xs
xsm
sm
md
lg

“ณัฏฐ์” ต่อมน้ำตาแตก เอ่ยปากโคตรเหงาไร้รัก “วุ้นเส้น”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“ณัฏฐ์”น้ำตาร่วง รับเลิก “วุ้นเส้น” เพราะรักและตีกรอบอีกฝ่ายมากเกินไป บอกรู้นิสัยฝ่ายหญิงเด็ดเดี่ยว ยื้อไปเสียเวลาเปล่า ยังดีที่เหลือความเป็นเพื่อน เสียดายมีเวลาปรับนิสัยน้อยเกินไป หากย้อนเวลาได้จะไม่จู้จี้จนหนีเตลิด เอ่ยปากโคตรเหงา ยังรักและรอ “วุ้นเส้น” รีเทิร์นกลับมา

หลังปล่อยให้อดีตแฟนสาว “วุ้นเส้น วิริฒิพา ภักดีประสงค์” ออกมาประกาศเลิกแล้วค่ะ พร้อมรับหน้าสื่อให้สัมภาษณ์อย่างเด็ดเดี่ยวอยู่ฝ่ายเดียว ล่าสุดไฮโซ-นักแสดงหนุ่ม “ณัฏฐ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา” ก็ยอมออกมาเปิดอกรับอย่างแมนๆ ถึงสาเหตุที่ทำให้รักครั้งนี้ไปไม่รอดว่า เป็นเพราะตีกรอบฝ่ายหญิง และรักมากเกินไป จนทำให้อีกฝ่ายรู้สึกอึดอัดทนไม่ไหว ต้องบอกเลิกเซย์กู๊ดบาย

“ก็เลิกแล้วครับตามที่เขาพูด แต่ไม่ได้เลิกกันไม่ดี ก็คุยกันว่าแยกกันสักพัก เขาตัดสินใจเราก็ตามใจเขา ก็ยอมรับว่าผมยังไม่เป็นอย่างที่เขาต้องการร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ก็ถือว่าพยายามดีที่สุด พยายามเท่าที่จะทำได้มากที่สุด แต่ก็ไม่ถือว่าเป็นความผิดของใคร ถ้าถามว่าจะโทษใครผมก็โทษตัวเองนะ มันไม่ใช่ความผิดเขา เพราะเขาก็ไม่ได้มีคนใหม่ เราก็ไม่ได้มีคนใหม่ เพียงแต่ว่ามันเป็นเรื่องของเล็กๆ น้อยๆ รายละเอียดที่คนอยู่ด้วยกัน บางทีเขาก็อึดอัดอยู่นิดหน่อย”

“เหตุผลมันไม่ได้รุนแรงมาก แต่ผมเชื่อว่าเขาคงรับมาจากผมเยอะแล้ว เมื่อก่อนผมค่อนข้างใจร้อนขี้หงุดหงิดกับเขาพอสมควร ห้ามโน่น ห้ามนี่ เขาก็ยอมผมมาตลอด จนถึงจุดหนึ่งที่เขารู้สึกว่า เขาสูญเสียความเป็นตัวเอง แล้วเขาเป็นคนที่ค่อนข้างหวงแหน ความเป็นตัวเองมาก เขาเป็นคนโลกส่วนตัวสูงมาก เขาเลยไม่รับเลย”

“ผมค่อนข้างตีกรอบให้เขามากเกินไป อย่างเรื่องของการแต่งตัวการรับงาน เราไม่ได้ห้ามเพียงแต่บอกเขาว่า งานแบบนี้อย่าไปรับเลย โป๊ไป เราก็เป็นห่วงเขา อยากให้คนมองเขาว่า เขามีความสามารถมากกว่าการที่เขาจะต้องไปเปลื้องผ้าแล้วดัง คือเขาดัง เขาเก่งอยู่แล้ว ผมอยากให้เขารักษาภาพนี้เอาไว้ แต่วุ้นเองมีลิมิตของเขาอยู่แล้ว เพียงแต่ผมไปตีกรอบให้เขาเยอะ ทั้งเรื่องการใช้ชีวิต เรื่องเพื่อน เขาจะชอบเจอเพื่อนวันศุกร์-เสาร์ แล้วจะออกไปสถานที่ที่เราเป็นห่วง แต่เขาก็ไม่ได้ไปบ่อย เพียงแต่เราบอกเขาว่าอย่าไปเลย เมื่อก่อนเราไม่เข้าใจเขา จนมาถึงจุดหนึ่งเขาคงไม่ไหวจริงๆ”

“ที่ผ่านมาผมเชื่อว่าวุ้นเป็นคนที่ปรับตัวเข้าหาผมเยอะมากๆ ไม่ใช่ผมปรับเข้าหาเขา มันเลยเหมือนแก้วน้ำที่ล้น เขารับมาเรื่อยๆ แล้วเขาก็ไม่เคยบอกว่าอึดอัด จนมาถึงวันหนึ่งมันก็ล้นออกมา ผมก็พยายามที่จะปรับให้เขาแล้ว เพียงแต่มันก็ยังมีความเป็นตัวเราอยู่นิดหน่อย ที่มันยังทำให้เขาหงุดหงิด เลยทำให้เข้ากับเขาไม่ได้”

ปัดเลิกกันเพราะฝ่ายหญิงทนไม่ได้ ที่ส่งคนตามประกบทุกฝีก้าว บอกรู้นิสัยอีกฝ่ายดีว่าเด็ดเดี่ยว ยื้อรักไปก็เปล่าประโยชน์

“ผมไม่ได้ส่งใครไปประกบ มีแต่ผมนี่แหละที่ประกบ มีแค่ช่วงหลังๆ ที่ให้พี่เอ็ม ซึ่งเป็นหุ้นส่วนทำสนามบีบีกัน และสนิทกันไปช่วยดูเขาบ้าง ผมบอกว่าถ้าไม่ไหวก็ให้พี่เอ็มไปดูนะ หรือบางงานถ้าผมรู้สึกว่าเขาไม่สามารถดูแลตัวเองได้เต็มที่ ก็อาจจะขอให้พี่เอ็มไปดูให้ เรารู้สึกว่าถ้ามีพี่เอ็มอยู่ด้วย เราก็คงไม่รู้สึกเป็นห่วง”

“ผมจะบอกเฉยๆ ว่าถ้าเหนื่อยก็ให้พี่เอ็มไปด้วยนะ ส่วนเขาจะให้ไปหรือไม่ ก็ให้เขาเป็นคนตัดสินใจเอง พักหลังๆ ผมปล่อยเขาเต็มที่แล้ว แต่ผมก็ยอมรับนะว่า ผมเองก็ยังมีหงุดหงิดใส่เขาบ้างนิดๆหน่อย แล้วเขาคงเหมือนที่ผมบอกว่าน้ำมันล้นแก้ว มันเทลงไปก็คงใส่ไม่ได้แล้ว”

“พอเลิกกันก็รู้สึกใจหายนิดนึง แต่ยังดีที่ไม่เสียเขาไป ยังมีความเป็นเพื่อนกันอยู่ ทุกวันนี้ยังคุยกันบ้าง แต่ก็ไม่เท่าเดิมแล้ว เมื่อวานก็เพิ่งเจอกัน หลังจากที่ไม่ได้เจอกันหลายวัน คือเราพยายามที่จะยื้อกันมา ทั้งเขาและเรา เพราะเขาก็รักเรา เราก็รักเขา เพียงแต่ว่ามาถึงจุดนี้ เขาตัดสินใจพูดมาแบบนี้”

“ผมรู้อยู่แล้วด้วยนิสัยเขา คือเขาเป็นคนที่เวลาตัดสินใจอะไรแล้วเขาจะเด็ดเดี่ยว ผมยอมรับว่าเขาเป็นคนที่เด็ดเดี่ยวและเข้มแข็งมาก เราก็เลยรู้สึกว่ามันไม่มีประโยชน์ที่จะไปยื้อเขา เราให้เขาได้ในสิ่งที่เขาต้องการดีกว่า คือผมยอมที่จะเสียเขาไปตอนนี้ แต่ยังมีเขาเป็นเพื่อนอยู่ ดีกว่าที่เสียเขาไปโดยที่ไม่เหลือแม้กระทั่งความเป็นเพื่อนกัน ”

ส่วนเรื่องหลบไปเลียแผลใจไกลถึงหัวหิน เจ้าตัวบอกทำใจไม่ได้ ที่ต้องอยู่กรุงเทพฯ ใกล้ๆ อดีตแฟนสาว น้ำตาคลอบอกอยากแต่งงานกับวุ้นเส้น เพราะไม่เคยรักใครมากเท่านี้มาก่อน

“ไม่ถึงขั้นแอบไปร้องไห้ที่นั่น ผมแค่ไปพักผ่อน เพราะไม่มีเวลาเที่ยวบ่อย ผมไม่เชิงไปทำใจ แค่ไปปลดปล่อยความเครียด ความเศร้าของเรา ยอมรับว่าผมไม่อยากอยู่กรุงเทพ อยู่ไม่ได้จริงๆ เพราะเรารู้ว่าเราอยู่ใกล้เขา แต่เราเจอกันไม่ได้ เราต้องการให้เวลาเขาจริง ถึงจุดนั้นพอไปถึงแล้วได้อยู่คนเดียว มันก็โอเค ก็ไม่ถึงแย่อะไร”

“ถามว่าผมเคยคิดแต่งงานไหม ผมคิดนะ แต่ไม่ได้กำหนดว่าต้องเป็นคนนี้ ถ้ามันไม่ใช่ก็คือไม่ใช่ แต่ถามว่าอยากให้เป็นเขาไหม ผมอยากให้เป็นเขานะ คือผมรักเขามาก ตั้งแต่เกิดมาผมไม่เคยรักใครเท่านี้มาก่อน(น้ำตาเอ่อ)”

“ผมคิดถึงเขานะพี่(น้ำตาคลอเบ้า) เมื่อก่อนผมเจอเขาอาทิตย์ละ3-4 วัน คือเจอกันเกือบทุกวัน คนเรามันรักกันมาก แล้วพอมาถึงจุดหนึ่งมันไม่ได้เจอกัน ผมเป็นคนเพื่อนเยอะนะ แต่บอกตรงๆ ผมโคตรเหงาเลย (ลากเสียง) ขอใช้คำนี้ มันก็ทรมานนิดนึง ตอนนี้เราก็ยังมีเพื่อน มีพี่มีน้องมีพ่อมีแม่คอยให้กำลังใจทุกๆ คน พี่ๆ นักข่าวก็เหมือนกันหลายคนก็ส่งแมสเสจมา”

“ทุกวันนี้ก็ยังรู้สึกโอเค แต่วันนี้โดนสะกิด(หัวเราะ) มันก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้น เพียงแต่เราอยากพูดครั้งเดียวทีเดียว เราก็ไม่อยากพูดอีกแล้ว เดี๋ยวผมเป็นอย่างนี้อีก ไม่อยากให้เขาเห็นผม ถามว่าผมทำใจได้หรือยัง ผมไม่อยากใช้คำว่าทำใจนะ แต่ผมเข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้นมากกว่า”

“เรารู้แล้วว่ามันเกิดขึ้นเพราะอะไร เราทำพลาดตรงไหน มันเป็นความผิดของตัวเองที่ดึงดัน บางทีห่วงเขามากเกิน บางทีรักเขามากเกินไป ผมเพิ่งเข้าใจบางทีหนักมากเกินไป มันก็อึดอัด ผมเข้าใจเขามากๆ ถามว่าโกรธเขาไหม ไม่โกรธนะ แต่แค่นิดนึงอย่างที่พูดไปว่า อยากให้มันมีเวลามากกว่านี้ อยากให้เขาเห็นว่า เราจะเปลี่ยนให้เขาจริงๆ”

เปรยถ้าย้อนเวลากลับได้ จะไม่หวงและไม่จู้จี้จนต้องเสียคนรักไป เอ่ยปากยังรักและรอวุ้นเส้นอยู่เหมือนเดิม

“ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ผมจะไม่หวง ไม่จู้จี้แล้ว คงจะไม่ทำในสิ่งที่จะทำให้เขาจากเราไป เพราะตัวเองทำเอง (น้ำตาเอ่อ) รักครั้งนี้ทำให้ผมได้บทเรียน ทำให้เราโตขึ้นเยอะ แล้วทำให้เราเรียนรู้อะไรหลายๆ อย่าง คือชีวิตมันไม่ได้มีแค่นี้ อย่างน้อยก็ยังมีงาน มีหลายๆ คนที่ยังรักเราอยู่”

“แล้วก็ทำให้เราเรียนรู้ว่า รักมันไม่ใช่แค่การครอบครอง ผมเพิ่งรู้ในสิ่งที่มีคนเคยพูดว่า ขอให้เขามีความสุข เราก็มีความสุขแล้ว ผมก็อยากให้เขามีความสุข ก็อยากจะบอกเขาว่า ผมรักเขาเหมือนเดิม”

“อนาคตจะมีโอกาสกลับไปเป็นเหมือนเดิมไหม อันนี้ต้องถามเขา จะมาถามผมตรงนี้ไม่ได้ ถามว่าผมอยากได้เขาคืนไหม ผมอยากได้เขาคืนนะ แต่อยากให้เวลากับเขาเต็มที่ก่อน แล้วก็ให้เขาได้คิดอะไร ถ้าคิดว่าเราเป็นเพื่อนกันดีกว่า เราก็โอเค มันก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้น ผมง้อมาพอแล้ว ทุกวันนี้ก็ยังพูดกับเขาอยู่ว่า ยังรออยู่นะ อย่าคิดว่าผมเลิกแล้วจะไปมีใครใหม่ ผมยังรอเขาอยู่”






กำลังโหลดความคิดเห็น