อดีตรัก “นก” ให้สร้อยแทนใจ “แหม่ม วิชุดา” รับใส่ติดคอไม่เคยถอด ยังย้ำชัดเจนไม่คิดรีเทิร์น บอกตอนนี้โสดสนิทไม่พร้อมเปิดใจรับใครใหม่ เผยเจอคู่อริ “ปราย” ในงานการกุศล อุตส่าห์ทักทายแต่กลับถูกเมิน
ถูกแฟนเก่า “นก จิรศักดิ์ โย้จิ้ว” ผู้กำกับซิทคอม “เป็นต่อ” ทำเซอร์ไพร์ส ให้สร้อยเพชรพร้อมตุ๊กตาบลายธ์ เมื่อวันเปิดตัวหนังสือ “เรื่องรัก....ไม่ลับ” ซึ่งดาราสาว “แหม่ม วิชุดา พินดั้ม” ก็ยิ้มรับว่า ยังคงใส่สร้อยคอที่คนรักเก่าให้ไว้ตลอดเวลา ไม่เคยถอดแม้แต่ตอนอาบน้ำ ยังย้ำชัดหมดสิทธิ์รีเทิร์น เพราะเป็นคนชัดเจน
“สร้อยเพชรเหรอคะ แหม่มยังใส่อยู่ค่ะ เพราะมีพี่นกคนเดียวที่ซื้อให้ ก็นักข่าวไม่มีใครซื้อให้(หัวเราะ) เวลาใส่ก็ไม่ได้นึกถึงเขานะคะ พอถามแล้วก็คิดเลย แหม่มใส่สร้อยไว้ตลอด เขาอุตส่าห์ซื้อให้ แล้วของมันก็มีราคา เวลาใครซื้ออะไรมาให้ เราจะให้ความสำคัญกับสิ่งที่เขาซื้อให้ บางทีให้ความสำคัญมากกว่าของๆ ตัวเองซะอีก ”
“พี่นกก็จะถามตลอดที่ได้เจอหน้าว่า ยังใส่สร้อยอยู่ไหม เขาก็จะคอยมองที่คอ คอยเช็คว่ายังอยู่หรือเปล่า ถามว่ามีใจอ่อนรีเทิร์นไหม ไม่รีเทิร์นไม่ใจอ่อนหรอก ใจคนมันเปลี่ยนกันไม่ได้ง่ายๆ กว่าจะรักกันมันก็ใช้เวลา กว่าจะทำใจว่าแยกกันก็ใช้เวลา แหม่มว่าของแบบนี้มันด้วยสถานการณ์พาไปมากกว่า บางทีคนเราอาจทำบุญมาด้วยกันแค่นี้หรือเปล่า แหม่มก็ไม่รู้จะพูดยังไง”
“กับพี่นกแหม่มปิดตายเลย แหม่มชัดเจนมาตลอด ตั้งแต่แรกที่คบกันแหม่มก็บอกว่าคบ วันที่แหม่มบอกว่าเลิก แหม่มก็ชัดเจนว่าเลิกแล้วไม่ได้แทงกั๊ก เผื่อเขาจะมาง้อหรืออะไร แต่คนอาจจะคิดกันไปได้ว่าจะรีเทิร์นไหม หรืออะไร จะให้พูดสักอีกกี่ครั้งแหม่มก็จะบอกเหมือนเดิมว่า บอกว่าเลิกก็คือเลิก บอกว่าคบก็คือคบ ก่อนที่จะเลิกแหม่มได้ตัดสินใจแล้วว่า เราจะเลิกกัน ไม่ได้คิดแบบอารมณ์ชั่ววูบ”
ยังโสดสนิท และไม่คิดเปิดใจรับใครใหม่
“ตอนนี้แหม่มโสดสนิท ไม่มีใครเข้ามาเลย แหม่มว่าคนเราจะประสบความสำเร็จในเรื่องของความรักหรือไม่ มันคงขึ้นอยู่กับคนสุดท้ายที่เราจะใช้ชีวิตอยู่ด้วย แต่แหม่มไม่เคยเสียใจที่เคยคบกับพี่นก คือมันมีความทรงจำที่ดีต่างๆ ให้เราได้จดจำ ถึงเลิกกันเราก็ไม่ได้โกรธกัน อย่างที่บอกมันยังต้องทำงานด้วยกันอยู่ เพราะฉะนั้นจะไม่มองหน้ากันไปเลยมันก็ทำใจลำบาก แหม่มก็ยังทำตัวปกติ เพียงแต่เราไม่ได้เป็นแฟนกันแล้ว ตอนนี้แหม่มก็ปิดตัวเอง ยังไม่คิดจะเปิดรับใคร”
บังเอิญเจอคู่อริ “ปราย ธนาอัมพุช” ที่งานกุศลแห่งหนึ่ง เผยเป็นฝ่ายทักทายก่อน แต่กลับถูกปรายเชิดใส่
“วันนั้นแหม่มก็เข้าไปในงานรับโทรศัพท์ตั้งแต่ 3 ทุ่มถึง 5 ทุ่มกว่า แล้วมีคนโทรศัพท์เข้ามาเยอะมาก เขาก็เดินผ่านไปผ่านมา และทักทายคนตามปกติทั่วไป แต่เขาไม่ได้ทักแหม่ม ก็อืม....มันพูดยากจริงๆ เหมือนแหม่มใช้ชีวิตอยู่ในสังคม แล้วแหม่มก็ทักทายไปตามปกติตามที่มนุษย์ในสังคมเขาทำกัน ทีนี้ไอ้ผลตอบรับจะเป็นอย่างไร แหม่มก็ไม่อยากออกความคิดเห็น”
“แหม่มก็ทักทายเขาตามปกติ เหมือนปกติคนเดินผ่านไปผ่านมาก็ทักกัน หรือยิ้มทักกัน หรือใครที่เราเคยยกมือไหว้ แล้วรับไหว้เรา เราก็ไหว้ คือดูสถานการณ์เป็นหลัก เราก็ทำให้เป็นปกติที่สุด ส่วนเรื่องผลตอบรับเราพูดอะไรไม่ได้เยอะ เพราะมันนอกเหนือจากหน้าที่ของแหม่ม”
“แหม่มไม่เคยมีปัญหากับใคร หมายถึงเวลาร่วมงานกับใคร แหม่มก็ร่วมงานได้ตามปกติ ไม่เคยเลือกว่าร่วมงานกับใครไม่ได้ อย่างที่บอกไปเราต้องดูสถานการณ์ เราต้องทำงานจะไม่เอาเรื่องส่วนตัวมาคิด เราก็ใช้ชีวิตไปตามปกติ”