มีเดียฯโวย โดน “การ์ตูน” ต้มในรายการเรื่องไม่เคยมีผัว ขอโทษคนดูยันไม่เจตนาแหกตา

“มีเดียฯ” โวยลั่น โดน “การ์ตูน” แหกตาในรายการเรื่องไม่เคยแต่งงาน จนคนมองรวมหัวหลอกลวงประชาชน เผย อัดรายการไว้ตั้งแต่ต้นเดือนเม.ย. แต่ผู้จัดการส่วนตัวสาวการ์ตูนโทร.สารภาพก่อนแถลงข่าวในวันที่ 12 ไม่กี่ชั่วโมง อ้าง ส่งเทปไปให้ช่อง7 แล้วจึงแก้ไขไม่ทัน บอกเสียใจและฝากขอโทษ ยันไม่เจตนาต้มคนดู ก่อนเหน็บ ทีหลังควรจริงใจกับคำพูด ด้าน “ชาลอต” บอสมีเดียฯ ปัดยังไม่ได้ดูเทป พร้อมแจง รายการมีหน้าที่เสนอในสิ่งที่แขกรับเชิญพูด

หลังจากที่สาว “การ์ตูน อินทิรา เกตุวรสุนทร” เคยออกมาปฏิเสธข่าวลือเรื่องที่เคยแต่งงานมาแล้ว ก่อนจะจำนนด้วยหลักฐาน หลังมีภาพแต่งงานที่ถ่ายคู่กับเจ้าบ่าวที่ระบุชื่อ “หนึ่ง” หลุดออกมาประจาน จนสุดท้ายต้องออกมายอมรับในภายหลัง ว่า ที่ผ่านมาตนโกหก ก่อนจะอ้างเรื่องที่เกิดขึ้นผู้ใหญ่เป็นคนจัดการให้ ไม่ใช่ความเต็มใจ และไม่ได้แย่งสามีใครมา ซึ่งขัดแย้งกับคำให้สัมภาษณ์ของ “พิมพ์” ซึ่งเป็นภรรยาของหนึ่ง อดีตเจ้าบ่าวของการ์ตูน ที่ยืนยันว่า สาวการ์ตูนแย่งสามีไปแต่งงาน ทั้งที่ยังไม่เลิกกับตน งานนี้สาวการ์ตูนก็เลยถูกมองเป็นสาวขี้จุ๊ไปแบบเถียงไม่ออก

ล่าสุดก็เป็นเรื่องขึ้นมาอีกจนได้ เมื่อเจ้าตัวได้ไปให้สัมภาษณ์ในรายการ “ถอดรหัสใจ” ทางช่อง7 ซึ่งผลิตโดยบริษัทมีเดีย ออฟ มีเดียส์ ออกอากาศวันที่ 15 เม.ย. ที่ผ่านมา ปฏิเสธข่าวการแต่งงานว่าไม่เป็นความจริง ซ้ำทางรายการยังโชว์บัตรประชาชนที่ระบุคำนำหน้าว่า "นางสาว" เพื่อเป็นการการันตีความโสด สวนทางกับที่เจ้าตัวแถลงข่าวยอมรับการแต่งงานไปเมื่อวันที่ 13 เม.ย. 
 
ผลก็คือทั้งสาวการ์ตูนและรายการโดนถล่มร่วมกันหลอกลวงประชาชน ร้อนถึง “ภูริต อภินันท์ธรรม” โปรดิวเซอร์รายการ ต้องออกโรงปฏิเสธด้วยตัวเองว่า เทปรายการดังกล่าวได้ถูกบันทึกเทปล่วงหน้าก่อนที่การ์ตูนจะแถลงข่าว และทางทีมงานเองก็พึ่งรู้เรื่องจริงจากผู้จัดการส่วนตัวของดาราสาวก่อนวันแถลงข่าวเพียงไม่กี่ชั่วโมง และไม่สามารถแก้ไขได้ทันเพราะส่งช่องไปแล้ว เผยเสียใจที่โดนหลอก ยันไม่ได้ตั้งใจต้มคนดู

“จริงๆ ที่ติดต่อไปเราอยากสัมภาษณ์เรื่องรักครั้งใหม่กับโดม ที่ทำให้น้องเครียดจนเข้าโรงพยาบาล แล้วเรื่องข่าว(เคยแต่งงาน)ก็เป็นแค่คำถามโปรยๆ เราก็บอกว่าขอถามเรื่องนี้ด้วยนะ เพราะมันเป็นประเด็นอยู่จะไม่ถามเลยไม่ได้ แต่สคริปทั้งหมดทางน้องและผู้จัดการก็ได้เห็นก่อนจะอัดรายการแล้ว ว่าเราจะคุยเรื่องอะไรบ้าง แล้ววันที่อัดรายการในห้องแต่งตัวเราก็เอาสคริปไปให้ดู แล้วก็บอกว่าเราจะถามเรื่องนี้ด้วยนะ แล้วผู้จัดการส่วนตัวก็เลยบอกว่าถ้าอย่างนั้นอย่าถามเรื่องนี้เรื่องเดียว ให้ถามเรื่องอื่นด้วย เพราะไม่อย่างนั้นมันจะดูเพ่งประเด็นเกินไป ดูจะเฉพาะเจาะจงเกินไป เราก็เลยถามเรื่องทอม-ดี้ เรื่องโดมซื้อคอนโดให้ด้วย ถามหลายๆ เรื่อง จะได้ครอบคลุมประเด็นไปเลย เจอกันครึ่งทางเขาก็เลยยอม ซึ่งน้องก็ปฏิเสธมาก็จบแค่นั้นไม่มีการถามต่อ”

“รายการนี้อัดไว้ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย. ทางทีมงานได้ทราบเรื่องนี้ก่อนที่น้องจะออกมาแถลงข่าวในวันที่ 12 ก่อนที่เขาเลื่อนแถลงเป็นวันที่ 13 เพราะติดม็อบใช่มั้ยครับ คือผู้จัดการส่วนตัวเป็นคนโทร.มาบอก แล้วเราส่งเทปวันที่ 11 เพราะเป็นวันหยุดยาวก็เลยต้องส่งเทปล่วงหน้า แล้วรายการเรามันต้องออนแอร์วันที่ 15 พอทราบเรื่องทางทีมงานก็ปรึกษาผู้ใหญ่ทางช่อง 7 เหมือนกัน แล้วทางช่องก็ได้พิจารณาแล้ว ว่าเนื้อหารายการเราคุยเรื่องความเครียดที่เกิดขึ้นกับน้อง หลังมีข่าวกับโดม แล้วเราก็นำเสนอว่าควรจะรักยังไง เนื้อหาเสนอไปแนวทางนั้นมากกว่า ผู้ใหญ่ก็เลยปล่อยผ่าน แล้วทางน้องเองก็คงยั้งไว้ไม่ได้ เพราะภาพมันขึ้นหน้าหนึ่งหนังสือบันเทิงขนาดนั้น น้องก็คงจะเลื่อนแถลงไปวันที่ 16 หลังรายการออกก็คงไม่ได้ เพราะมันก็เป็นประเด็นร้อนที่ต้องตอบแล้ว”

“วันที่ผู้จัดการน้องโทรมาบอกกับทีมงาน เขาก็บอกอย่างที่ให้สัมภาษณ์กับนักข่าวน่ะแหละ ว่าผู้ใหญ่เป็นคนจัดการให้ พอเขาโทร.มาเราก็เลยถามเขาว่า แล้วทำไมวันนั้นถึงพูดแบบนั้น ซึ่งเขาก็พยายามพูดให้ทางทีมงานเข้าใจนะครับว่า มันเป็นข่าวในอดีตเป็นเรื่องเก่า เป็นเรื่องของผู้ใหญ่ และอยากให้เราทำความเข้าใจกับน้องด้วยว่า คงจะเป็นความจำเป็นของน้องเขาที่ต้องตอบไปแบบนั้นหรือเปล่า พอรู้เรื่องก็ปรึกษากับผู้ใหญ่ทางมีเดียว่าจะทำยังไงดี แต่ก็อย่างที่บอกไปว่ามันเป็นช่วงหยุดยาว และมีม็อบอีก เทปก็ส่งไปแล้ว คือเรื่องที่เกิดขึ้นทางเราก็ตกใจเหมือนกัน ก็เสียใจ แต่ก็เชื่อว่าน้องเขาก็คงเสียใจเหมือนกันที่ได้พูดออกไปในรายการ”

“ที่ไม่ได้มีการเช็คข้อมูลก่อน ก็เพราะว่าน้องเองก็ปฏิเสธข่าวนี้อย่างที่ทราบกัน แล้วเราก็เห็นว่ามันเป็นคำถามน้ำจิ้มตอนเปิดรายการมากกว่า แล้วเราก็ไม่ได้เอะใจ ก็เลยปล่อยผ่านไปเพราะถามแค่คำถามเดียวด้วยซ้ำ ไปดูเทปได้เลยว่าตกลงแต่งหรือยัง น้องบอกว่ายังไม่ได้แต่งค่ะ ก็จบเลยไม่ได้มีการเจาะต่อ ทุกคนก็ได้ยินพร้อมกันว่ายังไม่ได้แต่งงาน เราก็เลยไม่ได้เอะใจเพราะทราบจากข่าวน้องก็ปฏิเสธเหมือนกัน”

ยันไม่ได้มีเจตนาต้มคนดู แต่ที่ต้องปล่อยเทปออกอากาศก็เพราะว่าแก้ไขไม่ทัน เนื่องจากเวลากระชั้นชิด อีกทั้งปรึกษาผู้ใหญ่ทางช่องแล้ว เห็นว่าประเด็นหลักของรายการอยู่ที่การนำเสนอเรื่องราวความรักของสาวการ์ตูนกับหนุ่มโดม
“ถ้าเราคุยเรื่องข่าวนั้นอย่างเดียวทั้งรายการสิถึงจะเรียกว่าต้มคนดู แต่นี่ถามแค่คำถามเดียว เหมือนถามว่าสบายดีมั้ยแค่นั้นเอง แต่นี่อย่างที่บอกว่าประเด็นที่คุยในรายการ เราคุยเรื่องความรักกับโดมเป็นหลัก และรักยังไงให้หมดความกังวลใจ เพราะจะเห็นว่าเราไปสัมภาษณ์อารองกับแม่ทุม เค้ามูลคดี และสัมภาษณ์แม่ชีศันสนีย์ เสถียรสุต ถึงแง่คิดเรื่องความรัก ไม่ได้คุยเรื่องความรักกับแฟนเก่า ก็อยากให้ผู้ชมเข้าใจว่าประเด็นเราอยู่ที่ตรงนั้น แต่ในกรณีนี้ก็ถือว่าเป็นความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของตัวน้องเอง และรายการด้วยเหมือนกัน ก็รู้สึกเสียใจที่มีเหตุการณ์นี้เกิดขึ้น”

“เรื่องความน่าเชื่อถือของทางรายการ คงไม่มีปัญหาหรอกครับ เพราะไม่อย่างนั้นทุกช่องหรือข่าวที่ออกไปตามที่น้องให้สัมภาษณ์ไปก็ต้องหมดความน่าเชื่อถือหมดใช่มั้ยครับ เพราะจริงๆ ทีมงานเราก็รู้พร้อมกันกับคนอื่นๆ เพียงแต่รู้ก่อนคนอื่นๆ ไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้นเอง”

“จริงๆ เราก็คุยกันมาจะตัดเนื้อรายการช่วงนี้ออกมั้ย เพราะมันก็จะทำให้รายการหายไป 1 นาที แต่ความจำเป็นก็อย่างที่ทราบว่าเราส่งเทปไปแล้ว การที่จะดำเนินการหรือแก้ไขอะไรก็ค่อนข้างมีปัญหาเหมือนกัน แต่ก็เข้าใจแหละว่าน้องอาจจะจำนนด้วยหลักฐานในตอนนั้น ตอนแรกก็เลยยังปฏิเสธอยู่ และทุกคนก็เชื่อในสิ่งที่น้องพูด คือมันเป็นความจริงใจที่เรามีต่อกัน เราก็มีการเช็คข้อมูล อย่างเรื่องที่เกี่ยวกับโดมน้องก็พูดให้เท่าที่พูดได้ น้องก็ให้ใจเรามาในการตอบคำถามเรื่องโดมค่อนข้างเยอะ เราก็เลยไม่คิดว่าประเด็นนี้น้องจะปิดบัง หรือซ่อนอะไรไว้”

“แต่จริงๆ มันก็เป็นเรื่องยากนะ ถ้าจะมายอมรับในรายการโป๊ะเลย ว่าเคยแต่งงานแล้วค่ะอะไรแบบนี้ มันก็คงเป็นเรื่องยากอยู่เหมือนกัน ช่วงที่ถามน้องก็คงพะอืดพะอมอยู่เหมือนกันในเรื่องที่จะต้องตอบ”

“ทางอื่นก็ไม่มีเทปสต็อก เพราะนั่นเป็นเทปแรกของรายการ และเราถ่ายทำไว้แค่เทปเดียวด้วย จริงๆ เราก็เคยคิดนะว่าจะไปเก็บภาพเพิ่มแล้วเอามาใส่ในรายการ ให้เป็นลักษณะน้องสารภาพบาป แต่ถ้าไปถ่ายวันที่ 12 ที่น้องแถลงแล้ววันที่ 13 มันวันหยุดพอดีเลยครับ แล้วขั้นตอนการตัดต่อการลงเทปก็ค่อนข้างใช้เวลา เพราะถ้าทำไม่ทันก็จะไม่มีรายการออก ก็ยิ่งจะเป็นปัญหาใหญ่ อยากขอความเห็นใจด้วย ทีนี้ก็คงจะต้องละเอียดมากขึ้น”

เผย ฟีดแบคหลังรายการออกอากาศไป ทุกคนพุ่งประเด็นไปที่สาวการ์ตูนมากกว่าติเตียนรายการ ก่อนเหน็บ รายการทำหน้าที่สื่อมวลชนในการถามคำถาม ส่วนแขกรับเชิญก็ควรจะจริงใจในการตอบด้วย เจ้าตัวยอมรับครั้งนี้ทำให้ต้องรอบคอบในการทำงานมากขึ้น
“ฟีดแบคจริงๆ ไม่ได้มาจากรายการโดยตรง แต่น่าจะไปตกที่น้อง เพราะเท่าที่มีคนพูดถึงก็คือทุกคนจะบอกว่า ทำไมน้องพูดแบบนั้นในรายการ เพราะเราก็ทำหน้าที่สื่อมวลชนในการถาม แต่ก็อยากให้ดูที่ผู้ตอบด้วย ซึ่งน้องก็ต้องรับผิดชอบกับสิ่งที่เขาตอบใช่มั้ยครับ การตอบคำถามเป็นเรื่องที่ผูกมัดตัวเอง ซึ่งก็มีคนถามเรามาเหมือนกัน เราก็อธิบายไปว่าน้องอาจจะอยู่ในภาวะที่ยังไม่พร้อมหรือเปล่า ก็เลยต้องหาทางออกแบบนั้น เพราะเรื่องนี้เขาปิดมานานมากนะ แต่ถ้าจะมีผลกระทบกับรายการบ้างเราก็พร้อมจะยอมรับ แต่ก็อยากขอความเห็นใจว่ามันเป็นช่วงจังหวะที่มันแก้ไขอะไรไม่ได้จริงๆ”

“เรื่องนี้ถ้ามองอย่างเป็นกลาง มันเป็นความจำเป็นของแต่ละคน น้องเองก็คงไม่พร้อมจริงๆ ทางทีมงานก็ทราบก่อนไม่กี่ชั่วโมง และแก้ไขอะไรไม่ได้จริงๆ ทุกคนก็อยู่ในภาวะที่ต้องปล่อยไป แล้วน้องเองก็คงไม่ได้ตั้งใจจะแถลงวันที่ 12 เพราะเราบอกไปแล้วว่าจะออนแอร์วันที่ 15 แล้วเราก็ถ่ายรายการตั้งแต่วันที่ 1 ซึ่งก็เป็นเหตุการณ์ประชิดตัว ที่ต้องออกมาแถลงข่าวตอนนั้น ก็คงไม่โทษใคร แต่ทีมงานก็เสียใจนะที่เกิดเหตุการณ์แบบนี้”

“ก็ทำให้ต้องรอบคอบมากขึ้น จริงๆ ก็อยู่ที่ดารานักแสดงด้วยเหมือนกัน ก็อยากให้เขาจริงใจในสิ่งที่พูด เพราะเราก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะเราก็เชื่อเขาไงครับ(หัวเราะ) ซึ่งทางทีมงานก็ต้องขออภัยในความผิดพลาดที่เกิดขึ้น แต่ยืนยันว่าเราไม่ได้ตั้งใจหรือรู้มาก่อน ก็เสียใจ แต่เรามีเจตนาดีในการทำรายการ แต่ในการทำงานก็จะรัดกุมให้มากขึ้น”

ด้าน “ชาลอต โทณวณิก” บอสใหญ่มีเดีย ออฟ มีเดียส์ ปัดยังไม่ได้ดูเทปรายการ แต่ออกตัวมีหน้าที่เสนอในสิ่งที่แขกรับเชิญพูดเท่านั้น ส่วนที่ถูกมองว่าเป็นเจ้าของรายการมีอำนาจสั่งการให้ระงับหรือแก้ไขเทปรายการได้ แต่ทำไมถึงยังปล่อยให้ออกอากาศ บิ๊กบอสแจงว่า เนื่องจากเวลากระชั้นชิด อีกทั้งยังมีม็อบเสื้อแดงป่วนเมือง ทำให้การแก้ไขติดขัด
“เรื่องฟีดแบคพี่ยังไม่ทราบเลย แต่เทปนี้อัดไว้สักเป็นเดือนแล้วนะคะ ทีนี้เราก็คงเพิ่งมาทราบนะคะ อันนี้เราก็สัมภาษณ์ไป แล้วก็คงต้องให้เกียรติกับผู้ที่ถูกสัมภาษณ์ แต่ในส่วนตอนหลังถ้ามาพบว่า เขาออกมาพูดอะไรทีหลัง อันนั้นเนี่ยเราคงจะเข้าไปรับผิดชอบอะไรตรงนี้ไม่ได้นะคะ คือ ณ ตอนนั้นหมายถึงว่าเราเสนอในสิ่งที่เขาได้พูดมา แต่ประเด็นนี้พี่ก็ยังไม่ได้ดูเทปเลย เขาให้มาแล้วแต่พี่ก็ยังไม่ได้ดูเทปเลย”

“การจะแก้ไขเทปนั้น คือจริงๆ พี่ไม่ทราบว่าน้องเขาให้สัมภาษณ์วันที่เท่าไหร่ และพอดีตัวเทปพี่ก็ยังไม่ได้ดูก่อน แล้วเหตุการณ์ช่วงที่น้องเขาให้สัมภาษณ์มันก็คงเป็นช่วงที่บ้านเมืองกำลังยุ่งๆ น่ะค่ะ วันนั้นกว่าจะทราบข่าวอีกทีก็คือตอนเช้าของวันที่จะออนแอร์ เรื่องฟีดแบคนี่พี่ยังไม่ทราบเลย เพราะพี่ก็ไม่ได้อยู่ออฟฟิศเลย (ถึงจะทราบก่อนวันแถลงไม่กี่ชั่วโมง แต่พอรู้แล้วไม่มีการแก้ไขเทป กลัวคนจะมองว่ารายการหละหลวมหรือจงใจปกปิดหรือเปล่า?) อันนั้นพี่ไม่ทราบว่าจะคิดยังไงนะคะ เพราะว่าพอดีเรายังไม่ได้เช็คอะไรให้มันเรียบร้อยเลยนะคะ พี่ก็เพิ่งเข้ามาทำงานวันนี้เหมือนกัน”