“มาร์กี้” เผยวินาทีเฉียดตายขับรถพุ่งชนบนทางด่วน ยังดีมีสติตะกายตัวเองออกทางหน้าต่าง อาการบาดเจ็บต้องเย็บหัวเข่า 14 เข็ม ส่วนแขนซ้ายเป็นรอยไหม้ ไม่หวั่นทำเสียโฉม เปรยอุบัติเหตุมีผลกระทบต่อการสอบพรุ่งนี้ รับผิดเองที่ประมาท ครั้งหน้าจะระวังตัวให้มากขึ้น
เกี่ยวกับกรณีที่นางเอกสาวหน้าลูกครึ่ง “มาร์กี้ ราศรี บาเลนซิเอก้า” จากละครเรื่อง “บาดาลใจ” ประสบอุบัติเหตุขับรถยนต์ฮอนด้า ซีวิคสีขาว หมายเลขทะเบียน ชพ 1221 กรุงเทพมหานคร พุ่งเข้าชนรถยนต์คันอื่นบนทางด่วนโทลล์เวย์บางนา บริเวณหน้าห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล บางนา เมื่อเวลาประมาณ 15.00 น.วานนี้ (29 ก.ย.) หลังเจ้าตัวเพิ่งสอบเสร็จจากมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ (เอแบค) บางนา และกำลังจะมุ่งหน้าไปทำเล็บต่อที่ทาวน์อินทาวน์
ความคืบหน้าล่าสุดเมื่อเวลาประมาณ 15.00 น.วันนี้ (30 ก.ย.) นางเอกสาวได้เปิดห้องพัก 14101 โรงพยาบาลสมิติเวช ศรีนครินทร์ เพื่อให้สื่อมวลชนได้เข้าไปสัมภาษณ์และสอบถามถึงอาการ เจ้าตัวจึงเปิดฉากเล่าถึงวินาทีที่เกิดอุบัติเหตุ พร้อมชี้ให้ดูบาดแผลที่เป็นหนักสุด ตรงบริเวณหัวเข่าโดนกระจกที่แตกบาด ส่วนแขนข้างซ้ายโดนถุงลมนิรภัยระเบิดใส่จนเป็นรอยไหม้
“วันที่เกิดเหตุพอดีหนูเพิ่งสอบเสร็จจากเอแบค บางนา กำลังชิลๆจะไปทำเล็บต่อที่ทาวน์อินทาวน์ โทรศัพท์ก็ไม่ได้คุย แค่ฟังเพลงเบาๆ พอดีมีรถชนกันอยู่ข้างหน้า คือเขาชนกันแล้วหนูเบรกไม่ทัน เพราะมันเป็นสิ่งที่เราไม่ได้คาดคิดเอาไว้ ถ้าเกิดเป็นถนนธรรมดาข้างหน้าจะเบรกอะไรก็เบรกไป แต่นี่บนทางด่วนเราไม่คิดว่าจะต้องเบรกแรงขนาดนี้ ด้วยความที่รถมาเร็วประมาณ 80 กม./ชม. หนูเลยหักหลบซ้าย เพราะรถมันถูกบล็อคไว้หมดทุกเลนแล้ว แต่หนูหลบไม่ได้ก็เลยชนเป็นคันที่ 4 คันสุดท้ายของกลุ่ม”
“ความรู้สึกตอนนั้นตกใจมาก มันอึ้ง ไม่คิดว่าเราจะชน คือมันชนแรงมากๆ ไม่คิดว่าจะมาชนแรงขนาดนี้ พอชนแล้วมันก็ฟุ้งไปหมด เราก็พยายามปีนกระจกข้างที่แตกออกมา เพราะประตูเปิดไม่ได้ แล้วก็มีพี่ๆที่ขับอยู่ข้างหลังจอดรถมาช่วย ถามว่าเราไหวมั้ย เขาก็ช่วยพยุงเอาทิชชู่มาซับเลือดให้ เพราะเลือดเยอะมาก ตอนนั้นคิดว่าหนูมีสตินะ เพราะพยุงตัวเองออกมาจากรถได้ ถึงแม้จะตกใจอยู่บ้าง แต่ก็คิดว่าทำยังไงก็ได้ให้ออกมาจากรถก่อน ที่เหลือของอะไรค่อยว่ากัน”
“หนูก็พยายามหยิบหาโทรศัพท์แต่ไม่เจอ ก็เลยหยิบกระเป๋าสตางค์ออกมา เพราะมันมีบัตรประชาชนและเอกสารต่างๆ แล้วก็ฝากให้พี่ๆแถวนั้นช่วยหยิบโทรศัพท์ออกมาให้ เขาก็ให้อีกคนไปช่วยหาโทรศัพท์ให้หนู แล้วก็เอาโทรศัพท์ของเขามาให้หนูโทร พี่เขาน่ารักมากต้องขอบคุณ แล้วมีรถกระบะอีกฝั่งหนึ่ง เหมือนเป็นรถของทางด่วนมาช่วยพาส่งโรงพยาบาล”
เผยอาการบาดเจ็บ และเพื่อความชัวร์จึงเอ็กซเรย์ทุกส่วนของร่างกายดูแล้ว ปรากฏไม่มีส่วนไหนได้รับความกระทบกระเทือน
“อาการบาดเจ็บเล็กๆน้อยๆก็จะมีที่ขากับแขน ตรงหัวเข่าจะหนักหน่อยโดนเย็บประมาณ 14 เข็ม เพราะมันโดนข้างในใต้พวงมาลัย คือมันมีอะไรเยอะ แล้วมันก็บาดเข้าไปลึกมาก เห็นเลือดมันไหลเยอะมาก หนูเลยเอาทิชชู่มาอุดเอาไว้ก่อน แล้วหนูก็เอ็กซเรย์หมดทั้งศรีษะ คอและหน้าอก ศรีษะไม่มีร้าว แต่คอเคล็ดนิดหนึ่งเหมือนนอนตกหมอน เพราะเราจะก้มมากกว่าปกติ ก็เลยไปกระแทกทำให้เคล็ดนิดหนึ่ง แต่ตรงหน้าอกไม่มีอะไร ส่วนที่เป็นแผลก็ไม่กลัวว่าจะเสียโฉม มันแค่นิดๆหน่อยๆเดี๋ยวไปเลเซอร์เอา แต่แผลตรงหัวเข่าลึกมาก คงต้องรอเช็คอาการดูอีกที”
“หนูจะอยู่โรงพยาบาลทั้งหมด 3 วัน วันแรกอยู่เพื่อดูอาการว่าเรามีเลือดคั่งที่สมองหรือเปล่า คือหมอก็ถามว่าเรามีไปกระแทกหรือเปล่า หนูก็บอกไปว่าไม่มีกระแทก แต่เพื่อความแน่ใจก็อยู่ก่อนวันหนึ่ง แล้ววันที่ 2 กับ 3 ก็อยู่เพื่อทำแผล เพราะแผลนี้มันเป็นแผลไหม้ ทำแผลลำบาก หนังมันจะร่นและย่น แล้วแผลค่อนข้างใหญ่พอสมควร ส่วนแผลบริเวณขาก็ยังเย็บไม่สนิท พวกแผลคิดว่าอีก 1-2 อาทิตย์ก็หาย แต่แผลตรงบริเวณหัวเข่า คิดว่ามันจะงอไม่ได้ เพราะไม่งั้นเดี๋ยวแผลจะฉีก มันจะไม่ติดกัน คุณหมออยากให้มันติดกันก่อนสักอาทิตย์หนึ่งแล้วค่อยงอ แต่ว่าต้องค่อยๆงอ ตรงหัวเข่าคิดว่าน่าจะใช้เวลาสักเดือนหนึ่ง”
รับอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นมีผลกระทบต่อการสอบที่มหาวิทยาลัยพรุ่งนี้ (1 ต.ค.) ส่วนงานละครผู้จัดฯ “จิ๋ม มยุรฉัตร” ใจดี สามารถรอได้ถึงสัปดาห์หน้า
“ผลกระทบก็มีเรื่องเรียน คือหนูยังสอบไม่เสร็จ ยังเหลืออีก 2 วิชาคือสอบวันพรุ่งนี้กับวันจันทร์ ซึ่งวันพรุ่งนี้คิดว่าคงไปสอบไม่ได้ เดี๋ยวคงทำเรื่องเพื่อขอสอบทีหลัง แต่วันจันทร์คิดว่าไปสอบได้ ส่วนเรื่องละครตอนนี้ก็มีเรื่อง หวานใจกับนายจอมหยิ่ง ของอาจิ๋ม (มยุรฉัตร เหมือนประสิทธิเวช) อาจิ๋มก็บอกว่าไม่ต้องห่วง อาทิตย์นี้ก็งดถ่ายไปก่อน เดี๋ยวอาทิตย์หน้าเท่าไหร่แล้วค่อยเจอกัน”
ยังไม่ตัดใจขายรถคันเก่า แม้สภาพข้างหน้าจะเละพังยับก็ตาม เพราะรักรถมาก รับตัวเองมีส่วนผิดที่ประมาท ครั้งหน้าจะระวังตัวมากขึ้นกว่าเดิม
“รถคันเดิมก็ต้องดูก่อนค่ะว่าจะขายหรือเปล่า เพราะตัวหนูเองก็รักรถคันนี้ อีกอย่างสภาพรถก็บี้ไปทั้งคัน บี้เฉพาะข้างหน้าเพราะชนแค่ข้างหน้า ส่วนข้างๆจะมีฟาดกับเกาะกลางถนนบ้าง เพราะเราหักหลบซ้าย ถามว่าต่อไปถ้าขับรถอีกจะมีระแวงๆมั้ย คือวินาทีนั้นที่รถชน ถามว่าเราตกใจร้องไห้มั้ย ไม่เลย.....มันร้องไม่ออก มันแบบห๊า.....รถชน ก็คิดว่าต้องไปหาหมอก่อนอันดับแรก พอหันไปเห็นหัวเข่าก็โอ๊ย...ไม่ไหวแล้วต้องเย็บ เพราะเป็นคนที่ระวังตัวเอง จะไม่เคยโดนเย็บหรือเป็นแผลเลย”
“ต่อไปคุณแม่คงเป็นห่วง คงไม่ให้ขับรถสักพักหนึ่ง แต่ก็ไม่เป็นไรค่ะ คือถามว่าเราผิดมั้ย เราก็ผิดนะที่ประมาท ต้องใช้คำว่าประมาท เพราะคิดว่าอยู่บนทางด่วน มันคงไม่มีรถข้างหน้ามาชนกันแล้วเราต้องเบรกขนาดนั้น เราคิดว่ามันเป็นไปไม่ได้ แต่พอเกิดเรื่องขึ้นแบบนี้ ต่อไปเราคงต้องระมัดระวังตัวเองมากขึ้น ต้องโฟกัสอยู่กับสิ่งที่เราทำตลอดเวลา จริงๆเราอาจจะระวังแล้วแต่มันอาจยังไม่พอ”