xs
xsm
sm
md
lg

15 หนังทำเงินถล่มโลกปี 2008

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

แม้สุดท้ายจะทำลายสถิติรายได้รวมที่หนังยักษ์แห่งปี 2007 ทำเอาไว้ไม่ได้ เพราะบรรดาหนังแม่เหล็กหลายเรื่องเลือกที่จะเลื่อนมาฉายในปีนี้แทน (Harry Potter ภาค 6, กำเนิด Dragonball Evolution, การเกิดใหม่ของ Star Trek) แต่ผลงานหนังยักษ์แห่งปี 2008 ที่ผ่านมาก็มีด้วยกันหลายเรื่องทำเงินได้เกินคาด จนทำรายได้รวมในสหรัฐฯในปีที่เศรษฐกิจตกต่ำไปได้ถึง 9.63 พันล้านเหรียญจนเกือบจะทำลายสถิติของฮอลลีวูดแค่นิดเดียว

ยังเป็นอีกปีที่หนังภาคต่อยังครองตารางหนังทำเงิน เมื่อมีด้วยกัน 6 จาก 15 เรื่องที่เป็นการนำตัวละครเก่ามาเล่าใหม่ และน่าสังเกตว่ายังเป็นการเปิดตัวของหนังที่กำลังจะ(หรือเกือบจะ)เป็นหนังภาคต่ออยู่หลายๆ เรื่องเช่นกัน

(รายได้หน่วยเป็นล้านเหรียญสหรัฐฯ)

15. Dr. Seuss' Horton Hears a Who!
รายได้ทั่วโลก: 297
ในสหรัฐฯ: 154.5
ทุนสร้าง: 85
อันดับรายได้สูงสุดตลอดกาล 200

เป็นอีกปีที่หนังแอนิเมชั่นเข้ามาอยู่ใน 15 อันดับหนังทำเงินแห่งปีถึง 4 เรื่องเหมือนกับปี 2006 ที่มี Ice Age: The Meltdown ของ Fox ครองความยิ่งใหญ่ฝ่ายแอนิเมชั่นของปีนี้ ส่วนปีที่ผ่านมา Dr. Seuss' Horton Hears a Who! ผลงานชูโรงของ Fox ที่ได้ทีมพากย์เป็นดาวโจ๊ก อย่าง จิม แคร์รี และ สตีฟ คาร์เรล กับผลงานดัดแปลงล่าสุดของ Dr. Seuss ที่แฝงไปด้วยปรัชญา แต่ทำออกมาไม่เต็มที่นัก เมื่อรวมกับหน้าหนังที่พอจะขายได้แซงหนังหลายๆ เรื่องเข้ามาอยู่ที่อันดับ 15 ในที่สุด

14. Twilight
รายได้ทั่วโลก: 324.3
ในสหรัฐฯ: 184.6
ทุนสร้าง: 37
อันดับรายได้สูงสุดตลอดกาล 187

ถ้าปี 2007 คือปีของ เจ.เค. โรว์ลิง ปี 2008 ก็ต้องเป็นของนักเขียนสาว สเตฟานี เมเยอร์ อย่างแท้จริง เพราะขณะที่ซีรีส์แวมไพร์วัยรุ่นเล่มที่ 4 กำลังขายได้เทน้ำเทท่าแล้ว (ฉบับแปล 3 เล่มของไทยก็พิมพ์แล้วพิมพ์อีกในปีที่ผ่านมา) ผลงานเปิดตัวฉบับภาพยนตร์ครั้งแรกก็กลายเป็นปรากฏการณ์ภาพยนตร์ช่วงปลายปีของสหรัฐฯ ไปแบบเกินคาดของหลายๆ ฝ่าย จนกลายเป็นหนังทำเงินสูงสุดของสหรัฐฯ อันดับที่ 7 ในปีที่ผ่านมาด้วยทุนสร้างหยิบมือเพียง 37 ล้านเหรียญ ขณะที่การทำรายได้รอบโลกโดยเฉพาะในยุโรปเพิ่งจะเริ่มต้นเท่านั้น และเป็นสัญญาณดีสำหรับแฟนๆ แวมไพร์(โดยเฉพาะสาวๆ)ที่จะรอชมภาคใหม่ที่จะออกฉายปลายปีนี้ด้วย

13. Wanted
รายได้ทั่วโลก: 342.2
ในสหรัฐฯ: 134.5
ทุนสร้าง: 75
อันดับรายได้สูงสุดตลอดกาล 155

การกลับมาเล่นหนังแอ็คชั่นในรอบหลายปีของ แองเจลินา โจลี (ให้หลัง Mr. & Mrs. Smith 3 ปี)ดูจะไปได้ดีกับเธอ เมื่อ Wanted ได้กลายเป็นหนึ่งในโปรแกรมฮิตของปี และเมื่อรวมตัวเลขรายได้ของหนัง 3 เรื่องในปีนี้ที่เธอมีเอี่ยว (Changeling และพากย์เสียงใน Kung Fu Panda) ก็ทำให้เธอกลายเป็นนักแสดงที่ทำเงินจากหนังได้เกินพันล้านไปอย่างไม่มีใครคิด และอาจจะทำให้เจ้าตัวไปคิดเรื่องเตรียมหันหลังให้กับวงการเสียใหม่ก็ได้

12. The Mummy: Tomb of the Dragon Emperor
รายได้ทั่วโลก: 393.9
ในสหรัฐฯ: 102.5
ทุนสร้าง: 145
อันดับรายได้สูงสุดตลอดกาล 106

อาศัยชื่อเสียงเก่าๆ พาตัวเข้ามาอยู่ในชาร์ตแห่งปีแบบมึนๆ สำหรับภาค 3 ของตำนานมัมมี่ หลังจากฝังดินไปแล้วกว่า 6 ปี แต่การกลับมาปัดฝุ่นครั้งนี้ไม่เวิร์คอย่างที่คาด เพราะนอกจากรายได้รวมของการฉายรอบโลกจะน้อยที่สุดจากทุกภาคแล้ว (The Mummy ทำได้ 416 ล้านเหรียญในปี 1999 The Mummy Returns ทำได้ 433 ล้านเหรียญ ในปี 2001) รายได้ในสหรัฐฯของภาคนี้ก็แซงหน้าภาคพิเศษ The Scorpion King ที่ทำได้ 91 ล้านเหรียญ เมื่อปี 2002 ไปเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

11. Sex and the City
รายได้ทั่วโลก: 415.1
ในสหรัฐฯ: 152.6
ทุนสร้าง: 65
อันดับรายได้สูงสุดตลอดกาล 100

การกลับมารวมตัวกันอีกครั้งของ 4 สาวจาก Sex and the City ในฉบับจอเงินหลังจากตัวซีรีส์หยุดสร้างไปตั้งแต่ปี 2004 แต่พิสูจน์ได้ว่าเพียง 6 ซีซั่นยังน้อยไปสำหรับบรรดาสาวกสาวๆ ที่ออกมาช่วยกันแสดงพลังหญิงอุดหนุนผลงานเรื่องนี้ จนกลายเป็นโปรแกรมคืนกำไรสุดคุ้ม(ของค่ายหนัง)แห่งปีอีกเรื่อง

10. The Chronicles of Narnia: Prince Caspian
รายได้ทั่วโลก: 419.6
ในสหรัฐฯ: 141.6
ทุนสร้าง: 200
อันดับรายได้สูงสุดตลอดกาล 98

ในภาคต่อของของนาเนียร์ทุกอย่างเติบโตหมด ยกเว้นอย่างเดียว(และสำคัญที่สุด)คือรายได้หนัง โดยเฉพาะรายได้ 141.6 ล้านเหรียญ ที่ทำได้ในสหรัฐฯ นั้นห่างไกลทุนสร้างสุดเวอร์และมโหฬารที่สุดของปีเท่ากับ 007 ที่ 200 ล้านเหรียญ อยู่ไกลโข และแม้จะคืนฟอร์มในการฉายรอบโลกจนเก็บเงินได้ทั้งหมด 419.6 ล้านเหรียญ แต่ก็เทียบไม่ได้กับกระแสของภาคแรก The Lion, the Witch and the Wardrobe ที่ทำได้ถึง 745 ล้านเหรียญ จนทำให้ทาง Disney แสดงความภักดีต่อบทประพันธ์ด้วยการลอยแพภาคต่ออย่าง The Voyage of the Dawn Treader ให้หลุดพ้นไปจากภาระของตน ส่งผลให้ทางผู้สร้างอย่างบริษัท Walden Media ไปเจรจาต่อทาง Fox เพื่อหาที่อยู่ใหม่ให้กับฉบับภาพยนตร์ของวรรณกรรมคลาสสิกเรื่องนี้

9. WALL-E
รายได้ทั่วโลก: 531
ในสหรัฐฯ: 223.8
ทุนสร้าง: 180
อันดับรายได้สูงสุดตลอดกาล 57

คงไม่มีใครปฎิเสธความยอดเยี่ยมของ WALL-E ในฐานะเต็งหนึ่งที่จะคว้าออสการ์ 2 ปีซ้อนให้กับค่าย Pixar แต่ก็เป็นอีกปีที่การทำรายได้รอบโลกภายใต้การจัดจำหน่ายโดย Disney ทำให้ตัวเลขสวนทางมากกว่าที่ควรจะเป็นเมื่อเทียบรายได้ที่ทำในสหรัฐฯ เพราะ WALL-E คือผลงานแอนิเมชั่นที่ทำรายได้สูงสุดของปีนี้ในสหรัฐฯ (เช่นเดียวกับที่ Cars แซงหน้า Ice Age: The Meltdown เมื่อปี 2006) แต่เมื่อรวมกับรายได้จากรอบโลกแล้ว ผลงานของ Pixar ก็ต้องถูกฉุดลงมาเป็นเบอร์ 3 แอนิเมชั่นทำเงินแห่งปีอย่างไม่ควรจะเป็น

8. Quantum of Solace
รายได้ทั่วโลก: 552.4
ในสหรัฐฯ: 168.1
ทุนสร้าง: 200
อันดับรายได้สูงสุดตลอดกาล 51

ความยอดเยี่ยมของ Casino Royale เมื่อออกสู่สายตาแฟนหนังเมื่อ 2 ปีก่อน มีผลอย่างมากสำหรับการเปิดตัวอย่างร้อนแรงของการกลับมาสวมบท 007 อีกครั้งของ แดเนียล เคร็ก แต่ความมันที่ลดลงอย่างเห็นได้ชัดส่งให้ความต่อเนื่องในการทำเงินระยะยาวลดดีกรีลงไปด้วย ซึ่งการออกฉายช้ากว่าทั่วโลกถึง 2 สัปดาห์ในสหรัฐฯ ดูท่าจะไม่ส่งผลเท่าไหร่ แต่ที่ลดลงจากภาคแรกอย่างเห็นได้ชัดคือรายได้จากรอบโลกนั่นเอง ที่สุดท้ายก็แซงหน้ารายได้ของภาคก่อนที่ทำไปได้ 594.2 ล้านเหรียญ ไม่สำเร็จ

7. Madagascar: Escape 2 Africa
รายได้ทั่วโลก: 558.7
ในสหรัฐฯ: 178.3
ทุนสร้าง: 150
อันดับรายได้สูงสุดตลอดกาล 49

ถึงมาช้าแต่เร่งทำเงินได้เป็นกอบเป็นกำจนกลายเป็นราชาหนังทำเงินช่วงปลายปี 2008 ตัวจริง สำหรับการกลับมาสร้างความฮาอีกครั้งของ Madagascar: Escape 2 Africa ของค่าย Dreamworks/Paramount และทำรายได้แซงหน้าภาคก่อนที่ทำไปได้ 532.7 ล้านเหรียญ เมื่อปี 2005 แบบสบายๆ

6. Mamma Mia!
รายได้ทั่วโลก: 573.1
ในสหรัฐฯ: 144.1
ทุนสร้าง: 52
อันดับรายได้สูงสุดตลอดกาล 48

โปรแกรมคืนกำไรสุดเซอร์ไพรส์ของปีนี้ต้องยกให้กับการนำละครเพลงที่นำผลงานอมตะของวง ABBA มาเรียงร้อยได้อย่างน่าสนใจมาสร้างเป็นหนัง ที่แม้รายได้ในสหรัฐฯ(รวมทั้งในบ้านเรา)จะไม่หวือหวาอะไรนัก แต่กับการทำเงินรอบโลกถือว่าถล่มทลายจริงๆ โดยเฉพาะการขึ้นตำแหน่งหนังที่ทำรายได้สูงที่สุดของเกาะอังกฤษที่ 132.3 ล้านเหรียญ แซงหน้าสตาร์วอร์, เดอะ ลอร์ด หรือ แฮร์รี พอตเตอร์ทุกภาค จนกลายเป็นหนังทำเงินนอกสหรัฐฯสูงสุดอันดับที่ 3 ของปีนี้ไปอย่างไม่น่าเชื่อ แถมความยอดเยี่ยมของเรื่องยังส่งให้หนังและนักแสดงนำอย่าง เมอริล สตรีป เข้าชิงลูกโลกทองคำไปลุ้นกล่องเล่นๆ อีกด้วย

5. Iron Man
รายได้ทั่วโลก: 582
ในสหรัฐฯ: 318.4
ทุนสร้าง: 140
อันดับรายได้สูงสุดตลอดกาล 46

ถ้าอายุไม่ใช่ปัญหาสำหรับการเป็นซูเปอร์ฮีโร่ มันก็ไม่เป็นปัญหาสำหรับการกลับคืนวงการอย่างสมศักดิ์ศรีอีกครั้งของ โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์ ที่ผลงานเรื่องนี้และหนังจี้แห่งปีอย่าง Tropic Thunder พิสูจน์ให้เห็นว่าเขาพร้อมที่กลับมาเป็นแม่เหล็กทำเงินได้ดีพอๆ กับการเป็นนักแสดงขายฝีมือ ที่แม้รายได้ส่วนใหญ่ของภาคนี้จะเอนมาที่รายได้ในประเทศเป็นหลัก แต่เชื่อว่าการมาของภาค 2 ในอนาคตอันใกล้นี้ ผลตอบรับจากตลาดต่างประเทศจะอัพเกรดตามธรรมเนียมของหนังภาคต่อสุดฮิต

4. Hancock
รายได้ทั่วโลก: 624.4
ในสหรัฐฯ: 227.9
ทุนสร้าง: 150
อันดับรายได้สูงสุดตลอดกาล 38

ถ้าจะมีการมอบรางวัลอะไรให้กับ Hancock สำหรับปีที่ผ่านมา ก็คงเป็นสาขาการใช้หน้าหนังและพลังของดารายอดเยี่ยม เมื่อตัวอย่างหนังพร้อมกับยี่ห้อของวิล สมิธเป็นอีกครั้งที่เป็นกุญแจสำคัญให้หนังซูเปอร์ฮีโร่ขาดๆ เกินๆ ผู้นี้ทำเงินได้อย่างมหาศาลในซัมเมอร์ที่ผ่านมา ซึ่งถ้าการประกาศสร้างภาคสอง(โดยนายวิล สมิธ)เป็นจริง พวกเขาคงต้องอาศัยมากกว่าโชคในการประสบความสำเร็จได้อย่างภาคแรกนี้

3. Kung Fu Panda
รายได้ทั่วโลก: 631.9
ในสหรัฐฯ: 215.4
ทุนสร้าง: 130
อันดับรายได้สูงสุดตลอดกาล 36

ถ้า Pixar คือเจ้าแห่งแอนิเมชั่นประเภทกวาดรางวัล Dreamworks ภายใต้การแบ็คอัพของ Paramount คือก็ค่ายการ์ตูนเจ้าแห่งการทำเงินอย่างแท้จริง เพราะไม่ทันที่ซีรีส์อย่าง Shrek จะจากโรงไปได้ปีเดียว พวกเขาก็พบเครื่องจักรทำเงินตัวใหม่เป็นเจ้าแพนด้าตัวกลมในหนังการ์ตูนสดใส Kung Fu Panda เรื่องนี้ ที่ทางค่ายประกาศขยับขยายเรื่องราวเป็นภาคต่อเรียบร้อยแล้ว (แต่เมื่อดูการพัฒนาเรื่องราวของ Shrek ในแต่ละภาค แฟนๆ ของโพคงต้องเอาใจช่วยลุ้นกันหนักหน่อย)

2. Indiana Jones and the Kingdom of the Crystal Skull
รายได้ทั่วโลก: 786.6
ในสหรัฐฯ: 317.1
ทุนสร้าง: 185
อันดับรายได้สูงสุดตลอดกาล 23

ขึ้นชื่อว่าการกลับมาจับมือกันอีกครั้งของ สตีเวน สปีลเบิร์ก และ จอร์จ ลูคัส จะน้อยกว่านี้คงเป็นไปไม่ได้ ในการกลับมาอีกครั้งของการผจญภัยครั้งล่าสุดของอินเดียนา โจนส์ ที่แม้วัยจะร่วงเข้าสู่วัยหกสิบแล้ว ด้วยบารมีเก่าๆ และข่าวคราวการเฝ้ารอของแฟนๆ ทำให้มันเป็นหนังที่คนคาดว่าจะต้องครองความเป็นหนึ่งของปีที่ผ่านมาอย่างแน่นอน...แต่ก็ได้แค่เกือบเท่านั้น

1. The Dark Knight
รายได้ทั่วโลก: 997
ในสหรัฐฯ: 531
ทุนสร้าง: 185
อันดับรายได้สูงสุดตลอดกาล 4

ผู้กำกับ คริสโตเฟอร์ โนแลน เข้ามาเติมหมึกให้กับความลึกลับซับซ้อนให้ดำมืดเข้าไปอีกสำหรับการเกิดใหม่ของแบทแมน ทำให้ Batman Begins ที่ทำรายได้ในระดับที่ไม่ได้แตกต่างจากหนังซูเปอร์ฮีโร่คนอื่นๆ นักที่ 371.8 ล้านเหรียญทั่วโลก (ยกเว้น Spiderman) เป็นงานที่มีความลึกซึ้งมากกว่างานหนังที่สร้างจากการ์ตูนด้วยกัน แต่นั้นยังไม่ทำให้ใครเพ้อฝันพอจะเชื่อว่าการกลับอีกครั้งใน 3 ปีต่อมาของอัศวินรัตติกาลจะกลายเป็นหนังที่ทำรายได้หลักพันล้าน ถ้าไม่เป็นเพราะความเหมาะเจาะของการพัฒนาเรื่องราวให้น่าติดตามมากขึ้น ฉากแอ็คชั่นที่ตระการตายิ่งขึ้น และเหนือสิ่งอื่นใด การจากไปของ ฮีธ เลดเจอร์ ผู้ที่ได้ฝากมาตรฐานใหม่ของการขโมยซีนในบท โจ๊กเกอร์ ที่น่าขำ,หวาดหวั่น และเปี่ยมพลัง (รวมถึงการถูกแม่ตัวเองฟ้องในข้อหาทำร้ายร่างกายของพระเอกแบทแมนระหว่างที่หนังเข้าฉายพอดี) ทั้งหมดทั้งมวลนี้เป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งให้หนังที่ได้รับคำชื่นชมทั้งเงินและกล่องนี้ เป็นแบทแมนเวอร์ชั่นที่ทำรายได้ถล่มทลายที่สุด แซงหน้าเวอร์ชั่นต้นตำรับของ ทิม เบอร์ตัน ที่ทำไปได้ 411.3 เมื่อปี 1989 แบบไม่เห็นฝุ่น

(ตัวเลขรายได้จาก boxofficemojo.com)

10 หนังไทย-เทศ ยอดฮิตแดนสยามปี 2551

****************

15 อันดับหนังทำเงินถล่มโลกปี 2007
10 อันดับหนังทำเงินถล่มโลกปี 2006
กำลังโหลดความคิดเห็น