xs
xsm
sm
md
lg

"เขาใหญ่" กับอารมณ์ที่เลยเถิด/อำนาจ

เผยแพร่:   โดย: อำนาจ เกิดเทพ

เมื่อวันเสาร์ที่ 6 ธันวาคมที่ผ่านมาผมมีโอกาสได้ไปเป็นส่วนหนึ่งของผู้ชมคอนเสิร์ต "วินเทอร์ อะคูสติก เฟสติวัล ครั้งที่ 3" ที่โบนันซ่า เขาใหญ่ จัดโดยบริษัทอาร์เอส เฟรชแอร์ฯ ที่มี "วินิจ เลิศรัตนชัย" เป็นหัวเรือใหญ่มาครับ

งานนี้มีศิลปินขึ้นแสดงมากมาย หลากหลายรูปแบบแนวดนตรี อาทิ หิน เหล็กไฟ, ดัง พันกร, สินเจริญ บราเธอร์ส, กรู๊ฟไรเดอร์, อีทีซี น้อย วงพรู, โป้ โยคีเพลย์บอย, โก้ มิสเตอร์แซ็กแมน, เจนนิเฟอร์ คิ้ม ฯ กินเวลาตั้งแต่บ่าย 3 ของวันเสาร์ไปสิ้นสุดเอาเช้าตรู่ของวันอาทิตย์

อากาศในค่ำคืนนั้นถือว่าเย็นสบาย ไม่หนาวจนเกินไปดังที่ใครหลายคนคาดการณ์ เสื้อหนาวที่ไม่จำเป็นจะต้องหนามากซึ่งสวมทับไปบนเสื้อยืดก็สามารถเอาอยู่

ที่ผ่านมาคอนเสิร์ตนี้ต้องบอกว่าค่อนข้างจะถูกวิพากษ์วิจารณ์ในหลายๆ เรื่องด้วยกัน ไล่ไปตั้งแต่ความเหมาะสมของสถานที่ ถนนหนทางในการเดินทางหรือแม้แต่ห้องน้ำที่ให้บริการ ซึ่งทั้งหมดได้รับการแก้ไขในระดับหนึ่ง ทว่าก็ยังมีปัญหาอยู่บ้างทั้งเรื่องของความสะอาด น้ำไม่ไหลเป็นช่วงๆ แต่ทั้งนี้ก็ต้องถือว่าไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใดเมื่อเปรียบเทียบกับคนใช้บริการที่มีจำนวนนับหมื่น

มองกันอย่างผิวเผิน จากรอยยิ้ม เสียงหัวเราะ เสียงกรี๊ด อาการเมามาย ลีลาการเต้น ก็ต้องถือว่าคอนเสิร์ตนี้เป็นคอนเสิร์ตที่สนุกคอนเสิร์ตหนึ่ง(ส่วนจะปรัทบใจหรือไม่ประทับใจนั้นอีกเรื่อง) แต่สำหรับในสายตาผมที่มักจะถูกมองว่าเป็นพวกคนขวางโลก ทั้งคอนเซ็ปต์ของงาน เรื่องของบรรยากาศต่างๆ ที่ออกมา ต้องบอกว่ามันชวนให้รู้สึกหดหู่ใจหายอย่างไรพิกลไม่ทราบครับ

โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับภาพในช่วงเช้า ที่ทั่วทั้งบริเวณที่ใช้นั่ง(นอน)ชมคอนเสิร์ตนั้นเต็มไปด้วยขยะ

ขยะ ขยะ และขยะ ที่มากเสียจนเมื่อมองในยามลมพัดผ่าน ภาพที่ออกมาเป็นราวกับคลื่นทะเล(ขยะ)หลากสีอย่างไรอย่างนั้นเลยละครับ

จริงอยู่ที่ว่าบริเวณดังกล่าวเป็นของเอกชน บริเวณรอบข้างเป็นไร่ข้าวโพด ป่าบริเวณนั้นไม่มีสัตว์ พื้นที่บริเวณนั้นไม่มีบ้านเรือนของผู้คน แต่นั่นหมายความว่าเรา(ซึ่งหมายถึงคนดูคอนเสิร์ต)ไม่จำเป็นจะต้องสนใจอะไรอีกแล้วหรือครับ

ทำไมไม่คิดกันบ้างว่าอย่างน้อยๆ การเข้าไปแสวงหาประโยชน์ในพื้นที่ดังกล่าวซึ่งอาจจะต้องแลกด้วยเงินทองไปแล้วก็จริง แต่ด้วยเหตุผลความสวยงามของทิวทัศน์ อากาศที่เย็นสบาย ที่ธรรมชาติให้มา การตอบแทนคุณมันก็ไม่น่าจะอยู่ในรูปของการทิ้งไว้ซึ่งของที่ระลึกที่เป็นขยะหรือสิ่งปฏิกูลแต่อย่างใด

ก็มิใช่จะมาต่อว่ากันเฉพาะงานนี้เท่านั้นหรอกครับ เพราะส่วนใหญ่ก็เป็นเหมือนกันเกือบจะทุกครั้งทุกงาน ทุกสถานที่ท่องเที่ยวที่มีคนมารวมตัวกันในปริมาณเยอะๆ เพียงแต่ผมรู้สึกว่าคนที่ไปงานนี้น่าจะมีวุฒิภาวะและการศึกษาพอสมควร

น่าสงสัยเหลือเกินครับว่า จิตสำนึกง่ายๆ จิตสำนึกเบื้องต้นในความรับผิดชอบต่อสภาพแวดล้อมรอบข้างของคนในบ้านเรานี้ยังมีเหลืออยู่บ้างหรือไม่? มากน้อยเพียงใด

มันยาก มันลำบากนักหรือกับการหยิบจับเอาขยะที่ตนเองสร้างขึ้นไปทิ้งในที่รองรับ ไปทิ้งในสถานที่ๆ ควรทิ้ง

แน่นอนว่าปัญหาหนึ่งอาจจะมาจากระบบการจัดการ รวมทั้งปริมาณของถังขยะที่จะมารองรับ (ขณะที่บางคนอาจจะคิดไปว่าเดี๋ยวก็มีคนมาเก็บ) แต่ประเด็นต่างๆ เหล่านี้มันคือคำตอบที่ถูกต้องที่สุดแล้วหรือในการที่จะทำให้เรากลายเป็นคนมักง่าย

อีกเรื่องในงานที่ดูแล้วหดหู่ก็คือเรื่องของเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์

เข้าใจครับว่าบริษัทเบียร์ บริษัทเหล้าคือสปอนเซอร์หลัก เข้าใจครับว่าถ้าไม่มีดีกรีแอลกอฮอลล์ ดีรีความสนุกก็อาจจะไม่ถึงขีดสุด แต่ภายใต้เงื่อนไขเพียงเท่านี้ มันจำเป็นด้วยหรือครับที่จะต้องให้โฆษกบนเวทีพูดย้ำแล้วย้ำอีก พูดซ้ำซาก อยู่ตลอดเวลา ราวกับว่าเป็นเรื่องที่ดี น่าส่งเสริม (ประมาณว่าทุกคนต้องดื่มนะโว้ย ไม่เช่นนั้นจะไม่มัน จะไม่สนุกเหมือนกับตรู เช่นเดียวกับการพยายามคุยแต่เรื่องประเด็นของความโสด การเสียตัว เหตุเพราะอากาศดีและเป็ฯใจเหลือเกิน)

ขณะที่การขายก็เป็นไปอย่างอิสระเสรี ไม่ต้องคำนึงหรือตรวจสอบกันเลยว่าจะเป็นการทำผิดกฏหมาย

เรียกว่าเอาสนุก เอามันกันอย่างเดียว โดยที่ไม่มีประโยคในทำนองของการตักเตือนให้แง่คิดอะไรออกมาเลยแม้แต่นิดเดียว

ผมเองก็เป็นคนที่ชอบดื่มครับ แต่ภาพที่เด็กวัยรุ่นทั้งชายและหญิงวัย14-15-16-17 ถือแก้วเบียร์เดินเมาร่อนไปร่อนมา อีกมือก็คีบบุหรี่ควันโขมง มันรู้สึกชวนไม่น่ามองเอาเสียเลย

บางคนอาจจะรู้สึกว่าเป็นเรื่องเล็กน้อยๆ นานทีปีหน แต่ไอ้เรื่องเล็กๆ น้อยๆ หรือไอ้นานทีปีหนนี่แหละครับที่ผมเชื่อว่ามันจะค่อยๆ เพาะบ่มความคิดของเยาวชนในบ้านเราให้เข้มแข็งขึ้นเรื่อยๆ

กระทั่งหลายคนก็แสดงมันออกมาในรูปของสันดานอย่างไม่รู้ตัว
กำลังโหลดความคิดเห็น