“ปอย” แอบปล่อยโฮ “พจน์” ด่าอีเนี่ยเรื่องมาก รับเป็นคนบอกอยากเล่นหนังกับพจน์ แต่เรื่องค่าตัวผู้จัดการเป็นคนคุย ยันไม่เคยเกี่ยงค่าตัว เผยไม่อยากมีปัญหากับพจน์ขอโทษที่ทำให้เข้าใจผิด ส่วนภาพควงทายาทบีทาเก้นท์ เจ้าตัวยันไม่ใช่แฟน เผยแต่งงานเมื่อไหร่จะแจ้งให้ทราบ
หลังจากนักปั้นชื่อดัง “พจน์ อานนท์” ออกโรงแฉ “ปอย ตรีชฎา เพชรรัตน์” ถึงสาเหตุที่ไม่ได้ร่วมแสดงหนังเรื่อง “หอแต๋วแตกภาค 2” เป็นเพราะเรื่องมาก และโก่งค่าตัวจนไม่มีปัญญาจ่ายทั้งที่ได้ตกลงกันไว้แล้วว่าจะไม่เกี่ยงค่าตัว เป็นผลให้ส้มหล่นใส่ “สายป่าน อภิญญา สกุลเจริญสุข” รับบทนางเอกไปครอง งานนี้ทำเอาปอยถึงเศร้า บอกเรื่องที่เกิดขึ้นไม่เป็นความจริง ยันเป็นการเข้าใจผิด
“ช่วงหลังมีข่าวเยอะเหมือนกันค่ะ เมื่อคืนก็แอบร้องไห้ด้วย เหมือนว่าเราคิดว่าทำไมเราถึงโดนอะไรหนักขนาดนี้ หนูท้อเลยนะ ประมาณว่าอยากออกจากวงการ แต่ว่าคิดอีกทีอย่างที่บอกว่าคนเราถ้ามีช่วงที่สูงสุดก็ต้องมีช่วงที่ต่ำสุด แล้วหนูต้องเจออะไรอีกเยอะก็ค่อนข้างกลัว ใครที่เจอหนูเขาจะรู้เลยว่าหนูท้อ แต่หนูอดทนตอนนี้ท้อแบบอดทนค่ะ เพราะหนูก็เพิ่งอ่านเมื่อคืนบทสัมภาษณ์แรงมาก”
“คือจริงๆ ปอยไม่เคยเห็นบทสัมภาษณ์ของพี่พจน์แต่เมื่อคืนหนูอ่านหมดเลย แต่หนูไม่กล้าร้องไห้เวลาสัมภาษณ์ หนูต้องอดทนเพราะเดี๋ยวคนก็จะมองว่าหนูสร้างภาพอีก เพราะหนูเคยร้องไห้ในรายการราตรีสโมสร แต่หนูต้องแอบร้องตอนไม่มีคน ที่เขาให้สัมภาษณ์พูดว่าอีเนี่ยนะ ไปถามผู้ใหญ่มาแล้ว ผู้ใหญ่คนนี้ เขาก็ไม่ได้บอกว่าเป็นใคร แต่เขาบอกว่าปอยนิสัยไม่ดี เรื่องมากอะไรทำนองนี้ คนเราทำงานก็ต้องมีเรื่องอย่างนี้บ้าง แต่หนูไม่รู้ว่าคนอื่นเขาจะคิดกับหนูยังไง แต่หนูก็ทำงานเต็มที่มาตลอดและหนูก็ไม่เคยโก่งค่าตัว และเขาก็พูดในทำนองว่ายังไงก็เป็นกะเทย ผู้หญิงก็ต้องดีกว่า”
“เพราะเรื่องที่เจอมามันไม่ใช่เรื่องจริงเลย และจริงๆ ผู้จัดการหนูเป็นคนคุย แล้วเขาก็เป็นคนดี เขาจะทำอะไรเพื่อเรา แต่เราไม่ได้ไปจัดการหรือสั่งให้ผู้จัดการพูด แต่ผลปรากฏว่าเราโดนอยู่คนเดียว ทุกวันนี้ที่ปอยเดินออกไปหน้าบ้าน แล้วปอยเจอคนไทย ปอยค่อนข้างกลัว ปอยกลัวว่าเขาจะมองว่าเราเป็นเด็กไม่ดี กลัวว่าเขาจะทำหน้าดุใส่หนู หนูก็จะยิ้มให้เขาก่อนจนเขาสงสัยว่าหนูยิ้มอะไร ที่ยิ้มก็เพื่อที่จะให้เขารู้ว่าหนูไม่ได้เป็นเหมือนในข่าว”
“หนูเคยพูดกับพี่พจน์จริงๆ ว่าหนูอยากเล่นนะ แต่หนูไม่ได้บอกว่าหนูอยากเล่นหอแต๋วแตกภาค 2 เพราะหนูไม่รู้ว่ามีหนังเรื่องนี้ แต่พี่พจน์เขาสนิทกับผู้จัดการหนูพี่พจน์เขาเลยไปบอกกับผู้จัดการหนูว่า จะให้หนูเล่น หนูก็ดีใจก็บอกเลยว่าค่าตัวไม่เกี่ยงนะ หนูพูดกับพี่เขาจริงๆ หนูเชื่อว่าดาราหลายๆ คนเวลาเจอใคร สมมุติไม่ว่าจะเป็นผู้จัดหรืองานอีเว้นท์เขาก็ต้องพูดแบบนี้ว่ามีงานอะไรส่งมาได้นะ ก็เป็นเรื่องปกติ แต่ไม่ได้ไปอ้อนวอนเขาโทรจิกขอเล่นมันไม่ใช่เรื่องจริงค่ะ ค่าตัวอะไรหนูก็ไม่ได้เป็นคนพูดเองเลยค่ะ พี่ผู้จัดการหนูเป็นคนพูดและหนูก็ไม่ได้สั่งให้เขาพูดด้วย”
“ปอยค่อนข้างซีเรียสกับข่าวที่เกิดขึ้น แม่ก็ซีเรียสและปอยก็ไม่อยากให้เป็นอย่างนี้ ไม่อยากให้มีข่าว หนูพูดตรงๆ เลยนะว่าหนูกลัวที่จะขัดแย้งกับพี่เขา แต่หนูไม่ได้ขัดแย้ง หนูแค่แคร์ความรู้สึกว่าเขาอาจจะรู้สึกขัดแย้งกับหนู แต่ตัวหนูเองหนูไม่มีอะไรอยู่แล้วค่ะ หนูเป็นเด็ก หนูแคร์ความรู้สึกพี่เขา เพราะจริงๆ พี่พจน์เขาก็รู้ว่าหนูไม่ได้เป็นคนแบบนั้นไม่ได้พูดไปแบบนั้นเลย ปอยกลัวว่าพี่พจน์เขาจะคิดไปในแบบนั้นก็เป็นการเข้าในผิดค่ะ”
“หนูไม่รู้ว่าพี่พจน์เขาโกรธอะไร แต่ว่ามีคนมาเล่าให้หนูฟังว่ารายการแฉแต่เช้าพูดว่าพี่พจน์ไม่ได้ว่าตัวหนูเท่าไหร่หรอก พูดถึงแต่ผู้จัดการ ปอยก็คิดว่าเขาคงไม่คิดว่าปอยเป็นคนโกหก เขาคงคิดว่าปอยเรื่องมาก โก่งค่าตัวแค่นี้เอง เรื่องโกหกคงไม่มีใครมองเพราะทุกสิ่งทุกอย่างมันมีหลักฐานยืนยันได้อยู่แล้ว อย่างเขาบอกโทรมาหาหนู เขาก็รู้ว่าเขาไม่ได้โทรมาหาหนูเขาโทรมาหาผู้จัดการ เพราะว่าเขาไม่เคยพูดโทรศัพท์กับหนูเลย”
“ส่วนเรื่องที่ว่าเคลียร์ไหมคือหนูไม่มีเบอร์ไง ไม่มีเบอร์จริงๆ หนูก็ให้ผู้จัดการหนูโทรศัพท์หาพี่พจน์ พอโทรไปแล้วปรากฏว่าพี่พจน์กำกับอยู่เลยให้ลูกน้องรับแทน แต่หนูคิดว่าหนูจะขอเบอร์พี่พจน์จากพี่ผู้จัดการหนู หนูก็อยากจะโทรไปคุยกับเขา หนูเคยคิดนะถ้าเกิดหนูเดินไปที่หน้าประตูบ้านเขาแล้วเขาไล่หนู หนูก็กลัวอยากไปคุยกับเขาอยากให้เขารู้ว่าหนูไม่ได้เป็นอย่างนั้น แต่หนูก็กลัวว่าอารมณ์นี้เขาอาจจะโกรธ อาจจะไล่หนูทั้งๆ ที่หนูไม่ได้ทำอะไรไม่ได้เป็นอย่างนั้นเลย แม้แต้ทำยังไม่ได้ทำ แม้แต่คิดยังไม่ได้คิดเลย แต่หนูคิดว่าหนูเป็นเด็กก็ควรที่จะขอโทษ ถึงแม้ว่าเราจะไม่ได้พูดไปตามข่าวคงเป็นการเข้าใจผิดกัน”
รับเรื่องที่เกิดขึ้นมีผลกระทบต่อทั้งเรื่องงานและจิตใจ
“เรื่องนี้มันมีผลกระทบต่อทั้งเรื่องงานและเรื่องจิตใจ อย่างเรื่องงานก็มีคนโทรศัพท์มาติดต่องาน หนูก็บอกเรื่องค่าตัวบอกว่าเรื่องค่าตัวหนูไม่เกี่ยงอยู่แล้ว เพราะหนูไม่อยากให้คนมองหนูไม่ดี และตอนนี้มีผู้ใหญ่สอนว่ายิ่งมีข่าวแบบนี้ยิ่งทำให้เราโตขึ้น ฝึกปฏิบัติไปด้วยให้เราเป็นระบบมากขึ้น คือตอนนี้ใครจะยังไง โทรมาคุยกับผู้จัดการปอยอย่างเดียวเลยดีกว่า”
“ปอย” ยืนยันว่าเป็นเรื่องเข้าใจผิด ทั้งยังไม่เคยคุยกับ “พจน์” เรื่องค่าตัว มีแต่ผู้จัดการส่วนตัวเป็นคนคุย งั้นงานนี้ผู้จัดการก็รับไปเต็มๆ
“สำหรับเรื่องที่เกิดขึ้นหนูก็ได้คุยกับผู้จัดการแล้วค่ะ หนูถามเขาแล้วเขาก็บอกเขาสาบานได้ไม่ได้พูดแรงขนาดนั้น แต่เขายอมรับว่าปอยก็ต้องเข้าใจนะว่าพี่ก็ต้องปกป้องผลประโยชน์ของตัวน้อง จริงๆ หน้าที่ผู้จัดการ คำว่าผู้จัดการไม่ใช่เหมือนคนที่เป็นโฆษกเหมือนโฆษกพรรคมาพูดแทนหัวหน้าพรรค เขาก็มีอำนาจในการตัดสินใจอย่างหนึ่งเพราะว่าเขาก็มีรายละเอียด มีส่วนได้ส่วนเสียกับรายได้ของเรา เพราะฉะนั้นมันก็ไม่ใช่การตัดสินใจของหนูค่ะ อยากให้คนเข้าใจอย่ามองว่าเป็นอย่างนั้น อย่ามองว่าเขาเป็นแบบนั้นแล้วหนูจะเป็นด้วยไม่ใช่”
“หนูก็ยังให้พี่เขาดูงานให้ต่อไปค่ะ เพราะว่าพี่เขาเป็นคนดี เป็นคนที่ดีน่ารักมากและคนเราก็อาจจะทำผิดพลาดอะไรไปบ้าง แต่หนูเชื่อว่าสิ่งที่พี่เขาทำถูกต้องแล้ว เพียงแต่ว่าอาจจะเข้าใจกันผิดกับพี่พจน์หนูคิดว่าน่าจะเป็นแบบนั้นมากกว่า หนูเลยต้องขอโทษพี่พจน์แทนผู้จัดการด้วย เพราะว่าพี่พจน์คุยกับผู้จัดการตลอดเลย”
เคลียร์ประเด็นเรื่อง “พจน์” เสร็จ ก็ไปต่อที่ภาพหลุดควงหนุ่ม “ทายาทบีทาเก้นท์”
“เขาชื่อเจจริงๆ หนูไม่ทราบว่าเขาเป็นใคร ไม่ทราบว่าเขาเป็นทายาทอะไรเพราะว่าเขาเป็นเพื่อนคนหนึ่ง พอดีวันนั้นหนูไปโชว์ตัวแล้วเขามากับอีกคนหนึ่งที่เป็นพี่ที่สนิทกันเลย ซึ่งรถพวกเราจอดไกลมากเขาก็เลยขับรถไปส่งแค่นั้นเอง ขับรถไปส่งที่จอดรถ คือที่โชว์ตัวมันไกลจากที่จอดรถค่ะ คือปอยเจอเขามาก่อนหน้านั้นแล้วค่ะแต่ว่าไม่ใช่วันนั้นเพิ่งเจอ หนูก็ไม่รู้ว่าเขาเป็นทายาทบีทาเก้นท์หรือเปล่า หนูก็เป็นลูกค้าประจำบีทาเก้นท์ อย่างนั้นหนูขอบีทาเก้นท์ฟรี(หัวเราะ)”
“เขาไม่ได้จีบเลยค่ะ ไม่มีเลยค่ะ เขาไม่ได้จีบปอยยืนยันค่ะ คือปอยรู้จักเขาในฐานะเป็นเพื่อนค่ะ ปอยไม่ได้คิดอะไรกับเขาและเขาก็ไม่ได้คิดอะไรกับปอยขนาดนั้น คุยกันนอกรอบก็ไม่มีค่ะ โทรศัพท์หากันก็ไม่มีค่ะ เพราะว่าไม่มีเบอร์โทรศัพท์ ไปดินเนอร์ไปกินข้าวไม่มีค่ะ เบอร์โทรศัพท์ยังไม่มีเลยจะไปดินเนอร์ได้ยังไง”
สอบถามเรื่องความสัมพันธ์กับ “มิวสิค รัชพล แย้มแสง” เอเอฟ 4
“กับมิวสิคก็เรื่อยๆ ค่ะ ไม่มีอะไร แต่ก็มีติดต่อกันบ้างนานๆ ที มันก็ปกติค่ะ ก็เพื่อนคนหนึ่ง การเป็นเพื่อนไม่จำเป็นต้องโทรศัพท์คุยกันทุกวัน โอกาสพัฒนาเป็นแฟนไม่มีค่ะ เอาอย่างนี้เอาไว้หนูแต่งงานเมื่อไหร่ จะบอกเลยว่าหนูจะแต่งกับคนนั้นคนนี้ เพราะว่าตอนนี้ยังไม่มีแฟนโสดค่ะ หนูกลัวค่ะหนูกลัวว่าเขาจะเสียหาย หนูกลัวว่าคนที่เป็นแฟนหนูเขาจะเสียหายคะ หนูไม่กล้า”
“ตอนนี้ไม่มีใครเลยค่ะ เพราะว่าหนูค่อนข้างจะเจียมตัวและค่อนข้างกลัว ตอนนี้ถ้ามีเพื่อนผู้ชายที่เป็นดาราปอยก็บอกอย่าชวนฉันไปไหนเลยนะเดี๋ยวเป็นข่าวกลัว หนูเหมือนกลัวแล้ว ปกติชายต้องกลัวแต่หนูกลายเป็นกลัวมาก(ลากเสียงยาว)”