xs
xsm
sm
md
lg

เปิดใจคู่รักฉิ่งฉับ “เปิ้ล-ผึ้ง” กับ 12 ปีที่มีทั้งตบ ทั้งตี รักและหึงโหด แต่เลือกแล้วที่จะอยู่ด้วยกันจนถึงวันสุดท้ายของชีวิต

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“เปิ้ล วีนัส” เผยเส้นทางรักฉิ่งฉับกับ “ผึ้ง สุนทรี” คอนเฟิร์ม ถึงจะเป็นหญิงรักหญิงแต่ก็ไม่มีอะไรด้อยกว่าผู้ชาย ยอมรับที่ผ่านมาความรักทุลักทุเล โดนฝ่ายผึ้งตบตีสารพัดเพราะความหึงหวง แต่เพราะรักจึงยอมทุกอย่าง พร้อมประกาศชาตินี้ไม่มีเปลี่ยนใจไปรักผู้ชาย

ย้อนหลังไปเมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว เชื่อว่าหลายคนโดยเฉพาะหนุ่มๆ คงติดตาตรึงใจกับความเซ็กซี่ของ “เปิ้ล วีนัส มีวรรณ” สาวเซ็กซ์บอมบ์ของวงการบันเทิงบ้านเราได้เป็นอย่างดี แต่วันนี้ชีวิตของเธอมีความเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง โดยเฉพาะเรื่องราว “ความรัก” ที่หันมาคบหาและอยู่กินฉันท์สามีภรรยากับผู้หญิงด้วยกัน อย่าง “ผึ้ง สุนทรี ไชยครุฑ” สาวสวยอดีตนางงามสยามปี 2532 อย่างเปิดเผย

ท่ามกลางกระแสสังคมที่ยังไม่เปิดใจยอมรับความรักในรูปแบบนี้อย่างเต็มร้อย บวกคำปรามาสที่มักจะถูกเดียดฉันท์ว่าเป็นความรักที่ไม่มีอยู่จริง แต่ดูเหมือนว่า แรงเสียดทานจากสิ่งรอบข้างจะไม่มีผลอะไรกับคู่นี้ เพราะนับจากวันแรกจนถึงวันนี้ร่วม 12 ปีแล้ว ที่ทั้งคู่อยู่กินกันมา แถมต่างฝ่ายยังบอกอีกว่าจะดูแลกันไปจนแก่เฒ่าไม่เปลี่ยนแปลง

แม้จะเป็นความรักที่ผิดรูปแบบแหกกฎธรรมชาติ ที่สร้างให้ผู้หญิงต้องคู่กับผู้ชาย แต่อะไรที่ทำให้คู่นี้สามารถครองรักได้อย่างจีรัง? ความรักที่ว่านี้สามารถชดเชยหรือเติมเต็มได้เหมือนรักผู้ชายจริงหรือ? หญิงรักหญิงเขารักกันยังไง แตกต่างจากชายรักหญิงหรือไม่? วันนี้ “เปิ้ล” และ “ผึ้ง” เต็มใจเปิดเผยกับ “ASTVผู้จัดการออนไลน์” แบบหมดใจ

เป็นรักแรกพบ ต่างฝ่ายต่างปิ๊งกัน แต่เป็นความรักบนความรู้สึกระแวง กว่าจะพิสูจน์รักแท้ได้ก็ร่วม 4 ปี
เปิ้ล “เริ่มจากผู้จัดการเปิ้ลบอกว่า ให้ไปหาผู้หญิงคนนี้ชื่อสุนทรีนะ ให้ไปหาเลยไปจีบเลย เพราะผู้จัดการเขาชอบพี่ผึ้ง แล้วก็รู้กิตติศัพท์พี่ผึ้ง แต่เขาก็รู้ว่าพี่ผึ้งเป็นคนดี เขาก็บอกว่าเธอชอบแบบนี้ไม่ใช่เหรอ แต่กว่าจะได้เจอกันก็คลาดแคล้ว หลายที่ที่เราไปก็คลาดกันตลอด”

“เจอครั้งแรกอยากได้มาก(หัวเราะ) ชอบพี่ผึ้งเป็นคนสวย ปล่อยผมยาวสวยใจดี แต่พี่ผึ้งจีบก่อน เขาก็อยากได้เหมือนกัน ต่างคนต่างอยากได้กัน(ยิ้ม)”

ผึ้ง “เริ่มจากเพื่อนเขาเป็นคนแนะนำ เอารูปให้ดู ซึ่งก็สเปกเราเลย เราคุยโทรศัพท์ตั้ง 8 เดือนกว่าจะได้เจอกัน เราก็ชอบ เขาก็บอกเขาก็ชอบเรา ต่างคนต่างชอบก็เลยใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน แต่ตอนแรกสองจิตสองใจ ยังไม่กล้าให้เต็มร้อย เพราะถ้าเกิดเรารักเขามากๆ เรากลัวว่ารักๆ อยู่เขาไป แต่ในระหว่างที่เราไม่แน่ใจ เขาเองก็พยายามทำให้รู้ว่าจริงใจกับเรานะ อยากจะใช้ชีวิตกับเรานะ”

“ซึ่งเราก็ตั้งคำถามกับตัวเองตลอดเวลา จนมีเรื่องมีราวกันตลอด ช่วงแรกๆ ไม่ได้มีความรักเลยนะ มีแต่ความหึงหวงความระแวง จนสุดท้ายมันมีเรื่องมีราวเกิดขึ้นจนกระทั่งเรื่องมันจบลง ถึงได้มีความรักแท้ๆ เกิดขึ้นหลังจาก 4 ปีมาแล้ว ตอนนั้นมันอยู่ในช่วงปรับตัวค้นหาตัวเองด้วย ตอนที่รักกันแรกๆ ถามว่ารักมั้ย ก็รักนะแต่ไม่รู้รักแบบไหน แต่พอเรื่องราวจบลงถึงได้รู้ว่าอ๋อ..นี่แหละคือความรัก”

“ช่วงเริ่มๆ คบกัน ใจเราก็ยังจริงไม่จริง คิดจะถอยอะไรแบบนี้อยู่ แล้วในระหว่างที่เราจะถอย เขากลับพยายามทำให้เรารู้สึกว่าฉันรักเธอจริงๆ นะ เราก็เลยค่อยๆ ปล่อยความรู้สึกที่ดีของเราออกมา จริงๆ ตอนแรกก็รักด้วยและไม่กล้าด้วย กลัวผิดหวัง มันเหมือนเราไม่มั่นใจ”

เปิ้ล “เพราะภายนอกคนจะคิดว่าเราเจ้าชู้ ตัวเขาก็คิดว่าเราเจ้าชู้ เขาจะระแวงนะ เวลามีโทรศัพท์มา ระแวงไปหมด”

ผึ้ง “แล้วก็จะคอยหาเรื่องว่าจะทนกับทุกเรื่องของเราได้มั้ย เขาก็ทนได้”

เปิ้ล “ก่อนหน้านี้มีปัญหากันเยอะ จะเลิกกันหลายรอบแล้ว มันเหมือนสองคนที่ต่างกันคนละแบบ ทุกวันนี้ยังพูดกันอยู่เลยว่าเราอยู่ด้วยกันได้ยังไง ชอบก็ชอบคนละอย่าง อย่างเปิ้ลบอกว่าอันนี้สวย พี่ผึ้งจะบอกว่าอันนี้ไม่สวย อันนี้ไม่อร่อย เขาก็จะบอกว่าอันนี้อร่อย แต่หลังๆ เขาก็ปรับ บางอย่างเขาไม่ชอบแต่เขาก็ปรับให้เรา เหมือนกันอย่างไหนที่เขาไม่ชอบเราก็ปรับให้ ก่อนหน้านี้ก็ไฟท์กันเยอะมากๆ”

ผึ้ง “ยึดว่าเรารักกัน เราต้องปรับเข้าหากัน คุยกันว่ารับได้มั้ย ถ้าอันไหนรับไม่ได้ก็คุยกันเสนอกันมา ว่าคุณจะเอายังไง ฉันจะเอายังไงก็เสนอกันมา เพราะสุดท้ายเราก็รับฟังกัน และต้องให้อภัยกัน”

เปิ้ล “ถามว่าพิสูจน์ตัวเองยังไง ก็เป็นธรรมชาติของเราเป็นยังไงเราก็เป็นอย่างนั้น เราไม่มีเสแสร้งว่าฉันอย่างนั้นฉันอย่างนี้ ตัวตนที่แท้จริงเราเป็นแบบนี้ ไม่ได้คิดอยากได้อะไรทั้งนั้น อยากอยู่กับเขา อยากดูแลเขา อยากฝากชีวิตไว้กับเขา”

เคยโดนผึ้งตบตีเพราะหึงหวง ถึงขนาดปากแตก-ตาแตก จนต้องเข้าโรงพยาบาลมาแล้ว
เปิ้ล “หึงหวงนี่แหละ บางทีเราไปเจอเพื่อนในวงการก็เป็นธรรมดาที่กอดกัน กับผู้หญิงก็ไม่ได้กับผู้ชายก็ไม่ได้ พอขึ้นรถเขาก็จะกระชากเสื้อตี แต่ก่อนเขา(ผึ้ง)ดื่มนิดหน่อย แล้วก็ตุ๊บตั๊บๆ แต่เราไม่สู้ไง เรารู้ว่าเขาเมาเราก็ไม่สู้ ก็ได้แต่ปิดๆ (ทำท่าเอามือบัง) แต่ก็เคยโดนปากตุ่ยออกมาแบบนี้เลยนะ คนถามว่าเป็นไร ก็บอกผัวตี(หัวเราะ) หนักสุดก็ทำเราตาแตก ถ้าเย็บก็ประมาณ 4 เข็ม นัยน์ตาแตกประมาณ 6-7 เดือน ปากปลิ้นปากแตกสารพัดจะเป็น หัวระบมเพราะโดนจิก ที่ไม่ตอบโต้เพราะรู้ว่าเขาเมา ป้องกันตัวเองดีที่สุดแล้ว เวลาเช้ามาเขาก็ไม่รู้เรื่องแล้ว ไม่ได้เข้าข้างเขานะแต่ลำดับเหตูการณ์ดูแล้วเขาจำไม่ได้จริงๆ เขาอยากพูดอะไรก็พูด อยากทำอะไรก็ทำ แม่เขา(ผึ้ง)เห็นนั่งร้องไห้เลย”

ผึ้ง “แม่ก็บอกว่าเลี้ยงตัวเองมายังไม่เคยตีเลย ลูกเขา เขาก็ต้องรักไปตีน้องเขาทำไม แต่ก่อนเราร้าย ร้ายในเรื่องอารมณ์ อารมณ์ร้าย แต่ตอนที่ทำไม่ได้คิดไงเพราะเมาด้วย”

เปิ้ล “ตอนแรกเสียใจร้องไห้นะ เพราะเราจะฝากชีวิตไว้กับเขา แต่ทำไมไม่ใช่เลยทำไมทำกันแบบนี้ จริงๆ ก็โมโหนะ แล้วก็คิดว่าเราจะให้อภัยเขามั้ย เรารักเขามั้ย ถามตัวเองก่อนว่าเราขาดเขาได้มั้ย พอคำตอบคือไม่ได้ก็ต้องให้อภัยเขา แม่ถามเปิ้ลว่ารักเขาหรือเปล่า ไม่มีใครตีเปิ้ลนอกจากคนนี้นะ แม่เลี้ยงเปิ้ลมาไม่เคยตีเลย แม่โทร.หาเขาเลยบอกว่าให้เลิกกัน”

ผึ้ง “แม่โทร.หาผึ้งก่อนบอกว่าให้เลิก เพราะว่าแม่เลี้ยงมาไม่เคยตีลูก แล้วทำไมต้องมาตี ให้เลิกไม่ให้คบ แล้วแม่คงกลับไปถามเปิ้ลว่ารักเขา(ผึ้ง)รึเปล่า ถ้ารักแม่ก็จะบอกว่าเปิ้ลอยู่ที่ไหน แล้วแม่ก็โทร.มาบอกว่าเปิ้ลอยู่โรงพยาบาล อยู่ห้องนี้ๆ ผึ้งก็ไปหาเขา เขาก็ให้อภัย เราก็เลยทำดีกับเขาจนถึงวันนี้ มีอะไรก็ต้องรับฟังมั่ง เป็นผู้ตามมั่ง เป็นผู้ตามมั่ง”

“เวลามีเรื่องกันเปิ้ลจะเดินหนีแล้วร้องไห้ เราก็รับรู้นะ ว่าตายแล้ว ทำไมเขาอดทนเราได้ขนาดนี้ เขาก็เคยพูดว่าจะฝากชีวิตไว้นะ แล้วเราก็เป็นคนที่ชอบแบบนี้อยู่แล้วไง ก็เลยได้คิดว่าเออ ถ้ามีผู้หญิงสักคนจะมาใช้ชีวิตกับเราที่เป็นผู้หญิงด้วยกัน เรายอมรับเขาดีกว่า เราก็เลยปรับใหม่หมดเลย จากไม่เคยพาไปดูหนังก็พาไป จากไม่เคยพาไปกินข้าวนอกบ้านก็พาไป เราก็ปรับเพื่อนเขา แล้วเขาก็ให้โอกาสทุกอย่าง”

เปิ้ล “เปิ้ลก็ให้อภัยเขา ถ้าไม่วันให้อภัยก็จะไม่มีวันนี้ไง หลายครั้งอ่ะ สุดๆ เลย แต่ตอนนี้เป็นต่อแล้ว(หัวเราะ)”

นอกจากเรื่องหึงหวงจะทำให้มีปัญหากันจนหวิดจะเลิกกันหลายรอบ ยังมีเรื่องความเจ้าชู้ของผึ้งที่ทำเอาเปิ้ลเกือบหมดใจ
ผึ้ง “ใช่ เจ้าชู้มาก แต่เดี๋ยวนี้ไม่มีแล้ว เราเห็นความตั้งใจของเขาไง (เปิ้ลถามแทรกว่าสงสารมั้ย?) เขาดูแลเราดีและตามใจเราทุกอย่าง เราก็รู้สึกเสียใจแต่ตอนนี้ก็ไม่ทำอีกแล้ว”

เปิ้ล “เขาหนักเลยนะ แล้วทำคนใกล้ตัวเรา ไปเจ้าชู้กับเพื่อนเรา มันสุดๆ เราเจอด้วยตัวเองเห็นด้วยตา แต่มันก็ผ่านมาแล้ว(ยิ้ม)”

ผึ้ง “เราคุยกันไงคะ ไม่ใช่ว่าทะเลาะกันแล้วต้องออกจากบ้าน เพราะเรามีกฎว่าถ้าทะเลาะกันให้เคลียร์กันให้เข้าใจ ห้ามออกจากบ้าน สักพักนึงก็ใจเย็นแล้วเราก็คุยกันเอง ตอนนี้ถือว่าแฮปปี้”

เปิ้ล “ตอนนี้ไม่ทะเลาะกันแล้ว มีแต่เรื่องหัวเราะ ยังถามเขาเลย ว่าที่รักทำไมเราไม่ทะเลาะกันบ้าง”


เปิ้ล วีนัส สมัยอดีต

ผึ้ง สุนทรี ตอนประกวดนางงาม

เป็นเพราะเชื่อมาตลอดว่าความรักแบบ “หญิงรักหญิง” หาความจริงใจและจีรังยาก ทำให้ต้องระวังและคอยระแวงมาตลอด แต่ถึงวันนี้ 12 ปี ที่อยู่ด้วยกันมา เชื่อแล้วว่ารักแท้มีอยู่จริง
ผึ้ง “เพราะที่ผ่านมามีแต่เข้ามาแล้วก็ไม่ใช่ ไม่ใช่เราไม่ใช่นะ แต่คนที่เข้ามาไม่ใช่มากกว่า เราก็พยายามที่จะปรับเข้าหาเขา แค่กับคนนี้(เปิ้ล)กลับพยายามที่จะปรับเข้าหาเรา เราก็เลยเกิดความรู้สึกมั่นใจขึ้นมา แต่กว่าจะปรับความรู้สึกได้ก็ 4-5 ปี เราถึงได้รู้ว่าชีวิตแบบนี้มันมีจริงๆ นะ ยอมรับว่าตอนแรกไม่เชื่อเลย แต่พอมีจริงๆ เราก็คิดแล้วว่าจะทำยังไงถึงจะใช้ชีวิตไปด้วยกันตลอด ก็เลยไม่คิดไกล คิดแค่ปัจจุบันที่อยู่ด้วยกัน ใช้ชีวิตด้วยกันในแต่ละวัน คือเราเคยโดนหลอกเยอะ จริงๆ ก็อาจจะมีจริงใจเข้ามาบ้างแต่เราไม่รับเอง”

เปิ้ล “เราก็คิดว่าทำให้ดีที่สุด อดทนให้มากที่สุด และให้อภัยให้มากที่สุดแต่ว่าการให้อภัยมันก็มีขีดจำกัด ว่าเราจะให้อภัยเขากี่ครั้งแค่ไหน ถ้าเราให้อภัยแล้วเขาเปลี่ยนตัวเองมันก็มีกำลังใจใช่มั้ย แต่ถ้าให้อภัยแล้วเขาไม่ได้เปลี่ยนตัวเอง เราสัมผัสไม่ได้เลยว่าเขารักเราแล้วจะทนอยู่ทำไม เราไปดีกว่า แต่ตอนนี้เขาเปลี่ยนตัวเองเยอะจนเราไม่เหนื่อย แต่ก่อนเราเหนื่อย เมื่อก่อนพี่ผึ้งจะเป็นคนมองโลกในแง่ร้าย เขาไม่ใช่คนมองโลกในแง่ดี เพื่อนคนไหนเข้ามาก็จะระแวง ก็เลยบอกเขาว่าทำไมไม่มองอะไรที่ทำให้เรารู้สึกสบายๆ”

เปิ้ลเผย รู้ตัวเองว่ามีรสนิยมชอบผู้หญิงมาตั้งแต่แรก แม้จะเคยคบผู้ชายแต่สุดท้ายก็หนีใจตัวเองไม่ได้
เปิ้ล “จริงๆ ตั้งแต่โตมาก็มีแฟนเป็นผู้หญิงตลอด ถึงมีแฟนผู้ชายแต่ระหว่างนั้นก็มีแฟนเป็นผู้หญิงมาตลอด เพราะที่บ้านก็มีญาติเป็นแบบนี้ เราเคยเห็นเค้าอยู่คู่กันหลายปี ก็ปลูกฝังเรามาตลอด เราก็เลยอยากอยู่อย่างนี้ แต่แค่ยังหาตัวเองไม่เจอ และหาคนที่จะมาอยู่กับเราไม่เจอ พอมาเจอพี่ผึ้งก็รู้สึกว่าเออแบบนี้แหละที่เราชอบ”

ผึ้ง “เขาไม่ชอบทอม แล้วเราก็ไม่ชอบแต่งตัวเป็นทอม”

เปิ้ล “ไม่ชอบทอม เคยเป็นทอมเคยเป็นดี้นะ แต่สุดท้ายก็มาเป็นแบบนี้ ชอบแบบนี้(ชี้ไปทางผึ้ง) บางทีเขาเคยแต่งตัวเป็นผู้ชายเราก็ไม่ชอบ เคยแล้ว บางครั้งเราก็เป็นทอมเอง เราก็เอ๊ะใช่รึเปล่า จนสุดท้ายก็รู้ว่าชอบแบบนี้ ให้แต่งตัวสวย”

ผึ้ง “ปกติไม่ชอบแต่งหน้า แต่เขาจับแต่ง(ยิ้ม)”

เปิ้ล “พี่ผึ้งก็แต่งตัวเป็นผู้หญิง แต่มีใจรักผู้หญิง”

ผึ้ง “คือมันช่วยไม่ได้เกิดมาใจเราเป็นแบบนี้ สภาพเราเป็นผู้หญิงก็ต้องรับสภาพตัวเองก่อน แต่เรารักผู้หญิง ฉะนั้นจะทำยังไงให้เขาเข้าใจเราได้เท่านั้นเอง ตอนนี้เราก็รู้แล้วว่าคนที่เราจะใช้ชีวิตด้วยคือคนนี้ ผึ้งก็อายุเยอะแล้ว ก็ไม่อยากจะค้นหาอะไรอีกแล้ว เพราะทุกวันนี้ชีวิตเราก็มีความสุขดีแล้ว เราก็ใช้ชีวิตเหมือนผัวเมียปกติทั่วไป

ด้านผึ้งยอมรับ เคยจิตตกกลัวจะมีผู้ชายมาจีบเปิ้ลแล้วต้องเลิกกัน ด้านเปิ้ลบอก ไม่หึงเวลามีผู้ชายเข้ามาจีบสามีตัวเอง แต่จะหึงผู้หญิงด้วยกันมากกว่า
ผึ้ง “ตอนแรกกลัว แต่พออยู่กันไปนานๆ ไม่กลัวเพราะว่าเขาไม่ได้เปิดโอกาส คือเขามีแฟนแล้วนะเขาก็ไม่เปิดโอกาส เราเห็นแบบนี้มาตลอดก็เลยไม่กลัวแล้ว เขาทำให้เรามั่นใจ มันเป็นธรรมดาผู้หญิงเราที่จะมีผู้ชายมาจีบ อย่างผึ้งเองก็มีคนมาจีบเหมือนกัน แต่ก็ไม่ได้หึงอะไรกันเพราะเรารู้ว่าเรารักกันแล้ว”

เปิ้ล “มีคนมาจีบพี่ผึ้งเยอะ แต่เปิ้ลก็ไปด้วยไง ถ้ามาขอพี่ผึ้งกินข้าวให้หนูไปด้วย กับผู้ชายเปิ้ลไม่หึงแต่กับผู้หญิงเปิ้ลหึง เพราะเขาไม่ได้รักผู้ชาย มีคนมาขอบอกกับเปิ้ลว่าพี่ขอ เปิ้ลเลยบอกไปว่าพี่ผึ้งไม่ได้รักผู้ชาย หนูรู้(ยิ้ม) งั้นพี่ก็จีบสิ ถ้าจีบเขาได้ก็เอาไป เพราะเขาไม่ได้รักผู้ชาย”

เมื่อถามว่า ความรักแบบนี้สามารถชดเชยได้เหมือนรักกับผู้ชายหรือเปล่า? ทั้งคู่ตอบพร้อมกันเสียงหนักแน่นว่าสบายมาก
เปิ้ล “สบายมาก สบายกว่าอยู่กับผู้ชาย ไม่มีอะไรขาด มีอะไรขาดเราก็เติมให้กัน เราก็ทำอะไรได้เหมือนผู้ชายนี่แหละ ขับรถเอง เปลี่ยนหลอดไฟที่บ้านได้เอง ผู้ชายซ่อมอะไรได้เราก็ซ่อมได้ อันไหนที่ทำไม่ได้ก็จ้างแค่นั้นเอง”

ผึ้ง “สบายมาก เพราะเราคุยกันทุกเรื่องเพราะถ้าเป็นผู้ชายเราไม่รู้ไง เราก็ใช้ชีวิตปกติ บางทีผู้ชายก็ใช่ว่าจะทำทุกอย่างได้เหมือนผู้หญิงนะ ก็ต้องจ้างเหมือนกัน”

“ครอบครัวเราทั้งสองฝ่ายก็ไม่มีปัญหา เพราะเราบอกตั้งแต่ทีแรกว่าเราเกิดมาเป็นแบบนี้นะ เราใช้ชีวิตแบบนี้นะ เขาจะห้ามก็ไม่ได้หรอก ก็เลยต้องเปิดกันแบบนี้ แต่เราไม่ค่อยเปิดออกสังคมอะไรนะ จะอยู่กันสบายๆ มากกว่า แต่ลูกค้าที่มาทานอาหารจะรู้ว่าเราเป็นแฟนกัน เราแต่งตัวเป็นผู้หญิงเหมือนกันคนภายนอกก็คงคิดว่าเป็นเพื่อนกัน แต่เวลาไปไหนก็มีบ้างที่กอดจูบหอมกันมันมีอยู่แล้ว เราก็แสดงความรักได้ทุกที่ แค่ไม่ให้มันน่าเกลียดเท่านั้นเอง”

บอก ไม่มีใครเป็นผู้นำและไม่ได้วางให้ใครเป็นผู้ตาม แต่ใช้วิธีเดินไปด้วยกันอย่างสมดุล
เปิ้ล “สลับกัน บางเรื่องที่เราคิดไม่ออกก็เป็นเขาคิดแทน อย่างบางทีไปเจอเพื่อนแล้วพูดไม่ดี เราก็จะเตือนกันเดี๋ยวนั้นเลย แต่เราจะไม่เอาใครเข้ามาในชีวิตให้มีปัญหา เพราะถ้ามีคนที่สามเข้ามาเราก็จะเริ่มมีปัญหาแล้ว เราก็จะอยู่กันสองคน เพื่อนคนไหนดีเราก็รู้คนไหนไม่ดีเราก็จะอีกแบบนึง ประสบการณ์ชีวิตผ่านมาด้วย มีอะไรจะคุยกันมากกว่า ช่วยเหลือกันเพราะเขาไม่มีปัญหาอะไรแล้ว เขาก็จะสนใจเรามากขึ้น ว่าเราอยู่กับเขาได้ เราดูแลเขาได้ เหมือนเริ่มเห็นความดีเราแล้วเขาก็ดีกับเรา”

“แต่เปิ้ลเข้าใจนะ ว่าเขาคงคิดว่าเป็นดาราเข้ามาจะจริงใจหรือเปล่า เคยถามเขาว่าตอนนั้นทำไมทำแบบนี้กับเรา เขาก็บอกว่าไม่แน่ใจว่าเปิ้ลจะอยู่กับเขาได้มั้ย จะใช้ชีวิตกับเขาได้มั้ย แต่ถึงวันนี้ก็อยู่กันมาสิบกว่าปี”

แย้ง ความรักแบบหญิงรักหญิงไม่ได้รุนแรงอย่างที่กระแสสังคมเข้าใจเสมอไป
ผึ้ง “มันอยู่ที่แต่ละคนมากกว่า อย่างผึ้งก็ว่าผึ้งรุนแรงนะ รุนแรงในที่นี้หมายถึงด้านอารมณ์ แล้วก็กำลัง ในตัวผึ้งมีหมด แต่ในความรักมันก็มีความระแวง คือมันปนกันไปหมด ถึงได้บอกว่าไม่รู้รักกันแบบไหน อยู่ด้วยกันมีแต่ความระแวง ตื่นขึ้นมาคิดแล้วในใจว่าเขาจะมีคนอื่นมั้ย ถ้ารักเขา เขาจะมีคนอื่นมั้ย ถึงได้มีเรื่องกันตลอด นิดนึงก็ไม่ได้มีเรื่องกันตลอด”

“แต่ที่เห็นมีข่าวว่าฆ่าตัวตาย หึงถึงขั้นใช้กำลังหรือว่าฆ่าตัวตายตรงนี้ผึ้งว่ามันเป็นเรื่องของอารมณ์มากว่า มันไม่ใช่ความรักนะ ผึ้งเคยเจอเราถึงได้รู้ว่ามันไม่ใช่อารมณ์รักน่ะ แต่เป็นอารมณ์ระแวงผสมกับความรักผสมกับความกลัว สุดท้ายเป็นความขาดสติไปเลย มันอยู่ที่เราว่าทำไปแล้ว เราถอยกลับมาได้หรือเปล่า ถ้าใจมันยั้งคิดก็ไม่มีเรื่องแบบนั้นเกิดขึ้น ซึ่งเปิ้ลก็ให้อภัยทุกอย่าง เราถึงได้รู้ว่าเราต้องปรับแล้ว มันอยู่ที่ตัวเราแล้ว ไม่ใช่อยู่ที่เขา”

จะอยู่กรุงเทพอีก 9 ปี หลังจากนั้นจะไปใช้ชีวิตบั้นปลายที่จังหวัดอำนาจเจริญบ้านเกิดของผึ้ง ส่วนเรื่องทายาทล้มเลิกที่จะขอลูกคนอื่นมาเลี้ยง บอกขอดูแลกันเอง
เปิ้ล “ไม่อยากวางอะไรแล้ว แต่ก็คุยกันว่าทำงานตรงนี้สัก 9 ปี เพราะร้านตำแหลกเรามีสัญญา 9 ปี หลังจากนั้นก็จะกลับไปอยู่บ้านนอกกัน เพราะผึ้งมีบ้านที่จังหวัดอำนาจเจริญ ก็เลยอยากไปทำฟาร์มเห็ดสวนผักกัน อยากทำโฮมสเตย์ เปิ้ลชอบนะ เราอยู่กรุงเทพตลอด แต่พอไปบ้านพี่ผึ้งแล้วชอบมาก ที่อีสานมันมีเสน่ห์ มันธรรมชาติทุกอย่าง คนแก่เด็กผู้ใหญ่ก็ไม่มีเสแสร้งไม่เหมือนที่นี่ ไม่ต้องนั่งระวังว่าใครจะรักเราจริงหรือเปล่า ชอบมาก”

“ส่วนเรื่องมีลูก ก่อนหน้านี้เคยทำทุกอย่างเพื่อให้มีลูก แต่ก็ไม่ได้ ก็เลยคิดว่าเรามีบุญที่ไม่มีเพราะถ้ามีมันก็ห่วง เราคุยกันแล้วว่าเราต้องดูแลกันและกัน พอคิดเหมือนกันก็จบ และไม่ขอเด็กมาเลี้ยงแล้ว คือเรามีแล้ว เป็นลูกของพี่ชายพี่ผึ้ง พี่ผึ้งเอามาเลี้ยงเป็นลูกบุญธรรมตั้งนานแล้ว ตอนนี้โตแล้วด้วย 13 ขวบแล้ว และก็ไม่คิดขอลูกคนอื่นมาเลี้ยง เราอยากดูแลกันไป เราไม่กลัวว่าแก่เฒ่าไปจะไม่มีคนดูแล เพราะเราต้องดูแลตัวเราเอง ไม่ให้เป็นภาระใคร เก็บเงินไว้ แค่มีเงินในกระเป๋าไว้ แต่ระหว่างนั้นเราก็ดูแลสุขภาพตัวเอง อะไรที่จะทำลายร่างกายเราก็ไม่ทำ ไม่สูบบุหรี่ไม่กินเหล้า เราก็เตรียมพร้อมทุกอย่าง ประกันเราก็ซื้อไว้ ถ้าเกิดเป็นอะไรไปก็ทิ้งไว้ให้ครอบครัว”

ผึ้ง “คือเราวางแผนเอาไว้ ว่าถ้าอายุเยอะขึ้นเราก็จะดูแลกันไป”




ผึ้ง สุนทรี
กำลังโหลดความคิดเห็น