"อาร์เอส" รูดซิปปาก ไม่ตอบเรื่อง "นาธาน" ปลอมประวัติตัวเอง อ้าง หมดสัญญาไปนานแล้ว ฉะนั้นอย่าดึงเข้าไปเกี่ยวข้อง
หลังจากที่ "นาธาน โอร์มาน" โดน “ดีเจเจเจ จามจุรี จูลี่ แคสเชอร์” ดีเจคลื่น EASY FM 105.5 เวอร์จิ้นเรดิโอ ออกมาแจ้งความในข้อหายักยอกเงินร้าน Jamaree Yak Cafe Gallery&Bar เพราะไม่เอาเงินไปจ่ายค่าเช่าร้าน ซ้ำยังลวงให้โอนเงินไปให้เจ้าหนี้ตัวเอง และยังได้มีการแฉอีกว่า นาธานมีพฤติกรรมแปลกๆ หลายๆ อย่าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่เคยปลอมตัวหลอกนักข่าวว่าเป็น “อรัญ” น้องชายของตนเอง โกงอายุบอกคนอื่นว่าเกิดปี 2526 แต่จริงๆ เกิดปี 2519 และปลอมเสียงเวลามีคนโทร.มาติดต่องาน
ซึ่งเรื่องราวดังกล่าว ส่งผลให้เกิดคำถามและข้อสงสัยต่างๆ ตามมา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่นาธานบอกว่า ตนเองโกอินเตอร์ไปเล่นหนังฮอลลีวูด อีกทั้งเป็นลูกครึ่งเนปาล เกิดและโตที่เนปาล พูดได้ 5 ภาษา คือ ฝรั่งเศส, เนปาล, รัสเซีย, อังกฤษ และภาษาไทย เหล่านี้ล้วนถูกตั้งคำถามว่าจริงหรือลวงโลก และแม้ว่าก่อนหน้านี้เจ้าตัวจะออกมาแถลงโต้ทุกประเด็นไปแล้ว ว่าได้ไปถ่ายทำหนังที่ฮอลลีวูดจริง และคอนเฟิร์มว่าเป็นลูกครึ่งเนปาล พ่อเป็นคนเนปาลแม่เป็นคนไทยเชื้อสายโอมาน
กระทั่งล่าสุดทีมบันเทิง "ASTVผู้จัดการออนไลน์" ได้ลงพื้นที่เพื่อเสาะหาความจริง ซึ่งกลายเป็นเรื่องโอละพ่อ เพราะได้รับคำยืนยันจาก "ยายออง" ยายแท้ๆ ของนาธานเองว่าเจ้าตัวเป็นคนไทยแท้ ชื่อเดิมคือ "หนึ่ง ธัญญวัฒน์ หยุ่นตระกูล" พ่อชื่อ “ธัญญา หยุ่นตระกูล” เป็นคนนครศรีธรรมราช ส่วนแม่ชื่อ "อุทัยวรรณ" เป็นคนสุราษฎ์ธานี ไม่ได้มีเชื้อสายหรือเสี้ยวแขกโอมานแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตาม สิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นทำให้มีคำถามตามมา ว่าเกิดอะไรขึ้นกับนาธาน เขามีเหตุผลอะไรที่ต้องทำอย่างนั้น เป็นความจงใจส่วนตัวที่อยากปั้นแต่งให้ตัวเองโดดเด่น หรือต้นสังกัดเก่าอย่าง "อาร์เอส" มีส่วนรู้เห็นในการเปลี่ยนแปลงประวัติครั้งนี้หรือไม่?
ทั้งนี้ตั้งแต่เกิดเรื่องทางฝ่ายอาร์เอสกลับนิ่งเฉย สอบถามไปยังพีอาร์ รวมไปถึง "แหม่ม พัชริดา วัฒนา" เจ้าหน้าที่บริหารอาวุโส ฝ่ายพัฒนาศิลปิน บริษัทอาร์เอส ทั้งหมดก็ปฏิเสธที่จะชี้แจงใดๆ อ้างไม่อยากเกี่ยวข้อง เนื่องจากนาธานหมดสัญญา ไม่ได้เป็นเด็กในสังกัดมานานแล้ว และจะไม่มีการแถลงข่าวชี้แจงใดๆ อีก
ในส่วนของขั้นตอนการคัดสรรศิลปินของอาร์เอส โดยคร่าวๆ นั้น ปัจจุบันการปั้นศิลปินจะต้องมีการตั้งโจทย์ว่าจะเอาลูกครึ่ง จะเอาแบบเกาหลี จะเอาบอยแบนด์ แล้วค่อยเฟ้นหา แต่สมัยนาธานไม่ได้มีวิธีการแบบนี้ หน้าที่นี้ขึ้นอยู่กับฝ่ายจัดหาที่จะต้องไปหาเด็กเข้ามาคัดตัว อาจจะไปหาตามสยาม ถ้าเด็กคนไหนเข้าตาก็จะมีการเทสและถ่ายรูปถ่ายวีดีโอเพื่อทำประวัติออกมา หลังจากนั้นก็จะไปที่ฝ่ายคัดเลือกศิลปิน ทางฝ่ายคัดเลือกศิลปินก็จะเอาประวัติและวีดีโอที่ฝ่ายจัดหาศิลปินมาดู ว่ามีแววหรือไม่ พอที่จะเป็นนักร้องได้หรือเปล่า แล้วก็จะเอามาแคสหนึ่งรอบ
ถ้าเกิดดูแล้วว่าเด็กคนไหนมีแวว ก็จะไปสู่ขั้นตอนที่สามคือฝ่ายพัฒนาศิลปิน เพื่อฝึกร้องเพลงและปรับบุคลิกภาพ และก็จะมีการทำสัญญา ซึ่งเรียกว่าสัญญาดูตัวหรือสัญญาศิลปินฝึกหัด จะเป็นสัญญาปีต่อปี หรือไม่ก็ 2 ปี หลังจากนั้นก็จะเป็นขั้นตอนสุดท้าย ก็จะมีผู้บริหารลงมาดูว่าจะเอาหรือไม่เอา จะได้ออกเทปหรือเปล่า หลังจากนั้นก็จะส่งให้ค่ายเพลงกำหนดคาแร็คเตอร์ เสื้อผ้า หน้า ผม แนวเพลงแล้วก็ได้ออกอัลบั้มแบบสมบูรณ์
ซึ่งมันก็เป็นเรื่องบังเอิญที่ช่วงนั้น “ชิ อนุชา ลังประเสริฐ” ผู้จัดการส่วนตัวของนาธาน เคยทำงานอยู่ฝ่ายจัดหาศิลปินของอาร์เอส ทำให้เกิดความสนิทสนมกันเป็นพิเศษ กระทั่งปัจจุบันก็ยังดูแลกันอยู่ แม้ว่าจะหมดสัญญากับอาร์เอสแล้วก็ตาม
สำหรับ “นาธาน โอร์มาน” นั้นก่อนหน้านี้เคยมีประวัติว่า ชื่อจริง นายนธัญ โอมานันท์ เกิดวันที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ.2524 เป็นลูกครึ่งไทย-เนปาล เกิดและโตที่เนปาลก่อนจะหนีออกจากบ้านมาอยู่ประเทศไทยเมื่ออายุ 15 ปี และได้เข้าเรียนต่อที่โรงเรียนนานาชาติภูเก็ต จากนั้นจึงย้ายเข้ามาเรียนในกรุงเทพฯ ที่โรงเรียนเพาะช่าง ต่อด้วยคณะครุศาสตร์ เอกศิลปะ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา
ส่วนเส้นทางในวงการบันเทิง นาธาน โอร์มาน เริ่มต้นด้วยการถ่ายแฟชั่นตามนิตยสาร และถ่ายโฆษณา กระทั่งโชคดีได้มาจับไมค์ร้องเพลงเป็นศิลปินในสังกัดอาร์เอสฯ ออกอัลบั้มมาแล้ว 2 ชุดคือ “Nathan” และ “สิ่งที่เรียกว่าหัวใจ” พร้อมกับมีผลงานพ็อกเก็ตบุ๊คซึ่งบอกเล่าเรื่องราวประวัติชีวิตและบ้านเกิดที่เนปาล “ผมมันเด็กหลังเขา (หิมาลัย)” และ “โลกนี้ไม่เหงาแล้ว (Not A Lonely Planet)”
โดยในหนังสือดังกล่าวมีการเล่าว่าเรื่องต่างๆ เช่น นาธานเกิดที่เมืองปาตัน ประเทศเนปาล ตอนเด็กๆ ต้องเดินไปโรงเรียนเพราะไม่มีรถโรงเรียน และต้องเดินผ่านป่าหิมพานต์ทุกวัน ไปเจอมัคนารีผล แต่ด้วยความที่เป็นเด็กก็เลยเอาก้อนหินไปปา มัคนารีผลก็เลยตกใจร้องเสียงลั่นป่า ส่วนพ่อกับแม่ก็มาพบรักเจอกันทีป่าหิมพานต์
มีพี่สาวอยู่ไคโรเป็นนักโบราณคดี อายุ 12 ไปหาพี่สาวที่อียิปต์ พี่สาวไปสำรวจพีระมิด ช่วงที่รอก็ไปทำงานของพี่สาวเสียหาย จนถูกด่าก็เลยงอน แอบไปนอนในโลงศพมัมมี่จนโดนงูเห่ากัด
พออายุ 14-15 เคยหนีไปกับกองคาราวานเพื่อไปหาพี่สาวที่เมืองจีน จนไปเจอโจรทะเลทราย และถูกทิ้งไว้ที่ทะเลทรายกับเพื่อน 2 วันเต็มๆ โชคดีที่ขบวนพระลามะที่กำลังจะไปทิเบตผ่านมาเจอ ซึ่งในขบวนนั้นมีเพื่อนแม่มาด้วยก็เลยได้กลับบ้านและเรื่องอื่นๆ
อย่างไรก็ตามการเป็นนักร้องของนาธานก็ไม่ได้ประสบความสำเร็จ โด่งดังเท่าข่าวตามหน้าหนังสือพิมพ์ ที่เป็น 1 ในผู้รอดชีวิตในเหตุการณ์คลื่นยักษ์สึนามิถล่มพร้อมกับเพื่อนซี้ อ้น-สราวุฒิ มาตรทอง เมื่อปี 2547 กระทั่งราวปลายปี 2551 นาธานก็ได้ประกาศจะได้เล่นหนังฮอลลีวู้ดเรื่อง “The Prince Of Red Shoe” ของบริษัทบิ๊กบลู ในเครือค่ายทเวนตี้ เซ็นจูรี่ ฟอกซ์ ประกบดาราดังชื่อก้องโลก บรู๊ซ วิลลิส และคริสติน่า ริชชี่ โดยมีวูลฟ์ กัง ปีเตอร์สัน และมูฮำหมัดซูอัต เป็นผู้กำกับ
ซึ่งเรื่องนี้นี่เองที่ทำให้นาธานถูกตามขุดคุ้ย และถูกแฉว่าเป็นจอมลวงโลก เมื่อนักสืบจากโลกไซเบอร์ได้ช่วยกันเช็คข้อมูลไปยังต้นสังกัดของหนังเรื่องดังกล่าว ปรากฏไม่มีรายชื่อการสร้างหนังเรื่องนี้แต่อย่างใด ต่อมาเหล่าหุ้นส่วนของร้าน “JAMAREE YAK CAFE GALLERY” ได้ตามออกมาแฉอีกระลอกว่า โดนนาธานโกงเงินพร้อมเข้าแจ้งความดำเนินคดี จนเจ้าตัวต้องออกมาแถลงข่าวตอบโต้ว่า เป็นแค่หุ้นลมทำหน้าที่ประชาสัมพันธ์ พร้อมยังยันเป็นลูกครึ่งเนปาล โดยคุณแม่เป็นคนจ.สตูล ส่วนคุณพ่อเป็นแขกขาวประเทศเนปาล
******
ไหนว่าเป็นลูกครึ่งเนปาล “ยาย” ตัวเป็นๆ คอนเฟิร์มพ่อแม่ “นาธาน” ไทยแท้ร้อยเปอร์เซ็นต์
“นาธาน” เถียงหัวชนฝา เป็นลูกครึ่งไทย-เนปาล วอนสังคมหยุดย่ำยีหัวใจตนได้แล้ว
“นาธาน” โดนอีกดอก ไม่ได้เป็นลูกครึ่งเนปาล พ่อเป็นคนไทยอยู่พิษณุโลก
“นาธาน” โต้โกงเงิน ไม่ตอบเรื่องโกงอายุ-ปลอมตัว ไม่โชว์พาสปอร์ต บอกโชว์ทำไม ไม่ได้เป็นนักโทษ !
"เฉลิมไทย ณ พันทิป" นักสืบอิสระแห่งโลกไซเบอร์
“นาธาน” แหล 10 ดอก โกงเงิน ไม่ได้ไปถ่ายหนัง ปลอมตัว ปลอมเสียง โกงอายุฯลฯ
จาก "สมพงษ์ เลือดทหาร" สู่ "น้องอุ้ม เมืองคานส์" และ "นาธาน โอร์มาน"?
“นาธาน” เผยชีวิตฮอลลีวูด สุดกดดันเป็นแค่โนบอดี้ โดนผกก.ด่าจนร้องไห้
"นาธาน" ฟัน 100 ล้านเล่นหนัง "วูล์ฟ กัง" ประกบ "บรูซ วิลลิส"