เหลืออด “แม่ชัญญ่า” ประกาศฟ้องเว็ปไซต์ไอเอ็นเอ็น หลังจากลงข่าวเป็นไฮโซปลอม บงการลูกให้เกาะ “ไรวินทร์” เข้าสังคม โต้ข่าวเคยเป็นดาวยั่วยันเคยถ่ายภาพแค่ครั้งเดียวและไม่ได้ใส่บิกินี่จะเป็นดาวยั่วได้ไง รับเคยเปลี่ยนชื่อจริงเพราะเชื่อเรื่องดวงไม่ได้เปลี่ยนเพราะทำเรื่องเสียหาย โชว์หลักฐานสยบข่าวลือเป็นหุ้นลมร้านกระเป๋าแบรนด์เนม เผยรู้ชื่อคนปล่อยข่าวเน่าแล้วเตรียมฟ้องร้องให้ถึงที่สุด
ยังตกเป็นข่าวฉาวไม่เลิกเลยทีเดียวสำหรับ “ชัญญ่า ทามาดะ” หลังจากเคลียร์ข่าวเรื่องไปกินหมูกะทะกับ “ฟลุค เกริกพล มัสยาวานิช” เรียบร้อยแล้ว ก็ยังโดนกระแสข่าวลือโจมตีอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นข่าวลือเรื่องแตกคอกับ “ไรวินทร์ จิรพลเศรษฐ์” ไฮโซรุ่นพี่ จนมีข่าวว่าฝ่ายชายออกมาแฉว่า ชัญญ่าอยากดังและเป็นคนจัดฉากเรื่องภาพปาปารัสซี่ จนทั้งคู่ต้องออกมาชี้แจงกันจ้าละหวั่น
แต่ความวัวไม่ทันจะหายความควายก็เข้ามาแทรกซะแล้ว เมื่อเว็ปไซต์ไอเอ็นเอ็น ได้ลงข่าวตีแผ่เรื่องของชัญญ่า และคุณแม่ “ลิซ่า ทามาดะ” โดยมีการอ้างอิงถึง “แหล่งข่าววงใน” เป็นผู้ให้ข้อมูล
โดยเฉพาะคุณแม่นั้นค่อนข้างจะโดนผลกระทบไปเต็มๆ เพราะถูกกล่าวหาว่า เป็นไฮโซปลอม และเป็นอดีตนางแบบดาวยั่ว ที่เปลี่ยนชื่อมาแล้วไม่รู้กี่ตลบ นอกจากนั้นแล้วก็ยังกล่าวถึงเรื่องที่ชัญญ่าเปิดร้ายจำหน่ายกระเป๋าแบรนด์เนมกับไรวินทร์ว่า เป็นเพียงหุ้นลมไม่ได้ลงเงินซักบาท ซ้ำคุณแม่ก็ยังเป็นคนบงการฝากฝังให้ไรวินทร์พาชัญญ่าออกงานสังคม
และในเนื้อข่าวยังระบุอีกว่า ชัญญ่าอยู่เบื้องหลังการถ่ายภาพปาปารัสซี่ แต่สิ่งที่ทำให้คุณแม่ของชัญญ่าโกรธมากที่สุดก็คือประโยคสุดท้ายที่บอกว่า “คุณแม่เป็นผู้บงการและวางแผนทั้งหมด และแผนการกำลังจะเข้าล็อกเพราะมีค่ายละครติดต่อชัญญ่า แต่พอมีข่าวไม่ค่อยเข้าที อย่างนี้จะมีค่ายไหนกล้าดึงไปร่วมงานให้ปวดหัวเล่น”
โดยคุณแม่บอกว่า ข่าวดังกล่าวทำให้มีผลกับอนาคตของลูกสาว ต่อไปใครจะอยากทำงานด้วย จึงเป็นเหตุให้ต้องออกมาโต้ข่าวพร้อมกับเปิดใจเคลียร์ข่าวทั้งหมด และประกาศฟ้องเว็ปไซต์ไอเอ็นเอ็น รวมไปถึงผู้ที่ให้ข่าวนี้กับทางเว็ปไซต์ ถึงแม้เว็ปไซต์ดังกล่าวจะลบข่าวนี้ไปแล้วก็ตาม
“วันนี้อ่านข่าวแล้วรู้สึกเสียใจกับข่าวที่เกิดขึ้น ทำไมจะต้องพยายามให้เป็นประเด็นมากมายขนาดนี้ ปรี๊ดมากทำไมจะต้องมาดิสเครดิตกัน คุณแม่ไม่ได้เป็นอย่างที่ข่าวพูด เราก็เลยรู้สึกว่าทำไมจะต้องมารังแกกันแบบนี้ ทำไมจะต้องมาดิสเบรกกัน ฉะนั้นวันนี้ก็อยากจะตอบคำถามเป็นข้อๆ เลย”
“ในฐานะที่เป็นแม่ตอนนี้รู้สึกว่าค่อนข้างเข้าใจหัวอกของคนที่เป็นแม่ที่อยู่ในวงการว่าเขารู้สึกยังไง น้องอาจจะไม่ยังไม่ได้เข้าวงการไม่เคยเล่นละครไม่เคยทำอะไร แต่ข่าวของเขาก็ไม่เบากระแสข่าวค่อนข้างแรง บางคนเล่นละครแต่คนยังไม่รู้จักเท่าชัญญ่า ตรงนี้มันมีการจะพยายามดิสเบรกหรือให้ข่าวไม่เป็นความจริงขึ้นมา อยากจะให้หยุดได้แล้วพอได้แล้ว พอมาถึงจุดนี้เราเริ่มเสียหายเราก็ต้องออกมาแย้ง มันเป็นปกติที่คนจะต้องโพรเท็กส์ตัวเอง เราถูกครหาขนาดนี้มันก็ต้องออกมาแก้บ้าง”
“อย่างข่าวของน้องที่ผ่านมาที่บอกว่า วงในแฉชัญญ่าอยู่เบื้องหลังภาพถ่ายปาปารัสซี่(ปาปารัสซี่ที่ไปกินหมูกระทะกับฟลุค) ซึ่งบางคนเขาไม่ได้อ่านเนื้อหาข้างในอ่านแค่พาดหัวมันก็ทำให้เด็กถูกตีตราบาปแล้ว เหมือนกับการที่บอกว่าคนๆ นี้เป็นคนขี้ขโมย จริงไม่จริงแต่ถูกมองว่าขี้ขโมยปุ๊บ ในวันต่อๆ ไปคนก็จะคิดว่าคนนี้ขี้ขโมย ตรงนี้มันเหมือนตีตราบาปให้กับเขา”
“เพราะฉะนั้นคำว่าอยู่เบื้องหลังปาปารัสซี่อันนี้คุณแม่เคยบอกน้องว่าจะต้องแก้นะลูก อันนี้มันเหมือนตีตราบาปให้เรา เราไม่ได้อยู่เบื้องหลังก็บอกไปเลยได้ไหม แต่ลูกยังอดทนมากกว่าแม่ ลูกบอกว่าเราไม่ได้ทำซะอย่างเรารู้อยู่แก่ใจก็ให้ผ่านไป ตอนนี้ชัญญ่ากลับเข้มแข็งมากกว่านี้ แต่แม่รับไม่ได้มันเหมือนตีตราบาปน้องพึ่งอายุ 17-18 จะต้องอยู่กับสังคมไปอีกนานอันนี้มันไม่แฟร์จริงๆ”
“และแม่ก็เชื่อในจริยะธรรมนักหนังสือพิมพ์เขามีแน่นอนมันไม่ได้จ้างกันง่ายๆ และถ้าใครโดนจ้างออกมาเลยใครเคยได้รับเงิน ออกมาสิคะ ออกมาเลย อย่าปล่อยให้สถานการณ์เป็นแบบนี้ อย่าทำให้น้องถูกโจมตีเลย แก้ข่าวก็หาว่าเป็นข่าว แต่ถ้าไม่พูดความจริงก็ไม่ได้ นั่นคือข้อที่หนึ่งที่คุณแม่รู้สึกว่าเป็นทุกข์”
“ข้อที่สองประเด็นที่บอกว่าชัญญ่าเกาะเขา(ฟลุค เกริกพล)ดัง กับข่าวตรงนี้น้องเขาจะเงียบมาก สิ่งที่แม่อยากจะบอกมากๆ ก็คือ แม่อยู่ตรงนี้นะแม่อยู่ข้างๆ ลูกนะ คือถ้ามันทุกข์นักก็อย่าไปอะไรเลยลูก มันไม่ใช่ชีวิตของเรา เราอยู่ได้ เรามีกินได้ เราไม่อดอยากไม่ต้องไปอยู่ตรงนั้นก็ได้ แต่มันเป็นความสุขของเขา”
“คือตรงนี้มันเป็นความฝันของเด็กหลายๆ คน อยากเป็นดาราเยอะ ทุกคนมีความคิดมีความฝันมันไม่ใช่สิ่งที่ผิด เขาไม่ได้อยากดังโดยเกาะกระแสใครดัง ถ้าดังต้องดังด้วยความสามารถของน้อง น้องก็อยากเข้าวงการด้วยตัวเขาเองด้วยความสามารถของเขาเอง”
“ข้อที่สามคือกระแสของพี่วินเลิกกันแล้ว จริงๆ ถ้าจะให้พูดตรงๆ น้องไม่เคยประกาศตัวว่าเป็นแฟนกับพี่วิน ทุกวันนี้น้องก็ยังคุยอยู่ ขอยืนยันตรงนี้ว่า วินยังอยู่ในหัวใจของคุณแม่กับน้อง คุณแม่ประทับใจวินที่ครั้งหนึ่งที่น้องถูกกระแสข่าวเยอะๆ คนที่ออกมาอยู่เคียงข้างชัญญ่าคือวิน และก็ขอบคุณคุณพ่อคุณแม่เขาด้วยที่ให้ความเมตตาและช่วยเหลือเรา”
“ทุกวันนี้วินเขาเสียเวลากับน้องมาหลายเดือนแล้วตั้งแต่ตอนที่เป็นข่าว ธุรกิจต่างๆ เขาก็มีเขาเสียเวลาตรงนั้นมาเยอะแล้ว ฉะนั้นมันก็ถึงเวลาที่เขาจะต้องไปเคลียร์งาน น้องเองพอข่าวมันเบาลงทุกคนก็ไปมีชีวิตปกติของตัวเอง แต่น้องเขายังโทรคุยมีอะไรก็ปรึกษาพี่เขา พี่วินอยู่ไหนกินข้าวหรือยัง เขายังติดต่อกันทุกวัน อาทิตย์หนึ่งต้องเจอกันอยู่แล้วครั้งสองครั้ง”
“แต่พอข่าวมันเริ่มซาเคลียร์ไปจะหมดแล้วผ่านไปทีละเรื่องๆ ตอนนี้ก็มาเป็นประเด็นของคุณแม่ เมื่อก่อนคุณแม่คิดว่าจะเงียบและจะพูดให้น้อยที่สุด พยายามที่สุดจะเอาธรรมะนำหน้า ธรรมะคือการที่เราไม่คิดร้ายกับใคร ไม่อิจฉาใคร พยายามทำแต่ละวันให้ดีที่สุดไม่เบียดเบียนใคร แต่พอเราโดนกระแสเยอะคุณแม่ก็ต้องออกมาโต้ ขอให้คุณแม่ใช้คำว่าโต้เถอะมันอกจะแตกแล้ว มันไม่ไหวแล้วจริงๆ รังแกแม่ไม่เท่าไหร่หรอกแต่สิ่งที่เขาทิ้งท้ายเหมือนกับว่ารังแกลูกเรา พอข่าวไอเอ็นเอ็นลงแบบนี้คุณแม่ก็คิดว่ามันถึงเวลาที่คุณแม่จะต้องออกมาพูดบ้างแล้ว”
โต้ข่าวไม่เคยเป็น “ดาวยั่ว” แต่รับเคยถ่ายภาพกับ “บี๋ ธีรพงษ์” แค่ครั้งเดียว แต่ไม่ได้ใส่บิกินี่จะเป็นดาวยั่วได้ไง
“กับข่าวที่เขาบอกว่าคุณแม่เป็นอดีตดาวยั่ว อันนี้ก็ต้องขอขอบคุณนะคะที่เห็นคุณแม่มีเสน่ห์ขนาดนั้น แต่คำว่าดาวยั่วมันแรงไป การเขียนว่าดาวยั่วมันเหมือนมีจุดประสงค์เพื่อทำร้ายเลยเพราะดาวยั่วมันเป็นในแง่ลบ แต่ถ้าเซ็กซี่มันจะเป็นในแง่บวก แต่ถามว่าคุณแม่เคยถ่ายไหม คุณแม่เคยถ่ายค่ะ แต่ถ่ายในลักษณะเป็นภาพศิลปะ”
“ภาพนั้นเป็นภาพแบบสาวชาวเกาะ อยู่บนเกาะตาฮิติ มีผ้าคาดเอวมีดอกไม้รอบหัวและก็อยู่กับทะเลอยู่กับธรรมชาติ ยืนยันเลยว่าไม่ได้ใส่บิกินี่ มันเป็นผ้าเหมือนผ้าปาเต๊ะรัดตรงหน้าอก และก็มีเหมือนผ้าถุงลายดอกๆ ตรงเอว ภาพนั้นเป็นภาพที่เอาหัวจุ่มน้ำแล้วก็โผ่ลหัวออกมาสลัดน้ำกระจาย เป็นภาพที่ถ่ายยากมาก จะบอกว่าเป็นดาวยั่วไม่ได้เพราะคุณแม่ไม่ได้โป๊ไม่ได้ใส่บิกินี่ และคุณแม่ก็ถ่ายแค่เล่มเดียวครั้งเดียวไม่ได้ถ่ายบ่อยจะเรียกว่าเป็นดาวยั่วได้ไง”
“แต่ใครจะพูดยังไงคุณแม่ก็ไม่แคร์เพราะมันเป็นวัยเด็กของเรา เป็นวัยที่เหมือนเด็กสมัยนี้ที่ชอบเซ็กซี่ ตอนนั้นคุณแม่ก็ไม่ได้อยากเป็นดารานะ และคุณแม่ไม่เคยเป็นดาราไม่เคยเข้าวงการ แต่ตอนนั้นที่ถ่ายเพราะเราอยากเซ็กซี่เหมือนเด็กรุ่นใหม่ อยากมีรูปเซ็กซี่เท่านั้นเอง และเราก็ถ่ายแค่เล่มเดียว”
“คือเรื่องของเรื่องคุณแม่เคยเป็นเพื่อนกับคุณบี๋ ธีรพงษ์(ธีรพงษ์ เหลียวรักวงศ์) เราก็คุยกันเขาค่อนข้างเป็นหนุ่มฮอตเป็นดีเจ พอเขาไปเป็นตากล้องให้กับหนุ่มสาวมั๊งคะตอนนั้น แม่ก็บอกเขาว่าอยากถ่ายอยากเซ็กซี่บ้าง เรายังเด็กก็คิดแค่นั้น แต่พอถ่ายไปแล้วมันเป็นความคิดที่ผิดเราคิดไม่เป็น”
รับเปลี่ยนชื่อหลายรอบจริงเพราะเชื่อหมอดู ยันไม่ได้เปลี่ยนเพราะไปทำเรื่องเสียหาย ซัดกลับ จะเปลี่ยน 20 รอบแล้วจะทำไม มันผิดตรงไหน
“คุณแม่เปลี่ยนชื่อจริงๆ คือชีวิตคนเราไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบเสมอไป พอเรามีปัญหาปุ๊บก็แบบสงสัยชื่อไม่ดีแน่เลยไปเปลี่ยนชื่อดีกว่า ถามหน่อยว่าการเปลี่ยนชื่อเป็นสิ่งที่ผิดเหรอ เป็นสิ่งที่เลวร้ายเหรอคะ เป็นสิ่งที่ต้องออกมาโจมตีเหรอ คนเราเปลี่ยนชื่อก็เพราะอยากทำให้ตัวเองดีขึ้น มันเป็นความเชื่อของแต่ละคน บางคนอายุ 50-60 ก็ยังเปลี่ยนชื่อ”
“คุณแม่เปลี่ยนชื่อไป 3 ครั้ง เมื่อก่อนคุณแม่จะมีชื่อไทยโบราณมากเลย คุณแม่ตั้งให้ขึ้นต้นด้วย ฟ. เขาก็บอกว่า ฟ.กาลกิณีเราก็ไม่เอาแล้ว ก็เลยเปลี่ยนๆ ไม่เอาๆ วันเดียวยังเคยเปลี่ยนสองชื่อเลยไม่เอาเลือกใหม่ คือการที่เราเปลี่ยนชื่อมันเป็นความเชื่อส่วนบุคคล มาบอกว่าคุณแม่เปลี่ยนชื่อหลายตลบ อยากจะบอกว่าถ้าจะเปลี่ยนอีก 20 ตลบแล้วจะทำไม มันผิดตรงไหน มันเลวตรงไหน เราเปลี่ยนเพราะว่าเชื่อเรื่องดวงไม่ได้ไปทำอะไรเสียหาย”
โชว์หลักฐานการลงทุนทำร้านกระเป๋าแบรนด์เนมกับ “ไรวินทร์” ยันไม่ได้เป็นหุ้นลมอย่างที่เป็นข่าว
“เรื่องหุ้นลมนี่คุณแม่โกรธมากเลย ตรงนี้มีหลักฐานมาให้ดูว่าการโอเงินของชัญญ่ามีอะไรบ้าง ชัญญ่าโอนเงินลงทุนไปเท่าไหร่ จ่ายค่าเช่าร้านไปเท่าไหร่ตรงนี้เรามีหลักฐานหมดเลย เพราะฉะนั้นคนที่มากระพรือข่าวว่าชัญญ่าหุ้นลมช่วยเผยตัวหน่อย คุณเป็นคนให้ข่าวคุณกล้าไหม คุณได้ข่าวมาจากไหน จะอยากมาทำลายเราอะไรเรากันนักกันหนา”
“น้องเขาอยากทำธุรกิจกับพี่วิน คุณแม่เชื่อใจพี่วินนะคะเพราะพี่วินเขาเป็นนักธุรกิจที่เก่ง มีความคิดสร้างสรรค์ เพราะฉะนั้นถ้าน้องได้ไปทำกับพี่วินก็เหมือนได้ไปเรียนรู้การทำงาน ได้รับรู้ได้เห็นได้รับการสั่งสอน บางครั้งการปฏิบัติมันมีมากกว่าในมหาวิทยาลัยถือว่าเป็นประสบการณ์ตรงของเขา เราก็อยากจะสนับสนุน”
“เงินลงทุนที่ใช้ก็เป็นเงินของชัญญ่าเอง เขาหุ้นกัน 3 คน มีพี่วิน ชัญญ่า และก็พี่ภู เป็นน้องชายของพี่ไผ่ วันพ้อยท์ การจ่ายเงินค่าเช่าเดือนละ 150,000 ค่าน้ำค่าไฟเขาจะหารกัน 3 คน โดยลงทุนไปครั้งแรกเป็นหลักแสน แต่ตอนนี้รวมๆ แล้วเกือบล้านบาทแล้ว”
“คุณแม่จะเป็นคนทำบัญชีให้ชัญญ่า เขาจะบอกให้ม่ามี๊โอนเงินให้หนูหน่อย เราจะส่งเงินเข้าบัญชีของพี่วิน ก้อนแรกจะจ่ายเป็นค่ามัดจำ ค่าตกแต่งร้าน เงินค่าเช่าร้าน พี่วินสามารถตอบได้เลยว่า ชัญญ่าเขาจะไม่เคยมีเครดิตเสียตรงนี้ ถึงเวลาเราก็จ่ายเป๊ะๆ”
ไม่สนใจใครนินทาเป็น “ไฮโซปลอม” แต่ถ้าบอกว่าเป็นคนไม่ดีจะเจ็บปวดมากกว่า
“สำหรับประเด็นนี้คุณแม่ไม่รู้สึกซีเรียสเพราะคุณแม่ไม่ได้ยึดติดว่าจะเป็นไฮโซหรือไม่ได้เป็นไฮโซ แต่คุณแม่ยึดติดกับการกระทำและจิตใจของแต่ละคนมากกว่า ไฮโซแต่ปฏิบัติไม่ดีแล้วมันเป็นอย่างไร คนที่ไม่ใช่ไฮโซจริงแต่มีคุณธรรมมันเป็นอย่างไร เพราะฉะนั้นใครจะเรียกคุณแม่ว่าไฮโซหรือไม่ไฮโซคุณแม่ไม่แคร์ คุณแม่แคร์เรื่องของจิตใจมากกว่า ถ้าใครจะพูดประเด็นนี้คุณแม่สนใจไม่สะทกสะท้าน ไม่รู้สึกแคร์ แต่ถ้าบอกว่าคุณแม่เป็นคนไม่ดีไปทำร้ายคนโน้นคนนี้อย่างนั้นคุณแม่จะแคร์มากกว่า จะเจ็บปวดมากกว่า”
“คุณแม่ไม่สนใจคำนี้มันจะมีประโยชน์อะไรที่เราจะไปแผ่บัญชีให้คนอื่นดูว่า ฉันมีเท่านี้ๆ มันไม่มีประโยชน์ แต่ถามว่าทุกวันนี้ถ้าคุณรวยได้แค่ไหนฉันก็กินได้เท่าคุณ คุณกินอะไรฉันก็กินได้เท่าคุณ คุณแม่ขอเจียมตัวคำว่าไฮโซ และจะบอกลูกเสมอว่าอย่าใช้คำนี้เด็ดขาด แต่ถ้าจะชอบแบรนด์ต่างๆ มันเป็นสิทธิส่วนบุคคล มีตังค์ก็ซื้อไม่มีตังค์ก็ไม่ได้ซื้อ ถ้าเดือนนี้ใช้เยอะก็ประหยัดเรื่องอื่น ถ้าเดือนนี้ใช้น้อยอยากได้ก็ไปซื้อ อยากได้อะไรก็เก็บเอา”
ยันไม่เคยบงการให้ “ไรวินทร์” พา “ชัญญ่า” เข้าสังคม เพราะก่อนหน้านี้ชัญญ่าก็ออกมางานสังคมมาก่อนแล้ว
“ชัญญ่าออกงานสังคมมาตั้งแต่ก่อนที่จะรู้จักกับวิน ชัญญ่าเขาอยู่เรียนอินเตอร์สังคมตรงนี้มันมีอยู่แล้ว ไม่ว่าจะกลุ่มพี่นัท สารสาสหรืออีกหลายๆ คนเขาก็เรียนด้วยกันอยู่แล้ว เด็กอินเตอร์ก็มีทั้งไฮโซและไม่ไฮโซ เขาก็มีเพื่อนในกลุ่มของเขาอยู่แล้ว คุณพ่อคุณแม่และเพื่อนๆ ของน้องก็มางานสังคมอยู่แล้ว”
“ก่อนที่เขาจะรู้จักกับวินเขาก็มีหนังสือมาสัมภาษณ์เขาตั้งหลายเล่ม เพราะฉะนั้นน้องอยู่ตรงนั้นมาก่อน แต่ตอนหลังก็มาสนิทกับพี่วิน แล้วเขาจะเป็นคนที่ชอบอะไรเหมือนกัน คุยภาษาเดียวกัน ก็เลยถูกคอกันไปออกงานด้วยกัน คุณแม่ไม่เคยบงการให้พี่วินพาชัญญ่าไปออกงานเพราะน้องเขาก็ออกอยู่แล้ว และโดยปกติคุณแม่ก็ไม่ค่อยได้ไปยุ่งกับชัญญ่า จะรู้เรื่องของชัญญ่าอีกทีตอนทีเป็นข่าวแล้ว”
“แต่ไม่ว่าเขาจะเขียนเรื่องอะไรก็ตาม สิ่งสำคัญที่ทำให้คุณแม่ต้องออกมาพูดในวันนี้ก็เพราะประโยคสุดท้ายที่เขาได้เขียนว่า คุณแม่อยู่เบื้องหลังและแผนการกำลังจะเข้าล็อกเพราะมีค่ายละครติดต่อสาวชัญญ่า แต่พอข่าวคราวเริ่มไม่เข้าที อย่างนี้จะมีค่ายไหนกล้าดึงไปร่วมงานให้ปวดหัวเล่นอีกไหม”
“คำว่า อย่างนี้จะมีค่ายไหนกล้าดึงไปร่วมงานให้ปวดหัวเล่นอีกไหม อันนี้ถือว่ารับไม่ได้ เพราะว่าคุณแม่ไม่เคยอยู่เบื้องหลัง อยากจะบอกว่าคุณแม่รู้เรื่องต่างๆ ทีหลังด้วยซ้ำ พอข่าวออกถึงได้รู้เรื่อง รู้ทีหลังจนบางครั้งก็น้อยใจลูกเหมือนกัน และจะบอกไว้เลยว่า ถ้าคุณแม่อยู่เบื้องหลังข่าวของชัญญ่าจะไม่ออกมาเลวร้ายแบบนี้ ไม่เป็นอย่างนี้”
“ข่าวหาว่าคุณแม่เป็นคนบงการ คุณแม่รู้สึกว่ามันมากเกินไปแล้ว ตอนแรกก็บอกว่า พี่วินบงการ ตอนนี้ก็มาเป็นคุณแม่ ฉะนั้นวันนี้ก็อยากจะฝากบอกไปตรงนี้เลยว่า การที่คุณประสงค์ไม่ดีตรงนี้ คุณไม่ได้รังแกแค่คุณแม่ แต่คุณกำลังรังแกเด็กอายุ 17-18 คุณจะอะไรกับเขา น้องเขายังมีอนาคตคุณมาลงแบบนี้มันใช่สิ่งที่ผู้ใหญ่ควรจะทำไหม”
“เขาลงขนาดนี้คุณแม่อยากจะบอกว่า ถ้าจะสืบว่าต้นตอข่าวตรงนี้ใครเป็นคนทำ คุณแม่สามารถทำได้ สามารถหาได้ จริงๆ เราก็ไม่อยากไปต่อล้อต่อเถียง แต่ถ้าเขาไม่หยุดวันหนึ่งข่าวพวกนี้มันก็ต้องออกมาอีก ฉะนั้นพอเขาลงข่าวแบบนี้คุณแม่ก็ติดต่อไปที่เว็ปไซต์ จุดประสงค์คือเราต้องการรู้ต้นตอของข่าวนี้ว่าใครคือคนทำ ใครคือคนให้ข่าว แต่ในเมื่อทางเว็ปไซต์เขาบอกว่ามันเป็นกฎเขาไม่สามารถบอกได้ คุณแม่ก็เลยบอกว่าถ้างั้นเขาก็ต้องรับผิดชอบเพราะเขาเป็นคนเอาข่าวมาลง”
“ทางนั้นเขาก็เลยบอกว่าจะลงแก้ข่าวให้จะลงขอโทษให้ เราก็เลยบอกว่า ถ้าเขาขอโทษชัดเจนก็คงไม่มีอะไร ต่อมาเขาก็โทรมาบอกว่าเขาแก้ให้แล้ว เราก็เลยเข้าไปดูในเว็ปไซต์อีกครั้งหนึ่ง แต่พอเราอ่านแล้วเขาไม่มีคำว่าขอโทษกลายเป็นว่าเราออกมาโต้ข่าว ฉะนั้นตอนนี้ก็คงจะต้องให้เป็นเรื่องของกฏหมายที่จะต้องดำเนินการฟ้องร้อง”
“คุณแม่จะฟ้องทางเว็ปไซต์ที่เขียนข่าวนี้ และถ้าหาต้นตอของคนที่ให้ข่าวเจอก็ต้องฟ้องคนๆ นั้นเหมือนกัน สรุปก็คือจะแจ้งความ 2 คดี หนึ่งก็คือแจ้งความหมิ่นประมาทกับเว็ปไซต์ และสองก็คือแจ้งความเพื่อสืบหาคนที่ให้ข่าวนี้ และถ้าเขาไม่อยากให้เราฟ้อง คุณเป็นผู้สื่อข่าวคุณก็ต้องรู้ดีว่าควรจะทำอย่างไร”
“ตอนนี้ก็มีคนต้องสงสัยไว้แล้วในใจ สันนิษฐานเอาไว้แล้ว เรารู้ว่าเป็นใคร อยากจะถามว่าทำเพื่ออะไร เราทำร้ายอะไรคุณโทรมาคุยกับเราเลย ถ้าคุณแม่ทำอะไรไม่ดีกับเขาแน่จริงคนจริงต้องมาคุยกัน ก็อยากจะฝากบอกเขาว่า ถ้าคิดว่าเรารู้จัก เคยคบกัน เคยรักกัน อยากให้เขาคิดถึงสิ่งที่เคยดีๆ ต่อกัน อยากทำร้ายอะไรคุณแม่ให้มาคุยกันตรงๆ แต่เด็กเขาไม่ได้รู้อะไรด้วย คุณเองก็มีลูก คุณแม่เชื่อเรื่องของเวรกรรมสวรรค์อยู่ในอกนรกอยู่ในใจ คุณแม่เชื่อว่าเขาคงทุกข์มากเลยนะ เรื่องที่เขาเอาไปพูดหรือให้ข่าวเขาตั้งใจโจมตีคุณแม่ ถ้าคุณแม่ทำอะไรให้เขามาคุยกับคุณแม่ ไม่ต้องมาใช้วิธีการแบบนี้ เด็กเขาไมได้รู้อะไรด้วย”
“ส่วนสื่อที่ลงข่าวนี้คุณแม่อยากจะบอกว่า ตอนนี้มันมีสื่อที่ชอบลงเรื่องประมาณแบบนี้ ใช้คำว่าลือ วงใน คุณแม่ว่าอันนี้ไม่แน่จริง ถ้าแน่จริงควรเอ่ยชื่อมาเลยว่า ลือจากไหน ใครเป็นคนปล่อยข่าว เขาควรจะมีพยานและหลักฐานในการนำเสนอข่าว จริงๆ แล้วสื่อที่มีคุณธรรมและมีอุดมการณ์ยังมีอยู่เยอะมาก ก็อยากให้เขากรองข่าวนิดนึง รู้ไหมว่าแค่ประโยคบางประโยคมันสามารถทำร้ายจิตใจให้เขาเป็นทุกข์ ทำให้เขาร้องไห้ ทำให้เขากลุ้มใจ ทำให้คนอื่นเป็นทุกข์นั่นเป็นบาป”
“กับคดีนี้ในเรื่องของเว็ปไซต์ที่ลงข่าว ถ้าเขาลงขอโทษตามที่ได้ตกลงกันไว้ก็น่าจะโอเค แต่กับคนที่ปล่อยข่าวนี้ออกมาเราจะดำเนินการให้ถึงที่สุด”