xs
xsm
sm
md
lg

“อุ๊บ” งง “พจน์” เชิดใส่ทั้งที่ก่อนหน้านี้ออกงานกันหรา เตือนอย่าลืมกำพืดตัวเอง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“อุ๊บ” งง “พจน์” เชิดใส่ทำเป็นไม่รู้จักกัน ทั้งที่ก่อนหน้านี้ก็ออกงานกันหรา ลั่นถ้าไม่อยากร่วมตั้งสมาคมนักปั้นก็ไม่เป็นไร ยังไงตนเองก็กว้างขวางไม่มีพจน์ก็สามารถทำได้ เตือนอย่าเบลอจนลืมกำพืดตัวเอง

กลายเป็นประเด็นที่สร้างความสับสน งวยงง พอสมควร สำหรับ “ชมรมนักปั้นแห่งประเทศไทย” หลังมีกระแสข่าวออกมาว่า “อุ๊บ วิริยะ พงษ์อาจหาญ” นักปั้นมือทองของไทย จะเป็นโต้โผ นั่งแท่นประธาน “ชมรมนักปั้นฯ” โดยมีสมาชิกเป็นเหล่านักปั้นที่มีข่าวฉาวให้ติดตามกันไม่เว้นแต่ละวัน ทั้ง “โกโก้ นิรุณ ลิ้มสมวงศ์” ที่ขึ้นโรงขึ้นศาลเป็นงานอดิเรก โดยมีคู่ความดีกรีเป็นถึงนักแสดงหนุ่มหล่อน่ากินอย่าง “มาริโอ้ เมาเร่อ” รวมถึง “พจน์ อานนท์” ผู้กำกับชื่อดัง อดีตนักปั้น ที่ช่วงหลังทั้งสามคน อุ๊บ โกโก้ และพจน์ ต่างแท็คทีมจับมือกันไปออกงาน และรายการต่างๆ อยู่เสมอ

หลังมีข่าวตั้งไข่ชมรมนักปั้นได้วันเดียว ก็มีกระแสข่าวกลบต่อในทันทีว่า ชมรมนักปั้นฯ วงแตกเพราะ พจน์ อานนท์ บอกปัดไม่รู้เรื่องและไม่เอาด้วย ก็เลยไม่รู้ว่างานนี้ ชมรมนักปั้นฯ จะประคองตัวเองต่อไปได้หรือไม่ อย่างไรก็ตาม อุ๊บ วิริยะ นักปั้นมือทอง ยังยืนยันถึงเจตนารมณ์ และความตั้งใจก่อตั้ง “ชมรมนักปั้นแห่งประเทศไทย” อย่างชัดเจน

“เรื่องของเรื่องที่ตั้ง ชมรมนักปั้นแห่งประเทศขึ้นมา เพราะช่วงนั้นมันมีปัญหานักปั้นมีเรื่องตบตีแย่งเด็กกันอะไรประมาณนั้น เราก็ไปรวมตัวกันออกงานแท็คทีมนะ ไปด้วยกันกับคุณพจน์ อานนท์ คุณโกโก้ นิรุณ ออกรายการบ่อยๆ ผมก็ว่า เออ...เราน่าจะรวมตัวกันตั้งชมรมนักปั้นแห่งประเทศไทยทุกคนก็รับรู้ ยังพูดกันเลยว่างั้นพี่อุ๊บเป็นนายกนะ ผมก็บอกว่าไม่ต้องถึงขนาดนั้นหรอกเป็นประธานก็พอ คุยกันหลายๆ คน ผู้สื่อข่าว นักข่าวก็ได้ยิน เขาก็ว่า โอเคตรงนี้ดีมันสร้างสรรค์ดี เลยคิดจะตั้งขึ้นมา เป็นข่าวออกมา”

“ ในฐานะที่ผมอาวุโสและก็อายุมากที่สุด ก็เลยเหมือนเป็นตัวโต้โผเป็นแกนนำ หลายคนบอกว่า อืม...ดีความคิดนี้ดี ก็เลยออกข่าวมามีพี่อุ๊บ พจน์ โกโก้ ร่วมตั้งชมรมนักปั้นแห่งประเทศไทย พอข่าวออกมาเสร็จ พจน์เขาก็ออกมาปฏิเสธไม่ขอเข้าร่วม ไม่ขอคบค้าสมาคมด้วย ไม่ขอเข้าชมรมด้วย ก็ตกใจแล้วก็มีการพาดพิงว่าไม่ได้สนิทกับพี่อุ๊บ ไม่ได้ไปไหนมาไหนกับพี่อุ๊บ ไม่อยากสังคายนาด้วย ได้ยินแล้วพี่ก็รู้สึกว่า มันอะไรล่ะ แล้วที่มาแท็คทีมกับเรา มาออกงานต่างๆ นานาอะไรละเนี่ย เวลาเขามีปัญหาเราเข้าไปช่วย เวลาเราจัดตั้งสิ่งที่เป็นสาระให้วงการบันเทิงก็น่าจะมาช่วย ไม่ควรจะปฏิเสธ ไม่ใช่เราไปตั้งชมรมบาร์ เกย์ ขายตัว ชมรมมั่วยา ปาร์ตี้อะไรแบบนั้น ก็เลยเสียความรู้สึกนิดหน่อย แต่ตรงนี้ถึงไม่มีพจน์ก็ไม่ได้มีปัญหา ก็คงทำต่อไป”

“ตรงนี้ที่จัดตั้งขึ้นมาก็เพื่อผลประโยชน์ของนักปั้น และเด็กปั้น เพราะเคยมีปัญหากันเรื่องผลประโยชน์ เรื่องต่างๆ นานา เราจะได้เป็นคนกลางเคลียร์ เพราะว่าองค์กรต่างๆ หน่วยงานต่างๆ ก็มีชมรมของเขา ช่างภาพเสริมสวย กล้องถ่ายรูป เขาก็มีชมรมของเขาหมดเลย มันเป็นการจัดระเบียบสังคมของวงการนักปั้นด้วย เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมาภาพลักษณ์ของนักปั้นไม่ค่อยจะดีเลย มีแต่เรื่องผลประโยชน์ ทะเลาะกัน แย่งชิงอะไรกันสารพัด”

“ก็ไม่รู้ว่าเขาเกิดเบลอหรือมึนอะไรขึ้น เพราะปกติก็โทรคุย โทรอะไรตลอดเวลา มีอะไรก็ปรึกษากัน ที่ผ่านมาก็เข้าข้างเขาไปออกงานกันหรา ไปต่อสู้กับคนอื่นๆ ใครๆ ก็เห็นข่าว เขาก็ว่ากัน โห...ตอนนั้นสร้างภาพซะดูดีรักกันจังเลย ตอนนี้วงแตกซะแล้ว สาเหตุหนึ่งเขาเคยพูดบ่อยๆ ว่าเขาอยากล้างภาพนักปั้น ก็บอกว่า อุ้ย...ไปล้างได้ยังไง คุณไม่ได้ติดคุกติดตะราง ไม่ใช่จะล้างได้ นักปั้นมันก็เป็นนักปั้น ไม่ได้ทำอะไรเสียหายให้กับวงการบันเทิง ให้กับประเทศไทย

“แล้วในมุมมองของผมผู้กำกับการแสดงกับนักปั้นไม่ได้แตกต่างจากกันเท่าไร เพราะว่าแต่ละคนก็ต้องทำให้ตัวแสดงประสบความสำเร็จมีชื่อเสียง ทำให้เด็กดัง ถ้าคุณไม่ปั้นเด็ก ไม่ดูแล ไม่ทุ่มเทให้กับเด็ก ก็ไม่มีใครดูหนังคุณ คุณก็ต้องเจ๊งใช่มั๊ย ก็เหมือนกันทั้งนักปั้น ทั้งผู้กำกับภาพยนตร์ ถ้าเขาบอกว่าจะล้างภาพ ก็ไม่ต้องหรอกมันก็ไม่มีอะไรเสียหาย คุณจะลืมตัวเองได้ยังไง สิ่งที่ตัวเองเคยทำใช่มั๊ย ก็ไม่ได้ทำผิดกฎหมายนะครับตรงนี้”

ส่วนเรื่องกระแสตอบรับจากหมู่นักปั้นด้วยกันนั้น “อุ๊บ วิริยะ” การันตีว่า โครงการดีๆ อย่างนี้มีแต่คนสนับสนุน

“ตอนนี้นักปั้นหลายๆ คน รุ่นน้องก็โทรมา ยื่นความจำนงมา อย่างโกโก้ นิรุณ เขาดูรายการวันนั้น คุณแม่เขาก็ดู บอกว่า โอ้โห....สร้างสรรค์พี่อุ๊บ โกโก้ตกลงมาร่วมตั้งชมรมด้วย ก็มีรุ่นน้องๆ ทั้งหยก เอซี ,ชาย แฮคส์ , ปุ๊ก นาฬิกา ซึ่งเป็นนักปั้นรุ่นน้องเขาอยากจะมาร่วมกับเรา จริงๆ เราก็สามารถจัดตั้งได้เลย โดยไม่ต้องมีค่าใช้จ่ายอะไร เพราะว่าโดยศักยภาพเราพร้อมทุกสิ่งทุกอย่าง โดยเฉพาะเราเป็นสื่อมวลชนด้วย เป็นคอลัมนิสส์ด้วย เป็นที่ปรึกษาบริษัทต่างๆ เยอะแยะทำโครงการช่วยเหลือสัตว์พิการและจรจัด ตั้งทีมฟุตบอลการกุศลหล่อที่สุดในประเทศไทยทำมาหมด เพราะลองทำมาหมดแล้ว”

“ถามว่าอยากดังหรอ ไม่นะ เท่าที่ผ่านมา 20 กว่าปี เราก็ทำงานมาตลอด ปั้นนางเอก พระเอก นางงาม นางแบบ ดารา นักร้อง เป็นซุปเปอร์สตาร์มาหลากหลาย เป็นชิ้นงานใหญ่ๆ สารพัดเลยก็เลยอยากที่อะไรที่เป็นมาสเตอร์พีส ก็เลยตั้งชมรมนักปั้นแห่งประเทศไทยขึ้นมานะครับ”

“น่าจะตั้งเร็วๆ นี้ หลายคนก็จับตาดูว่ามันจะวงแตก หรือว่ามันกำลังจะเริ่มตั้งไข่แล้วจะล้มหรือเปล่าก็คงต้องทำกันต่อไป คงจะไม่หยุดความตั้งใจ ต้องเดินหน้าสานต่อไป เพราะหลายคนก็เห็นด้วย ข่าวก็ออกไปเยอะขนาดนี้ จะทำก็ทำได้เลยเพราะเราพร้อมทุกอย่าง ทั้งองค์กรทั้งที่ปรึกษาก็พร้อมหมดแล้วตรงนี้"
 
"การตั้งชมรมนี้จะเป็นเรื่องที่ดีตรงที่ถ้ามีปัญหาอะไรจะสามารถเชคได้ เด็กมันอยากจะเข้าวงการอยากจะรู้ว่า นาย เอ บี ซี ดี มีจริงมั๊ย เป็น 18 มงกุฎมั๊ยก็เช็คได้เพราะเราอยู่ตรงนี้มามีเครือข่ายมีพรรคพวก เราก็เช็คให้เด็กได้ว่า เมลเดลลิ่งนี้ไม่ใช่ 18 มงกุฎ ไม่งั้นเด็กโดนหลอก เสียตัวก็มี แท้กระทั่งพี่พจน์ ก็เคยถูกอ้างไปหากิน เด็กถูกหลอก เราก็ไปช่วยออกแก้ข่าว เมื่อ 4-5 ปีที่แล้ว ตรงนี้มันเป็นเกราะป้องกัน ก็อย่างที่บอกว่ามันเป็นการจัดระเบียบวงการนักปั้น มันดีนะมันน่าจะมีตั้งนานแล้วตรงนี้”

นอกจากนี้ นักปั้นมือทองปฏิเสธกรณีที่ ผู้กำกับดังอ้างว่า เคยมีการพูดคุยเรื่องชมรมนักปั้น แต่แค่พูดหยอกล้อกันเท่านั้น

“ก็คุยกันมาหลายๆ ครั้ง พจน์กับผมก็ออกงานด้วยกันบ่อย บางทีทำงานไปเป็นกรรมการออกงานออกสื่อ มันสามารถอ้างอิงซึ่งกันและกันได้ แล้วเราก็ไม่ได้ไปทำงานที่ผิดกฎหมาย ทำอะไรที่ผิดศีลธรรมสักอย่าง งานมันเป็นผลดีกับวงการบันเทิง ชมรมนักปั้นแห่งประเทศไทย มันไม่ใช่ชมรมที่ดูแล้วหมิ่นเหม่ไม่น่าไว้วางใจ เขาน่าจะรู้ตรงนี้ ผมว่าเขาปฏิเสธมาผมก็ต้องยอมรับโดนดุษฎี แล้วก็ไม่ไปอ้อนวอน คุกเข่าให้เขามา ก็ทำได้ ผมก็อยู่ของผมเอง”

ส่วนเรื่องหลายฝ่ายคิดว่า เป็นเพราะมีปัญหา ไปสะดุดแข้งขาระหว่างการทำงานในช่วงที่ผ่านมา “อุ๊บ วิริยะ” ยืนยันไม่มีแน่ไปไหนมาไหนอย่างกับปลากระป๋องตราสามแม่ครัว แต่รับเคยมีเรื่องกันจริง เมื่อ 20 ปีมาแล้ว

“ไม่รู้นะ คิดว่าคงไม่มั้ง เพราะเขาก็ทำงานฝ่ายเขา เราก็ทำงานฝ่ายเรา เราก็ปั้นเด็กบ้าง ทำตามวิถีชีวิตของเราไป มีงานก็เจอกัน เซฮัลโหลกัน คงไม่ได้ไปสะดุดแข้งสะดุดขากันหรอก ไม่มีเลย ไม่เคยมีเลย เขายังโทรมาขอข้อมูลผมเลย ในฐานะที่พี่เป็นสุดยอดแฟนพันธุ์แท้ดาราไทย เขาก็โทรมาขอข้อมูลดาราเก่าๆ เขาจะทำหนัง หอแต๊วแตก ภาค 2 ก็หาข้อมูลไว้แล้ว คือมีอะไรจะโทรคุยกันตลอด จะทำหนังดีไม่ดี ชวนกันไปร่วมงาน เวลาเรามีงานก็ชวนเขา งานเขาก็ชวนเรามันเอ็นจอยกัน พันธมิตรกัน”

“โอ้โห... จริงๆ ตรงนี้มันไม่มีปัญหา เราเคยมีเรื่องกันจริง แต่ก็ตั้งแต่ 20 ปีที่แล้ว นั่นมันก็ผ่านมา เออ...อันนั้นผมเป็นคนกระทำเอง เอาน้ำเอาไรไปสาดหน้าเขา ไปด่าทอ ต่อว่าเขา นั่นก็สมัยเด็กๆ แล้ว มันก็ได้คุยได้เคลียร์กันเรียบร้อย จบเรียบร้อยโรงเรียนจีนแล้ว จบไม่มีปัญหาอะไร แล้วตอนหลังก็มาจับมือกัน ผมก็ไปเล่นหนังรับเชิญเขา ไม่ได้มีเรื่องอะไร ไม่ได้ซีเรียส ทะเลาะมั๊ยก็ไม่เชิงทะเลาะ นี่ยังไม่ได้คุยกันเลยเนี่ย ยังไม่ได้คุยกันเลย (หัวเราะ)”

“เราก็อยากระบายความในใจ คงไม่ได้ไปโต้ตอบอะไรนะ เราก็อยากระบายความในใจด้วยเหตุผล ด้วยความรู้สึกในฐานะพี่คนหนึ่งที่ทำงานในวงการมา 20 กว่าปี รู้จักเขามาตั้งแต่ ปี 2524 ตั้งแต่เขาเรียนหนังสืออยู่ที่สำโรง ผมเรียนช่างกลอยู่ปี 2524 พอเข้าวงการก็ได้มาเจอกันอีก มันรู้จักกันมานานมาก แล้วถามว่าสนิทกันมั๊ย ก็ไม่อยากจะตอบ เขาไม่อยากจะตอบ เขาไม่อยากสนิทกับเรา แล้วเราจะทำไง (หัวเราะ) โห...แท็คทีมกันออกกันเป็นโลโก้ปลาประป๋องตราสามแม่ครัวขนาดนั้น ไม่สนิทได้ไงล่ะ”

“ไม่ต้องเคลียร์หรอก เขาไม่อยากร่วมงานก็ไม่เป็นไรผมไม่ได้ซีเรียส พูดตรงๆ เลยนะ จนบัดนี้ผมก็ไม่ได้ประโยชน์อะไรจากเขา ผมไม่ได้ผลประโยชน์อะไรจากเขาเลยนะ ผมก็อยู่ของผมทำงานของผม ก็ทำงานตัวด้วยผมเอง ไม่ได้ไปงอมืองอเท้า เขาก็ไม่ได้มีบทบาทอะไรกับเรามากมาย เพียงแต่ว่าเขาเป็นนักปั้นร่วมรุ่นเดียวกันอะไรประมาณนั้น แล้วก็เป็นสองตัวแม่ในวงการ แล้วตอนนั้นนักปั้นก็ไม่มีใครแล้ว มีพี่อุ๊บ พี่พจน์ เหมือนเป็นตำนานไปแล้วใช่มั๊ยล่ะ”

ไม่หวั่นหากจะต้องร่วมงานกัน
“ก็ยังมีงานด้วยกันอยู่ เขาต้องไปเป็นกรรมการประกวดนายแบบที่เดอะมอลล์โคราช เป็นงานที่ผมเสนอชื่อเขาไป เขาก็รับเงินไปแล้วครึ่งหนึ่ง งานวันที่ 30 พฤษภาคม ซึ่งทางเดอะมอลล์โคราช ผู้จัดเขาก็ไม่ซีเรียส ท่าทางพจน์ไม่มาเขาก็ไม่ซีเรียส ผมก็เอาไปหมดเลย โกโก้ อุ๊บ เป็นงานใหญ่ของโคราชเลย ประกวดหนุ่มสาววัยรุ่น นายแบบนางแบบ เขาก็รับเรื่องล็อคคิวอะไรเรียบร้อยแล้ว คือยังไม่คุยกัน ทางนี้ก็ไม่ซีเรียส งานก็คืองาน เรื่องส่วนตัวก็เรื่องส่วนตัวแยกกัน ผใก็คงไม่ไปตีโพยตีพาย ก็จบแค่นั้น”

“ไม่น้อยใจหรอกตรงนี้ผมคิดว่า มันอยู่ที่จิตใจ มันเป็นวงการมายา ต่อหน้าอย่างนี้ลับหลังมันอาจจะเรียกอีก็ได้ ต่อหน้าก็อาจไหว้สดุดีก็ทำใจแล้วในฐานะที่อยู่ตรงนี้มานาน มันก็มีทั้งคนดีและไม่ดี คนเกลียดเราก็มีคนลวงโลกกับเราก็มีต้องแยกแยะนะ เพราะว่ามันเป็นเรื่องส่วนตัวเรื่องผลประโยชน์กัน ในเมื่อเขาไม่เคารพรักเรา เราก็ไม่ได้ซีเรียสอะไร เพราะยังมีหลายคนที่รักเรา คนที่ศรัทธาตัวเราในการทำงานตรงนี้”

“เรารู้สึกแฮปปี้มีความสุข กับคนๆ เดียวไม่ไปคิดซีเรียสอะไรหรอกนะ มันบั่นทอนเวลา เสียสุขภาพเปล่าๆ เอาสมองมาคิดเรื่องงานเรื่องเงินดีกว่า(หัวเราะ) กับพจน์ อานนท์ก็ไม่ได้คิดโกรธอะไรนะ พี่อุ๊บก็เป็นพี่ แหม....ยังไงก็ต้องให้อภัยน้อง เข้าใจน้องใช่มั๊ย พี่ก็ต้องเป็นพี่ตลอดไป แล้วก็จะเป็นพี่สำหรับทุกคนตลอดไปด้วย”

ส่วนที่มีกระแสพูดกันบอกต่อปากว่า เป็นเพราะว่าที่ประธานชมรมนักปั้นฯ ออกปากชวน “เอ ศุภชัย” คู่กรณี “พจน์ อานนท์” มาร่วมวงด้วย จนผู้กำกับดังออกอาการไม่พอใจนั้น ไม่เป็นความจริง

“พี่เอเค้าก็เป็นนักปั้นได้นะ แต่ว่าการทำงานตรงนี้มันก็ต้องมีกฎกติกา มีจรรยาบรรณ ถึงจะโอเค มีคนยอมรับ ไม่สร้างความเดือดร้อนให้กับคนอื่น ในมุมมองของผมเขาก็สามารถเป็นได้ เขาก็เก่งเป็นเด็กรุ่นใหม่น่าจับตาดู แต่เราก็ต้องมีลิมิต มีกติกาที่ห้ามละเมิด ไม่ล่วงล้ำละเมิดเด็กคนอื่น ซึ่งผมถือมาก ตรงนี้จะให้ความสำคัญ ไม่งั้นถ้าเราไปจิกเด็กคนอื่นนะ ประวัติไม่ดีมีปัญหาอะไรสารพัด0tมาตั้งชมรมนักปั้นแห่งประเทศไทยไม่ได้ ก็ต้องมีคนด่าแล้ว มึงมีประวัติ โกงคดียังเอาไม่รอด จะมาตั้งเป็นประธานแกนนำได้ไง แต่นี่เราโปร่งใสตรวจสอบได้เลย(หัวเราะ)ไม่มีข่าวเรื่องนี้แน่นอน คอนเฟิร์ม”

“เอ ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรกับผมนะ เขาก็ไม่ได้มาอยู่ผมก็ไม่ได้บอกว่ามีเอมาร่วมด้วย หลายคนก็บอกว่าถ้ามีเอจะไม่มาเข้าชมรม ผมก็ต้องเอาคนหมู่มากไง เพราะเอก็บอกว่าเขาไม่ใช่นักปั้นไง เขาเป็นผู้จัดการดารา เพราะมีโกโก้ มีอีกหลายคน พี่เอเขาคงไม่กล้ามาหรอกอยู่แล้ว จริงๆ ตามหลักเราก็ต้องเลือกโกโก้และคนหมู่มาก”

“ตอนนี้ไม่ได้คุยเลย ตั้งแต่ไม่มีเรื่องมีเหตุการณ์ปกติ เอเขาก็รู้ว่าเราจะทำชมรม โครงการสัตว์พิการและจรจัดย่านบางกะปิ ถึงวันเกิดผมเขาก็ช่วยเหลือทุกปี อย่างปีที่ผ่านมาเกิดเหตุการณ์กำลังมีเรื่องกันพอดี เขาก็ยังช่วยเขาโอนมาให้พี่หมื่นหนึ่ง เราก็ห้ามเขาไม่ได้อยู่แล้ว เขายังพูดเลยว่าเดี๋ยวคนหาว่า เอเอาเงินมาปิดปากพี่ เราก็บอกว่า โอ้ย...ไม่ แค่นี้ไม่พอหรอก ถ้าจะปิดปากต้องเป็นแสนเป็นล้าน แล้วก็คุยกับแม่อั้ม พัชราภา แม่เอ๊ะ อิศริยาแล้วว่า เอจะช่วยรับดีมั๊ย ทุกคนก็บอกว่าถ้าเราไม่รับก็เหมือนเราประกาศเป็นศัตรูกับเอ เขาอยากทำบุญเรา”

“ไม่รับเขาได้หรอ เขาทำด้วยใจเขาจริงๆ ใช่มั๊ย ตรงนี้ก็เป็นที่มาที่ไป เราอยู่ตรงนี้ก็เหมือนอยู่ตรงกลางกับเอก็ไม่ได้มีเรื่อง เพราะเอ ไม่ได้มาจกเด็กเรา เอไม่ได้มาแย่งเด็กเรา เออ...ถ้ามาเป็นจก จิกเด็กเราก็เป็นศัตรูกันไปแล้วใช่มั๊ย”

กำลังโหลดความคิดเห็น