xs
xsm
sm
md
lg

17 ปีแห่งความหลัง "พุ่มพวง ดวงจันทร์"(2):พิสูจน์รักไกรสร

เผยแพร่:   โดย: MGR Online



เพลงโลกของผึ้ง
อัลบั้ม ชุดที่ 1 เพลงของแม่
ขับร้องโดย "เพชร สรภพ


"พุ่มพวง ดวงจันทร์" รู้จักกับ "ไกรสร แสงอนันต์" เมื่อเล่นภาพยนตร์ด้วยกันเรื่อง "มนต์รักนักเพลง" ของรังสี ทัศนพยัคฆ์ ทั้งคู่เป็นเงาของกันและกันมานาน ข่าวลือต่างๆ ล้วนแต่ออกมาเป็นระยะ แหล่งข่าวปูดที่สำคัญนั้นมาจากคนในวงการเพลงด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นข่าวการซื้อสามีของพุ่มพวง ดวงจันทร์ ไปจนถึงข่าวไกรสรในลักษณะที่เป็นแมงดาคอยเกาะเมียกิน และอื่นๆ อีกมากมาย

"ลูกผู้ชายจะมีเมียสักคนทำไมต้องรังแกกันอย่างนั้น แล้วทำไมถึงได้มองว่าผมมาเกาะผึ้ง ไม่น่าเขียน ผมก็มีกินมีใช้อยู่อย่างสบาย ผึ้งก็ทำงานผมก็ทำงาน เราก็แบ่งหน้าที่กันทำ มันเจริญก้าวหน้าขึ้น เหนื่อยกันทั้งคู่"

แรกนั้นพุ่มพวง ดวงจันทร์ยืนยันว่าไม่ได้รักไกรสร แสงอนันต์ ด้วยเหตุผลที่ว่าเขาเล่นหนังมักแสดงบทในการเอารัดเอาเปรียบผู้หญิง ในกองถ่ายแรกๆ นั้น นอกเหนือบทบาทการแสดงแล้ว เธอไม่ยอมคุยและไม่เคยเรียกให้นั่ง ถึงแม้ว่าเขาย่างก้าวเข้ามาในชีวิตแล้ว เธอบอกเล่าเพียงแค่มีทัศนะที่ตรงกันหลายอย่าง แค่ชอบบ้าง แต่ไม่ถึงขนาดที่ว่ารัก และจะมารักอย่างจริงๆ จังๆ ในช่วงหลัง

ร่ำลือกันในวงการบันเทิงว่า พุ่มพวง ดวงจันทร์ เป็นคนใจง่ายและมีสัมพันธ์กับพระเอกหนุ่มในวงการหลายคน ไม่ว่าจะเป็นทูน หิรัญทรัพย์ ธีระพงศ์ เหลียวรักวงศ์ ฯลฯ สำหรับไกรสร แสงอนันต์ นั้นมายอมรับกับเธอว่า อยากจะลองดูว่าเหมือนที่ร่ำลือกันมั้ย พุ่มพวง ดวงจันทร์ เลยใช้ไม้เด็ดหลอกไกรสรไปเดินสายตามต่างจังหวัด เพื่อที่จะดูว่าสามารถไปกินอยู่กับคนลูกทุ่งเยี่ยงนั้นได้หรือเปล่า เพราะโดยภาพของเขานั้นค่อนข้างที่จะสำอางในสายตาเธอและคนรอบข้าง และอีกอย่างเพื่อเป็นการพิสูจน์คำพูดของเขาว่า เลิกกับเมียเก่านั้นจริงแค่ไหน

"แรกเริ่มเดิมทีนั้น ตอนที่ผึ้งอยู่กับพี่ปุ้มใหม่ๆ ก็มีข่าวออกมาในทำนองว่า เราสองคนจะอยู่ด้วยกันไม่ยืด หาว่าพี่ปุ้มจะมาปลอกลอก หรือมาหวังผลประโยชน์ในตัวผึ้งบ้างล่ะ มาหวังเพื่อเงินทองบ้างล่ะ ผึ้งเก็บความรู้สึกเสียใจมาโดยตลอด แล้วเราสองคนก็พิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่า เรายังอยู่ด้วยกันเพราะความรักไม่ใช่ผลประโยชน์แบบอื่นอย่างที่คนเข้าใจกัน"

แต่กระนั้นไม่ว่าเธอจะพยายามแบ่งปันให้กับคนอื่น ใช้ไปส่วนหนึ่งและเก็บไว้ส่วนหนึ่งสำหรับครอบครัวใหม่ แต่ก็ไม่วายที่จะมีสมบัติเหลือให้คนมานั่งทะเลาะกัน เรื่องราวความขัดแย้งของลูกเขยกับครอบครัวจิตรหาญกลายเป็นเรื่องสลับซับซ้อนและยากเกินกว่าที่บุคคลภายนอกจะเข้าใจได้แจ่มชัด กลายเป็นเรื่องของคนรอบข้างมากกว่าที่จะเป็นเรื่องของคุณความดี และคุณธรรมเป็นเลิศของพุ่มพวง ดวงจันทร์

ดูเหมือนว่าภาพของไกรสร แสงอนันต์ เป็นภาพลบในสายตาของญาติพี่น้องพุ่มพวงมาตั้งแต่แรก แม้ว่าเวลาจะล่วงเลยผ่านไปกี่ปีก็ตาม ภาพเหล่านั้นก็มิได้ดีขึ้น

"หนูบอกแม่ว่า หนูโตแล้ว ทุกวันนี้ทุกคนมีฐานะหมดแล้ว หนูยังไม่มีอะไรเลย เพราะฉะนั้นเรื่องอะไรก็แล้วแต่หนูจะตัดสินใจเอง เขามีเมียหรือไม่มีเมีย หนูจัดการเองได้ ผึ้งรัก ส่งเสีย อดทนทุกสิ่งทุกอย่างมาตลอดก็เพื่อครอบครัว เพื่อน้อง ทุกวันนี้ทุกคนเขาดีขึ้นแล้ว เขาไม่ลำบากกันแล้ว เค้าเคยต้องลำบากเหมือนผึ้ง ทุกคนเขาไม่ได้ถางทางมาเอง อย่างผึ้งต้องถางต้องฟันฝ่ามาทุกอย่าง"

"น้องสาวผึ้งนี่ แหม พอเขาร้องเพลงเป็นเขาก็อัดเสียงเป็นสลักจิต ดวงจันทร์เลย โดยที่พี่สาวมีวงอยู่แล้ว นั่งเบนซ์เลยไม่ได้ลำบาก ผึ้งถึงว่ากลัวน้องจะต้องเจอปัญหาต่างๆ เหมือนอย่างที่เคยคิดเกิดกับผึ้ง แต่ว่า เขาจะทนได้อย่างผึ้งหรือเปล่า เพราะเขาไม่เคยผ่านมาอย่างเรา น้องเรามันก็เด็ก พูดง่ายๆ ผึ้งรักครอบครัว แม่นี่ผึ้งรักมาก น้องเป็นจุดสำคัญ แล้วผึ้งต้องการให้พ่อแม่สบายก่อน ที่ดินก็พอมีซื้อไว้ แต่ให้แม่ซื้อ บ้านหลังที่อยู่ทุกวันนี้ก็เป็นของแม่ รถบัสอะไรต่อมิอะไรก็ยกให้เขาหมด"
...
ความรักบนชั้น 16 สยามคอนโดฯ
"ผมอยู่กินกับพุ่มพวงมาทั้งหมด 9 ปี ช่วงใช้ชีวิตร่วมกันใหม่ๆ ค่าใช้จ่ายในครอบครัวทุกบาททุกสตางค์ ผึ้งเขาจ่ายหมด ซื้อไร่ ซื้อรถไถ รถเก๋งให้ครอบครัวผมก็ไม่ได้แสดงอะไรเพราะรู้ว่า ผึ้งเป็นคนกตัญญู เมื่อเรามีลูกก็เป็นครอบครัวของเราขึ้นมา รายได้ต่างๆ ก็ต้องเก็บออมไว้เผื่อเวลาที่เราทำงานไม่ได้ก็จะมีเงินใช้จ่าย มีค่าเล่าเรียนลูก การใช้จ่ายเงินทองต้องระมัดระวังกว่าแต่ก่อน"

"เงินที่เกื้อกูลครอบครัวจากที่เคยให้มากๆ ก็ลดจำนวนลง ในฐานะเป็นสามี ผมจำเป็นต้องพูดกับผึ้งแล้วผึ้งก็เห็นด้วย เพราะอย่างนี้จึงเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทางญาติฝ่ายเขาไม่พอใจผม"

"ตอนนี้รักแล้ว ผึ้งเป็นคนโผงผางนะ ตอนแรกเขามานอนอยู่ที่บ้านเนี่ย ชวนไปเดินสายกลับมา พอดีลูกน้องโดนรถชนตายคืนนั้น พอมาถึงบ้านเค้าจะกลับบ้านเขา ผึ้งก็บอกอย่ากลับเลย อยู่เป็นเพื่อนคุยกันก่อน ตีสี่แล้วนี่ เดี๋ยวก็สว่างแล้ว ก็ให้เขาอาบน้ำ เค้าไม่มีเสื้อผ้าอะไรมา ผึ้งก็หาชุดนอนผึ้งใส่แล้วก็ ยังไงล่ะ คนเรารู้จักกันเป็นสิบวันแล้วที่จะอยู่ในห้องลำพังสองคนชั่วเวลา 2-3 ชั่วโมง แล้วก็ไม่ได้ล็อกห้อง ผึ้งให้เขานอนด้วย นอนบนเตียงแต่ถูกตัวผึ้งไม่ได้นะ"

"พูดไปก็ไม่มีใครเชื่อ ผึ้งอยากดูว่าเขามีความอดทนมั้ยเพราะคนเราเนี่ย พูดกันอย่างไม่อาย ลองได้มีโอกาสนอนด้วยกันลำพัง มันไม่เหลืออยู่แล้วใช่มั้ย ผึ้งก็ลองดู ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น เขาบอกว่าขอกอดหน่อยได้มั้ย ผึ้งบอกได้ แต่กอดเฉยๆนะ ก็นอนปรับทุกข์คุยกันเรื่องอะไรๆ เชื่อหรือเปล่าว่า นอนด้วยกันแบบนี้เกือบเดือน"
...
พุ่มพวง ดวงจันทร์-มีแต่ให้กับให้
ชีวิตของพุ่มพวง ดวงจันทร์ ประดุจดั่งลวดข้อสุดท้ายที่เกี่ยวร้อยรัดบางสิ่งและหลายอย่างไว้

ลวดข้อสุดท้ายนี้เกี่ยวรัดความเป็นลูกทุ่งแห่งยุคสมัยดั้งเดิมกับลูกทุ่งสมัยใหม่ไว้

ลวดข้อสุดท้ายนี้อีกเช่นกันที่เกี่ยวร้อยความรักและความห่วงใยแห่งชีวิตครอบครัวเข้าด้วยกัน เป็นข้อที่เกือบจะขาดของความรักระหว่างเธอกับไกรสร แสงอนันต์ ส่วนเกือบจะขาดด้วยสาเหตุใดนั้นคงเป็นปริศนาอยู่

และลวดข้อนี้อีกเช่นกันที่ครอบครัวจิตรหาญจะต้องวิ่งไขว่คว้าไว้ ด้วยเหตุผลที่คงรับรู้อยู่ว่า เมื่อพุ่มพวง ดวงจันทร์ ยังมีชีวิตอยู่นั้น ทุกคนในครอบครัวล้วนได้รับแต่การให้จากเธอทั้งสิ้น

"ที่แน่ๆ ทำงานเก็บเงินเก็บทองไว้ดีกว่า มีสตางค์แล้วจะทำอะไรก็ได้ก็ใช้ไปทำไปมันมีความสุข ไม่ใช่ประเดี๋ยวตายไปไม่รู้จะเอาไปไหนอีก คือเห็นนะคะ เห็นคนอื่นที่ทำอย่างเดียว งก เก็บอย่างเดียว ไม่กิน ไม่เที่ยว ไม่อะไรสักอย่าง ตายไปก็เอาไปไม่ได้ แถมคนอยู่ข้างหลังยังทะเลาะกันอีก ผึ้งก็มาได้คิดว่า คนเราทำไมไม่ทำ แล้วเราก็ใช้ พอใช้ พอเก็บพอกิน อะไรอย่างนี้ ให้ชีวิตมันมีความสุขนะคะ

"พี่ปุ้ม เขาเป็นคนไม่มีปัญหากับใคร อ่อนหวานและพูดจาเพราะ และที่สำคัญเขาจริงใจ เขาไม่เคยมาแอบอิงทางด้านการเงินและการงาน เราต่างคนต่างทำงานของตัวเองไป ผึ้งสงสารเขามากเวลาที่มีคนพูดหรือเขียนว่าพี่ปุ้มเขามาเกาะผึ้ง มีแต่ผึ้งเสียอีกหยิบของเขามาใช้บ้าง เพราะเงินทองของผึ้งให้แม่หมดอยู่แล้ว"

ท้องแรกของพุ่มพวง ดวงจันทร์ เด็กชาย เพชร ลีละเมฆินทร์ อยู่ในท้องถึง 10 เดือนเต็ม จากการบำรุงและกินอาหารได้มาก ทำให้เด็กตัวใหญ่ถึงขั้นต้องผ่าออก น้ำหนักแต่เดิมเพียง 50 กิโลกรัม เพิ่มขึ้นเป็น 68 กิโลกรัม แม้ว่าเธอจะมีสถานภาพทางการศึกษาในระดับที่ต่ำกว่ามาตรฐาน แต่เธอก็หมั่นศึกษาหาความรู้จากประสบการณ์ การหาความรู้เรื่องเกี่ยวกับการเลี้ยงลูกนั้น เธอศึกษาจากหนังสือบ้าง วิดีโอบ้าง หรือดูจากรายการทีวีบางรายการที่เกี่ยวข้องกับการดูแลและเลี้ยงดูเด็ก

"พี่เขาเป็นคน ยังไงก็ได้ เขาเป็นทั้งเพื่อน ทั้งพี่ ทั้งผู้จัดการ บางทีก็คอยแนะนำในสิ่งที่เราคิดไม่ถึง คอยแนะนำคอยบอกในทุกๆ ด้าน อย่างเช่น เรื่องลูกเขาไปเจอข้อเขียนที่ไหนดีๆ ก็จะมาเล่าให้ฟัง"

เธอยอมรับว่า การมีลูกทำให้เธอมีความสุขขึ้นเยอะ ใฝ่ฝันที่จะให้ลูกไปอยู่เมืองนอกเพื่อที่เขาจะได้ช่วยเหลือตัวเอง ในลักษณะที่ว่า ซึมซับเอาวัฒนธรรมไทยและฝรั่งเข้าไว้อย่างละครึ่ง
"ผึ้งเขาทำหน้าที่ของเขาได้ดี ถ้ามีเวลา เขาทุ่มเทให้กับลูกมาก เรื่องการบ้านการเรือน ว่างๆ เขาไม่ได้ไปไหน อย่างวันหยุด เขาจะทำกับข้าวให้ทาน เขาทำแกงป่าเนื้ออร่อย"

"อย่างเมื่อคืน ผึ้งกลับตอนตี 4 ตอนเย็นก็ไปรับเขาที่โรงเรียน คือกลางวันเราก็เจอกัน พอช่วงกลางคืนเขาหลับแล้ว เราถึงไปทำงาน แต่ถ้าต้องไปค้างก็จะโทรศัพท์มาคุยด้วยทุกวัน ทำให้เขามีความรู้สึกว่าได้อยู่กับเราตลอด แล้วเสาร์-อาทิตย์ ถึงแม้บางทีจะไม่ไหว ก็ต้องพาเขาไปเที่ยว ไปเล่นเกมจนเขาถามว่า แล้ววันเด็กเขาจะเล่นอะไร ผึ้งก็บอกกับเขาว่า วันเด็กก็ทุกวันอยู่แล้วสำหรับน้องเพชร เล่นหมดทุกอย่างแล้ว พาไปเที่ยวจนไม่รู้จะพาไปไหนอีกแล้ว ผึ้งเห็นคนใกล้ๆ ตัว เขาบอกว่าไม่มีเวลาให้ลูก ผึ้งว่าเขามี แต่พอมีเวลาว่างกลับเอาไปทำอย่างอื่น ซึ่งดูแล้วได้แต่ปลง ตอนนั้นยังไม่มีลูกก็มีความคิดว่า มันน่าจะเป็นอย่างนั้น อย่างนี้นะ เพราะผึ้งเป็นคนรักเด็ก ในที่สุดวันนั้นก็ถึงผึ้ง ซึ่งผึ้งให้เขาเต็มที่

นับจากวันแรกที่เด็กชายเพชรลืมตาดูโลก พุ่มพวงถนอมรักและห่วงใย เคยตีเพียงครั้งเดียวเนื่องจากความดื้อ แต่หลังจากที่เธอตีลูกแล้วเธอกลับหันหลังร้องไห้เสียใจ
"ผึ้งอยู่ด้วยกันมาท่ามกลางเสียงดูถูกว่า จะไปกันรอดหรือ ผึ้งก็รักกันอยากมีลูกกับพี่ปุ้มด้วย เราจะหาเงินกันสักพัก ถ้าไม่ไปอยู่เมืองนอก ก็จะไปปักหลักอยู่ที่เมืองเหนือ บอกตรงๆว่าผึ้งไม่ชอบกรุงเทพฯ ค่ะ เพราะทุกวันนี้ผึ้งก็เรียกว่ามีความสุขโดยได้ซื้อไร่อ้อย และรถไถ พร้อมรถบรรทุก กับบ้านให้แม่เสร็จแล้ว น้องๆ ก็มีเงินได้ร่ำเรียนเพื่อชดเชยที่ผึ้งได้เรียนน้อยกว่าเพื่อน"

ความตั้งใจของสามีภรรยาคู่นี้ที่จะไปอยู่อเมริกาสักพักก็มีอันต้องร่นลงมา เป็นการพักผ่อนแค่ 2 เดือน เนื่องจากอาการป่วยของพุ่มพวงเริ่มส่อเค้า
...
ยุทธการทำลายพุ่มพวง
เธอเป็นผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่ผ่านประสบการณ์แห่งการต่อสู้ดิ้นรนมาสารพัด และน้อยคนนักที่จะย่างก้าวอย่างไม่แคร์ใครได้เช่นเธอ นอกเหนือจากการสู้เพื่อครอบครัวและญาติพี่น้องแล้ว ส่วนของงานเธอเองก็กร้าวและพร้อมที่จะลุกขึ้นมาปกป้องศักดิ์ศรี โดยเฉพาะในหลายกรณี ไกรสร แสงอนันต์ ผู้สามี ซึ่งอยู่ในฐานะของผู้จัดการส่วนตัว มีส่วนเข้าไปจัดวางระบบความคิดไปจนถึงความเพียรพยายามสร้างภาพลักษณ์ใหม่ให้พุ่มพวง ดวงจันทร์ มีความแตกต่างจากนักร้องลูกทุ่งคนอื่นๆ

ในขณะที่สามีเก่าของเธอ ธีระพล แสนสุข ก็มีส่วนสร้างชื่อและพาเธอเข้ามาเรียนรู้วงจรแห่งกระแสเสียงบนเวทีที่เป็นลูกทุ่งจริงๆ แต่สำหรับไกรสร แสงอนันต์ก็พาเธอให้ก้าวล่วงพ้นจนกลายเป็นความธรรมดาที่ไม่ธรรมดา นอกเหนือจากนี้ยังเข้ามามีส่วนปกป้องเธอตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นกรณีการดึงตัวพุ่มพวงออกจากบริษัทอโซนาฯ ไปหาไพจิตร ศุภวารี ทั้งนี้สืบเนื่องจากสัญญาที่ไม่เป็นธรรมต่อตัวศิลปินในสังกัด ไปจนถึงการเข้าหาผู้ใหญ่ในวงการต่างๆ เพื่อเป็นเกราะมิให้ถูกพวกมาเฟียลูกทุ่งคุกคาม

ในช่วงทื่ธุรกิจวงดนตรีลูกทุ่งของพุ่มพวงยังดำเนินการภายใต้การบริหารวงโดยธีระพล แสนสุขอยู่นั้น หน้าที่การรับจ้างร้องเพียงอย่างเดียงของเธอก่อให้เกิดภาพที่ไม่พอใจแก่กลุ่มวัฒนธรรมดั้งเดิมลูกทุ่ง หรือเรียกง่ายๆ ว่า "กลุ่มมาเฟีย" นั่นเอง

"ธุรกิจการเงินของลูกทุ่งมันเงินสดทั้งนั้น สมัยก่อนครั้งที่ผึ้งยังไม่อยู่กับผม เขาก็เจอมาเยอะแยะ แล้วเขาก็เป็นเด็กบ้านนอกลูกทุ่งก็ไม่มีใครรู้จัก ผมเข้าไปก็ไม่ใช่ว่าผมรู้จักใครหรอก หากแต่อาศัยความดังของเขานั่นแหละ พร้อมกับประสบการณ์ของผมที่ว่ามีความรู้หน่อยดึงเข้าหาผู้ใหญ่เลย ฝ่ายตำรวจเราก็ไปถึงระดับผู้ใหญ่อีกเหมือนกัน เพราะฉะนั้นพวกมาเฟียแหยงไปเยอะ ไม่กล้าเลย คิดว่าพวกมาเฟียชอบขู่คนที่ไม่มีความรู้ ขู่ลูกทุ่ง ขู่คนที่ขู่ได้"

"ถ้าหนูไม่สู้ หนูคงยืนอยู่ไม่ได้จนถึงปัจจุบัน ถ้าหนูท้อแท้ หนูคิดหลายหนว่า หนูจะเลิก ถ้าขืนหนูเป็นอยู่แบบนี้ รถนี่เหมือนกันคือต้องวิ่งทุกๆ วัน ชีวิตหนูแขวนอยู่บนเส้นด้าย ตูมตามไปหนูก็ตายเพราะใช้ความเร็ว และปัญหาที่หนูจะต้องต่อสู้กับวงการลูกทุ่ง คนนั้นก็จะสร้างนักร้องใหม่ คนนี้ก็จะสร้างนักร้องใหม่ แต่ขึ้นไม่ได้เพราะติดหนูคนเดียว ทำวงขึ้นมาทำได้ไปเล่นแล้วแต่ไม่มีคนดู คนดูไปดูแล้วสู้หนูไม่ได้ก็ต้องกลับมาดูหนู ก็เสียผลประโยชน์ หนูเป็นคนปากกล้าสู้ในสิ่งที่ไม่น่าสู้ คือทุกอย่างมันเป็นบทเรียน และมันฝึกหนูมาตั้งแต่เด็ก"

"เขามีหน้าที่จัดการดูแลใช่มั้ยคะ เช่นว่าเขาบอกไม่ได้นะงานอย่างนี้ไม่รับ ผมไม่ต้องการให้แฟนผมออกไปร้องงานอย่างนี้ แฟนผมเป็นนักร้องระดับไหน ทุกวันนี้มีเกียรติแล้ว ควรจะพอกันได้แล้วสำหรับงานแบบนั้น ไอ้งานกระจอกงอกง่อยก็ไม่อยากให้ไปร้อง ก็เกิดปัญหาว่า ขัดผลประโยชน์"

จากอโซน่าฯ พุ่มพวง ดวงจันทร์ ย้ายมาอยู่ภายใต้บารมีของ ไพจิตร ศุภวารี แห่งซีบีเอสและพีดีโปรโมชั่น หนนี้เองที่ไพจิตรพยายามจะเปลี่ยนภาพลักษณ์ของนักร้องลูกทุ่งตามงานวัดให้เป็นศิลปินเดี่ยวโชว์งานคอนเสิร์ต

เปลี่ยนสีสันของดนตรีลูกทุ่งด้วยการให้ ศรายุทธ สุปัญโญ และทีมอินฟินิตี้ ทำดนตรีใหม่ ทุ่มทุนทำวิดีโอที่ไปถ่ายทำถึงเมืองจีน แหวกแนวตลาดลูกทุ่งด้วยแดนเซอร์เพียง 4-5 คนแทนที่หางเครื่องนับร้อย แต่ทั้งหมดกลายเป็นว่า ไม่มีใครรับพุ่มพวง ดวงจันทร์ในงานเพลง "ตั๊กแตนผูกโบว์"

ฉะนั้นเมื่อไม่มีใครรับ งานเพลงต่อไปจึงกลับเข้าไปสู่บทเดิม ด้วยสูตรลพ บุรีรัตน์-ประยงค์ ชื่นเย็น และพุ่มพวง ดวงจันทร์ ในงานเพลง "หนูไม่รู้" และ "หนูไม่เอา"

ส่วนด้านการรับจ้างร้องเพลงนั้น หลังการเสียชีวิตของธีระพล แสนสุข ไกรสร และ พุ่มพวงทำต่อพักหนึ่งจึงส่งต่อไปให้กลุ่มธุรกิจของ สรรเสริญ รุ่งเสรีชัย จากนั้นตกมาเป็นของ มานิตย์ และ มุนี อังกินันท์
...
นักสู้เพื่อศักดิ์ศรีและวงการ
เป็นธรรมดาอยู่เองที่นักร้องสาวและดังถึงขนาดนี้จะต้องมีใครต่อใครหมายจะเด็ดดมและเชยชม แต่เธอยังหนักแน่นอยู่กับความรักและคนรักเรื่อยมา เพราะการหลงระเริงอย่างนั้นมิใช่ความสุขและยังผลให้ชื่อเสียงไม่ยั่งยืน

"พวกไอ้เข้ พวกมีเงินเยอะๆ เขาชอบมาสนใจหนู หรือเจ้าของอาบอบนวดเป็นบางที่ ซื้อของมาให้ เรียกไปโชว์ตัวที่โน่นที่นี่ ถามว่าเงินที่ลงทุนที่วงเท่าไร สามล้านพอไหม หนูบอกว่า หนูทำเองได้ ขอบคุณ หนูไม่เคยยุ่งกับคนประเภทนี้เลย"

"ผึ้งหยิ่งในตัวเอง ผึ้งรักศักดิ์ศรีตัวเอง แล้วเหตุการณ์แบบนี้ผึ้งก็เคยเห็นอยู่ว่า ผู้หญิงบางคนต้องไปยอมเขาเพื่อให้ตัวเองได้มีคนเชียร์ โอเค ถ้าผึ้งจะยอมใครสักคน ผึ้งจะยอมเฉพาะคนที่ผึ้งรัก ผึ้งพอใจเท่านั้น ไม่ใช่เอาเงินมาซื้อมาแลก ทำกับผึ้งไม่ได้หรอก (เธอเริ่มปาดน้ำตา) อย่างซื้อบ้านหลังนี้มีคนออกปากนะว่า ตัวคนเดียวลำบากอย่างนี้เขาช่วยได้นะ จะออกค่าบ้านให้ ซื้อรถให้ คือจะอุปถัมภ์ ผึ้งบอกว่าผึ้งขอเป็นหนี้ดีกว่า แล้วอย่ามายุ่งกับผึ้งอีก อย่ามาพูดอย่างนี้ หาเองดีกว่า ยอมเหนื่อย"

"จริงอยู่วันนี้เราสาว เราสวย คนเขาก็ต้องการเรา แล้วสักวันหนึ่งเมื่อเขาไม่ต้องการเราล่ะ ในเมื่อเขาเบื่อแล้วก็จะต้องมีคนที่สวยกว่าเรา เขาจะทำอย่างไรกับเราก็ได้เมื่อเขาไม่ต้องการน่ะ ผึ้งได้เห็นประสบการณ์แบบนี้บ่อยไป เขาเอาสิ่งพวกนี้มาล่อ มาให้ผึ้งได้เห็นอยู่ตลอดเวลา เพราะผึ้งเป็นเด็กบ้านนอก ผึ้งลำบากมาตั้งแต่เด็ก ก็คิดว่าจะล่อหลอกได้ ใครจะมาอ้างไม่ได้ว่า นี่ฉันซื้อให้เธอ อันนี้ของฉันนะ ถ้าเป็นอย่างนั้นเขาไม่ฟันผึ้งยับไปแล้วเหรอ ใช่มั้ย"
...
คงเหลือไว้แต่นาม
แม้ว่าจะเป็นเด็กสาวบ้านนอกเข้ามายังดินแดนศิวิไลซ์ หยอกล้อกับแสงสีด้วยเสียงเพลงสนั่นวงการ ชื่อเสียง เงินทอง เกียรติยศทั้งของจริงและจอมปลอมวิ่งเข้าออกชีวิตของพุ่มพวง ดวงจันทร์ เป็นว่าเล่น แต่ใช่ว่านั่นจะทำให้คุณค่าแท้ของเธอแปรเปลี่ยนไป เธอยังคงเป็นรำพึง จิตรหาญ ผู้เปี่ยมไปด้วยแรงกตัญญูอันแรงกล้า สืบทอดความไม่มีในตัวเองไปสู่ความมีของคนอื่นๆ ในครอบครัวอยู่เนืองๆ จนถึงวาระสุดท้ายของชีวิต

ชื่อของเธอมิเพียงแต่จะจารจำอยู่ในหัวใจของคนข้างเคียงเท่านั้น หากแต่อณูแห่งคุณความดีนั้นจะแผ่ซ่านเข้าไปในหัวใจของแฟนเพลงนับไม่ถ้วน เพราะนับจากนี้ไป แม้จะไม่มีตัวตน แต่ก็ยังมีเสียงเพลงเห่กล่อมพร้อมกันนั้นในทางรูปธรรม เธอไม่ต้องทำหน้าที่ ดูแลและช่วยเหลือคนรอบข้างต่อไปอีกแล้ว แต่ในทางนามธรรมนับจากนี้ เธอจะเป็น "ผู้ให้" โดยผ่านองค์การกุศล ในรูปแบบของ "มูลนิธิพุ่มพวง ดวงจันทร์" และดอกผลแห่งความดีนั้น จะทำให้ชื่อเสียงของเธอสถิตย์อยู่กับความมั่นคงไม่รู้เลือนในสายตาของประชาชนทั่วไป
...
ผลงานพุ่มพวง ดวงจันทร์
ปี 2525 พุ่มพวง ดวงจันทร์ เข้าสู่ค่ายอโซน่า โปรโมชั่น เธอสร้างสรรค์ผลงานไว้มากก่อนจะย้ายตัวเองมาอยู่ภายใต้การดูแลของพีดี โปรโมชั่น และ ซีบีเอส เร็คคอร์ด (ประเทศไทย) อาจารย์ไพจิตร ศุภวารี เพื่อพยายามเปลี่ยนภาพลักษณ์ตัวเองให้ทันกระแสความนิยมของดนตรีสตริงในยุคนั้น แต่เมื่อสไตล์นั้นไม่เป็นที่ยอมรับของ "คอลูกทุ่ง" เธอจึงหันไปทำงานร่วมกับท็อปไลน์มิวสิค สร้างผลงานที่สร้างความนิยมให้กับเธอมากมาย ต่อมาเธอจึงเริ่มรับจ้างร้องเพลงให้กับอาร์เอส โปรโมชั่น เมโทรเทปและแผ่นเสียง และแฟนตาซี ไฮคลาส

จากปี 2525-2535 เธอได้สร้างผลงานไว้มากมายดังนี้

มิ.ย. 2525 จะให้รอ พ.ศ.ไหน, ดวงตาดวงใจ / 2526 สาวนาสั่งแฟน, นัดพบหน้าอำเภอ / 2527 ทิ้งนาลืมทุ่ง / 2528 คนดังลืมหลังควาย , อื้อฮื้อ ! หล่อจัง / 2529 ห่างหน่อย – ถอยนิด,ชั่วเจ็ดที-ดีเจ็ดหน, เรื่องของสัตว์โลก / 2530 คิดถึงน้องบ้างนะ

พุ่มพวง ดวงจันทร์ มีผลงานกับอโซน่าฯ ทั้งสิ้น 11 ชุด โดยเฉพาะ 3 ชุดหลังคือ ชั่วเจ็ดที-ดีเจ็ดหน, เรื่องของสัตว์โลก, คิดถึงน้องบ้างนะ เป็นผลงานที่ออกวางแผงเทปหลังจากที่ พุ่มพวง ดวงจันทร์ ได้ออกจากค่ายอโซน่าฯ แล้ว โดยผลงานที่มีคนรู้จักมากที่สุดก็คือ ชุดชั่วเจ็ดที-ดีเจ็ดหน แต่ไม่ได้รับความนิยมเท่าที่ควรหากเทียบกับผลงานเพลงชุดแรกๆ ส่วนชุดสุดท้ายของพุ่มพวงที่อโซน่าทำออกมาคือ "คิดถึงน้องบ้างนะ" เป็นงานคัดเพลงเก่าจากชุดต่างๆ มารวมไว้

หลังจากออกจากอโซน่าโปรโมชั่นแล้ว พุ่มพวงอยู่ในความดูแลของ อ.ไพจิตร ศุภวารี ต่อจากนั้นก็เข้าไปอยู่ในสังกัดของท็อปไลน์มิวสิก ซึ่งมีผลงานออกมาอีกมากมายที่ได้รับความนิยมเช่นชุด ตั๊กแตนผูกโบว์, กล่อม และ ทีเด็ดพุ่มพวง

จากนั้น พุ่มพวง ดวงจันทร์ ได้เข้ามาร่วมงานกับท็อปไลน์มิวสิค ปรากฏผลงานเพลงชุดต่างๆ ดังนี้ หนูไม่รู้, หนูไม่เอา, พี่ไปดู หนูไปด้วย และนำผลงานเก่ามามิกซ์รวมกัน เช่น พุ่มพวงหลาย พ.ศ. (ตลับทอง และตลับเพชร), ขอให้รวย, น้ำผึ้งเดือนห้า, ซูเปอร์ฮิต 1 และ 2

มนต์เสียงเพลง ( 2533 ร้องคู่กับสายัณห์ สัญญา) ผลงานเพลงชุดนี้จัดทำโดย แฟนตาซีไฮคลาสของ มุนี-มานิตย์ อังกินันทน์ ให้ ท็อปไลน์มิวสิค เป็นผู้โปรโมต และไดมอนด์เป็นผู้จัดจำหน่าย

เดือนมิถุนายน 2535 เดือนที่พุ่มพวงเสียชีวิต ค่ายท็อปไลน์และค่ายอโซน่า ก็นำเอาเพลงชุดต่างๆ ของพุ่มพวงออกวางจำหน่ายอีกครั้ง สำหรับท็อปไลน์นั้นได้มีการทำปกขึ้นมาใหม่อีก คือ คิดถึงพุ่มพวง, ส้มตำ, คอนเสิร์ต โลกดนตรี

โดยเฉพาะชุดส้มตำนี้เป็นเทปพิเศษที่จัดทำขึ้นโดยคณะกรรมการจัดงานพระราชทานเพลิงศพฯ มีคำบรรยายเกียรติประวัติพุ่มพวง พร้อมเพลงตามลำดับดังนี้ ส้มตำ, กล่อม, ฉลองวันเศร้า, รักคุด, แล้วจะทนเพื่ออะไร, ของขวัญที่ฉันคืนเธอ, หัวใจทศกัณฐ์, เขานอนบ้านใน, หนูไม่รู้, แฟนพุ่มพวง เป็นต้น

นอกจากนี้ พุ่มพวง ดวงจันทร์ยังมีผลงานกับค่ายอาร์เอสฯ เช่นลูกทุ่งท็อปฮิตมาตรฐาน เป็นการนำเพลงดังของอดีตนักร้องลูกทุ่งชื่อดังอย่าง บุปผา สายชล, เตือนใจ บุญพระรักษา, วิภารัตน์ เปรื่องสุวรรณ, เรียม ดาราน้อย มาร้องใหม่ นอกจากนี้ยังมีค่ายเมโทรฯ ที่ได้ลิขสิทธิ์งานเพลงชุด "ส่วนเกิน" อีก 1 ชุด
...
รางวัลเกียรติยศ
ชีวิตการร้องเพลงของพุ่มพวง ดวงจันทร์ เคยได้รับพระราชทานรางวัลจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี 3 ครั้ง คือ
2521รางวัลแผ่นเสียงทองคำ เพลง "อกสาวเหนือสะอื้น" (ผลงาน - ธีระพล แสนสุข)
2532รางวัลกึ่งศตวรรษเพลงลูกทุ่งไทย ครั้งที่ 1 เพลง "สาวนาสั่งแฟน" ( ผลงาน - วิเชียร คำเจริญ)
2534รางวัลกึ่งศตวรรษเพลงลูกทุ่งไทย ครั้งที่ 2 เพลง "สยามเมืองยิ้ม" (วิเชียร คำเจริญ)
...
ผลงานด้านการแสดง
ในปี 2526 พุ่มพวง ดวงจันทร์ ที่กำลังโด่งดังสุดขีด ถูกผู้กำกับอินเตอร์ ฉลอง ภักดีวิจิตร ชักชวนให้ก้าวสู่วงการแสดงในฐานะ "นางเอกภาพยนตร์" และหลังจากนั้นก็มีผลงานด้านการแสดงทยอยออกสู่สายตาประชาชน ดังนี้ สงครามเพลง, รอยไม้เรียว, ผ่าโลกบันเทิง, นักร้อง นักเลง, นางสาวกะทิสด, มนต์รักนักเพลง, ลูกสาวคนใหม่, อีแต๋น ไอเลิฟยู, หลงเสียงนาง, จงอางผงาด, ขอโทษทีที่รัก, คุณนาย ป.4, อาจารย์เด๋อเจอพุ่มพวง, สาวนาสั่งแฟน, เสน่ห์นักร้อง, นางสาวยี่ส่าย (ภาพยนตร์โทรทัศน์) เป็นต้น

(อ่านต่อตอน 3–ไหว้พุ่มพวง เสี่ยงเซียมซี ขอหวย)

ฟังกันจะๆ "แฟนพระเพชร" แอบอัดเสียง "น้องพุ่มพวง" กรณีไม่ยอมพูดความจริงว่า หลานหนีไปอยู่ด้วย

17 ปีแห่งความหลัง "พุ่มพวง ดวงจันทร์"(1):ย้อนรอยริ้วแห่งอดีต

ญาติ“พุ่มพวง” ร้องไห้ยกบ้าน กราบขอโทษ “พระเพชร” ยันไม่ได้ฆ่าแม่ ด้าน “ไกรสร” ไม่รับไม่ปฏิเสธกรณีลูกชายเตรียมแฉเรื่องความผิดปกติทางเพศ

ศึกวันพุ่มพวง ดูกันแบบเต็มเหนี่ยว “พระเพชร” ก้าวร้าว หรือฆราวาสอาละวาดกันแน่!!

แฟนโต้ เหตุที่เอา “พระเพชร” มาอยู่ด้วย ไม่ใช่เรื่องเงิน แต่เพราะเจ้าตัวรับเรื่องทางเพศของพ่อไม่ได้ แต่ไม่ยอมบอกว่าเรื่องอะไร

ครอบครัวยันไม่ได้ฆ่า “พุ่มพวง” โต้ไม่เคยคิดเกาะ “เพชร” กิน

“ไกรสร” หวั่น “เพชร” โดนของ! สุดช้ำโดนลูกด่า บ่น “ผึ้ง” ก็กตัญญูทำไมลูกเป็นแบบนี้

เปิดเทปลับ ใครกันแน่ที่ฆ่า "พุ่มพวง ดวงจันทร์"?

รำลึก 17 ปี "พุ่มพวง" ลูก-ญาติหวิดฟาดปาก






กำลังโหลดความคิดเห็น