xs
xsm
sm
md
lg

รู้จัก “หมอกฤษณ์” หมอดูดวงตกแห่งปี

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


นาทีนี้หากเอ่ยชื่อ “ศุกฤษณ์ ปทุมศรีวิโรจน์” หรือ “หมอกฤษณ์ คอนเฟิร์ม” หมอดูอื้อฉาวแห่งปี คงมีน้อยคนที่ไม่รู้จัก หนึ่งปีที่เขาแจ้งเกิดจากการทำนายดวงชะตาดารา-คนดัง จนมีชื่อสียงโด่งดังเป็นที่รู้จัก เป็นที่ยอมรับในวงกว้างว่าแม่นยำ กระทั่งถูกเทียบเชิญไปออกรายการทีวี มีนิตยสารติดต่อขอสัมภาษณ์ไม่ขาดสาย กลายเป็นหมอดูเนื้อหอมทีใครๆ ก็อยากร่วมงาน

ด้วยความที่เป็นคนมั่นใจ พูดจาดุดัน จนดูเหมือนเป็นคนก้าวร้าว ฉะนั้นจึงมีทั้งคนรักและเกลียด และมักจะถูกเหล่าบรรดาคนดังที่ไม่เต็มใจให้คอนเฟิร์มดวงให้ ด่าเป็นประจำ แต่กระนั้นเจ้าตัวก็ยังยืนหยัดอยู่ได้ เพราะคิดอยู่เสมอว่ามันเป็นหน้าที่ของหมอดู ที่ต้องทายตามความเป็นจริงตามชะตาชีวิต และไม่สามารถห้ามความคิดใครได้

แต่แล้วใครจะคิดว่า “ดวงชะตา” ของหมอหนุ่มคนนี้จะกลับพลิกผันซะเอง เมื่อถูกนาง “ศันสนีย์ วิสุทธิธาดา” คุณแม่ของนักร้องสาว “ลีเดีย ศรัณรัชต์” บุกด่าบนเวที กลางงานแถลงข่าวเปิดตัวนิตยสารสยามดารา แถมขู่ให้กราบเท้าขอโทษ หลังไม่พอใจ ที่หมอดูคนดังไปคอนเฟิร์มว่าสาวลีเดียมีดวงตั้งท้อง พร้อมประกาศฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายกว่าร้อยล้านบาท สร้างความโกลาหลและกลายเป็น ทอล์ค ออฟ เดอะ ทาวน์ ติดต่อกันหลายวัน

สุดท้ายหมอคนดังต้องออกมาขอโทษผ่านรายการทอล์คโชว์ทั้งน้ำตา สารภาพว่าดูดวงผิดพลาด พลาดทั้งดวงคนอื่น และดวงตัวเอง หมดสภาพหมอคอนเฟิร์มจอมดุดันโดยสิ้นเชิง วันนี้ “บันเทิงออนไลน์” จะพาทุกคนไปทำความรู้จักหมอกฤษณ์ทุกซอกทุกมุม ผ่านบทสัมภาษณ์บรรทัดด้านล่างนี้

เขาดูดวงโดยใช้ศาสตร์ที่เรียกขานว่า “บริเฉทเจ็ดดารา” เซียนหนึ่งเดียวของไทย

“วิธีที่ผมดูเรียกว่าบริเฉทเจ็ดดารา มันต่างจากตรงศาสตร์อื่นตรงที่ว่า ไม่ต้องใช้วันเดือนปีเกิด แค่รู้เวลาที่เขาโทรมาว่ากี่โมงก็ทายได้เลย คือมันจะวัดได้เลย ว่าคนนี้หมอดูแท้หรือเทียม ผมสามารถบอกได้ว่า หน้าตารูปร่างเป็นยังไง สูงกี่เซ็น ผิวสีอะไร ของผมจะระบุเลยผมยาวขนาดไหน สั้นแค่ไหน ลักษณะฟันเป็นยังไง มีไฝที่ไหน บอกเป็นรูปธรรม แต่การดูดวงส่วนใหญ่คือนามธรรม แต่บริเฉทคือรูปธรรม”

“ตำรานี้เป็นตำราพิเศษที่ผมได้รับถ่ายทอดมาเพียงคนเดียว เป็นตำราของ ปรมาจารย์โหร นามว่าพระครูอินทร์เทวดา (อินทร ปัญญาทีโป) ผมเป็นศิษย์รุ่นที่ 3 ของท่านครับ ซึ่งในสมัยก่อนจะถ่ายทอดกันเพียง 1 รุ่น ต่อ 1 คน คือง่ายๆ 50 ปี จะถ่ายทอดสักหนึ่งคนเท่านั้นเอง และ ถ่ายทอดแบบลับๆ ในวงจำกัด และวัดไม่ได้ว่าศาสตร์ไหนแม่นกว่ากัน ผมก็ไม่ได้แม่นที่สุด ไม่มีวิชาไหนที่แม่นที่สุด มันขึ้นอยู่กับตัวหมอดู”

“เมืองไทยมีหมอกฤษณ์คนเดียวที่ดูแบบนี้ได้ แต่หลังจากผมออกรายการแล้วมีเยอะ ก่อนหน้านี้ไม่เห็นมีเลย แต่พอผมออกมามีเยอะเลย คนนี้ก็เป็นคนนั้นก็เป็น ผมอยากถามว่าก่อนหน้านั้นพวกคุณอยู่ไหน ผมทำให้ดูแล้วไงว่ามันมี คุณก็ทำเลียนแบบได้”

“หมอดูบางคนเกลียดผม ที่ผมออกรายการโทรทัศน์ ในอินเตอร์เน็ตโลกมันแคบ มันมีแค่นี้ วัดจากอินเตอร์เน็ตไม่ได้หรอก คุณตัดสินเพียงเว็บไม่กี่เว็บ ซึ่งคนเข้าไปไม่ถึงหลักหมื่น แค่ ร้อยคนเกลียดผม ก็จะทำให้คนทั้งประเทศเกลียดผม คุณจะบ้าหรือเปล่า ถูกไหม ดาราไม่เห็นจะเกลียดผมเลย แต่ละคนเข้ามาก็ให้หมอกฤษณ์ดูอย่างนั้นอย่างนี้ให้หน่อย ยังไม่มีใครมาเกลียดผม มาด่าผมออกทีวี”

“มีเรื่องไหนบ้างที่ผมทายไม่ถูก ผมทายตรงหมดมี 2 เรื่องเท่านั้นที่ผมทายไม่ถูกเท่านั้นเอง ถูกไหม มีเอเอฟ5นิดหน่อย 30 เรื่องผมทายถูก 27 เรื่อง เรื่องผมทายผิดลง 2 หน้า แต่เรื่องผมทายถูกลงนิดเดียว เรื่องนี้เขาอาจจะไม่ชอบเราส่วนตัวก็ได้ เรื่องนี้ผมยอมรับโอเค แต่ถ้าเรื่องความแม่นทำได้เหมือนผมไหม โอกาสจะผิดมันก็มีอยู่แล้ว 70% จากร้อยก็เจ๋งแล้ว นี่ผม 97% นะ ถ้านับรายการวู้ดดี้ก็คง 98% ถ้าถามว่าพอรึยังสำหรับการเป็นหมอดู ผมได้เลยว่าพอแล้ว”

“ผมเชื่อมั่นเรื่องดวงเรื่องเดียว เรื่องอื่นผมไม่เชื่อมั่น ผมจะก้าวร้าวรุนแรงเรื่องดวงเรื่องเดียว นั่นคือตัวของผม แต่ถ้าเรื่องอื่นผมอ่อนน้อม ถ้าเรื่องดวงผมจะก้าวร้าวรุนแรง ไม่ได้ทำเพราะจะให้น่าเชื่อถือด้วย เราไม่ได้โกหกเขา เราแค่แสดงความมั่นใจออกไป เห็นอะไรผมก็ทายออกไปตามความจริง คุณพอใจดูๆ ไม่พอใจกลับบ้านไป ผมไม่สนใจ ไม่ง้อ และไม่บอกด้วยว่ามาดูกับผมสิ ผมถือแค่ความจริงคือความจริง เหมือนกันผมก็เชื่อว่าต้องมีคนที่หมั่นไส้ ไม่ชอบบุคลิกที่ผมเป็น แต่ก็ช่างเถอะเพราะเราห้ามความคิดคนไม่ได้”

เขาเกิดมาเพื่อ(เป็น)สิ่งนี้ อายุ 10 ขวบก็หาเงินด้วยการรับจ้างดูดวงตามสะพานลอย

“ผมเป็นหมอดูตั้งแต่เด็ก ตั้งแต่แปดเก้าขวบครับ แต่ทำเป็นอาชีพตอนอายุ 10 ขวบ ตอนแรกก็ดูยิปซี ดูให้ครูอาจารย์ทั่วไป 11 ขวบ ก็เริ่มศึกษาโหราศาสตร์ไทย และก็ดูเรื่อยไป แรงบันดาลใจเริ่มจากตอนเด็กอยากเป็นพระ ผมชอบบวช เห็นหลวงพี่หลวงพ่อเขาดูดวงกันแล้วก็ชอบ อยากดูมั่ง ทักคนนั้นคนนี้ว่าจะตาย ไม่ต่ำกว่าเดือนก็ตายจริงๆ ครับ เห็นผีตั้งแต่เด็ก คุยกับเจ้าที่ที่บ้านตั้งแต่ยังคลานอยู่เลย ตั้งแต่จำความได้”

“เซ้นส์ก็มีส่วนด้วยนะครับ และก็ดวงด้วย สมัยปี 45-46 หมอลักษณ์เขาก็ยังดังอยู่ ผมก็ตั้งเป้าหมายว่า สักวันหนึ่งผมจะต้องเป็นเหมือนเขา จะต้องดังกว่าเขา ผมไม่ได้ว่าผมจะเลียนแบบเขา แต่นั่นคือเป้าหมาย ว่าผมจะต้องดังกว่านี้ แต่ผมไม่เคยเจอเขานะ ทุกวันนี้ก็คงยัง และผมก็ไม่อยากเจอด้วย”

“เด็กๆ ทำหลายอย่างทั้งเป็นเด็กปั๊ม ส่งหนังสือพิมพ์ เอาหนังสือไปขายตลาดนัด นั่งดูดวงในตลาดนัด ดูดวงบนสะพานลอยที่อนุสาวรีย์ช่วงสี่ทุ่มถึงตีหนึ่ง ด้วยความที่พ่อแม่เลี้ยงแบบไม่เหมือนคนอื่นไง เลี้ยงแบบไม่ค่อยให้เงิน เอาง่ายๆ ไปโรงเรียนเขาได้กันวันละ 100 ใช่มั้ย ผมได้วันละ 23 บาท ค่ารถเมล์ก็ 7-8 บาทแล้ว กินข้าวก็ 15 บาท แล้วจะมีเงินซื้ออะไรได้ล่ะ เก็บเงินตั้งแต่เด็กเลย พออายุ 15 ผมก็ค้นพบว่าตัวเองมีเงินเก็บ 4 แสนบาท ผมได้เงินนี่ก็ซื้อรถ Civic 3 ประตู ขับรถเก่งคันแรกตั้งแต่อายุ 15 ซื้อด้วยเงินสดด้วยนะ”

“ด้วยความที่เป็นหมอดูเด็ก ก็จะโดนดูถูกเยอะ โดนจนชินจนไม่รู้สึกอะไร ก็ชาชินกับมัน ยิ่งกับหมอดูด้วยกันนี่ โดนเยอะอายุ 40-60 เนี่ยมานั่งด่าผม แล้วเอาดวงผมไปดูว่ายังไงชาตินี้ก็ไม่มีทางดัง เต็มที่ก็หมอดูข้างถนน นั่นเป็นสิ่งที่ผมโดนดูถูก ในเรื่องหมอดูผมเด่นตั้งแต่เด็ก ผมจะดูดวงฟรีตามเว็บไซต์ ได้รับความนิยม คนมาหาผมเยอะ ก็เหมาว่าผมว่าเตี๊ยม สร้างภาพอยากดัง”

“ชีวิตมันต้องแข่งขันตลอดเวลา ในโลกนี้มันไม่มีหรอกครับอยากให้ใครเด่นกว่าใคร ถูกไหมครับ ทำดีได้ แต่อย่าเด่น พอเราเด่นขึ้นมาเขาก็พร้อมจะย่ำเราได้หมด ถ้าคุณไม่แข็งพอ ไม่ชัวร์จริง โดนเหยียบอยู่แล้ว ยิ่งเป็นเด็กด้วยก็ยิ่งไม่ต้องพูดถึง ขึ้นมาก็คือพลาดไม่ได้”




เขาเกิดมาเพื่อฆ่า “หมอลักษณ์ ฟันธง”

“ก็ไม่นะ ผมว่าสไตล์การดูคนละอย่าง ของเขาใช้วันปีเดือนเกิด ของผมไม่ใช้ อย่างที่บอกผมดูแบบบริเฉทเจ็ดดารา เป็นวิชาเฉพาะตัวของผม ยังไงผมเชื่อว่าผมไม่เหมือน การพูดการจาโอเคอาจจะเสียงดังเหมือนกัน แต่ผมมั่นใจเลยว่าผมไม่เหมือน แต่ลักษณะการพูดของผมจะเน้นทุกคำ แรงทุกคำ ผมจะไม่มีแบบเนิบๆ แล้วมาทิ้งท้ายไม่มี”

“ไม่ได้สร้างให้เป็นคาแรกเตอร์ แต่มันเป็นบุคลิกตั้งแต่เด็ก แต่ก็กลายมาเป็นการตลาดได้ โดยนิสัยเราเนี่ยแหละ เป็นคนมั่นใจตั้งแต่เด็ก ผมถือว่าชีวิตผม ไม่เคยผิดศีล 5 ไม่เคยโกหก ทุกอย่างผมพูดจริงหมด ไม่สร้างภาพ จะสร้างไปทำไม จริงๆ ผมจะซื้อเสื้อตัวละ 4-5 พันก็ได้ แต่ผมไม่ซื้อ ซื้อของปลอมราคา 199-299 นาฬิกานี่แพงก็จริงแต่ว่าคนซื้อให้ คือไปดูดวงแล้วเขาก็ซื้อโรเล็กซ์ (ROLEX )ให้ มากสุดก็ 4 แสน เพราะผมช่วยแก้ไขเรื่องที่ดิน ทำให้เขาขายได้หลายร้อยล้าน”

“ความเชื่อที่ว่าหมอดูต้องมีบารมี ไม่อย่างนั้นจะไม่สามารถแก้ไขดวงคนอื่นได้ อันนี้เขาอวดอ้างตัวเองหรือเปล่า ไม่ใช่มั้งครับ เพราะสำหรับผมก็ไม่มีนะ ใครอยากพรีเซ้นต์ตัวเองเป็นผู้วิเศษก็เชิญ แต่สำหรับผมไม่มี ผมเป็นคนธรรมดาครับ ผมนับถือพระพุทธเจ้า ทุกอย่างเกิดจากศีล 5 ที่ผมรักษาครบถ้วน ผมไม่ไปอโคจร เหล้าไม่กินบุหรี่ไม่สูบ ไม่ผิดศีลผู้หญิง ไม่หลอกลวงลูกค้ามาเป็นเมีย ไม่หลอกลวงลูกศิษย์มาเป็นเมีย สักวันความเสื่อมก็จะมา”

“เทคนิคคือรักษาศีล ศีลที่ดีที่สุดก็คือศีล 5 คนเราเลี่ยงได้เรื่องคอขาดบาดตาย พูดแล้วเขาเสียหายผมไม่พูด ปกตินี่ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ ผมก็พูดตรงๆ ไม่โกหก ไม่สร้างภาพ ผมก็ไมได้ต้องการประสบความสำเร็จ ไม่มีใครอยู่ค้างฟ้าได้ มีขึ้นก็ต้องมีลง เพราะปัจจุบันผมเลยไม่ถือว่าตัวเองดัง ผมถือว่าผมเป็นคนธรรมดา บางคนมาถามผมว่าเก่งเหรอ ผมบอกว่าผมไม่เก่งนะ ผมเก่งด้านดูดวง แต่ด้านอื่นผมสู้พวกคุณไมได้ ผมก็เขียนข่าวแบบพี่ไม่ได้ ถูกไหมสัมภาษณ์ ทำหนังสือพิมพ์ทำยังไงเหรอ ผมก็ยังทำไม่เป็น”

“หมอดูไม่ต้องมีลักษณะพิเศษ ทุกคนเป็นได้ เพียงแต่คุณจริงจังกับมันแค่ไหน สมองคุณถูกสร้างมาเพื่อสิ่งนี้หรือเปล่า บางคนอาจจะชำนาญด้านช่าง เกิดมาซ่อมนั่นซ่อมนี่เก่งเลย ผมทำอะไรไม่เป็นดูดวงเป็นอย่างเดียว ทุกคนก็เป็นได้ ถ้าคุณมีความพยายาม คุณมีมุมานะ คุณมีความเข้าใจกับมัน คุณรักในสิ่งนี้ คุณก็เป็นได้”

เขาเคยคอนเฟิร์มดวงตัวเองว่า ปี 51 จะดังสุดขีด

“ดูตัวเองมาตลอด ผมเคยพูดกับใครหลายคนเลยว่า คอยดูผมปี 51 นะ เดือนสิงหาคมเจอกัน ถามคนที่ออฟฟิศได้เลยว่าผมพูดจริงหรือเปล่า และผมจะอยู่อย่างนี้อีก 3 ปี”

“ไม่ได้หมายความว่าหลังจากปีที่ 3 จะขาลงไม่ใช่นะครับ คือดัง 3-4 ปีครับ ไม่เชิงขาลงหรอก คือแต่ละคน หมอดูบางคนเขาแก่แล้วไง เขาดังตอนอายุ 36-37-40 ซึ่งผมอยู่อีก 12 ปี ผมยังอยู่ไม่เท่าเขาดังเลย ผมอยู่อีก 12 ปี ผมก็อายุแค่ 30 เอง ก็ยังไม่แก่เลย ซึ่งบางคนก็ยังไม่ดังด้วยซ้ำไปถูกมั้ยครับ แต่ผมกะว่าผมจะไม่อยู่นาน”

“ไม่เสียดายหรอกครับ ผมจะต้องเสียดายเพื่ออะไร ผมได้แล้ว ผมเป็นที่รู้จักแล้ว คนได้รู้แล้วว่าผมเป็นใคร ผมพอแล้ว ผมอยู่จุดนี้ จะไปทำอะไรเยอะแยะให้ชีวิตวุ่นวาย ความโลภมันก็ไม่ทำให้ใครดีขึ้นอยู่แล้ว ความพยายามความอยากมันอยู่และก็จากไป ผมไม่ดื้อแพ่ง มีเด็กใหม่ขึ้นมาผมก็ไม่กีดกัน ผมสนับสนุนด้วยซ้ำไป และผมก็ไม่ได้ไปโจมตีใครด้วย”

เขาเป็นหมอดูที่ดังตั้งแต่อายุยังน้อย คนแรกและคนเดียวในประเทศไทย

“ถ้าใครจะดังชนะผม คุณต้องดังตอนอายุ 19 ถ้ามากกว่านั้นถือว่าคุณไม่ได้ชนะผม ง่ายๆ ผมดังตอนที่ยังเด็กอยู่ ถ้าคุณจะดังต้องดังตั้งแต่เด็ก ได้ออกทีวี ลงหนังสือ ถ่ายปุ๊บได้ลงหน้าหนึ่ง คุณถึงจะชนะผม คือผมเชื่อว่าในยุคก่อน 30 ต้นๆ ถึงจะดัง แต่ปัจจุบันนี้ผมโผล่มาได้ไงอายุเท่านี้ อนาคตอาจจะมีอายุ 16 โผล่มาก็ได้”

“ดารา คนดังที่เป็นลูกค้าประจำคิดชื่อก็เป็นร้อยๆ คน แต่อย่าให้เอ่ยชื่อเลย เพราะไม่อยากพาดพิง เอาเป็นว่ามีทั้งนางเอก พระเอก นักร้อง นักการเมือง รัฐมนตรี มีหมดครับ เชื่อมั้ยถ้าผมพูดชื่อมาทั้งสองร้อยคน พี่รู้จักทุกคน บางคนมาสัปดาห์ละครั้ง สามวันครั้งก็มี ส่วนมากไม่ได้เฉพาะเจาะจงเรื่องนั้นเรื่องนี้ ก็ให้ดูทุกๆ เรื่องนะ ดูแล้วก็จะบอกวิธีแก้ให้ด้วย”

“ดังตอนทายเรื่องพี่วิลลี่กับพี่เยลหลี บอกว่าจะแท้งลูก นั่นคือข่าวแรกที่ทาย ข่าวที่สองคือแพนเค้ก กับบี้ สุกฤษณ์จะดัง จะเป็นซุปเปอร์สตาร์ บี้จะดังกว่าฟิล์ม รัฐภูมิ แล้วก็แนน อมิตดา ไม่ได้ท้องหรอก ผมดูจากดวงแบบบริเฉทเขาไม่ได้ท้อง ปีนั้นดวงชะตาบอกว่าปีนี้เขาไม่มีลูก แต่ตอนนั้นผมยังไม่ดัง โดนคนด่าเยอะมาก เพราะทุกคนเชื่อว่าเขาท้อง ถ้าเป็นตอนนี้ผมดังไปแล้ว แล้วก็คู่บอลกับนาตาลีจะได้แต่งกัน ตอนนั้นเขาเพิ่งมีข่าวขึ้นรถไปด้วยกันเฉยๆ ยังไม่ได้คบกันด้วย พี่เคนพี่หน่อยผมบอกปลายปีแต่ง ก็แต่งจริงๆ”

“แต่ที่ดังจริงๆ คือทายทาทากับเปรม ผมทายว่าทาทา-เปรมเลิกกันชัวร์ ระบุด้วยว่าเดือน พ.ค. คอนเฟิร์ม แล้วเขาก็เลิกกันจริงๆ เดือนนั้นด้วย ผมทายหลังจากที่เขาหมั้นกันแล้ว แต่ตอนนั้นเรายังไม่ดังมาก ก็เลยไม่ค่อยมีข่าวเท่าไหร่ คุณอี้ แทนคุณ จะประสบอุบัติเหตุ คุณอ๊อฟ ชนะพล จะประสบอุบัติเหตุด้วยรถสีดำ ทายล่วงหน้าตั้ง 5 เดือน ผมระบุเดือนตลอด ไม่เคยทายซี้ซั้ว ทายว่าเลิกกันแล้วก็จบ แล้วแป้งยอมรับกับผมด้วยว่าเรื่องจริงๆ”

เขาว่ากันว่า หมอกฤษณ์ร่ำรวยมีเงินเป็น 10 ล้าน จากการดูดวง

“รวยตรงไหนครับ ไม่เห็นรวยเลยครับ เขาก็พูดกันไป ผมไม่ได้มี 10 ล้าน ไม่ถึงอ่ะ (ยิ้มกริ่ม)”

“ค่าดูผมคิดไม่แพลงเลย แล้วจะรวยได้ยังไงล่ะครับ (ยิ้ม) ถ้าตกงานเจอผมผมก็ดูให้ ผมจัดรายการทางเคเบิ้ลทีวี อันนี้ก็ดูดวงฟรีให้ครับ แพงสุดตอนนี้ดูดวงอย่างเดียว ถ้าเจอตัวต่อตัวก็ 1 หมื่นบาท ถ้าดูทางโทรศัพท์ก็หนึ่งพันห้าร้อยบาทครับ แต่ที่ผมเก็บ 1 หมื่นเพราะผมรู้ว่าไม่มีโอกาสได้เจอตัวบ่อยนักหรอก ผมดูตามความพอใจ อยากดูก็ดูไม่อยากก็ไม่ดู ตกวันหนึ่งก็หลักสิบคนครับ คิวผมถ้าติดต่อมาปากเปล่ายาว 2 ปี ถ้าจองด้วยการโอนเงินก็ 6 เดือน เฉลี่ยวันละ 8 คน”

“ตั้งแต่มีคนรู้จักชีวิตเปลี่ยนเยอะครับ โดนด่าเยอะขึ้นในเน็ตนะ แต่ชีวิตจริงไม่เคยโดน งานเยอะขึ้น คนรู้จักมากขึ้น ทำตัวซกมกไม่ได้ เดินไปไหนก็ต้องระวัง อายเขาเรื่องของเรื่องหน้าตาทุเรศด้วย ต้องอายเขานิดนึง บางทีไปต่อราคา 200 เขาบอกระดับหมอกฤษณ์นี่ต่อด้วยหรอ ตายห่า ผมไม่รวยผมจน แต่เขาก็ไม่ลดให้นะ”

เขาบอกว่าอีก 3 ปีจะอำลาวงการหมอดูที่เขารัก

“อนาคตหมอกฤษณ์ก็จะรับใช้พวกพี่ต่อไป ถ้าพี่มีอะไรก็ยินดีรับใช้ประชาชนทุกคน เป้าหมายชีวิตบอกตรงๆ ไม่มีครับ เพราะเป้าหมายมันไม่มีที่สิ้นสุด คุณหวังสิ่งนี้เดี๋ยวคุณก็หวังอีก ความสำเร็จของผมก็คือทุกวันนี้ ถือว่าโอเคแล้ว อยู่ในเกณฑ์ที่พอใจ ไม่ต้องมากกว่านี้ เท่านี้ก็มากแล้ว มากจนจะรับไม่ไหวแล้ว”

“อีก 3 ปีก็ไม่แน่ อาจจะลาเลย หยุดไปเลย ก็ไม่รู้ครับ แต่ใจจริงผมก็อยากเป็นอย่างนั้น ก็ต้องดูต่อไป ถึงตอนนั้นผมก็อายุประมาณ 26-27 ก็บอกไว้เลยบ๊าย บายนะครับ (ยิ้ม)”




กำลังโหลดความคิดเห็น