xs
xsm
sm
md
lg

“ณัฐ สารสาส” เปิดแผลในใจ ไม่เอาแล้ว “ปู ไปรยา” อัดเละ “ดารา” ต่างหากที่อ่อยไฮโซ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นัท สารสาส
“นัท” เปิดใจถึงคนรักเก่า “ปู” ยัน ไม่รีเทิร์นแม้จะเลิกกับ “แพท” แล้ว บอกชัดไม่เอาแล้วผู้หญิงคนนี้ เจ้าตัวเปิดปมสาเหตุที่เลิกกัน หนุ่มแพท ไม่ใช่มือที่สาม แต่เป็นเพราะเข้ากันไม่ได้ พร้อมเคลียร์ตราบาปเคยถอยรถชนสาวปู เพราะมีนิสัยโมโหร้าย ก่อนสวนกรณีถูกมองชอบจีบดารา บอกดารามากกว่าที่ชอบอ่อยไฮโซ

หลังจากที่แฟนสาว “ปู ไปรยา สวนดอกไม้” หันไปคบกับไฮโซ “แพท ประกาศิต พรประภา” หนุ่ม “นัท ณัฐ สารสาส” ก็หายหน้าไปจากงานสังคม พร้อมกับทิ้งข่าวคราวที่เป็นประเด็นค้างคาหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นสาเหตุของการเลิกที่ว่า พ่อแม่ฝ่ายหญิงกีดกัน เพราะรับพฤติกรรมเสเพลไม่ได้ ทั้งเรื่องยืมเงินคุณแม่สาวปูจนถูกมองเป็นเศรษฐีถังแตก แล้วไหนจะนิสัยโมโหร้าย เคยถอยรถชนสาวปูเพราะทะเลาะกันอย่างหนัก

แต่พอโผล่หน้ามาอีกที ก็เป็นช่วงที่แฟนเก่าสาวปูเลิกรากับหนุ่มแพทพอดิบพอดี งานนี้ก็เลยบุกไปจับเข่าคุยกับหนุ่มนัทกันถึงออฟฟิศหรูย่านซอยมหาดเล็กหลวง ถือโอกาสเคลียร์หมดเปลือกทั้งเรื่องหัวใจ และแผลในใจ ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นแฟนกับดารา

“ปูกลับ ไม่ทราบครับ ยังไม่ได้คุยอะไรกัน เพราะผมก็เพิ่งกลับมาเหมือนกัน ไปเรียนคอร์สทางด้านการเงินสั้นๆ ที่นิวยอร์ก และเดี๋ยวจะบินไปอีกทีตอนมีนาคมปีหน้า คราวหน้าอาจจะไปสักเดือนครึ่ง มันมีงานต้องทำที่กรุงเทพด้วย ก็เลยไปนานมากไม่ได้”

“เขาเลิกกัน ผมไม่ทราบนะครับ ผมไม่ได้ตามข่าว ไม่ค่อยได้อ่าน เรียกว่า ไม่ได้รับทราบดีกว่า ตอนนี้ยังไม่มีใคร ก็เรื่อยๆ ครับ เรื่องกลับไป (คบกับปู) อย่าเลยครับ ผ่านไปแล้วก็ให้ผ่านไปเถอะ อย่างที่ผมบอกไปแล้ว ว่าเป็นเพื่อนกัน ...อย่าเพิ่งเลยครับ (เรียกว่ากับคนนี้ปิดประตูเลยใช่มั้ย?) ปิดครับ คิดว่าอย่าคุยกันอีกเลยดีกว่า เพราะไม่ทราบว่าจะคุยไปเพื่ออะไรครับ”

“ตั้งแต่ที่เลิกกันไปก็ไม่ได้ติดต่อเลยครับ ผมว่าแต่ละคนคงมีเหตุผลที่จะต้องกระทำอะไรไป การแสดงออกหรือไม่ว่าจะพูดอะไรไปในความสมควรที่เขาต้องทำ เพราะฉะนั้นน้องกับผม หลังจากที่จบไปแล้วก็ให้มันจบไปแบบนั้นดีกว่า แล้วก็ให้มันผ่านไปเหมือนลมที่ผ่านมาผ่านไปละกันชีวิต”

“ตอนนั้นไม่ได้เรียกว่ายื้อครับ เพราะผมเป็นคนที่ไม่ชอบง้อใครอยู่แล้ว แต่มันจะมีช่วงที่ไม่ค่อยเข้าใจ เพราะว่ามันเกิดอะไรขึ้น กับข้อมูลที่ผมได้รับกับความเป็นจริง มันอาจจะไม่ค่อยตรงกัน แต่ก็ไม่ได้เคลียร์อะไร พอผมเริ่มรู้แล้วว่าอะไรเป็นยังไง ความจริงเป็นยังไง”

“ความจริงที่ว่าก็คือ สิ่งที่เขาเป็นและที่ผมเป็นมันคนละอย่างกัน มีอยู่ช่วงหนึ่งที่ผม ไม่ได้เห็นความจริงเหมือนผมหลับหูหลับตา แล้วก็คิดว่ามันจะเป็นอย่างที่มันเป็น พอมันไม่ได้เป็นปุ๊ป แล้วผมลืมตาเห็น ผมก็โอเค ผมเดินออกดีกว่า ไม่ได้เข้าไปวุ่นวายอะไรอยู่แล้ว”

ผมไม่อยากพูดถึงว่าใครบอกเลิกใครก่อน ให้มันผ่านไปดีกว่า ผมเป็นสุภาพบุรุษเพียงพอ ที่ผมไม่จำเป็นที่จะต้องพูดเรื่องไม่ดีเกี่ยวกับใคร ไม่ได้หมายความว่ามีหรือไม่มีนะครับ แต่ว่าผมก็คิดว่ามันแปลก ที่ผมจะต้องบอกว่าใครเป็นยังไง ถ้าใครเป็นยังไงเขาก็เป็นอย่างนั้น สักวันหนึ่งคนก็ต้องรู้อยู่ดี ว่าใครเป็นยังไง”

ย้อนปูมสาเหตุที่ทำให้ต้องเลิกรากับสาวปู ลั่นไม่ใช่เพราะมีหนุ่มแพทเข้ามาแทรกกลาง หากแต่เป็นเพราะความเข้ากันไม่ได้ของคนสองคน และบุญที่ทำร่วมกันมา
“เลิกกันตอนแรกๆ รู้สึกสับสน งงมากกว่า แต่ตอนนี้ก็ไม่ช้ำแล้วครับ อย่างที่บอก ตอนนั้นแค่ไม่เข้าใจ พอเข้าใจมันก็คือเข้าใจ สาเหตุไม่ใช่เพราะแพทครับ เพราะว่ามันมีอะไรอีกหลายเรื่องมีผมไม่พูดดีกว่า ถึงไม่มีคนอื่นเข้ามาผมกับเขาก็คงจบแบบนี้อยู่ดี”

“ถ้าคนเป็นคู่กันต้องมีบุญเท่ากัน และมันจะมีส่วนที่จะไปด้วยกันได้ แต่นี่หลายๆ อย่างมันไม่ได้ไปด้วยกัน มันก็เลยไปไม่ได้ จริงๆ พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า คนที่จะเป็นคู่กัน จะต้องมีศีลเท่ากัน ปัญญาเท่ากัน จาคะเท่ากัน จาคะคือการให้ และก็ศรัทธาเท่ากัน 4 อย่างนี้พอไม่เท่ากัน ก็เลยไปด้วยกันไม่ได้”

“ผมเชื่อในคำสอนของพระพุทธเจ้า และค่อนข้างศึกษาจริงจัง ปีหนึ่งๆ ก็ไปนั่งสมาธิที่เป็นคอร์ส 3-4 หน ที่หัวเตียงของผมจะมีหนังสือธรรมะทั้งนั้นเลยครับ แต่ก็มีเรื่องอื่นด้วย ผมเป็นคนชอบอ่านหนังสือ ผมเป็นคนชอบความรู้ ผมเป็นคนรักความรู้มากกว่าอะไร เพราะผมคิดว่ามันเป็นอย่างเดียวที่ไม่มีใครสามารถเอาไปจากผมได้ เงิน ผู้หญิงหรือความโด่งดังอะไรก็แล้วแต่ มันหายไปตามกาลเวลาได้ แต่ถ้าความรู้ของผมไม่มีใครเอาไปจากผมได้”

“ผมเลยเป็นคนชอบอ่านหนังสือมากตั้งแต่เด็กๆ ภาษาไทย ภาษาอังกฤษ อ่านเยอะมาก ผมชอบ และก็ธรรมะก็เป็นอีกวิชาหนึ่ง อีกศาสตร์หนึ่ง ที่ผมว่ามันเป็นแนวทางที่เป็นเหมือนถนน ที่ดีต่อการที่จะใช้ชีวิตให้มีความสุข”

“ไม่ใช่เพิ่งมาสนใจตอนอกหักหรืออะไร แต่ผมเริ่มนั่งสมาธิตั้งแต่ 6 ขวบ ผมชอบไปวัดป่า และผมก็ชอบจำไอ้พวกที่ชอบเขียนตามป้ายต่างๆ แบบ คบคนดี อะไรอย่างโน้นอย่างนี้ มันชอบแปะตามต้นไม้ครับสุภาษิต เด็กๆ ก็จะจำได้ตลอด และก็นั่งสมาธิดีมาตั้งแต่เด็กๆ แล้ว แต่ว่าก็บางครั้งบางทีบางช่วงเราก็โดนฝั่งมาร ดึงเข้าไปเยอะหน่อย เป็นปกติของมนุษย์ ตัดกิเลสได้ก็ไม่อยู่แถวนี้แล้วใช่ไหมครับ”

“ความรู้สึกโอเคขึ้นแล้วครับ อย่างที่บอกความเข้าใจผมสูง อะไรมันจะเป็นยังไงผมไม่เคยไปฝืน มันฝืนอะไรไม่ได้หรอกครับ”
นัท-ปู วันวานเมื่อครั้งยังหวาน
แพท-ปู ครั้งยังหวาน ออกงานคู่กันในคอนเซ็ปต์แต่งงาน
ปู ไปรยา นางเอกสาวพราวเสน่ห์ (ภาพจาก M แมกกาซีน)

แม้จะบอกว่าไม่ได้ติดใจหรือแค้นใจใคร แต่พอถามถึงสาวปูว่าสามารถเป็นเพื่อนกันได้หรือไม่ เจ้าตัวกลับสวนแบบไม่ต้องคิดนานว่าไม่ดีกว่า
“ที่ผ่านมา 3 คนไม่ได้เคลียร์ และมันก็ไม่ได้มีอะไร ต้องเคลียร์ ไม่ได้มีอะไรที่ผมอยาก ต้องการอยากจะได้ เมื่อเป็นอย่างนั้นแล้ว แล้วผมก็ไม่ได้แค้น และไม่ได้ตะขิดตะขวงใจอะไรทั้งสิ้น มันมีอยู่วันหนึ่งที่ผมเข้าใจทุกอย่างแล้ว ก็คือเข้าใจทุกอย่าง”

“กับแพทคุยได้ครับ ถ้าเจอก็ทักกัน เรารู้จักกันนิดๆ หน่อยๆ หมายถึงรู้จักในสถานที่สาธารณะมากกว่า ผมก็รู้จักทุกคนนะครับ อยู่แถวๆ นี้มานาน ไปที่โน้นที่นี่ก็ต้องรู้จักกัน หรือตามสถานที่กลางคืน หรือแม้แต่สถานที่กลางวัน งานมันเจอก็ต้องทักทายกัน แต่กับน้องเขา คงไม่ดีกว่า ผมไม่อยากให้ใครเดือดร้อน เพราะว่าเพื่อนผมก็มีเยอะแล้ว เพื่อนผู้หญิงก็เยอะ ไม่เป็นไร”

พร้อมเคลียร์ตราบาปที่ติดตัว เรื่องเคยถอยรถชนสาวปู เนื่องจากตบะแตกตอนทะเลาะกัน จนถูกตราหน้าว่าไม่เป็นสุภาพบุรุษ
“มันดูรุนแรง แต่ว่าไม่ใช่ๆ ตอนนั้นคือยังไม่ได้เลิกกัน และยังไม่ได้จะถอยรถชน แต่ว่าก็ทะเลาะกันนิดหน่อย และผมจะขับรถออก และผมก็บอกว่าจะไปแล้วนะ และน้องเขาก็เข้ามาอะไรอย่างนี้ นึกออกไหมครับ คือมันคือเรื่องปกติ เวลาคนมีปากมีเสียงกัน และถ้ามีอารมณ์ร้อนนิดหน่อย ก็อาจจะกระทำลงไปได้ ไม่ได้หมายความว่า ไม่ใช่ความตั้งใจว่าจะมาฆ่ากันหรือทำร้ายกัน ไม่ใช่”

“ช่วงนั้นข่าวออกมาจะมาทางแง่ลบซะเยอะ แล้วแม่คนไหนจะให้ลูกสาวครับแบบนี้ (ยิ้ม)”

“ตอนคบกัน ผมไม่คิดว่าฟีดแบคจะรุนแรงขนาดนี้ แต่ก็ไม่ได้เสียใจอะไร ไม่คิดว่ามันดีหรือไม่ดี แต่มันก็เป็นอะไรที่ต้องเป็น และกระแสดารามันก็จะมาบูมในช่วงนั้นพอดี แต่ก่อนมันไม่มีหนังสือกอสซิปเยอะขนาดนี้ มันเพิ่งมีมาเมื่อ 3 ปีนี้ที่มีเยอะเหลือเกิน หนังสือดารามันมีแค่ไม่กี่เล่มเอง แต่ทุกวันนี้โห..เยอะมาก ใกล้เคียงกับฮ่องกงไปทุกทีแล้ว”

“แต่โดยส่วนตัว ผมเข้าใจวงการนี้นะครับ ว่า ผลประโยชน์อยู่ตรงไหน และใครต้องการจะทำอะไร ไม่ได้รู้สึกอึดอัด ก็ยังมีพื้นที่ส่วนตัวอยู่ ผมถึงได้บอกว่า ใครจะสัมภาษณ์อะไรมันก็เป็นหน้าที่ของเขา ตราบใดที่เป็นอาชีพของเขา ผมก็ไม่ได้ว่าถ้าไม่ได้ทำความเดือดร้อนให้ผม ไม่ได้มาบุกบ้าน ถ้ามาก็ต้องเจอกันหน่อย หรืออยู่ๆ มาบุกรถมันก็เกินไปหน่อย อย่างที่ฮ่องกง ผมพอมีเพื่อนเป็นดาราฮ่องกง ก็มีอยู่เยอะเหมือนกัน เขาแบบปีนต้นไม้ พยายามจะถ่ายในบ้านให้ได้ อย่างนั้นก็ไม่ไหว เราก็ยังเป็นชาวพุทธกันอยู่ ยังไม่ถึงขนาดนั้น และหวังว่าอย่าถึงขนาดนั้นเลย”

ถึงกับร้อนตัวที่ถูกตีข่าวว่าขายขนมจีบสาวริต้า ทั้งที่ความจริงรู้จักกันแค่ผิวเผินเท่านั้น
“เรื่องข่าวริต้านี่งงสุด เป็นข่าวตอนไปคอนเสิร์ตด้วยกัน โอเคมีรูปเดินสวนกัน ก็โอเคมันขายได้ก็ขาย แต่ที่บอกว่าผมไปว่าอะไรเขา ผมไม่เข้าใจเหมือนกัน เพราะว่าผมไม่เคยให้สัมภาษณ์ เพราะอันนี้งงจริงๆ ครับ เพราะผมไม่ได้รู้จักเขาเป็นการส่วนตัว และก็ทำไมไปมีข่าวว่าผมไปว่าเขา เขาเรียกว่าผมรักความสงบอยู่แล้ว และผมไปว่าผู้หญิงสักคน มีข่าวว่าไปว่าเขามันลบผม และสงสารเขาด้วยแต่ผมก็เข้าใจ”

“ผมไม่ทราบว่าจะเคลียร์กับใครครับ ถ้าจะเคลียร์ก็ต้องเคลียร์กับคนเขียนข่าวครับ คือ มันไม่ดี คือ ถ้าว่าผมไปเดินกับรุ่นน้องอย่างโน้นอย่างนี้ และใส่ไข่ไปหน่อย ว่าจูงมือกันออกไป ผมก็อ่ะๆ ก็ไม่ว่าอะไร แต่คือมันก็เสียอีก คือใครเป็นข่าวกับผม บางคนเขาก็มีแฟนอยู่แล้ว เขาก็มีพ่อแม่”

“ไม่ได้โทษใคร มันก็เป็น แบบถ้าอยากเข้ามาตรงนี้ (วงการบันเทิง) ก็ต้องเกิดแบบนี้ ก็เลยไม่ว่าอะไร แต่ผมบอกได้เลยว่าไม่ได้จีบ รู้แค่ว่าเคยเป็นแฟนเต้ (ไฮโซหนุ่มแฟนเก่าสาวริต้า) และไม่ได้หยอดจีบใครมาเป็นปีแล้ว”

ส่วนที่คนมองว่าทำไมไฮโซชอบมีแฟนเป็นดารา เจ้าตัวสวนกลับอย่างเผ็ดร้อนว่า ดาราเองก็ชอบอ่อยไฮโซเหมือนกัน
“ผมว่ามันตรงกันข้ามกันมากกว่า ดาราชอบไปอ่อยเหยื่อไฮโซมากกว่า ผมว่ามันแล้วแต่บางคน ไม่ได้ทุกคน อย่างคนนี้ฐานะดี มีตระกูลดี ได้แฟนสวย หญิงสวยก็อยากได้แฟนฐานะ ตระกูลดี มันก็เป็นแบบนี้ทุกที่ในโลก อเมริกาก็เป็น คือมันเป็นเหมือนกับการแลกเปลี่ยนกัน เขาก็ดูว่าคบคนนี้ได้กินข้าวดีๆ ตังค์ก็ไม่ได้จ่ายเอง ไปโน่นไปนี่ในที่ที่ปกติดาราก็อาจจะไปไม่ถึง”

“ผมไม่ได้รู้สึก แต่มันเป็นแบบนั้นอยู่แล้ว มันไม่ได้ทำให้ผมรู้สึก คือ มันเห็นมาจนเข้าใจแล้วว่าเป็นอย่างนั้น ไม่ต้องยุคผมหรอก ย้อนไปยุคพ่อผม หรือยุคย้อนกลับไปอีกก็เป็นอย่างนั้น นางงามทั้งหลายก็เป็นอย่างนั้น ไม่ได้คิดว่าใครหลอกใคร ก็อย่างที่บอกไงครับ มันแลกกัน ไม่ได้เป็นแฟชั่นนะ เพราะมันมีมานานแล้ว”

“ถามว่ามันดียังไงที่มีแฟนเป็นดารา บางคนมันก็เหมือนกับมีออปชัน ทำให้ตัวเองดูดีขึ้น ซึ่งบางคนเขาก็อยากได้ตรงนั้น และใครๆ ก็ชอบผู้หญิงสวย เพราะดาราต้องสวยกว่าปกตินิดนึง ถึงเป็นดาราได้ แต่นั่นคือคนทั่วไป เรื่องอวดแฟนคิดว่ามีนะ แต่ไม่ใช่ผม ผมไม่ใช่อย่างนั้น ผมต้องการอยู่กับเขา และมีความรู้สึกดีๆ ให้กัน และก็เข้ากันได้ นี่คือเหตุผลหลักๆ ที่ผมจะเป็นแฟนกับใคร”

“ผมเป็นคนไม่ได้ยึดติดอะไรอยู่แล้ว ถ้าผมเป็นเป็นคนยึดติดผมคงแต่งตัวทุกวัน บางทีรถติดผมก็ขึ้นรถเมล์ ผมสามารถขึ้นมอเตอร์ไซค์ ถ้าหิวผมก็กินข้าวข้างถนนได้ ผมขึ้นสุดได้ลงสุดได้ ถ้ารถติดผมก็ขึ้นเรือขึ้นอะไร ผมไม่จำเป็นต้องยึดติด ว่าฉันจะต้องกินภัตตาคาร 5 ดาว อย่างที่บอกทำในสิ่งที่เราสบายใจมากที่สุด ผมอยู่เมืองนอกมาตลอด อยู่ในสถานที่ที่มันเกินกว่าจะบรรยายได้ และอยู่ในที่ที่คนทั่วไปจะเข้าใจได้มานานมาก จนผมไม่ได้ตื่นเต้นกับอะไรเลย สิ่งที่ผมตื่นเต้นมันจะเป็นเรื่องของความรู้สึกมากกว่า ที่ผมจะได้เห็นที่ใหม่ๆ ความรู้ใหม่ๆ”

“ส่วนแฟนคนต่อไปจะใช่ดาราหรือเปล่า อันนี้ก็ห้าสิบห้าสิบแล้วกัน เพราะมันก็มีแค่ 2 แบบ คือเ ป็นคนในวงการหรือไม่เป็น มันก็มีเท่านี้นี่ครับ ยังไงก็ได้ ถ้าเราเข้ากันได้ อย่างที่บอกนั่นแหละ ปัญญา ศีล ทาน จาคะ เท่ากัน ศรัทธาเท่ากันก็คงใช่คนนั้น ซึ่งเป็นใครก็ได้ครับ”

***
“นัท” สับ “แพท” ขี้ตู่เป็นแฟน “ปู” โต้ทุกข้อหา ขี้เมา-มือหนัก-จอมไถ
[ข้อมูลที่ถูกลบ]
[ข้อมูลที่ถูกลบ]
[ข้อมูลที่ถูกลบ]
[ข้อมูลที่ถูกลบ]
[ข้อมูลที่ถูกลบ]
กำลังโหลดความคิดเห็น