“จอห์น นูโว” เปิดแถลงข่าวยันไม่ได้เบี้ยวค่าแรงพนักงาน เผยได้มีการจ่ายค่าชดเชยเรียบร้อยแล้ว ส่วนเรื่องยักยอกทรัยพ์เจ้าตัวแจงไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้เพราะอยู่ในขั้นตอนการฟ้องร้อง
หายหน้าไปนานจู่ๆ ก็ตกเป็นข่าวไม่จ่ายค่าแรงพนักงานบริษัท ทรัยคาสสท์ เอ็นเตอร์เนเม้นท์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทที่ “จอหน์ นูโว” นรศักดิ์ รัตนเวโรจน์ ร่วมหุ้นด้วย นอกจากนั้นแล้วก็ยังมีข่าวว่าจอห์นยักยอกทรัพย์บริษัทดังกล่าวด้วย โดยมีรายงานข่าวว่าเมื่อวันก่อนเจ้าตัวได้เดินทางมาที่ศาลแรงงานท่ามกลางสื่อมวลชนที่มารอทำข่าวอย่างคับคั่ง และทันทีที่เห็นผู้สื่อข่าวจอห์นก็วิ่งหนีไม่ให้สัมภาษณ์แต่อย่างใด
ล่าสุดจอห์นก็ได้เปิดแถลงข่าวถึงกรณีดังกล่าวพร้อมกับทนายความ “สุชาติ มีสมบูรณ์พูนสุข” ยืนยันว่าไม่ได้วิ่งหนีผู้สื่อข่าว เผยได้มีการจ่ายค่าชดเชยให้กับพนักงานเรียบร้อยแล้ว ส่วนเรื่องคดียักยอกทรัพย์นั้น เจ้าตัวไม่ขอเปิดเผยเพราะคดียังอยู่ในชั้นศาล
"สืบเนื่องจากเรื่องของข่าวที่ออกไปนะครับมีอยู่สองสามประเด็นอยู่ด้วยกัน ซึ่งมาปะปนอยู่ด้วยกัน ประเด็นแรกคือในเรื่องข่าวที่ว่าผมนั้นเบี้ยวค่าใช้จ่าย หรือค่าชดเชยเงินของพนักงานบริษัท ทรัยคาสสท์ เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ นะครับ อันนั้นเรื่องที่หนึ่งซึ่งขออนุญาติพูดอันนี้ก่อนเลย คือเรื่องของการเบี้ยวค่าใช้จ่ายของพนักงานในบริษัท ทรัยคาสสท์ เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ นั้นเป็นเรื่องเท็จไม่ใช่เรื่องจริง ผมไม่เคยมีเจตนาที่จะเบี้ยวค่าใช้จ่ายของลูกน้องแต่อย่างใดเลย"
"อันสืบเนื่องจากว่า ผมไม่ใช่เพียงผู้ที่ตัดสินในเรื่องของการจะเซ็นเช็คจ่ายให้พนักงานได้ บริษัทจะมีโครงสร้างอยู่จะจ่ายเงินออกจากบริษัทก็จะต้องผ่านการเห็นชอบจากผู้ถือหุ้น หรือกรรมการท่านอื่นๆ ซึ่งการเดินทางไปศาลในวันนั้นเป็นการเดินทางไปเพื่อที่จะไปเจรจากับหุ้นส่วน โดยทางศาลคดีแรงงานจะเข้ามาเจรจากันแล้วก็ดำเนินการในการที่จะไกล่เกลี่ย"
"ปรากฏว่าการไกล่เกลี่ยได้จบลงด้วยดี พนักงานของบริษัทได้รับค่าชดเชยเป็นที่เรียบร้อยในวันนั้น คือถ้าได้ทราบข้อเท็จจะก็จะทราบว่าผมไม่ได้เบี้ยวมีการชดเชยอย่างถูกต้อง แต่ไม่ใช่จากผมคนเดียวจากบริษัท ทรัยคาสสท์ เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ ซึ่งต้องขอขอบคุณลูกน้องของผมบางคนนะครับที่เคยทำงานที่บริษัท ทรัยคาสสท์ เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ มาอยู่ที่นี่ด้วย มาให้กำลังใจผม แล้วก็พร้อมที่จะมาบอกมุมมองของเค้า เพราะว่าเค้าอยู่ที่นั่นด้วยในวันที่เราเจรจากัน นั่นประการที่หนึ่ง"
"ในเหตุการณ์วันเดียวกันนั้นข้อที่สองก็คือ เรื่องของการวิ่งหนีนักข่าว ผมอยู่วงการนี้มานานมาก ไม่รู้ว่านานไปหรือเปล่า ผมไม่เคยวิ่งหนีนักข่าวครับ ผมอาจจะไม่ได้เป็นคนที่เจอะเจอพูดคุยกับนักข่าวบ่อยมากสักเท่าไหร่นัก แต่ผมก็อยู่ในวงการนี้ตั้งแต่พี่หลายคนขึ้นไปเป็นผู้บริหารแล้ว น้องๆ ที่เป็นนักข่าวก็มาเป็นนักข่าวแถวหน้ากันแล้ว การวิ่งหนีนักข่าวที่เป็นการถ่ายภาพอันนั้น ผมขออนุญาตเล่าว่าอย่างนี้นะครับ"
"ผมเดินทางไปถึงศาลช้าจนผู้พิพากษานั้นได้ติเตือน หมายถึงว่าผมนั้นอยู่ในรถ อยู่บนทางด่วน มีอุบัติเหตุที่อยู่บนทางด่วนผมถึงเดินทางมาช้า ทนายคุณสุชาติ ก็โทรมาบอกคุณจอห์นครับ ผู้พิพากษาเริ่มต่อว่าแล้วนะว่าทำไมผมถึงมาช้า ปรากฏว่าผมมาช้าครึ่งชั่วโมง ไม่สามารถที่จะเข้าไปจอดรถในบริเวณศาลแรงงานได้ ผมก็เลยจอดตรงกันข้าม แล้วผมวิ่งข้ามทางม้าลาย เพราะว่าถ้าเกิดต้องไปกลับรถแถวสีลมอีกเนี่ยต้องใช้ระยะเวลาอีกประมาณ 15 นาทีอย่างต่ำ ผมก็เลยตัดสินใจวิ่งจากฝั่งตรงกันข้าม ข้ามทางม้าลายเหมือนปกติแล้วก็วิ่งตรงเข้าสู่ศาลแรงงาน ซึ่งก็ทราบดีอยู่แล้วว่ามันก็คือวิ่งตรงเข้าไปสู่ห้องเจรจา"
"ระหว่างที่ผมวิ่งไปนั้นน่ะครับ ผมก็ไม่ทราบว่านักข่าวนั่งอยู่แถวนั้น เพราะคงจะนั่งอยู่แถบซีกซ้ายผม ผมมองไม่เห็นใครสังเกตจากในภาพได้ ไม่มีใครอยู่ในภาพเลย ผมก็วิ่งตรง เสร็จแล้วจนมารู้อีกทีว่ามีนักข่าวก็จนคนร้องเรียกว่าพี่จอห์น ผมก็หันมาแชะ โดนเข้าไปเต็มๆ ก็ยังยิ้มไม่แน่ใจว่าผมยังยิ้มอยู่ในภาพหรือเปล่า ต้องชมว่าคนที่ถ่ายได้คงจะปรับหน้ากล้องเป็นชัตเตอร์แบบพวก sporty ก็คลาสสิคดีครับภาพนี้ แต่ไม่ใช่วิ่งหนีนักข่าวเลย กลับกันนะครับ หลังจากที่ได้เจรจากันแล้ว ผมออกมาจากห้องเจรจาดังกล่าวแล้วก็ออกมา แล้วก็ยังมีโอกาสสัมภาษณ์กับนักข่าวช่อง 7 ถึงผลของการเจรจาว่าพนักงานทุกคนได้รับเงินที่ตัวเอง พึงได้รับไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว นี่ก็เป็นที่มาของสองข่าวนี่นะครับ"
"ส่วนอีกเรื่องหนึ่ง ถ้าเกิดจะมองในมุมผมเนี่ยมันไม่ชอบมาพากลนิดหนึ่ง ตรงที่ว่าทำไมถึงมีเรื่องเกี่ยวกับการยักยอกเงิน 3.5 ล้าน โดยผมอีกเช่นเคยออกมาอยู่ในข่าวดังกล่าวด้วย ทั้งๆ ที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับคดีของพนักงานในการที่จะขอเงินชดเชย แต่ถ้าพูดถึงในเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ยังอยู่ของขั้นตอนในศาลอยู่ โดยส่วนตัวผมผมเข้าใจว่าผมไม่ได้ยักยอก เพราะว่าผมเอาเงินดังกล่าวมาบริหารจัดการในบริษัท สามารถชี้แจงทุกรายละเอียดของเงินดังกล่าวได้ แล้วมันก็ไม่ใช่เรื่องที่ผมจะมาสามารถพูดอะไรในตอนนี้ได้ ตามความเข้าใจของผมเราไม่ควรจะเอาคำพูดในศาลมาพูดหรืออะไร แม้กระทั่งทนายก็คงจะพูดไม่ได้ สื่อมวลชนก็คงจะพูดไม่ได้ ก็แปลกใจว่าทำไมเรื่องนี้ซึ่งเป็นอีกเรื่องหนึ่งดันมาอยู่ในเรื่องเดียวกัน ก็เลยมีเรื่องราวที่ผมอยากจะเล่าให้ฟัง"
จากนั้น “สุชาติ มีสมบูรณ์พูนสุข" ทนายความส่วนตัวก็ได้กล่าวเสริมว่า....
"เริ่มจากประเด็นแรกก็คือว่า เรื่องหนีนักข่าว คือผมก็อยู่ในเหตุการณ์ด้วยวันนั้นผมก็อยู่ที่ศาล มันก็เป็นเหมือนอย่างที่คุณจอห์นบอกก็คือไม่ได้เป็นการวิ่งหนีนักข่าว จริงๆ แล้วถ้ากลัวนักข่าวหรือหนีนักข่าวจริงๆ ก็คงไม่จัดแถลงข่าว นักข่าวก็มากันเยอะแยะ ประเด็นที่สองเรื่องของการที่ว่า กล่าวหาว่าคุณจอห์นเบี้ยวค่าแรงลูกน้องมันก็เป็นเรื่องที่ตรงกันข้ามกับข้อเท็จจริงโดนสิ้นเชิงเลยมันคนละเรื่องเลย ซึ่งจริงๆ แล้วในส่วนนี้บรรดาพนักงานที่เป็นโจทก์ฟ้องคดีนั้น บางส่วนก็ได้มานั่งอยู่ในห้องนี้แล้วด้วย ก็พร้อมที่จะยืนยันด้วยตนเองว่า จริงๆ แล้วคุณจอห์นเบี้ยวค่าแรงพนักงานจริงๆ หรือเปล่า ซึ่งในส่วนนี้เดี๋ยวคิดว่าคงจะให้ในส่วนพนักงานเค้ายืนยันอีกทีดีกว่า ยืนยันจากปากพนักงานที่เป็นโจทก์ฟ้องคดีเองเลย"