xs
xsm
sm
md
lg

"ไอติม" หลานนายกฯ บนเส้นทางสายบันเทิง?

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ภาพจาก สุดสัปดาห์ 16 มีนาคม 2552
เป็นที่สนใจของสื่อมวลชนและคนรอบข้างไม่น้อยทีเดียวสำหรับหนุ่มวัย 16 "ไอติม พริษฐ์ วัชรสินธุ" หลานชายนายกรัฐมนตรี "อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ" หลังเจ้าตัวเดินทางไปทำเนียบเคียงคู่กับน้าชายเมื่อวันที่ 6 มกราคม กระทั่งเป็นที่ฮือฮาขึ้นมา

เพราะนอกจากจะมีฐานะเป็นหลานชายแท้ๆ ของนายกฯ คนปัจจุบันแล้ว คุณสมบัติทางด้านรูปร่างหน้าตา รวมทั้งการศึกษาต้องบอกว่าเขา "ดูดี" ไม่แพ้น้าชายแต่อย่างใด
ไอติม เป็นลูกชายของคนที่สองของ ศ.นพ.สุทธิพงศ์ วัชรสินธุ และ ศ.พญ.อลิสา วัชรสุนธุพี่สาวของนายอภิสิทธิ์ เวชาชีวะ ปัจจุบันเจ้าตัวได้ทุน King’s Scholarship ไปเรียนอยู่ที่ Eton College โรงเรียนมัธยมชื่อดังในอังกฤษ และเพราะถูกโฟกัสไปที่ความ หล่อ-ดูดี เสียเป็นส่วนใหญ่ ทำให้(สาวๆ) หลายๆ คนคงอดที่จะสงสัยไม่ได้ว่าเจ้าตัวมีความสนใจที่จะเดินทางเข้าสู่ถนนสายบันเทิงมากน้อยเพียงใด?

ซึ่งเจ้าตัวได้บอกกล่าวถึงเรื่องนี้ผ่านบทสัมภาษณ์ (ร่วมกับพี่ชาย "อะตอม" )ในนิตยสาร "สุดสัปดาห์" เดือนมีนาคม 2552 หลังกลับมาเมืองไทยครั้งล่าสุดว่า...

"ผมว่าการเป็นนักแสดงไม่ได้ใช้แค่หน้าตาอย่างเดียว ต้องมีความสามารถด้วย บอกเลยว่าผมเล่นละครไม่เป็น ถ้าชวนอาจจะขอคิดดูก่อน แต่พอคิดดีๆ แล้วคงไม่"

ส่วนเรื่องของการเป็นนักร้องนั้นเจ้าตัวบอกว่า
"ผมร้องเพลงไม่เป็นครับ การร้องเพลง ไม่ใช่ความสามารถของผม ถ้าให้ผมร้องเพลงนอกจากผมจะไม่เอนจอยแล้ว คนอื่นก็จะไม่เอนจอยด้วย"

หนุ่มวัย 16 ยอมรับว่าหลังจากเป็นที่รู้จักขึ้นมาเมื่อครั้งไปที่ทำเนียบกับน้าชายก็ได้รับเสียงวิพากษ์วิจารณ์กลับมาไม่น้อย ทั้งเสียงชมและเสียงตำหนิติติงของบางคนที่ว่าทำเนียบไม่ใช่สนามเด็กเล่นจะไปทำไม?
"ที่ชมว่าหล่อผมขอบคุณมากๆ (ยิ้ม) แต่ก็มีในเว็บไซต์ที่เขียนว่า ไปทำไมทำเนียบ ไม่ใช่สนามเด็กเล่นนะ ผมก็ไม่ได้คิดว่าเป็นสนามเด็กเล่น อยากบอกว่ามันเป็นโครงการของทางโรงเรียน บางคนบอกว่า อยากดังก็ไปทำอย่างอื่น ผมไม่ได้อยากดัง ผมไม่ได้ขอให้เขาเอาไปออก"

"บางคนบอกว่าเป็นลูกเมียเก็บคุณอภิสิทธิ์หรือเปล่า ทำไมหน้าเหมือนกันจัง อีกคนบอก อย่าหนีทหารเหมือนน้าแล้วกัน เรื่องหนีทหาร ถ้าศึกษาดูดีๆ มันมีหลักฐานอยู่แล้วว่าไม่ได้หนี เขาไปเป็นครูที่โรงเรียนนายร้อย จปร. ทาง ก.พ.ซึ่งดูแลเด็กไทยที่ไปเรียนที่อังกฤษก็มีเอกสารออกมายืนยันว่าไม่ได้หนี"

"และเรื่องนี้ก็จบแล้ว ถ้าถึงเวลาเกณฑ์ทหารผมจะมาเกณฑ์ ไม่หนีอยู่แล้ว พวกที่บอกว่าผมอยากดังช่วยเอาเวลาไปทำอย่างอื่นดีกว่า"

ในขณะที่การได้เข้าเรียนที่ Eton สำหรับคนส่วนใหญ่ต้องถือว่าไม่ธรรมดา ทว่าสำหรับไอติมแล้วเจ้าตัวมองว่าขอให้มีความพยายามก็น่าจะทำได้
"ผมว่าจริงๆ ไม่ได้ยากเหมือนที่คิด สำหรับ Eton College เราต้องสอบเข้าตอนอายุ 11 ก่อน แล้วค่อยไปสอบอีกทีตอนอายุ 13 แต่เนื่องจากคนไทยส่วนใหญ่ยังไม่ค่อยรู้ว่าเขาคัดเลือกเด็กและสอบตอนอายุ 11 ก่อน เลยทำให้สอบเข้าตอนอายุ 13 ไม่ค่อยได้ นอกจากจะสอบชิงทุนซึ่งจะยากกว่า ผมว่าถ้ามีโอกาสได้สอบตอนอายุ 11 ก็น่าจะเข้ากันได้ ไม่คิดว่าเกินความสามารถของเด็กไทย ที่เป็นปัญหาอย่างเดียวคือภาษาเท่านั้น"

"ถ้าเป็นสอบชิงทุนเขาจะคัดเอาแต่เด็กเก่งๆ ของเพร็ปสกูลทั่วอังกฤษมาสอบ ยกตัวอย่าง Summer Fields School เขาเป็นโรงเรียนดังและเก่ง ก็จะส่งเด็กมา 3 - 4 คน แต่ถ้าเป็นโรงเรียนอื่นจะส่งมาสัก 1 - 2 คน เป็นเด็กที่ทางโรงเรียนคิดว่าเก่งและมีสิทธิ์สอบเข้าได้ กรณีของผมครูไม่ได้ส่งไป เพราะที่ Shrewsbury มีถึงเยียร์ 13 ไม่เหมือนโรงเรียนที่อังกฤษ"

"คือถ้าจบจากโรงเรียนนั้นแล้วต้องไปเรียนโรงเรียนอื่น ของผมถ้าสอบเข้าไม่ได้ ผมก็เรียนต่อที่เดิมได้ถึงปีสุดท้าย"

สำหรับคำถามไปไกลที่ว่าเจ้าตัวอยากจะลงเล่นการเมือง อยากจะเป็นนายกฯ เหมือนกับน้าชายหรือไม่? เรื่องนี้ไอติมบอกว่า...
"บางคนอยากเล่นการเมืองเพราะอยากดัง อยากมีอำนาจ บางคนอยากมีลิ่วล้อ แต่ผมไม่ได้อยากได้ตรงนั้น ผมแค่อยากพัฒนาประเทศให้สู้กับประเทศอื่นๆ ได้ ผมเรียนที่อังกฤษ ผมก็อยากให้ประเทศไทยเจริญพอๆ กับเขาหรือมากกว่า อีกอย่างผมอยากช่วยเหลือคน แต่พอลงเล่นการเมืองเรารู้อยู่แล้วว่าต้องมีคนชอบส่วนหนึ่งและเกลียดส่วนหนึ่ง ถามว่าเกลียดหรือกลัวอะไรไหม...อย่างการขุดคุ้ยผมไม่กลัว เพราะผมคิดว่าผมไม่มีอะไรให้ขุดได้"

"นายกฯ เป็นตำแหน่งสูงสุดทางการเมือง แต่มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับผม มันขึ้นกับประชาชน ไม่ใช่ว่าเราอยากจะเป็นแล้วจะได้เป็น จริงๆ ปีหน้าผมจะเลือกวิชาเรียนแล้ว ครูเขาให้คิดง่ายๆ ว่า ถ้าอยากเรียนอะไรให้เราคิดย้อนกลับ"

"เนื่องจากพ่อแม่ผมเป็นหมอ ผมก็เห็นว่าไม่มีวันตกงาน คนให้การเคารพ ได้ช่วยเหลือคน ตอนแรกคิดว่าจะเป็นหมอดีหรือเปล่า แต่เนื่องจากผมไม่ได้สนใจมาก เลยลองมาฝึกงานที่ทำเนียบ เคยสังเกตตัวเองเวลาดูข่าว ผมสนใจข่าวการเมืองมากกว่าข่าววิทยาศาสตร์ หรือข่าวบันเทิง"

"เป้าหมายของการเป็นนักการเมืองคือ ได้ช่วยเหลือคนและยังทำให้เรามีความสุขด้วย และเนื่องจากอีตันเป็นโรงเรียนที่มีศิษย์เก่าเป็นนายกฯ มาแล้วเกือบ 20 คน ผมคิดว่าโรงเรียนนี้จะสามารถช่วยได้ เลยคิดว่าจะเรียนต่อที่ออกซฟอร์ด คณะ PPE (Philophy, Politics, and Economics) หรือปรัชญาการเมืองและเศรษฐศาสตร์"

"คิดว่าเป็นคอร์สที่น่าสนใจ แต่ระดับที่ผมเรียนอยู่ยังไม่มีให้เรียนเศรษฐศาสตร์และการเมือง ปีหน้าถึงเลือกได้ แต่ตอนนี้ก็ได้เรียนเกี่ยวกับปรัชญาการเมืองอยู่นิดหน่อย ได้เรียนเรื่องประวัติศาสตร์บ้าง เพราะที่อังกฤษเรื่องประวัติศาสตร์จะเชื่อมกับเรื่องของการเมืองอยู่แล้ว แล้วก็เขียนเรียงความทุกวัน ครูบอกว่าคะแนนของผมใช้ได้ คณะที่ผมจะเข้าครูบอกว่าเข้ายาก แต่ดีมากๆ"

จากคำถามไกลตัวเกี่ยวกับการเมืองมาถึงคำถามใกล้ตัวที่ว่า...ชอบอั้ม พัชราภาไหม? เจ้าตัวหัวเราะแล้วตอบว่า...ไม่ได้เครซี่ แต่เขาโอเคนะ...ก่อนจะพูดถึงสาวในสเป็คว่า...

"คนในโลกมี 6 พันล้านคน ผมไม่สามารถบอกได้ว่าเราชอบแบบนั้นแบบนี้ เพราะผู้หญิงไม่ใช่อาหาร หรือเครื่องใช้ไฟฟ้า"

ก็คงจะต้องรอดูกันต่อไปว่าอนาคตของหนุ่มวัย 16 คารมคมคายคนนี้จะเป็นเช่นไรต่อไป?
ภาพจาก สุดสัปดาห์ 16 มีนาคม 2552


กำลังโหลดความคิดเห็น