน อินทิรา เกตุวรสุนทร” ที่แหกตากรรมการ มาเข้าประกวดทั้งที่มีสามีนอนกกกอดอยู่ที่บ้าน แถมผู้ชายคนนั้นยังเป็นสามีคนอื่น เข้าข่ายเป็นเมียน้อยแย่งผัวชาวบ้านมาว่างั้นเถอะ
ถัดมาเป็นรองอันดับ 1 มิสทีนไทยแลนด์ ปี 2007 “นิคกี้ พานทอง เข็มทอง” ที่แอบติดสินบนเจ้าหน้าที่เพื่อให้ปล่อยตัวแฟนหนุ่มที่เป็นนักค้ายาเสพติด สุดท้ายก็ถูกตำรวจรวบตัวในข้อหาให้สินบนเจ้าหน้าที่พนักงาน ล่าสุดเป็นรายของ “หมิว สิรัลภัส กองตระการ” รองอันดับ 2 มิสทีนไทยแลนด์ ปี 2003 ที่ไปแก้ผ้าเปลือยอกเล่นหนังแผ่นเรื่อง “มนต์รักนางเงือก” ตั้งแต่สมัยวัยยังเอ๊าะ แม้เจ้าตัวจะพยายามแก้ตัวว่า เป็นการใช้สแตนด์อิน และใส่สม็อคปิดหน้าอกตลอดทั้งเรื่อง แต่ภาพที่ออกมามันฟ้องและทำให้เชื่อยาก
และในขณะที่การประกวด “มิสทีนไทยแลนด์ ปี 2009” กำลังร้อนระอุ จะมีการตัดสินและประกาศผลรางวัลในช่วงเย็นวันนี้ (22 ต.ค.) ว่า สาวน้อยนางไหนจะมาวินคว้ามงกุฎไปครอง ทางบันเทิงผู้จัดการออนไลน์ได้สอบถามไปยังโต้โผใหญ่ของการประกวด “นายทิฐินันท์ โชตินันทน์” ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ บริษัท อินสไพร์ เอนเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด ถึงเกณฑ์การคัดเลือก และความเข้มงวดในการสกรีนประวัติของสาวน้อยผู้เข้าประกวด เพื่อไม่ให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยนางงามรุ่นพี่อีก ก็ได้รับการชี้แจงกลับมาว่า
“ปีนี้เรามีการคัดเลือกที่แตกต่างกว่าทุกปีอยู่แล้ว คือปีนี้เริ่มจากคอนเซ็ปต์ที่ใช้คัดเลือกระดับภูมิภาค การคัดเลือกของปีก่อนๆในระดับภูมิภาคเราทำในห้องปิด มีเฉพาะคณะกรรมการกับตัวน้องเท่านั้นที่จะเห็นกัน แต่ในปีนี้เราต้องการให้น้องได้แสดงออกต่อหน้าคนเยอะๆ เป็นโอเพ่นสเปซ อย่างตอนคัดเลือกภาคเหนือเราก็จัดกันที่กาดสวนแก้วบริเวณลานด้านหน้า ส่วนของพัทยาเราก็จัดบริเวณหน้าห้างเซ็นทรัลเฟสติวัล ทางภาคอีสานก็อุดรธานีเราจัดบริเวณลานหน้าห้างเซ็นทรัลเหมือนกัน เพราะฉะนั้นคอนเซ็ปต์ที่เปลี่ยนไป ที่เห็นได้ชัดๆคือน้องจะได้แสดงออกต่อหน้าคนกลุ่มมากได้มากกว่าทุกๆปี”
“เรื่องของบุคลิกลักษณะภายนอก ในทุกปีเราพยายามคัดเลือกให้น้องๆมีลักษณะที่หลากหลายกันออกไป ก็จะมีผสมปนเปกันมา ส่วนเรื่องความสามารถน้องที่คัดเลือกมาก็เก่งๆกันทุกปี อย่างปีนี้ก็เก่งๆกันหลายคน สังเกตได้จากการทำกิจกรรมต่างๆอาทิการซ้อมเต้น ปีนี้น้องๆจะเข้าใจกันได้เร็ว เพราะฉะนั้นในด้านพัฒนาการของการโชว์ ครูฝึกก็จะบอกมาเลยว่าน้องคิดอะไรกันได้เร็วขึ้น”
เผยผู้เข้าประกวดทุกคน ผ่านการสกรีนประวัติมาอย่างดี หลังเกิดกรณี “การ์ตูน อินทิรา เกตุวรสุนทร” ดีกรีนางงามผมสวย มิสทีนไทยแลนด์ปี 2003 ที่แหกตากองประกวดโกหกว่าโสด ทั้งที่เคยผ่านการแต่งงานมาแล้ว
“ส่วนเรื่องประวัติเบื้องหลังของผู้เข้าประกวด จริงๆแล้วมิสทีนมีการสกรีนอยู่แล้วทุกปี แต่ด้วยความที่เวทีนี้น้องเขาก็ไม่ได้โตมาก ก็ไม่ค่อยจะมีประวัติอะไรมากมาย ส่วนใหญ่น้องๆที่เข้าประกวดก็จะอยู่ในช่วงมัธยมเป็นหลัก คุณสมบัติแรกของเราเลยก็คือ น้องต้องเรียนมัธยม หรือว่ามหาวิทยาลัย มีการศึกษาเพื่อที่จะเข้ามาตรงนี้”
“ส่วนจะผ่านสังกัดใครมาบ้างแล้วแต่คน เพราะน้องส่วนใหญ่อายุก็จะอยู่ในระดับ 15-18 ปี เรื่องการสกรีนประวัติน้องๆเราก็ไม่ได้เข้มงวด ถึงขั้นส่งคนไปประกบตามดูพฤติกรรมอะไรขนาดนั้น เพราะแต่ละภาคก็มากันเป็นพันๆคน เบื้องต้นเราก็มีการสอบถามประวัติ เท่าที่ทราบก็ไม่มีใครที่มีประวัติเสียหาย เพราะน้องเองก็ยังอายุน้อย”
“ถ้าถามถึงกรณีที่ผ่านมา อย่างเรื่องน้องการ์ตูนที่เขาเคยแต่งงานมาแล้ว หรือในกรณีน้องๆคนอื่นๆไม่ว่าจะเป็นน้อง นิคกี้ หรือว่า น้องหมิว ที่มีข่าวฉาว ตรงส่วนนั้นผมเองก็ไม่แน่ใจ ผมขอไม่ตอบได้มั้ยเพราะผมอาจจะไม่ได้อยู่ใกล้ชิดกับตรงนั้น ผมเพิ่งมาจับตรงนี้ได้แค่ 2 ปีกว่า แต่ปกติเราก็ดูกันอย่างละเอียดอยู่แล้ว อย่างตัวคอนเนคชั่นในการที่ผู้ปกครองหรือตัวน้องเองต้องเซ็น ก็จะต้องเป็นความจริงทั้งหมด”
“มาพักหลังๆเรามีการสกรีนเด็กที่เข้ามาประกวดกันมากขึ้น ถ้าจะมองว่าข่าวที่ผ่านมามันส่งผลต่อภาพลักษณ์ของเวทีการประกวดเรามั้ย ผมมองว่าคงแล้วแต่คนจะคิด บางคนก็อาจจะมองไปในทางด้านมีผลกระทบ แต่ในอีกแง่มุมนึงบางคนก็อาจจะมองว่ามันไม่ได้เกี่ยวกัน ส่วนตัวผมมองว่ามันไม่น่าจะเกี่ยว มันอยู่ที่ความสามารถของคนมากกว่า”
บอกปีนี้พบเด็กทำศัลยกรรมหลายราย แต่ยันเวทีนี้เน้นความใสในแบบวัยทีนเป็นหลัก
“เรื่องศัลยกรรมผมว่ากรรมการดูออกอยู่แล้ว บอกได้เลยว่าเด็กสมัยใหม่นิยมทำศัลยกรรมกันค่อนข้างเยอะ ส่วนใหญ่กรรมการก็จะดูกันเอง อย่างรอบแรกๆก็จะมีน้องประเภทนี้เยอะ ยิ่งปีนี้มีน้องเข้ามาสมัครกันมากกว่าทุกๆปีด้วย ซึ่งถ้าถามต่อว่าทางเราเปิดโอกาสให้น้องๆที่ทำศัลยกรรมบนเวทีมั้ย"
"ตรงนี้ผมว่าเราต้องการน้องๆที่ออกแนวใสๆไม่ศัลยกรรมมากกว่า มิสทีนต้องการน้องที่ดูลุคส์ใสๆ ดูบริสุทธิ์ เราก็จะโฟกัสตรงนั้นเป็นหลัก ส่วนเรื่องคอนแทคเลนส์หรือใส่บิ๊กอาย ที่วัยรุ่นกำลังนิยมในปัจจุบัน ทางเราก็ไม่อนุญาตให้น้องใส่ขึ้นเวที น้องคนไหนสายตาสั้น ก็ต้องใส่สีคอนแทคเลนส์เหมือนสีตาจริงเท่านั้น”