xs
xsm
sm
md
lg

Back to The Innocent : เริ่มต้นด้วย 'เนื้อร้อง'

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

พีรสันติ จวบสมัย
 เข็มนาฬิกากระดิกมาชี้ที่เลขสิบอีกครั้งหนึ่ง ชายทั้งสี่ก้าวเข้ามาในห้องซ้อมที่มีเครื่องดนตรีประจำตำแหน่งตั้งอยู่ ผู้ชายร่างเล็กใบหน้าเปื้อนยิ้มตรงไปที่คีย์บอร์ด ชายสวมแว่นท่าทางคล้ายเด็กเรียนหยิบกีตาร์ขึ้นมาตั้งสาย

  คนสวมเสื้อเชิ้ตมาดกวนฉวยเบสมาตบสายจนเกิดทำนองคึกคัก ส่วนชายมาดสุขุมค่อยๆ หยิบกีตาร์ออกมาจากกล่องส่วนตัว ก่อนจะยกสายสะพายขึ้นไหล่ แล้วจับคอร์ดดีดเบาๆ

น้อยคนนักที่จะไม่รู้จักบทเพลงของพวกเขา ถึงแม้ครั้งล่าสุดที่พวกเขารวมตัวเล่นดนตรีกันอย่างเป็นเรื่องเป็นราวจะผ่านมานานกว่ายี่สิบปีแล้วก็ตาม

"มีหลายคนมาถามว่า เมื่อไหร่พวกเราจะกลับมาเล่นคอนเสิร์ตให้ดูอีก" ชายคนหนึ่งพูดถึงต้นเหตุของการกลับมาเล่นดนตรีร่วมกันอีกครั้งของพวกเขาทั้งสี่ "มีคนอยากจะให้มีคอนเสิร์ตนี้อยู่เป็นระยะ ซึ่งทุกๆ ปีเราก็จะมีการพูดคุยกัน ผมเองก็ผลัดมาเรื่อยๆ เพราะยังไม่ได้โอกาสสักที

"ก่อนหน้านี้เวลามีคนชวน เราก็รับปากไปเรื่อยแหละ แล้วเวลาก็ไม่ลงตัว มาปีนี้ผมรู้สึกว่า เราลองนึกว่าถ้าเราต้องเล่นคอนเสิร์ตของพวกเรา เล่นเพลงเก่าๆ แล้วมันนึกออก ด้วยเหตุผลนั้น เราถึงอยากกลับมาเล่นคอนเสิร์ตอีกสักครั้ง ผมคิดว่า ด้วยเหตุผลที่กลับมามีคอนเสิร์ตครั้งนี้ไม่ใช่เป็นเรื่องใดใดเลย มันเป็นเรื่องที่ใช้ความรู้สึกวัดเป็นหลักเลย"

 ชายทั้งสี่บรรเลงเพลง ฝันและใฝ่, มือที่สาม, สอบตก, ไม่เคยคิดเลย, เพียงกระซิบ, จะเอายังไง, เพราะเธอหรือเปล่า และอีกหลายบทเพลงในห้องซ้อมที่มีเครื่องมือเครื่องไม้ทันสมัยย่านทาวน์อินทาวน์ แม้บริบทโดยรอบจะต่างไปจากห้องอัดเสียงชื่อดังย่านอโศกที่พวกเขาเคยเข้าไปใช้ต่อจากวงแกรนด์เอ็กซ์ แต่ภาพอดีตของวงดนตรีที่ตั้งชื่อออกตัวว่าไม่ประสีประสาวงนี้กลับค่อยๆ ผุดพรายขึ้นตามเนื้อร้องและทำนองที่พวกเขาสร้างขึ้น

Lyrics

23 ธันวาคม พุทธศักราช 2522 คือวันที่วง 'ดิ อินโนเซนท์' ถือกำเนิดขึ้นเป็นครั้งแรก หลังจากที่ 'สายชล ระดมกิจ' นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่สามของโรงเรียนดรุณา ราชบุรีเกิดความรู้สึกคันมือต้องการจะตั้งวงดนตรีของตัวเองขึ้นมาสักวง เขาชักชวน 'สิทธิศักดิ์ กิจแต่ง' เพื่อนร่วมชั้นและ 'พีรสันติ จวบสมัย' รุ่นพี่ชั้นมัธยมปีที่ห้าซึ่งมีฝีมือทางด้านดนตรีที่โดดเด่นหาตัวจับยากมาร่วมวงเพื่อร่วมประชันในการประกวดดนตรีโฟลค์ซองที่โรงเรียนจัดขึ้น

ชัยชนะในครั้งนั้น กลายเป็นรากฐานสนับสนุนให้ทั้งสามเหยียบยืนขึ้นไปประกวดโฟลค์ซองระดับจังหวัดในกาลต่อมา และด้วยฝีมือที่ไม่เป็นสองรองใคร ดิ อินโนเซนท์จึงคว้ารางวัลชนะเลิศมาครองอีกครั้ง

เพราะเหตุที่โรงเรียนดรุณา ราชบุรีที่พวกเขาศึกษาอยู่เป็นโรงเรียนคริสตัง ทีมผู้บริหารจึงเกิดไอเดียที่จะทำเพลงเกี่ยวกับศาสนาในรูปแบบโฟลค์ซองขึ้นมาสักชุด ดิ อินโนเซนท์จึงกลายเป็นวงดนตรีหนึ่งเดียวที่คณะบาทหลวงผู้ดูแลโรงเรียนต้องการ อัลบั้ม 'เพลงเพื่อพระองค์' ภายใต้การบรรเลงของ ดิ อินโนเซนท์จึงถือกำเนิดขึ้นในเวลาต่อมา

และเพราะการทำอัลบั้มดังกล่าวนี้เอง ที่ทำให้ ดิ อินโนเซนท์ได้รู้จักกับผู้ชายคนหนึ่งซึ่งทำธุรกิจดนตรี เขาสนใจฝีมือของวงดนตรีนักเรียนวงนี้มาก ถึงขนาดอาสาเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงในการทำอัลบั้มเพลงออกสู่ตลาด หลังจากนั้นไม่นาน 'รักไม่รู้ดับ' และ 'บางปะกง' อัลบั้มชุดที่หนึ่งและสองของ ดิ อินโนเซนท์จึงคลอดออกมาในระยะเวลาที่ห่างกันเพียง 10 เดือน

แม้ว่าการทำอัลบั้มในยุคแรกๆ ของ ดิ อินโนเซนท์จะใช้เพลงเก่าของครูเพลงที่พวกเขาทำดนตรีใหม่มาประชาสัมพันธ์ แต่เพลงอีกส่วนหนึ่งที่พีรสันติ ในฐานะมือคีย์บอร์ดและหัวหน้าวงได้สร้างสรรค์ขึ้นมานั้น ก็อาบเคลือบไปด้วยมนตร์ที่ใครได้ฟังต้องเคลิ้มลอย

รูปคำและรสสัมผัสที่ดาษดื่นอยู่ในบทเพลง เป็นสิ่งที่พีรสันติตั้งใจจะให้เป็น เขาจึงประกาศตัวอยู่เสมอว่า แม้ร่างกายจะอยู่ในช่วงรอยต่อระหว่างการแต่งเพลงรูปแบบเก่าเชิงกวีกับการแต่งเพลงลักษณะใหม่ไร้สัมผัส แต่หัวใจของเขาเลือกที่จะยืนอยู่ในตำแหน่ง ‘นักแต่งเพลงรุ่นเก่า’ ตามที่เขาถนัดมากกว่า

"อาจจะเป็นโชคดีของผมที่คุณพ่อของผมเป็นคนชอบอ่านหนังสือ" พีรสันติเล่าถึงที่มาของเนื้อเพลงที่งดงามของเขา "เพราะฉะนั้นที่บ้านจะมีตู้หนังสือใหญ่ๆ ผมเลยติดนิสัยว่า พอไม่มีอะไรทำก็จะหยิบหนังสือออกมาอ่าน และมันก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เราอ่านหนังสือดีๆ เยอะ แล้วมันก็ซึมซาบอยู่กับเรา เพราะฉะนั้นเวลาที่มีคนเขียนทำนองมา ต้องใส่เนื้อลงไป ผมเลยพยายามที่จะนึกอะไรที่มันสละสลวยเสียมากน่ะครับ

 "บางครั้ง เราอยากสรุปข้อความที่ยาวๆ สักสองสามบรรทัด แต่อยากให้มันอยู่แค่ทำนองที่เขาเขียนมา มันก็เลยต้องใช้ประสบการณ์จากที่อ่านหนังสือมาด้วย พอมันอยู่ในหัวแล้วมันก็สามารถที่จะขยับออกมาได้ เพียงแต่ว่าต้องใช้เวลาบ้าง แต่ก็ไม่คิดนะครับ ว่าตอนนั้น เราจะแต่งเพลงออกมาได้อย่างนั้น"

เนื้อเพลงมากมายถูกผ่องถ่ายออกมาโดยเนื้อเสียงของสายชล นอกเหนือจากเวลาที่อยู่หลังไมโครโฟนแล้ว ชายที่มีเสียงนุ่มดุจปุยเมฆคนนี้จะเก็บปากเก็บคำคล้ายต้องการถนอมเสียงเอาไว้สำหรับเนื้อร้องที่พีรสันติสร้างขึ้นมาเท่านั้น ถึงอย่างไรสายชลก็กล่าวถึงวงที่เขาเป็นผู้ก่อตั้งด้วยความรู้สึกของเด็กราชบุรีคนหนึ่งซึ่งไม่ได้ฝันและใฝ่เกินตัวมาตั้งแต่แรกว่า

"ตอนนั้นไม่ได้คิดหรอกครับ เพราะเราก็รู้สึกว่าเราก็เป็นเด็กธรรมดา เป็นคนธรรมดาคนหนึ่ง แต่ว่าพอมีโอกาสได้มาออกเทปครั้งแรก ก็เริ่มจะคิดแล้วว่า เฮ้ย มันจะไปขนาดไหน แต่มารู้สึกดีที่มีพี่โอม(ชาตรี คงสุวรรณ)เข้ามา เพราะมันทำให้ดนตรีของเรามีการพัฒนาขึ้นไปอีก ซึ่งมันจะเป็นเหมือนขั้นบันไดไปเรื่อยๆ"

     (โปรดติดตามอ่านตอนจบ)
สายชล ระดมกิจ
เสนีย์ ฉัตรวิชัย
ชาตรี คงสุวรรณ

กำลังโหลดความคิดเห็น