“โอ๋” ชื่นมื่น สละโสดกับทายาทร้านทอง เจ้าตัวตื่นเต้นจนน้ำตาไหล เปิดใจ รักที่ฝ่ายชายเป็นคนดี เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ที่สำคัญเข้ากับครอบครัวได้ดี ด้านเจ้าบ่าวฟุ้ง อยู่กับสาวโอ๋แล้วมีความสุข สัญญาจะดูแลกันไปตลอดชีวิต พร้อมเผยเตรียมจดทะเบียนหลังแต่งงาน อุบค่าสินสอด บอกเพียงว่ามีทั้งเงินสด ชุดเครื่องเพชร และทองคำแท่ง
จูงมือแฟนหนุ่มทายาทร้านทอง “เฟี๊ยต มธุกร พสวงศ์” เข้าพิธีแต่งงานไปแล้วเรียบร้อย สำหรับดาราสาว “โอ๋ ภัคจีรา วรรณสุทธิ์” โดยพิธีหมั้นและยกน้ำชาได้มีขึ้นตั้งแต่ช่วงเช้าของวันนี้ ที่โรงแรม แมนดาริน โอเรียนเต็ล มีญาติสนิท รวมถึงเพื่อนฝูงในวงการบันเทิงมาร่วมเป็นสักขีพยานหนาตา ช่วงค่ำเป็นงานเลี้ยงฉลองมงคลสมรส ซึ่งบรรยากาศภายในงานอบอวลไปด้วยอบอุ่น บ่าว-สาววางคอนเซ็ปต์ให้เรียบง่าย เพราะอยากให้แขกที่มาร่วมงานรู้สึกสบายๆ และประทับใจ
ส่วนแขกเหรื่อที่มาร่วมงาน นอกจากครอบครัว ญาติสนิทของทั้งสองฝ่ายแล้ว เพื่อนพ้องในวงการบันเทิงก็ทยอยมาร่วมแสดงความยินดีคับคั่ง อาทิ หนุ่ม กรรชัย ที่ควงแฟนสาว เมย์ เฟื่องอารมณ์ มาดูงานล่วงหน้า สาวโสดหมาดๆ แหม่ม วิชุดา พินดั้ม นักร้องโจ นูโว คนนี้ก็มากับแฟนสาวนอกวงการ นอกจากนี้ยังมีสาว น้ำฝน กุลณัฐ ปรียาวัฒน์, แหม่ม สุริวิภา, ดุ๊ก ภานุเดช, เมจิ อโณมา กับสามี แมน ศุภกิจ,กีต้าร์ ศิริพิชญ์ ควงสามี เตอร์ ปริยะ รวมไปถึงครอบครัวของหนุ่ม เปรม บุษราคัมวงศ์ ก็มากันพร้อมหน้าพร้อมตา
ซึ่งก่อนที่พิธีการจะเริ่มขึ้นในช่วง 18.00 น. คู่บ่าว-สาวก็ได้จูงมือกันออกมาเปิดใจกับสื่อมวลชน ถึงความรู้สึกวันเริ่มต้นครอบครัวด้วยใบหน้าชื่นมื่นว่า....
โอ๋ : “พิธีตอนเช้าตื่นเต้นมากค่ะ ก็ถ้าใครไม่ได้แต่งงาน ก็คงไม่รู้ว่ามันตื่นเต้นเนอะ เพราะว่าตอนแรกคิดอยู่เหมือนกัน ว่าแบบไม่ตื่นเต้น แต่พอสุดท้ายพอ แม่พูดเท่านั้นแหละ ตอนสวมไม่ตื่นเต้น แต่ตอนที่เดินลงมา โห ตื่นเต้นมากค่ะ ตอนสวมแหวนก็ยังมีการพูดคุยกัน ตอนนั้นก็หายตื่นเต้นไปบ้างแล้ว แต่พอลงมาจากบันไดมองทางยังไม่เห็นเลย ร้องไห้เลย แม่ก็ถามว่าจะยกลูกสาวให้ไหม เขาเป็นคนดีนะ แม่ก็เลยบอกว่าไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเงินนะ แค่อยากให้ เอาไปเลี้ยงดูอย่างดีก็พอ แม่บอกว่าให้อยู่กันนานๆ ให้ได้ผู้ชาย เพราะว่าแม่อยากได้ผู้ชาย”
เฟี๊ยต : “ผมก็บอกว่าจะดูแลกันไปนานๆ”
ธีมงานเลี้ยงมงคลสมรสตั้งใจจัดแบบเรียบง่าย
โอ๋ : “จริงๆ งานกลางคืนอยากให้จัดแบบเรียบง่าย แต่ก็มีเพื่อนๆ ถามว่าธีมของงานเป็นอย่างไร ก็พยายามจะทำให้ดีที่สุดนะคะ เพราะว่าจริงๆ แล้วเราจัดเพื่อผู้ใหญ่ด้วย อยากให้อาม่ามากันอย่างสบายๆ เขาจะได้ไม่เกร็ง เลยไม่มีอะไรที่เป็นไฮไลท์อะไรสักเท่าไหร่ แต่ว่าตอนนี้ คืองานตอนเช้าก็เป็นไปได้ด้วยดีค่ะ และก็หวังว่างานกลางคืนก็คงจะผ่านไปด้วยดีเหมือนกัน”
เฟี๊ยต : “เชิญแขกก็น่าจะเป็นพันคนได้ครับ”
ส่วนช่อดอกไม้ที่นำมาโยนมีทองซ่อนไว้ด้วย
โอ๋ : “กะว่าจะโยนกันให้ขำๆ”
เฟี๊ยต : “ก็ยังไม่รู้ครับ แต่คงมีมั้ง เพราะคุณแม่เตรียมอยู่”
ด้านเจ้าสาวเล่าบรรยากาศวันถูกขอแต่งงาน ว่า ไม่ได้มีอะไรหวือหวา เพราะมีการคุยเรื่องแต่งงานมาเรื่อยๆ อยู่แล้ว
โอ๋ : “วันขอแต่งงาน เขาก็ไม่ไดพูดอะไรคือจริงๆ แล้ว เคยให้สัมภาษณ์ไป ว่าคุยกันไว้อยู่แล้ว ก็คุยกันมาเรื่อยๆ ถ้าแต่งงานแล้วจะเป็นอย่างไง คนอื่นก็แต่งกันไปแล้ว พอหลังๆ เขาก็บอกกับเพื่อนๆ ว่าจะแต่งแล้วนะปีหน้า ก็คือปีนี้ แล้วพอถึงเวลาที่แต่งจริงๆ ปุ๊บ เราก็ถามว่าจะแต่งจริงๆ เหรอ เราก็ไม่แน่ใจ เขาก็บอกว่าแต่งๆ ก็เลยแต่งไปเลย ยังไม่ได้บอกแม่เลย เขาก็เลยโทร.ไปบอกแม่ว่าจะแต่งแล้ว เราก็เลยพากันไปดูฤกษ์ ก็เลยได้วันนี้พอดี ก็เลยตกลงแต่งกันโดยที่ยังไม่มีอะไรมาขอเลย”
เผยถึงเหตุผลที่ตัดสินใจแต่งงาน เพราะอายุอานามถึงเวลาที่จะต้องมีครอบครัวได้แล้ว ที่สำคัญอยู่ด้วยกันแล้วมีความสุข
เฟี๊ยต : “ก็ด้วยอายุด้วยครับ ผม 36 แล้วคือก็ถึงเวลาแล้ว คิดมานานแล้วเหมือนกัน ประมาณ 2 ปี อยู่กับเขาแล้วผมมีความสุข เขาไม่เครียดครับ”
โอ๋ : “ก็เหมือนกันค่ะ อยู่ด้วยกันแล้วมีความสุข ก็เข้าใจกัน พูดกันรู้เรื่องบางทีเป็นเรื่องที่ยอมเราได้ เขาก็จะยอม ขอโทษกัน ไม่ได้แข็งกันทั้งคู่ บางเรื่องที่เขายอมเรา เขามีจิตใจที่ดีเป็นคนที่ดี เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ค่ะ แค่นี้ก็ชนะใจแล้ว แล้วเขาก็เข้าใจครอบครัวเราด้วย อะไรก็ยอม ขนาดบอกว่าไม่อยากให้สัมภาษณ์สื่อ แต่สุดท้ายก็ยอมให้สัมภาษณ์ เขาขี้อาย”
ไม่มีสัญญารักอะไรต่อกัน แต่หวังอยากอยู่ด้วยกันตลอดไปจนแก่เฒ่า
โอ๋ : “ก็ไม่มีอะไรค่ะ ก็แค่อยากเดินไปไหนมาไหนด้วยกันตอนแก่ จับมือเดินไปด้วยกัน อยากดูแลกันไปอย่างนี้ตลอดไป อยากมีความสุขแบบวันนี้ อีก 5 ปี ก็ยังอยากมีงานอย่างนี้อีก อยู่กันแบบสบายๆ ไปเรื่อยๆ”
เฟี๊ยต : “เราก็อยากอยู่กันไปอย่างนี้ ดูแลไปเรื่อยๆ อย่างนี้ มีลูกสักสองคน ไปไหนมาไหนก็ไปเที่ยวด้วยกัน 4 คน”
แต่พอแย็บถามว่ากลัวภรรยาหรือเปล่า? เจ้าบ่าวบอกว่า....
เฟี๊ยต : “ผมไม่เจ้าชู้อยู่แล้ว ผมไม่กลัวครับ”
โอ๋ : “เป็นคนดีมาก”
หลังแต่งงานถึงจะไปจดทะเบียนสมรส เปลี่ยนไปใช้นามสกุลสามี แต่ยังใช้นางสาวเหมือนเดิม
โอ๋ : “(หัวเราะ) ใช้นางสาวค่ะ ใช้กฎหมายใหม่ กฎหมายใหม่มี เราก็ใช้กฎหมายใหม่คะ แต่ใช้นามสกุลเจ้าบ่าว”
เฟี๊ยต : “ใช้ครับ ให้ใช้ก็ใช้ครับ แต่ว่าใช้นามสกุลผมได้คนเดียวนะ”
ไม่เปิดเผยจำนวนสินสอดว่าเจ้าบ่าวทุ่มไปเท่าไหร่ แต่เผยว่ามีทั้งเงินสด ทองคำแท่ง และชุดเครื่องเพชร
โอ๋ : “แหวนเพชร 4 กะรัตกว่าค่ะ ทีแรกเขาจะเลือกที่เล็กกว่านี้ แต่ว่ามีเม็ดนี้แล้วสวยพอดี ก็เลยไปซื้อมาค่ะ เรื่องสินสอดแทบจะลืมไปเลยเรื่องสินสอดไม่ได้ดูเลยว่า คือเปิดแค่พอเป็นพิธี แต่โอ๋ยังไม่ได้ส่องเลยว่ามีอะไรบ้าง (บอกได้มั้ยว่าเงินสดเท่าไหร่?) ไม่บอก (โอ๋หัวเราะ)”
เฟี๊ยต : “เงินจำไม่ได้เหมือนกัน แต่สินสอดก็มีแหวน มีทองแท่งจำนวนนึง แล้วก็เงินสด และก็สร้อย พร้อมชุดเครื่องเพชร เป็นเครื่องเพชรที่ซื้อมาครับ ไม่ใช่ของมรดก ราคาไม่สูงมากครับ แต่เห็นว่าสวยดี”
โอ๋ : “ทองแท่งประมาณ 200 บาท เงินสดไม่ทราบแค่วางให้สวยงามแค่นั้นเอง นอกจากทองก็มีชุดทองค่ะ มีสร้อยกำไล ตุ้มหู โดยรวมประมาณ 5 บาท ส่วนชุดเครื่องเพชรเดี๋ยวใส่วันนี้ค่ะ”
ปลายปีเตรียมบินไปฮันนีมูนที่อิตาลี แต่เรื่องทายาทอยากมีสักปีหน้า
โอ๋ : “อยากไปอิตาลี แต่ว่ารอก่อนนะคะ อาจจะสิ้นปี เพราะจบจากนี้ก็ต้องทำงานเลย เพราะว่าอาทิตย์หนึ่ง โอ๋ก็มีงาน พี่เฟี๊ยตก็ต้องกลับไปสะสางงาน ส่วนเรื่องลูกจริงๆ ก็อยากมีสักคือถ้าเป็นไปได้ ปีหน้ามีก็ดี(หัวเราะ) เพราะเดี๋ยวนี้คนก็มียากๆ ถ้าปีหน้ามีเลยก็ดีค่ะ ถ้ามีผู้ชายก่อนก็ดีนะ เห็นวันนี้มาก็มีคนอวยพรว่าให้ได้ลูกผู้ชาย ถ้าได้ลูกชายก่อนก็คงดี เพราะว่าเรามีหลานสาวแล้วค่ะ”
ด้านเจ้าบ่าวบอกว่าทำงานในวงการต่อก็ได้ แต่ถ้ามีลูกแล้วก้อยากให้รับงานน้อยลง
เฟี๊ยต : “ก็ให้เขาอยู่เหมือนเดิมนะครับ แต่ว่าถ้ามีลูกก็อยากให้เล่นละครให้มันน้อยลง”