นับเป็นข่าวเศร้าของวงการบันเทิงฮ่องกงทีเดียวหลังการเสียชีวิตของ "ฟุงสุยอัน" ดาวร้ายชื่อดังจากเกาะฮ่องกงที่คุ้นหน้าคุ้นตาเป็นอย่างดีโดยเขาเสียชีวิตจากโรคมะเร็งหลังโพรงจมูกก่อนลุกลามไปยังตับเมื่อวันที่ 27 ส.ค. ที่ผ่านมา โดยญาติๆเตรียมฝังศพนักแสดงชื่อดังในวันพรุ่งนี้ โดยที่ภรรยาใหม่ไม่ขอเข้าร่วมพิธีด้วยเหตุผลว่าลูกชายวัย 6 ขวบยังเด็กเกินไปที่จะรับรู้ว่าพ่อของเขาจากโลกนี้ไปแล้ว
เดวิด สุย หรือ ฟุงสุยอัน จากไปด้วยโรคมะเร็งขณะมีอายุได้ 54 ปี โดยมีเพื่อนนักแสดงทั้งอลัน ทัม, อีริค เจิ้ง, และนิค เฉิง รายล้อมคอยส่งอยู่ข้างเตรียมเป็นครั้งสุดท้าย ซึ่งตามรายงานระบุว่าก่อนที่เขาจะจากไปเขาอยากเห็นหน้าลูกชายวัย 6 ปีที่เขาห่วงที่สุดเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะจากโลกนี้ไปอย่างสงบ
เดวิด ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งหลังโพรงจมูก (Nasopharyngeal Carcinoma NPC) ก่อนที่มะเร็งร้ายจะลุกลามไปที่ตับจนเป็นเหตุให้เขาเสียชีวิตในวันที่ 27 ส.ค.ที่ผ่านมาในเวลา 23:45 น. ที่ร.พ. แบบติสท์ ซึ่งทันทีที่ทราบข่าวเหล่าบรรดาเพื่อนสนิทต่างมุ่งตรงไปที่ร.พ.เพื่อบอกลาเป็นครั้งสุดท้าย
ตามรายงานระบุว่าเดวิด รู้ตัวดีว่าเขากำลังจะตาย ไม่กี่วันก่อนเสียชีวิตเขาจึงขอกลับไปอยู่ที่บ้าน ก่อนจะถูกส่งตัวเข้าร.พ.อีกครั้งในคืนที่อาการของเขาทรุดหนักลงอย่างมาก ซึ่งทันทีที่ถูกส่งตัวเข้าร.พ. นักแสดงชื่อดังอยู่ในอาการโคมาไม่สามารถพูดและรับประทานอาหารใดๆได้ น้ำหนักของเขาลดลงเหลือน้อยกว่า 100 ปอนด์ และต้องใส่เครื่องช่วยหายใจอยู่ตลอดเวลา
แต่ปฏิกิริยาของเขาตอบสนองทันทีเมื่อได้ยินเสียงของลูกชายวัย 6 ขวบที่เข้าเยี่ยมอาการพ่อ ซึ่งตามรายงานจากแหล่งข่าวระบุว่า ในตอนบ่ายลูกชายวัย 6 ขวบของเขาเรียกชื่อเขาและบอกว่ากำลังจะไปเล่นปิงปอง ทันทีที่ได้ยินเดวิดก็พยายามจะส่งเสียงพูดออกมา นอกจากนั้นแต่ละวันเขารอเวลาที่ลูกชายเลิกเรียนเพื่อมาเยี่ยมเขาที่ร.พ. โดยเขาเคยขอลุกจากเตียงคนไข้เพื่ออกไปเล่นกับลูกชายสักครั้งแต่ก็ได้รับการปฏิเสธเพราะเขาไม่แข็งแรงพอ
ทางด้านเพื่อนนักแสดงอย่างอีริค เจิ้ง หรือ เจิ้งจื่อเหว่ย ก็ได้กล่าวถึงการเสียชีวิตของเพื่อนด้วยน้ำเสียงเศร้าว่า "อลัน โทรมาหาทุกคนและบอกกับพวกเราว่าเดวิด สู้ต่อไปไม่ไหวแล้ว เขาบอกให้พวกเรารีบมาที่โรงพยาบาล พออลันไปถึง เดวิดยังพอพูดอะไรบางอย่างได้ แต่พอผมไปถึงเขาก็เริ่มไม่ไหว ผมได้เห็นว่ามันเป็นช่วงที่ยากลำบากสำหรับเขามากจริงๆ หลังจากนั้น 20 นาที เขาก็ทนต่อไปไม่ไหวแล้ว"
อีริค ยังเผยต่อไปด้วยว่า เดวิด ค่อนข้างมั่นใจมากว่าเขาสามารถต่อสู้กับโรคร้ายนี้ได้ และเขาก็รับไม่ได้หากต้องจากไปแบบนี้ เขาได้กล่าวว่า แพทย์ที่ทำการรักษาเดวิด เผยว่าอาการของเขาแย่มากแล้ว จึงเลือกที่จะหยุดการรักษา แต่เดวิดยังคงยืนกรานที่จะรักษาต่อไป โดยขอกลับไปรักษาตัวต่อที่บ้านเพื่อไปเจอหน้าแม่และน้องชาย เมื่อถามว่าคำขอสุดท้ายของเดวิดคืออะไร อีริคตอบทันทีว่า"ผมรู้ว่าเขายังไม่หมดห่วงในตัวลูกชายคนเล็ก แต่เขาก็จากไปอย่างสงบมากๆ โดยมีครอบครัวอยู่เคียงข้าง"
พิธีฝังศพของเขาจะจัดขึ้นในวันพรุ่งนี้โดยจะเริ่มพิธีในเวลา 4 โมงเย็นที่โบสถ์แบบติสท์ ก่อนจะเคลื่อนศพไปฝังที่ นัมหวายฉวน
ทางด้านภรรยาทั้ง 2 คนของเขาอย่าง ฟุงเยียะหวา และ เฉินเหม่ยฉี ภรรยาคนที่ 2 ที่มีข่าวลือว่าทั้งคู่ไม่ถูกกันจนไม่ยอมให้ไปร่วมพิธีฝังศพนั้น ทางเฉินเหม่ยฉี ออกมาปฏิเสธข่าวลือดังกล่าวพร้อมระบุว่า "ฉันได้ปรึกษากับเธอแล้ว ( ภรรยาคนแรก ) เธอไม่ได้บอกว่าไม่อนุญาตให้ฉันไปที่ภูเขาเพื่อร่วมพิธีฝังศพ แต่เป็นเพราะลูกชายฉันยังเด็กเกินไป เขาไม่สามารถรับได้ว่าพ่อของเขาเสียชีวิตและจะไม่กลับมาอีกแล้ว ฉันเลยต้องอยู่กับเขาเพื่อดูแลเขาในวันนั้น"
ทางด้าน มาเรีย เพื่อนสนิทอีกหนึ่งคนของ เดวิด สุย ก็ได้ออกมากล่าวว่าลูกชายคนเล็กของเขามีอายุเพียง 6 ขวบ เขายังคงไม่เชื่อว่าพ่อของเขาได้เสียชีวิตไปแล้ว "เขายังขอร้องแม่ของเขาอยู่เลยว่าให้บอกพ่อรีบกลับมาบ้านไวๆ ฉันรู้สึกเศร้ามากเมื่อได้ยินแบบนั้น" ทางมาเรียยังไม่แน่ใจว่าทางครอบครัวของเดวิด สุย ประสบปัญหาภาวะทางการเงินหรือไม่ แต่ทางสมาคมนักแสดงแห่งฮ่องกงและอีริค เจิ้ง เตรียมที่จะให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่แล้ว
เดวิด สุย หรือ ฟุงสุยอัน เป็นนักแสดงดาวร้ายชาวฮ่องกง ที่คุ้นหน้าคุ้นตาเป็นอย่างดีมักได้รับบทผู้ร้ายที่ไม่ค่อยฉลาดสร้างเสียงหัวเราะ ซึ่งเขามักปรากฏตัวในภาพยนตร์ของ โจวซิงฉือ นักแสดงและผู้กำกับชื่อดัง เขาฝากฝีมือการแสดงมากมายโดยมีผลงานภาพยนตร์มาแล้วกว่า 350 เรื่อง และเล่นละครมาแล้วกว่า 600 ตอน โดยมีผลงานสร้างชื่อคือ คนตัดเซียน ก่อนเสียชีวิตเขาอาศัยอยู่กับแม่วัย 81 ปี และมีภรรยา 2 คน โดยมีลูกชายวัย 30 ปีกับภรรยาคนแรกพร้อมหลานชายวัย 10 ปีอีกหนึ่งคน และมีลูกชายวัย 6 ปีกับภรรยาคนที่ 2
เขาได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคมะเร็งที่หลังโพรงจมูกตั้งแต่ปี 2005 โดยครั้งนั้นแพทย์คาดว่าเขาจะมีอายุได้เพียง 4 เดือน แต่เจ้าตัวกัดฟันสู้กับโรคร้ายจนกระทั่งมีอายุอยู่ต่อมาได้อีก 4 ปี ก่อนที่มะเร็งจะลุกลามไปยังตับทำให้เขาอาการทรุดหนักลงจนต้องจากโลกนี้ไปเมื่อวันที่ 27 ส.ค. ที่ผ่านมา