สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พระราชทานกระเช้าดอกไม้เยี่ยมเพื่อเป็นกำลังใจ “ท่านมุ้ย” ด้านแพทย์เผย อาการผ่าตัดกระดูกส่วนใบหน้าดีขึ้นมาก พักฟื้นอีก 1 อาทิตย์ก็สามารถกลับบ้านได้ ระบุสาเหตุที่ลื่นล้มเพราะความดันขึ้น ทำให้หน้ามืด ไม่ใช่โรคหัวใจ ส่วน “คุณแมงมุม” ลูกสาว เฝ้าไข้ข้างเตียงด้วยความเป็นห่วง บอก แม้ท่านมุ้ยต้องปิดตาอยู่ข้างหนึ่ง แต่ก็ยังไม่หยุดทำงาน ขณะที่ “แอฟ ทักษอร” และ “นก ฉัตรชัย” รุดเยี่ยมหลังทราบข่าว
หลังจากมีอาการหน้ามืด และลื่นล้มในห้องนำที่บ้านพัก จนได้รับบาดเจ็บที่บริเวณโหนกแก้มขวาแตก กระดูกจมูกร้าว ต้องเข้าพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลกรุงเทพ ห้อง 605 เมื่อวันที่ 14 เม.ย. ที่ผ่านมา ความคืบหน้าล่าสุดวันนี้(20) “นายแพทย์ระพินทร์ กุกเรยา” อายุรแพทย์หัวใจ แพทย์เจ้าของไข้ของ “หม่อมเจ้าชาตรีเฉลิม ยุคล” หรือ “ท่านมุ้ย” ก็ได้ออกมาเปิดเผยอาการของท่านมุ้ย หลังทำการผ่าตัดใบหน้าบริเวณที่แตก โดยระบุว่าอาการดีขึ้นมาก แต่ต้องพักฟื้นอีก 1 อาทิตย์ถึงจะอนุญาตให้กลับบ้านได้
ซึ่งเมื่อช่วงบ่ายของวันนี้ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงพระราชทานกระเช้าดอกไม้เยี่ยมเพื่อเป็นกำลังใจ ขณะที่นางสาว “แอฟ ทักษอร ภักดิ์สุขเจริญ” และพระเอกตลอดกาล “นก ฉัตรชัย เปล่งพานิช” ก็ได้เดินทางมาเยี่ยมด้วยความเป็นห่วง โดยมี “คุณแมงมุม ม.ร.ว.ศรีคำรุ้ง ยุคล” ลูกสาวของท่านมุ้ยเฝ้าดูแลอย่างใกล้ชิด
แพทย์ : “สาเหตุที่ทำให้วูบเพราะความดันในร่างกายเปลี่ยน ทำให้วูบ หน้ากระแทกลื่นล้มในห้องน้ำ ด้านสาเหตุเรื่องโรคหัวใจไม่มีผลที่จะทำให้ความดันผิดปกติ อันเป็นสาเหตุที่ทำให้ท่านล้มเกี่ยวกับความดันมากกว่า เรื่องโรคหัวใจตอนนี้ปกติ มีการเย็บฝั่งขวาในส่วนของหน้าทั้งหมด ศัลยกรรมด้วยพลาสติก ตอนนี้ผ่าตัดเสร็จแล้ว ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง พักสักประมาณ 1 อาทิตย์ก็น่าจะกลับบ้านได้ แต่หลังจากอาการดีขึ้นแล้วหนึ่งอาทิตย์จะสแกนสมองอีกครั้งหนึ่ง เพื่อดูว่ามีอะไรกระทบสมองหรือเปล่า”
คุณแมงมุมเผย อาการโดยรวมดีขึ้น เพียงแต่ยังรู้สึกเป็นห่วงอาการหน้ามืดที่เกิดจากโรคความดันอยู่
“อาการดีขึ้นแล้วเพราะว่าล้มมาได้ 5-6 วันแล้ว ตั้งแต่วันที่ 14 เม.ย. ตอนนั้นแมงมุมไม่ได้อยู่กับท่าน อยู่ที่สิงคโปร์ แมงมุมถึงสิงคโปร์ตอนกลางคืน พอรู้ข่าว 7 โมงเช้าก็รีบบินกลับมาเลย ตอนแรกก็อึ้งๆ อยู่ รีบอาบน้ำเก็บกระเป๋ากลับ สักพักตอนนั่งรถกลับมาก็นั่งเฉยๆ แต่รู้สึกตกใจมาก”
“กระดูกเบ้าตาแตก คุณหมอก็ผ่าตัดรักษาจากข้างใน มือแตก คุณหมอก็ผ่าตัดเสริมเหล็ก รักษาจากข้างในเหมือนกัน นอกจากได้รับการผ่าตัดแล้วก็ให้ยาสลายลิ่มเลือด แต่ว่าตอนนี้หยุดให้ยาไปแล้ว เพราะถ้าให้ยาสลายลิ่มเลือด เลือดจะไหลไม่หยุด ทำให้แผลไม่หาย ตอนนี้อาการโดยรวมดีขึ้น ลุกขึ้นได้แล้ว ทานข้าวได้แล้ว ตอนนี้ห่วงเรื่องสาเหตุที่ทำให้หน้ามืด เพราะว่าหมอบอกว่าไม่เกี่ยวกับโรคหัวใจ เป็นในส่วนของความดัน”
“แต่ท่านไม่ได้พักงานเลย นี่ก็ให้เอาคอมพิวเตอร์มาให้ ตอนนี้ต้องปิดตาอยู่ข้างหนึ่ง หมอบอกว่าให้พักสักเดือนได้ก็ยิ่งดี แต่ดูท่าทางท่านจะไม่ยอม ท่านอยากกลับบ้านแล้ว”
ขณะที่นางเอกสาว “แอฟ ทักษอร” และ “นก ฉัตรชัย” ได้บอกถึงความรู้สึกหลังเข้าไปเยี่ยมดูอาการของท่านมุ้ยว่า...
แอฟ : “ทราบข่าวเมื่อวานค่ะ ก็รู้สึกตกใจ แต่ไม่ทราบรายละเอียดว่าท่านเป็นอย่างไรบ้าง ตอนนี้อยากให้ท่านพักผ่อน เข้าไปเยี่ยมก็เห็นท่านดีขึ้นแล้ว ตอนนี้เห็นท่านทำงานแล้วเพราะเห็นมีการเรียกเข้าประชุม ก็ไม่รู้จะพูดอะไร แต่อยากให้ท่านพักผ่อนให้หายสนิทก่อน อยากให้พักเยอะๆ อย่างที่ทราบกันว่าท่านทำงานหนัก แม้กระทั่งตอนนี้ไม่สบายอยู่ก็ยังทำอยู่เลย เพราะว่าท่านห่วงงานอยากให้งานเสร็จทันกำหนด เข้าไปเยี่ยมท่านก็ไม่ได้พูดอะไร ท่านก็ได้แต่ทวงถามเรื่องคิวถ่าย แอฟก็บอกว่าได้เลยค่ะ ได้เสมอ ถ้าท่านหายจะได้กลับไปถ่ายกันเร็วๆ ก็ขอให้ท่านมุ้ยหายเร็วๆ ทีมงานทุกคน รวมทั้งลูกๆ หลานๆ เป็นกำลังใจให้ค่ะ”
นก ฉัตรชัย : “พอเข้าไปเยี่ยมก็ดูว่าสภาพจิตใจ สภาพร่างกายจะแข็งแรงขึ้นแล้ว เพราะเมื่อกี้ก็ยังเห็นท่านทรงนอนอยู่เลย แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงก็คงเป็นสิ่งที่กระทบกระทั่งในส่วนที่ได้รับบาดเจ็บมาจากการลื่นล้ม แต่จริงๆ ข้างในทั้งหมดก็เป็นปกติดี ท่านไม่ได้สั่งงานอะไร ถ้าผมมาหาท่าน จะเอางานมาให้ท่านมากกว่า ผมจะมาปรึกษาท่านมากกว่า เพราะหลายเรื่องก็ได้มาจากสิ่งที่ท่านสอนมา ทำให้เรามีประสบการณ์มากในวงการนี้”
“ก็เป็นห่วงครับ ทราบข่าวเมื่อประมาณสองวันที่แล้ว แต่ผมติดถ่ายละครที่หัวหิน พอดีวันนี้ว่างก็มีโอกาสมาเยี่ยม ก็เป็นห่วงครับ ไม่น่าจะมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น ปกติท่านก็แข็งแรงดี ตอนอยู่ในกองก็ยังสั่งงานได้ แต่พอกลับบ้านแล้วเกิดเหตุการณ์แบบนี้ก็ต้องระวังมากขึ้น อยากให้ท่านรักษาตัวให้มาก แล้วก็ระวังให้มากๆ หน่อย ก็ได้ถามท่านว่า เจ็บไหม ท่านก็บอกว่ายังเจ็บอยู่ เพราะตอนที่ผ่าฉีดยาชาอยู่ เลยไม่ทราบว่าเจ็บ ท่านก็ได้แต่บอกว่าไม่ต้องเป็นห่วงหรอก จริงๆ ตั้งแต่รู้จักท่านมา ท่านก็ทำงานมาโดยตลอด ถ้าเกิดท่านไม่ทำงาน คิดว่าท่านน่าจะเหงา เพราะงานคือชีวิตจิตใจของท่าน“
“เมื่อกี้ท่านฝากบอกมาถึงสื่อว่า ขอบคุณมากที่เป็นห่วง ท่านไม่ได้เป็นอะไร ขอบคุณ ไม่เป็นอะไรมากหรอก ไม่ต้องมานั่งเฝ้ากัน”