xs
xsm
sm
md
lg

ดนตรี บทเพลงรัก กับ "พี่แจ้ ดนุพล"

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เขากับวงแกรนด์เอ็กซ์เคยถูกสั่งห้ามขึ้นเล่นที่หอประชุมจุฬาฯ หลังทำให้สถานที่ดังกล่าวได้รับความเสียหายจนต้องปิดซ่อมถึง 2 ครั้ง 2 คราจากการขึ้นแสดงคอนเสิร์ต

เขากับวงแกรนด์เอ็กซ์เคยทำให้โรงละครแห่งชาติกระจกแตกกระจายจากการอัดแน่นของปริมาณแฟนเพลงจำนวนมาก

ระหว่างเขากับ "เบิร์ด ธงไชย แมคอินไตย์" เป็นเรื่องที่บอกได้ยากเหลือเกินว่า ช่วงที่ได้รับความนิยมสูงสุดนั้นใครดังมากกว่าใคร

เขาคนนี้ที่ชื่อ "แจ้ ดนุพล แก้วกาญจน์" อีกหนึ่งตำนานที่ยังมีลมหายใจของวงการเพลงบ้านเราที่กำลังจะกลับมาสร้างความประทับใจอีกครั้งด้วยบทเพลงเพราะๆ ในความทรงจำ ทั้ง โอ๊ยโอ๊ย, แสนรัก, ที่สุดของหัวใจ, เทวดาเดินดิน, เพียงสบตา, เชื่อฉัน, นิดหนึ่งพอ, ฝันสีทอง ฯลฯ กับคอนเสิร์ต “เฟรมส์ ออฟ เมโลดี้ 50 ปี แจ้ ดนุพล แก้วกาญจน์ 2009” วันเสาร์ที่ 2 พ.ค. ที่รอยัล พารากอน ฮอลล์

"คอนเสิร์ตพี่แจ้ความยาวมาตรฐานทุกครั้งครับ 2 ชม. 15 นาที พอดีกับเวลาชมที่สบายมากที่สุด ไม่สั้นไม่ยาว พูดน้อยๆ พยายามร้องเพลงให้มากที่สุดครับ เพราะร้องไม่หมดซะทีเพลงที่แฟนๆ อยากฟัง..."

นักร้องชื่อดังบอกเล่าถึงบางส่วนในรายละเอียดของคอนเสิร์ตที่จะเกิดขึ้นโดยมีบรรดาศิลปินที่มาเป็นแขกรับเชิญมากมาย ทั้ง วงแกรนด์เอ็กซ์, ต้อย-เศรษฐา ศิระฉายา, บอย ตรัย ภูมิรัตน และ ลุลา กันยารัตน์ ติยะพรไชย

ทั้งนี้พี่แจ้ยังได้ยืนยันถึงสภาพร่างกายของตนเองด้วยว่าพร้อมแล้ว..."พอคนเราโตขึ้นมากๆ สภาพจิตใจจะดูแลร่างกายให้เราเอง ออกกำลังพอประมาณ ที่สำคัญ ทุกคนต้องห่วงสภาพจิตใจเอาไว้ แต่รับรองว่า ทุกครั้งที่พี่แจ้ขึ้นเวที Concert จะต้องดูดี รับรองครับ!"

เมื่อย้อนกลับไปมองถึงเพลงไทยในยุค 80' ซึ่งเป็นยุคที่นักร้องคนนี้โด่งดังสุดๆ ต้องถือว่าบทเพลงในช่วงนั้นหลายต่อหลายเพลงยังคงได้รับความนิยมไม่เสื่อมคลาย มีการนำมา cover หลายครั้ง และที่สำคัญก็คือล้วนแล้วแต่ได้รับเป็นอย่างดี โดยสำหรับตัวของพี่แจ้แล้ว เขาเชื่อว่ายุคนั้นเป็นยุคที่ดนตรี/เนื้อหาดีที่สุด

"ไม่ว่าจะเป็นในแง่ของนักแต่งเพลงระดับอัจฉริยะในการใช้สำนวนภาษา หรือพวกนักดนตรีอิสระโลดแล่นในความคิดปฏิบัติ ไร้ความกดดันจากนายทุน นักร้องฝึกฝนวิ่งหาความเป็นหนึ่ง ไม่พึ่งพาตัวช่วยสารพัด"

"สำคัญที่สุดนักฟังที่ดี ที่มีจิตวิจารณญานในการเลือกสรรและตัดสิน เพียงเหตุผลแค่นี้ก็ยากแล้วที่จะหาได้ในปัจจุบัน"

ไม่ว่าจะผ่านไปกี่สมัย "ความรัก" ก็ยังคงเป็นปมประเด็นสำคัญในการเขียนเพลง ซึ่งนักร้องชื่อดังน้ำเสียงมีเอกลักษณ์คนนี้มองว่า เพลงรัก ความรัก คือ สมบัติทางอารมณ์ที่มีผลต่อสภาพจิตใจของผู้เสพ จัดการ-จัดปรุง รูป รส กลิ่น เสียงให้พอดีกับเนื้อหาสาระ ถ่ายทอดใส่ภาชนะที่ดูดีมีสกุล เพลงรักย่อมเป็นเหมือนของหวาน ที่ใครก็ยากจะอดใจไม่ลิ้มชิมรส

"เพลงรักที่ครั้งหนึ่งเคยหวานจนเอียน ห่างไกลจากภาษาความเป็นจริง ชีวิตจริง มันได้มุมเดียวคือความสวยงามทางภาษา (นักแต่งเด่น) และครั้งนี้มันหยาบคาย แข็งกร้าว เอาความเรียบง่ายในการจัดทำมาบดบังจุดด้อยอ่อนหัดของตัวเองกันมากไป ดังนั้นการลองหาความพอดีๆ น่าจะเป็นคำตอบของคนยุคนี้"

"ศิลปะที่ดีไม่ควรมีกฏกติกาอะไรมาเป็นข้อปฏิบัติบังคับให้เราทำอย่างโน้นอย่างนี้ ที่มาของเพลงมีตั้งมากมาย แต่การแต่งเพลงเป็นวิธีการส่วนบุคคลที่ไม่น่าจะเหมือนกัน"

ส่วนกรณีที่วัยรุ่นบ้านเรากำลังหลงใหล คลั่งไคล้ต่อศิลปินเกาหลีนั้น พี่แจ้ของน้องๆ บอกว่าเป็นเรื่องของกระแส แต่ที่น่าห่วงก็คือเด็กบ้านเราจะยอมเป็นช้างเท้าหลังเช่นนี้ไปเรื่อยๆ หรือเปล่า?..."เป็นสีสันที่ผู้ผลิตเกาหลีเขาทำสำเร็จ เป็นแค่กระแสนิยมตามมากับหนัง เราทำไม่ได้เอง อย่าไปอิจฉาเขา ชีวิตนี้เด็กไทยขอเป็นช้างเท้าหลังตลอดหรือเปล่านะ"

โด่งดังขึ้นมาด้วยความสามารถล้วนๆ เพราะฉะนั้นเจ้าตัวเลยมั่นใจว่าหากใครมีดีอยู่ในตัวย่อมได้เปรียบ ทว่าก็เป็นเรื่องที่น่าเสียดายที่นักร้องวัยรุ่นหลายคนของบ้านเรายังขาดความเป็นตัวของตัวเอง

"ของดี...ไม่ต้องติดตามมากหรอก เดี๋ยวก็วิ่งมาเข้าหูเราเอง น้องๆ ส่วนมากยังขาดความเป็นต้นแบบตัวเอง กลัวและเชื่อ Producer (เซ่อ) มากเกินไป ถ้าเรามีดี มั่นใจ อย่าไปกลัว เดี๋ยวเขาก็วิ่งมาง้อเราเอง แต่ถ้าเขาไม่มาง้อ ก็รอไปก่อน ศิลปินที่ดี ต้องมีความทรนงควบคู่ไปกับความอ่อนน้อมนะ"

ก่อนปิดท้ายการสนทนาด้วยคำตอบที่น่าคิดจากคำถามที่ว่า ทำไม "แจ้ ดนุพล แก้วกาญจน์" ไม่ค่อยจะมีผลงานใหม่ๆ ออกมาทั้งๆ ที่มีแฟนเพลงพร้อมจะให้การต้อนรับมากมาย ว่า..."ถ้าเป็นศิลปะ มันต้องรออารมณ์ก่อน แต่ถ้าจะเอาการค้าอย่างเดียว ทุกวันนี้มีล้นตลาดแล้ว พี่แจ้ไม่ต้องไปเพิ่มปริมาณหรอก"


กำลังโหลดความคิดเห็น