กว่า 5 ปี มาแล้ว ที่วันที่ 5 ธันวาฯ กลายเป็นวันที่แสนเดียวดายของ "พ่อนิวัติ บุญทองนุ่ม" คุณพ่อของอดีตนักร้องขวัญใจวัยรุ่น "พาวเวอร์แพท" หรือ "แพท วรยศ" หลังลูกชายสุดที่รักถูกจับในข้อหาค้ายาเสพติด ต้องจำคุก 50 ปี ทำให้ความใกล้ชิดระหว่าง "พ่อ-ลูก" มี "กรงขัง" เข้ามากางกั้น
หัวอกคนเป็นพ่อ ไม่แปลกหากจะผิดหวังที่ลูกทำผิด เสียใจที่ลูกไม่เชื่อฟัง หรือแม้กระทั่งอาจจะถึงขั้นตัดพ่อตัดลูก เพราะทำให้ชื่อเสียงวงศ์ตระกูลแปดเปื้อน แต่สำหรับพ่อแพทแล้ว กลับไม่มีสิ่งเหล่านั้นในความคิดเลย ตรงกันข้ามมีแต่คำว่า อภัย ให้โอกาส ให้กำลังใจ และจะไม่ทอดทิ้ง ถึงแม้ว่ามันจะยาวนานถึง 50 ปีก็ตาม
วันพ่อปีนี้ ถึงจะไม่ต่างจาก 5 ปีที่ผ่านๆ มา แต่พ่อนิวัติบอกว่า ถือเป็นวันพ่อที่วิเศษที่สุด เพราะหนุ่มแพทเพิ่งเข้ารับปริญญาตรี คณะศิลปศาสตร์ เอกสารสนเทศศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช นับเป็นข่าวดีที่ทำให้ครอบครัวหัวใจพองโต ที่เห็นลูกคนนี้กลับตัวกลับใจ และเริ่มต้นสิ่งดีๆ ในชีวิตได้
“ดีใจที่เขาใช้เวลาว่างได้เป็นประโยชน์ เพราะพ่อเคยบอกเขาไว้ว่า เราอย่าทำตัวให้ว่าง ถ้าว่างแล้วมันจะคิดมาก ก็เป็นเรื่องดีๆ เป็นของขวัญวันพ่อ แล้วก็ของขวัญวันเกิดพ่อที่ครอบครัวเราภูมิใจ (พ่อเกิดเดือนธันวาคม) ซึ่งไม่ได้ทำเพื่อพ่อคนเดียว แต่เพื่อตัวเขาเองด้วยเหมือนกัน ภูมิใจมากที่เขาเชื่อฟังที่เราบอก เขาก็คงภูมิใจในตัวเขาเองเหมือนกัน ไปเยี่ยมเมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมาก็บอกเขาว่าพ่อภูมิใจนะ ที่เรียนสำเร็จ ทั้งปู่เขาแม่เขา ครอบครัวเราทุกคนภูมิใจ คนเป็นพ่อ ก็ถือว่าเป็นของขวัญที่พิเศษที่สุดนะ”
“ถึงจะไม่ได้ถ่ายรูปลูกรับปริญญา แต่มันไม่สำคัญนะ เราก็ภูมิใจในตัวเขาอยู่ลึกๆ ถ่ายรูปกับพ่อเนี่ยเมื่อไหร่ก็ถ่ายได้ รอเขาออกมาก็ถ่ายได้ พ่อก็ภูมิใจเหมือนคนทั่วๆ ไป ลูกเราได้รับปริญญา เหมือนหมดหน้าที่ไปอีกเปราะหนึ่งแล้วนะ ก็เหลือแต่ว่าจะทำยังไงต่อไป หรือจะเรียนต่อไปเรื่อยๆ จะต่อโทหรืออะไร ก็ยังไม่ได้คุยกันเป็นกิจจะลักษณะ เคยเกริ่นๆ เอาไว้ แต่ยังไม่ได้พูดคุยกันเป็นเรื่องเป็นราว รอให้ระยะนี้หมดไปก่อน ไม่อยากไปคาดคั้นหรือบีบบังคับเขา รอให้เขาผ่อนคลายสักระยะหนึ่งก่อน”
“พ่อบอกเขาเสมอว่าอย่าว่างนะ อย่าคิดมาก เขาก็จะอยู่ได้ด้วยสิ่งเหล่านี้แหละ ตั้งแต่เขาติดอยู่ใหม่ๆ ก็ให้ข้อเสนอแนะเขานะ ว่าควรจะเรียนยังไง พ่อไม่ได้ขอ ก็ปล่อยให้เขาเลือกเอา อย่างเล่นดนตรีกับวาดรูป เขาก็ทำมันอย่างจริงจัง ทำให้ทุกวันผ่านไปเร็ว ได้ประโยชน์ ที่สำคัญช่วยให้เขาไม่จมปลักกับความคิดฟุ้งซ่าน”
ความรักที่มีให้กับลูกชายคนนี้ ทำให้ต้องเก็บกดความรู้สึกที่ผิดหวังไว้ลึกๆ ข้างใน ด้วยเหตุผลที่ว่า ไม่อยากซ้ำเติมลูกให้ต้องรู้สึกแย่ จนไม่มีกำลังใจที่จะกลับตัวกลับใจ ไม่ว่าจะผิดแค่ไหนก็ให้อภัยได้เสมอ
“สิ่งดีๆ ที่แพททำในวันนี้ พ่อไม่เคยเอามาทดแทนกับเรื่องในอดีต แต่ว่าลึกๆ แล้วเรื่องคดีพ่อก็เครียดเหมือนกัน แต่ว่ามันมีเหตุและมีปัจจัยให้เป็นไปอย่างนั้น เราจะมัวแต่คิดมากไม่ได้ ในเมื่ออยู่ในนั้นเขาควบคุมตัวเองไม่ให้เครียด เราก็ไม่เครียดไปด้วย ส่วนเรื่องผิดหวัง มันก็เป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้วแหละ เพียงแต่ว่าเราไม่สามารถที่จะพูดออกไปได้ เพราะเท่ากับไปซ้ำเติมเขา พ่อจะระวังอย่างมากเลย จะไม่พูดคำนี้”
“ธรรมชาติของพ่อทุกคนก็รู้สึกเสียใจทุกคนนั่นแหละ แต่จะให้กำลังใจเขาตลอด ไม่ซ้ำเติมเขา ตั้งแต่วันแรกที่เกิดเรื่อง พ่อจะให้กำลังใจเขา ไม่ทิ้งเขา เขาประสบปัญหาในชีวิตอย่างนั้นเนี่ย ถ้าเราไปทิ้งเขามันก็ยิ่งไปกันใหญ่ ตั้งแต่เขาติดมาพ่อไม่เคยพลาดเยี่ยมเขาเลย อย่างน้อยอาทิตย์ละหน (เรือนจำอนุญาตให้เยี่ยมได้อาทิตย์ละ 2 ครั้ง) ต้องคอยให้กำลังใจเขาตลอด ไม่อย่างนั้นเขาจะตกไปอยู่ในสังคมในนั้น ซึ่งก็เป็นที่รู้กันอยู่ เพราะฉะนั้นเราก็ต้องทำให้เขารู้สึกว่า มีคนแคร์เขานะ พ่อจะบอกเขาตลอดว่าอย่าไปยุ่งกับสิ่งเลวร้ายในนั้น”
“พ่อจะคอยให้กำลังใจเขา จะบอกรักเขาทุกอาทิตย์ เขาก็จะบอกรักพ่อทุกอาทิตย์ ถ้ามีโอกาสกอดกันได้ก็กอดกัน จะให้ความรู้สึกดีๆ กับเขา ว่าเราไม่ได้ทอดทิ้งเขานะ ครอบครัวไม่ได้ทอดทิ้ง และเราก็ทำอย่างนี้มาตลอด กำลังใจเป็นสิ่งสำคัญ ไม่ใช่เฉพาะแพทอย่างเดียวนะ ครอบครัวอื่นถ้าประสบเหมือนเราก็ต้องให้กำลังใจ มันมีโอกาสผิดพลาดด้วยกันทุกคนนั่นแหละ อย่าไปซ้ำเติมเขาว่าทำอย่างนี้มันไม่ดีนะ มันเลวนี่ เด็กก็จะยิ่งเตลิดเปิดเปิงไปกันใหญ่เลย และประชดตัวเองไปในทางที่ไม่ดีไปเลยก็ได้”
“สิ่งหนึ่งที่พ่อรู้สึกว่ามันเกิดขึ้นก็คือ เราปรึกษากันได้ทุกเรื่อง เราเปิดใจกัน แล้วเขาก็มีความสุขในจุดนี้ไม่ปิดบังความรู้สึก ถ้าเขาขอสิ่งของที่เราไม่สามารถหาให้ได้ เราก็ต้องอธิบายเหตุผลให้เขาฟัง เขาก็จะเข้าใจ บอกไม่เป็นไรแพทรอได้ ก็ไม่กดดันด้วยกันทั้งคู่ แต่แพทก็ไม่ได้ขออะไรมากมายหรอก นอกจากสีวาดรูป กระดาษวาดรูป สายกีตาร์ บางครั้งมันก็ช้าไปสักอาทิตย์สองอาทิตย์ถึงจะหาให้เขาได้”
“พ่อหมดห่วงที่เห็นเขาโตขึ้นมาก มีความรับผิดชอบขึ้นมาก อยู่ในนั้นเขาจะช่วยเหลือและทำทุกอย่าง ก็จะเป็นที่รักใคร่ของคนทั่วไปด้วย เขาจะระวังตัวกับเพื่อนรอบข้างเขาเหมือนกัน เขาจะเลือกคบคน เคยปรึกษาและมาเล่าให้ฟังบ่อยๆ พ่อก็เบาใจไปได้บ้าง เพราะเขาสามารถแกร่งอยู่ในนั้นได้ โดยไม่ไปยุ่งสิ่งที่ผิดกฎในนั้นเลย”
“ตอนเข้าไปใหม่ๆ มีอยู่เรื่องหนึ่งที่เขาจำจนวันนี้ ปกติแพทจะชอบวาดรูป และในนั้นเขามีกฎว่าห้ามสัก แพทก็รู้เท่าไม่ถึงการณ์ ไปวาดรูปบนลำตัวของเพื่อนนักโทษคนหนึ่ง แล้วคนนั้นก็เอารูปที่แพทวาดไปสัก ซึ่งมันผิดกฎ พอทางกรมราชทัณฑ์รู้ เขาก็โยงมาหาแพทด้วย โดนงดเยี่ยมไป 2 เดือน ทีนี้เลยไม่ยุ่งกับใครเลย เขาบอกจำไปจนตาย คือเขาไม่รู้ว่าเพื่อนจะเอารูปที่วาดให้ไปสัก เพียงแค่เขาอยากจะโชว์ ว่าฝีมือวาดรูปเขาเป็นยังไง เพราะชอบวาดรูปอยู่แล้ว”
ระยะเวลากว่า 5 ปีที่ลูกชายถูกจองจำ แบ่งแยกได้แค่ร่างกายที่ห่างกัน แต่ความรักความผูกพัน คุณพ่อบอกจากก้นบึ้งของหัวใจว่า ไม่เคยลดน้อยถอยลงเลย
“ไม่เลือนรางเลย ลักษณะพ่อรักลูกนี่จะไม่เหมือนผู้หญิงรักผู้ชายนะ มันเป็นสายเลือดของเรา เราสามารถดูแลเขาให้ดีที่สุดได้ เขามีความสุข เราก็มีความสุขเท่านั้น เขาไม่เคยมาร้องไห้ ไม่เคยเลย นอกจากตาแดงๆ เท่านั้นแหละ วันที่พ่อไปเยี่ยมเขาวันแรก คือตัวเขาสำนึกผิด แต่ไม่เคยร้องไห้อ่อนแอให้เราเป็นห่วง และพ่อก็ไม่เคยไปประณามเขา หรือพูดให้เสียน้ำใจ”
“ตั้งแต่โตมาพ่อไม่เคยตีเลยสักครั้ง ในครอบครัวของเรา เป็นครอบครัวที่อบอุ่น ก็จะสั่งสอนกันไป พูดกันด้วยความเข้าใจ เพียงแต่ที่เขาพลาดไปคราวนั้น เพราะเขาออกจากบ้านไป ห่างจากเราไป ไม่ได้อยู่ใกล้ชิดเราเพราะเหตุผลที่เขาต้องการเล่นดนตรีที่เขารัก ก็เตลิดไปช่วงนั้น พ่อมานั่งคิดย้อนหลังไป สิ่งเหล่านั้นที่มันเกิดขึ้นมันไม่ถูกต้อง ที่พ่อปล่อยเขาไปใช้ชีวิตเอง เพราะเขาก็ไม่แข็งแกร่งพอที่จะไปอยู่ข้างนอก สมัยนี้กับดักชีวิตค่อนข้างเยอะ”
“แต่ไม่คิดโทษใครนะ ก็ปล่อยให้มันว่างเปล่าไปดีกว่า โทษไปก็เท่านั้นแหละ แต่สมัยที่โดนแรกๆ พ่อก็โทษเหมือนกันนะ โทษตัวเองโทษสิ่งแวดล้อม เราให้วัคซีนเขาไม่เต็มที่ แล้วปล่อยเขาไปสู่โลกภายนอกเร็วไปรึเปล่าในจุดนี้ ตั้งแต่ที่เกิดเรื่องเขาขอโทษเราบ่อยมาก ขอโทษตลอด แต่เราไม่ได้เป็นแบบนั้น ไม่คิดจะไปต่อว่าเขา เราเข้าใจกัน มองตาก็รู้ว่าลูกสำนึกแล้ว เราก็ไม่ซ้ำเติมเขา”
"พ่อไม่เคยร้องไห้เสียใจ ไม่เคยร้องไห้ให้คนอื่นเห็น ส่วนตัวก็ไม่เคยเพราะพ่อปล่อยวาง พ่อเข้าใจ ดีที่เราเป็นคนปล่อยวางค่อนข้างเก่ง ใช้ธรรมะเป็นเครื่องกล่อมเกลาจิตใจมาตลอด ธรรมะเป็นยาที่วิเศษที่สุดนะ ตอนนี้พยายามคุมจิตใจให้มันอยู่นิ่งๆ ไม่ทุกข์ไม่สุข ให้อยู่ระดับกลางๆ เท่านั้น พยายามมองโลกในแง่ดี บางครั้งสิ่งที่มากระทบมันทำให้เผลอไผลไปบ้าง แต่ก็กลับมาตั้งตัวได้ใหม่"
5 ธันวาคม ของทุกปี เป็นวันพิเศษที่พ่อ-ลูกทุกบ้าน จะถือโอกาสนี้สวมกอดแสดงความรักที่มีต่อกันอย่างลึกซึ้ง ซึ่งคุณพ่อคนนี้ก็โหยหาสิ่งนี้เช่นเดียวกัน
“ไม่เฉพาะวันพ่อหรอก อยากกอดทุกครั้งที่เห็นหน้า ได้กอดเขาครั้งสุดท้าย ตอนเจอกันในศาลอุทธรณ์ พ่อขออนุญาตผู้คุม ว่าขอกอดลูกหน่อยนะครับ เขาก็จะให้กอด ครั้งนั้นเป็นครั้งสุดท้าย ความรู้สึกตอนนี้มันดีใจ ตื้นตันใจ ญาติๆ ก็บอกอิจฉาจังเลยได้กอดแพท ถึงจะไม่ได้พูดอะไรกับเขา คือไม่ต้องพูดแล้ว เราส่งความรู้สึกทางกายไปให้ เขาก็รับรู้แล้ว”
“คงต้องรอโอกาสแบบนั้นอีกนาน ต้องยื่นฎีกา ตั้งแต่ขึ้นศาลมา เราไม่เคยต่อสู้ว่าเราถูก แค่ขอความเมตตาจากศาลให้ลดมาจาก 50 ปี ให้น้อยลงมาหน่อยได้ไหม และแพทก็ยอมรับผิดมาตลอด เพราะเขาก็ไม่ได้เป็นตัวตั้งตัวตีในเรื่องนี้ แต่เราไม่อยากรื้อฟื้นเรื่องเก่า เขาตกกระไดพลอยโจรมากกว่า และวันนี้เขาก็คิดได้แล้ว ว่าสิ่งที่ตัวเองทำมันผิด อยู่ในนั้นทำให้เขาได้เรียนรู้ชีวิตหลายอย่าง เป็นบทเรียนที่พ่อชื่อ ว่าเขาเองก็คงไม่กลับไปใช้ชีวิตแบบนั้นอีกแล้ว”
“ถ้าต้องรอเขาอีก 50 ปี พ่อก็ทำใจได้นะ ทุกวันนี้ก็ทำใจอยู่ เวลาศาลตัดสินก็ผิดหวังมาตลอด แต่ก็ไม่ได้ผิดหวังอะไรมาก เพราะเราบอกกันเสมอว่าให้อยู่กับปัจจุบัน ส่วนความหวัง... เราคุยกันว่าเท่าไหร่ก็เท่านั้น เราจะไม่ทิ้งกันอยู่แล้ว เขาก็เข้าใจ ไม่ได้ซีเรียสกับเรื่องนี้ เราก็ทำดีที่สุดแล้ว แล้วแต่ศาลจะเมตตากรุณา แพทและครอบครัวเรากำลังใจเกินร้อยแหละ เราก็บอกเขาว่า ถ้าศาลตัดสินยังไง ถ้าเขาไม่ลดให้ แพทอย่าโทษพ่อนะ เขาก็จะบอกว่า ไม่เคยโทษพ่ออยู่แล้วครับ”
“ความรู้สึกที่มองเข้าไป ความเศร้ามันเกิดขึ้นในตอนแรกๆ แต่พอผ่านไป 6 เดือน เห็นเขาอยู่ในสภาพที่ดี ไม่คิดมาก ไม่ฟูมฟายเราก็ดีขึ้น พ่อไม่คิดมากเพราะเห็นเขาสามารถที่จะปรับตัวได้แล้ว ความคิดพ่อนะ คนเรารักกันไม่จำเป็นต้องอยู่ด้วยกันตลอดเวลาหรอก แต่ความห่วงหาเรามีให้กันตลอดเวลา ความเป็นพ่อลูกกัน มันตัดกันไม่ขาดหรอก มันไม่ได้เหมือนหญิงกับชายรักกัน แต่ความรักในสายเลือดมันยิ่งกว่า ไม่ว่าลูกจะผิดแค่ไหน พ่อแม่ก็สามารถให้อภัยได้หมด”
5 ปี ที่เดินทางไปเยี่ยมลูกชายสุดที่รักนับครั้งไม่ถ้วน รวมระยะทางไม่รู้กี่พันกิโลเมตร แต่พ่อคนนี้กลับบอกว่า ไม่เคยเหนื่อย ไม่รู้สึกท้อแท้ ไม่คิดจะทอดทิ้ง ก็เพราะความ “รัก(ที่มีต่อ)ลูก” นั่นเอง
“พ่อไปเยี่ยมแพทอาทิตย์ละครั้ง ทางเรือนจำอนุญาตให้เยี่ยมอาทิตย์ละ 2 ครั้ง และสามารถโทรหาทางบ้านได้อาทิตย์ละครั้ง มันก็ดีนะ ที่ทางกรมราชฑัณฑ์เขาให้ความสำคัญในสิ่งนี้ ซึ่งเขาก็ดีใจ ก็โทรหาที่บ้านอาทิตย์ละครั้งเหมือนกัน ไม่ได้กำหนดว่าต้องเป็นวันอะไร แต่แพทจะไม่ค่อยได้โทรหาพ่อเท่าไหร่ จำได้ว่าครั้งสองครั้งเอง เพราะพ่อบอกเขาว่า เราเจอกันทุกอาทิตย์อยู่แล้ว ถ้ามีเรื่องด่วนก็โทรมา ถ้าไม่มีก็ไม่ต้องก็ได้เพราะว่าการรอคิวในโทรศัพท์ค่อนข้างจะยาว เราไม่อยากจะรบกวนคนที่เขาเดือดร้อนกว่าเรา นักโทษบางคนญาติไม่มาเยี่ยม หลายเดือนถึงมาเยี่ยมทีหนึ่ง เปิดโอกาสให้คนอื่นดีกว่า”
“ทางเรือนจำจะพิจารณาจากพฤติกรรมของนักโทษ ไม่ใช่อภิสิทธิ์ของแพทคนเดียว ทุกคนได้รับสิทธิ์เหมือนกันหมด แต่ต้องทำเรื่องโทรกลับบ้าน ทางผู้ใหญ่เขาถึงจะอนุมัติมา นักโทษทุกคนมีสิทธิ์เข้ากระบวนการในการโทรกลับบ้านได้ ต้องมีหลักฐานชัดเจนว่าเกี่ยวข้องกันในฐานะอะไร เราอยู่บ้านเลขที่นี้ โทรศัพท์เลขที่นี้ ผู้ใหญ่จะเข้มงวดในการตรวจสอบมาก เวลาคุยก็จะมีผู้คุมอยู่ด้วย เพื่อป้องกันสิ่งล่อแหลม และจะอัดเทปไว้ ก็ให้โทรอาทิตย์ละหนึ่งครั้ง เท่าที่จำได้ครั้งละประมาณ 3-5 นาที”
“พ่อไปทุกอาทิตย์ไม่เคยพลาด ไม่เหนื่อยเลยๆ จะรู้สึกกระตือรือร้นด้วยซ้ำ ไม่ท้อที่จะไปหาลูกเลย ถึงจะมีเวลาคุยกันแค่หนึ่งชั่วโมง เราบอกรักกันเวลาที่พูดคุยกันจบ เขาก็จะบอก แพทรักพ่อนะ พ่อก็รักแพท ดูแลตัวเองนะลูก เป็นประโยคเดียวที่ต้องบอกกันทุกครั้ง ไม่เคยไม่พูด ซึ่งเมื่อก่อนไม่เคยพูดแบบนี้กันเลย ทั้งที่ตอนนั้นก็ความรู้สึกเดียวกัน”
สิ่งต่างๆ ที่ผ่านมา คุณพ่อบอกว่า ไม่ใช่แพทคนเดียวที่ได้บทเรียน พ่อเองก็ได้เรียนรู้สิ่งเหล่านั้นด้วยเช่นกัน ในเมื่อกลับไปแก้ไขอดีตไม่ได้ ก็ให้อยู่กับวันนี้ให้ดีที่สุด ส่วนชีวิตที่เหลือ ก็ได้แต่ภาวนาให้ลูกชายสามารถยืนหยัดในสังคมได้ ในวันที่เขาพ้นโทษออกมาแล้ว
“มันก็ให้เราคิดว่า ชีวิตของแต่ละคนมันไม่ได้จบดีทุกคนหรอก มีสำเร็จมีผิดพลาดกันได้ทั้งนั้น สำคัญที่ถ้าผิดแล้วเราจะสู้กับมันยังไง จะแก้ปัญหายังไง แต่ถึงยังไง ต้องไม่ลืมที่จะให้ความรู้สึกที่ดีต่อกัน พ่อจะบอกให้อยู่กับปัจจุบัน อย่าไปคิดถึงอดีต เพ้อฝันถึงอนาคต ไม่ทุกข์ไม่สุขให้อยู่ตรงกลาง ให้อยู่กับปัจจุบัน ก็ภูมิใจนะที่เขาทำตัวได้ เพราะต่อให้เราพยายามปลูกฝังแค่ไหน ถ้าเขาไม่ทำ ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งนะ ศรัทธามันต้องมาก่อน มันถึงจะปลูกฝังคนได้”
“เขาทำให้พ่อเบาใจ ไม่เป็นกังวล ตอนนี้เห็นบอกว่ากำลังวาดรูปส่งประกวดวันพ่อ แต่พ่อยังไม่เห็นว่าเขาวาดอะไรไป ถ้าชนะก็ดีนะ เขาจะได้ดีใจ ถ้ามีอะไรเติมเต็มให้เขา ก็ดีนะ มีกำลังใจเพิ่มขึ้น ถ้าห่อเหี่ยวชีวิตก็ดำเนินไปไม่ได้ ก็ต้องต่อสู้ต่อไป เขาพูดบ่อยๆ ว่าอยู่ข้างในก็เหมือนอยู่ในหมู่บ้านนั่นแหละ แต่ทำผิดกฎหมู่บ้านไม่ได้ ไม่อย่างนั้นจะโดนลงโทษ พ่อว่ามุมมองชีวิตมันทำให้คนเราอยู่กับปัจจุบันได้”
“อยากจะบอกกับลูกๆ ทุกคนว่า เป็นพ่อเป็นแม่เขารักเรามาก ก็พยายามเชื่อฟังที่เขาสั่งสอน อย่าไปดื้ออย่าไปเชื่อเพื่อนฝูงมาก ให้เชื่อฟังพ่อแม่ปู่ย่าตายายให้มากๆ เพราะเขาเห็นสังคมมามากกว่าเรา ถ้ามีอะไรผิดพลาดขึ้นมา แล้วเราคาดไม่ถึงเรื่องเล็กๆ น้อยๆ มันจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ได้ ดูแพทเป็นตัวอย่างก็ได้ ว่าถ้าไปหลงตัวเอง ว่าเราเก่ง เราฉลาด เราไม่เป็นอย่างนั้นอย่างนี้ ไม่พลาดทุกอย่าง มันไม่แน่นอนหรอก ให้ฟังอย่างที่สอน อย่ามั่นใจความคิดตัวเองอย่างเดียว”
ถึงบรรทัดนี้แล้ว เถียงไม่ได้เลย ว่าจะมีสิ่งไหนที่ "ยิ่งใหญ่" ไปกว่า "ความรักของพ่อ"