xs
xsm
sm
md
lg

“เจ๊ฉอด” รับสนิท “เอส” พิเศษหรือไม่แล้วแต่จะคิด แต่ชาตินี้ไม่แต่งกับใครอีกแล้ว

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“เจ๊ฉอด” รับสนิท “เอส วรฤทธิ์” ส่วนจะสนิทแบบไหนแล้วแต่จะคิด โต้ข่าววีน “หยาดทิพย์” เพราะหึงหวง ลั่นชาตินี้ไม่คิดจะใช้ชีวิตคู่อีกต่อไปแล้ว เผยอยู่คนเดียวสบายใจกว่า

ถูกยกให้เป็นตัวแม่ในกลุ่มคนรักเด็กคนหนึ่งเลยทีเดียวสำหรับเจ้าแม่เอไทม์ “ฉอด สายทิพย์ มนตรีกุล ณ อยุธยา” ซึ่งเป็นข่าวกับหนุ่มๆ ในสังกัดมาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็น บอย พีชเมคเกอร์, เอส วรฤทธิ์ ไวยเจียรนัย, ว่าน ธนกฤต พานิชวิทย์ ฯลฯ แต่คนที่มีข่าวกันมาเนิ่นนานที่สุดและมาแรงที่สุดเห็นจะเป็นหนุ่มเอสที่ว่าสนิทสนมกันถึงขนาดให้เข้าไปทำงานในตำแหน่งผู้จัดการฝ่ายการตลาดและประชาสัมพันธ์บริษัท เอไทม์-ทราเวิลเลอร์ จำกัด เลยทีเดียว แถมล่าสุดเจ้าตัวก็ยังไปให้สัมภาษณ์ในนิตยสารฉบับหนึ่งว่า “เอสคือผู้ชายที่ดีที่สุดคนหนึ่ง”

งานนี้ก็เลยเป็นเรื่องเพราะ “หยาดทิพย์ ราชปาล” ที่เคยมีข่าวกิ๊กกับเอสมาตลอดก็ออกมาให้สัมภาษณ์เช่นกันว่า ได้กลับมาคบหากับเอสอีกครั้ง จนกลายเป็นกระแสข่าวว่าบอสใหญ่เอไทม์ถึงกับออกอาการหงุดหงิดไม่พอใจ จนถึงขั้นโทรศัพท์ไปวีนแตกหยาดทิพย์ เท็จจริงเป็นอย่างไรวันนี้ผู้บริหารคนดังขอเคลียร์ถึงประเด็นดังกล่าวในวันซ้อมใหญ่กรีนคอนเสิร์ตที่สยามพารากอน

“ในการให้สัมภาษณ์นิตยสาร ทุกคนคงทราบว่ามันเป็นการสัมภาษณ์ที่ยาวมาก คือสัมภาษณ์กันเป็นหลายๆ ชั่วโมง เขาก็ตั้งคำถามไปเรื่อย เราก็ตอบไปเรื่อยๆ นะคะ แต่ทีนี้เวลาที่เอามาลงก็สุดแล้วแต่จะตัดเอาตรงไหนไว้ หรือจะไฮไลท์ตรงไหนยังไง แต่ไม่ได้หมายความว่าน้องๆ ที่ LIPS เขาเขียนผิดหรือว่าเขียนไม่ตรงนะคะ เพียงแต่ว่าความตั้งใจในการพูดกับการอ่านของคนอ่านมากกว่า ที่อาจจะอ่านไปแล้วก็เลยอาจจะเข้าใจกันไปใหญ่โตนะคะ”

“ประเด็นมันก็คือว่าเรากำลังอธิบายถึงความสัมพันธ์ที่น้องเขาตั้งคำถามมา เกี่ยวกับเรื่องชายหนุ่มคนนี้ คนนั้นตามประสาสาวสวย(หัวเราะ) ก็เลยพยายามอธิบาย ซึ่งถ้าอ่านในหนังสือก็จะพบว่าเรื่องเกี่ยวกับคุณเอส วรฤทธิ์เนี่ย ก็จะมีคำอธิบายอยู่หมดว่าทำไมอะไรยังไงนะคะ ทีนี้ก็เข้าใจว่าทุกคนคงมาติดใจอยู่ประโยคนึง ซึ่งเป็นไฮไลท์ของการสัมภาษณ์ที่ยกขึ้นมาตอนนี้ก็คือเป็นคนดีคนนึงที่สุดในชีวิต คือกำลังอยากจะบอกว่าพอดีมันมีประเด็นอันนี้ค่ะ คือน้องเขาถามถึงเรื่องมีข่าวว่าคุณเอสเข้ามาตรงนี้จะมาเอาผลประโยชน์อะไรหรือจะมาได้ผลประโยชน์อะไรหรือเปล่า”

เราก็เลยพยายามจะอธิบายแทนเขาว่า คุณเอสมาอยู่ตรงนี้ไม่ได้ประโยชน์อะไรหรอกนะ เขาจะยิ่งแย่กว่าคนอื่นด้วยซ้ำไป เพราะว่าพอมันมีข่าวก็จะมีคนจับจ้องมอง เพราะฉะนั้นเขาต้องทำงานหนัก เขาต้องพิสูจน์ตัวเองมากกว่าคนทำงานอื่นทั่วๆ ไป ก็กำลังพยายามจะพูดสิ่งนี้ และสิ่งหนึ่งที่ได้พูดออกไปก็คือว่าเขาเป็นคนดี เขาไม่ได้เป็นคนที่จะมาเอาอะไร เพราะฉะนั้นคำว่าคนดีที่สุดคนหนึ่งในชีวิตคือกำลังพยายามอธิบายว่า เราเป็นคนที่มีคนรอบตัวเยอะค่ะ แต่ว่าไม่ค่อยได้เปิดโอกาสให้ใครเข้ามา เพราะว่าเป็นคนชอบอยู่กับคนไม่กี่คน ที่มีก็มีคนดีๆ อยู่รอบตัว คุณเอส วรฤทธิ์ก็เป็นหนึ่งในคนดีที่อยู่รอบๆ ตัว”

“คงไม่ได้ตั้งใจที่จะประกาศใดๆ อะไรทั้งสิ้น แต่พอเขาจับมาแค่ประโยคเดียวมันก็เลยดูจะกลายเป็นเรื่องเป็นราว อันนี้ก็เพื่อความสบายใจของทุกฝ่าย ประกาศตรงนี้เลยนะคะว่า ไม่ได้คิดจะมีอะไรอีกแล้วในชาตินี้(หัวเราะ) ขออยู่แบบนี้ดีแล้วนะคะ หรือแม้แต่กระทั่งถ้าใครอ่านสัมภาษณ์ใน LIPS ก็จะมีส่วนหนึ่งที่พูดเองว่าทุกวันนี้มีความสุขมากกับชีวิตแบบนี้นะคะ”

เป็นถึงผู้บริหารระดับสูงแต่กลับมีข่าวอื้อฉาวเรื่องความรักมาตลอด แต่บอสใหญ่เอไทม์ก็ไม่หวั่นเพราะ
มั่นใจว่าไม่ได้ทำอะไรผิด
“ผลกระทบกับตัวก็คงแค่งงๆ ค่ะ ในส่วนของงานไม่มีผลนะคะ เพราะว่าอย่างที่บอกตั้งแต่เริ่มต้นทำงานกันมา หรือที่ผ่านมาทั้งหมด คุณเอสเขาก็ไม่ได้มีอะไรผิดปกติไปกว่าคนมาทำงานอื่นๆ ทั่วๆ ไป คนที่อยู่ในบริษัทรอบๆ ตัวจะทราบดีว่าเขามายังไงที่มาที่ไปหรือสิ่งที่เขาต้องทำหรือรับผิดชอบอยู่วันนี้ หรือสิ่งที่เขาต้องแสดงให้ทุกคนเห็นว่าเขาทำได้หรือไม่ได้ยังไง เพราะฉะนั้นทุกอย่างมันเป็นไปตามปกติอยู่แล้ว ถึงได้บอกว่าไม่ได้รู้สึกว่าบีบคั้นกดดันอะไร”

“ก็ไม่รู้ว่าคนนอกคิดอย่างไร แต่ที่แน่เรามีเป็นคนทำอะไรผิดปกติไม่ได้เพราะจะอาย คือเรามีน้องๆ ที่ต้องดูแลมีลูกน้องเยอะ เพราะฉะนั้นจนถึงวันนี้พี่ไม่ต้องอธิบายอะไรเลยสำหรับคนรอบๆ ตัว ทุกคนเห็นกับตาตัวเองหมด เพียงแต่ว่าบางทีการออกสื่อไปเยอะๆ ก็ไม่รู้ว่าคนข้างนอกจะยังไง แต่ถามว่าเป็นห่วงเกี่ยวกับตัวเองมั้ย ไม่ได้เป็นห่วงตัวเองเพราะมั่นใจ แต่ว่าถ้าเป็นห่วงก็คืออย่างคุณเอสก็พยายามจะช่วยแก้แทนเขา แต่พยายามแก้แทนยิ่งไปกันใหญ่(หัวเราะ) ทีหลังไม่แก้แล้วล่ะ ตัวใครตัวมันแล้วกัน”

“คงไม่ต้องทิ้งระยะห่างหรอกค่ะ เพราะอย่างที่บอกว่าเราก็มั่นใจว่าเราไม่ได้ทำอะไรผิด ก็คงทำงานไปตามปกติ สนิทก็บอกสนิท ก็บอกแล้วว่าไม่เคยปฏิเสธอะไร หรือพูดอะไรในสิ่งที่รู้สึกว่าไม่จริง สนิทกับใครก็บอก ไปไหนกับใครไปก็บอก ไม่เคยปฏิเสธอะไร”

ยอมรับว่าหนุ่ม “เอส” คือคนสนิท แต่จะใช่คนพิเศษมั้ยเจ้าตัวเผยว่าแล้วแต่คนจะตีความ แต่คุยกันได้ทุกเรื่อง รู้กันทุกเรื่อง

“ถามว่าเขาใช่คนพิเศษมั้ย อันนี้ต้องแล้วแต่คนจะมองว่าเขาใช่คนพิเศษในมุมไหน ถ้าถามว่าสถานะภาพกับคุณเอสมันก็มีหลายสถานะภาพ ซึ่งวันนี้เป็นเจ้านายลูกน้อง เป็นพี่เป็นน้องเป็นอะไรกับแบบหลายๆ อย่างมาก ก็ยังพูดไว้ในหนังสือว่าทำไมคนเรามันต้องมีสถานะภาพอย่างเดียว คือทุกคนจะต้องบีบคั้นว่าเป็นแฟนรึเปล่า พอเป็นแฟนเสร็จแล้วก็จะแต่งงานเมื่อไหร่ แต่งงานแล้วเมื่อไหร่จะมีลูก คือชีวิตมันเป็นรูปแบบมาก บางทีมันก็ไม่ใช่อย่างใดอย่างหนึ่งแบบนั้น แต่ว่ากับคนบางคนที่เราสนิทด้วยมันอาจจะทำงานด้วยกัน คุยกันเยอะก็แล้วแต่ คำว่าความพิเศษที่ว่านั้นก็คงอยู่ที่ความสนิทมากน้อย”

“กับคุณเอสถามว่าสนิทมั้ย สนิทค่ะ คุยกันทุกเรื่อง รู้เรื่องอะไรกันบ้าง แต่ยืนยันค่ะว่ายังไงก็ยังไม่ได้อยากมีแฟนตอนนี้นะคะ(หัวเราะ) ก็คงจะตอบเรื่องคุณเอสเป็นครั้งสุดท้ายแล้วมั้งคะ คงไม่น่าจะมีประเด็นอะไรแล้ว คิดว่าเคลียร์นะเคลียร์ค่ะว่าไม่มีอะไร ต่อไปนี้ถ้าเห็นไปเดินที่ไหนก็จะได้สบายใจ”

พร้อมปฏิเสธว่าไม่เคยไปวีนสาว “หยาด” แต่ถ้าพูดอะไรทำให้ใครเข้าใจผิดตนก็ขอโทษ เพราะเป็นแค่บทสัมภาษณ์ธรรมดาเท่านั้น

“วีนกับน้องหยาด โอ๊ยๆ อันนี้ไม่มีค่ะ ไม่เอาแล้วล่ะ ประเด็นอย่างนี้ไม่ชอบ คือว่าอย่างนี้ค่ะ ข่าวบางเรื่องมันเป็นจังหวะเวลาด้วยคือสัมภาษณ์หนังสือเล่มนี้ให้สัมภาษณ์ไปเป็นเดือนๆ แล้ว คือแมกกาซีนกว่าเขาจะออก เพราะตอนแรกเขาบอกว่าจะออกเมื่อเดือนที่แล้วมั้ง แต่มันมีคิวแทรกมามันก็เลยเลื่อนมา ความจริงสัมภาษณ์ไปเป็นเดือนๆ แล้วค่ะ แต่บังเอิญมันคงเป็นเรื่องไทม์มิ่งเวลาพอดีๆ อะไรกันก็เลยดูเป็นเรื่องเป็นราวกันไปเท่านั้นเองไม่ได้มีอะไร คือจะบอกว่าถ้าพูดอะไรไปแล้วทำให้คนเข้าใจผิดพี่ก็ขอโทษด้วยก็แล้วกัน คืออย่างที่บอกว่าสัมภาษณ์ไปเรื่อยๆ ไง มันก็พูดไปเรื่อย”

โต้ไม่เคยมีปัญหากับนักร้องเสียงคุณภาพอย่าง “เจนนิเฟอร์ คิ้ม” เผยว่าไม่เคยคิดว่าเป็นคนทำให้ใครแจ้งเกิด แต่พร้อมยินดีเสมอกับคนที่เคยร่วมงานด้วยประสบความสำเร็จได้ด้วยดี

“ตอนที่เขาจะเปิดบริษัทก็เคยคุยกันว่าเขาก็อยากจะทำอะไรที่เป็นของเขาเองบ้าง ตอนนั้นก็ยังสนับสนุน ก็ยังให้คำแนะนำกันไป แต่ว่าเรื่องทำคอนเสิร์ตก็เพิ่งทราบจากข่าวเหมือนกัน แต่ว่าคนเราทำบริษัทของตัวเองก็คงอยากจะทำอะไรของตัวเอง ก็ไม่เคยมีปัญหาค่ะ หมายถึงว่าน้องๆ ที่ทำงานด้วยกันเราก็ไม่เคยผูกมัดหรือผูกขาดว่าต้องทำงานกับพี่ฉอดเท่านั้น ห้ามไปทำงานกับคนอื่น ไม่มีปัญหาอะไรค่ะ ไม่เคยมีปัญหาอะไรทั้งสิ้นค่ะ”

รายงานสดจากพื้นที่ข่าว

เดินทางมายังสยามพารากอน






กำลังโหลดความคิดเห็น