"ก้อย" ยันยังหวาน "เป้" ไม่มีระหองระแหง บอกไม่เคยห่างฝ่ายชายเกินสองวัน ฝากต้นตอคนปล่อยข่าวข้องใจเจอกันได้ เผยชินข่าวฉาวถี่ ฟุ้ง "เป้" ขำๆ ไม่ซีเรียสข่าวเลิกกัน
มีข่าวเป็นระลอกๆทีเดียวสำหรับ คู่รักคู่ฮอต "ก้อย รัชวิน วงศ์อารายะ" กับนักร้องหนุ่ม"เป้ อารักษ์ อมรศุภศิริ" คบกันระยะหนึ่งแล้ว ก็เรียกว่าข่าวคาวหนาหูไม่แพ้คู่อื่นๆ ล่าสุดมีกระแสข่าวว่ามีคนใกล้ตัวปล่อยข่าวว่าทั้งคู่ เริ่มระหองระแหงกันเพราะทะเลาะกันบ่อย ร้อนถึงสาว"ก้อย" ออกโรงโต้ งงกับข่าวที่เกิดขึ้น ยันความสัมพันธ์ยังเหมือนเดิม และเริ่มชินกับข่าวที่เกิดขึ้น
"ไม่เป็นความจริงเลย ก็ยังงงกันอยู่เลยข่าวแบบนี้เกิดขึ้นมาได้อย่างไร คิดว่าข่าวออกมาได้อย่างไร ก็งงเหมือนกัน ก่อนหน้านั้นมีพี่นักข่าวเข้ามาถามเหมือนกัน คือตอนนั้นก้อยไปถ่ายหนังสือเดียวกับเป้ แต่เราก็แต่งหน้าคนละที่ แล้วก็โดนเขามาถามว่าทะเลาะกันหรือเปล่า ก้อยกับเป้ก็งงกันมาก เพราะพี่ช่างทำผม กับช่างแต่งหน้าอยู่คนละที่ มันก็ต้องแต่งหน้าคนละที่อยู่แล้ว ก็ไม่ได้มีเรื่องอะไรกัน เขาก็บอกว่าเกิดเหตุมาจากตรงนั้นก็ขำๆไม่ได้ซีเรียสอะไร"
"ความสัมพันธ์กับก้อยและเป้ยังเหมือนเดิมค่ะ ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง คนรอบข้างก็รู้ดีว่า ความสัมพันธ์ของก้อยเป้เป็นอย่างไง ถึงแม้ว่าคนจะมองว่าดังแล้วห่างกันมันก็ไม่ใช่ค่ะ เพราะเราต่างคนตางก็ทำงานก็จริงแต่เราก็ยังหาเวลาหาโอกาสที่เราจะได้มาเจอกัน เราก็ยังคุยกันเหมือนเดิม ไม่ได้มีอะไร ไม่ได้ห่างกันคะเพราะจริงๆแล้วเราเจอกันเกือบทุกวันน่ะค่ะ นานสุดที่ไม่ได้เจอกันก็แค่สองวัน นอกจากว่าเราสองคนไปทำงานต่างจังหวัดทั้งคู่ และเราก็จะพยายามที่จะเจอกันค่ะ"
ลั่นเริ่มชินกับข่าว และเข้าใจอยู่แล้วว่าอาจต้องห่างจากแฟนหนุ่มเพราะงาน
"ก้อยไม่ได้ซีเรียสอะไรอยู่แล้วค่ะ ก้อยว่าการที่เรามาอยู่ในวงการนี้เราก็คงต้องเจออะไรแบบนี้อยู่แล้ว ก็คงชินมากกว่าน่ะค่ะ เข้าใจค่ะ ตอนนี้คิดว่าไม่รู้สึกอะไรอย่างนั้น มันไม่ได้มีเหตุการณ์หรือว่าเกิดเหตุการณ์ตอนที่ข่าวออกไปว่าห่าง คือเราก็ทำงานมาได้สักพัก ตั้งใจทำงานให้มันเต็มที่ เราก็ไม่ได้โฟกัสเรื่องความสัมพันธ์ของเราอะไรมากมายเป็นธรรมดามาอยู่แล้ว ก้อยว่าอยู่ในวงการบันเทิงเราก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่ต้องมาเจอข่าว แต่ก็เข้าใจ"
ลั่นไม่คิดจะหาต้นตอปล่อยข่าว ลั่นมีปัญหาอะไรก็มาเจอกันได้
"ไม่คิดที่จะหาต้นตออะไร คือพอคุยกับเป้ก็ขำๆกันมากกว่าแต่คือว่า เราก็ไม่รู้ว่ามันเกิดมาได้อย่างไรอะไรที่เป็นสาเหตุ เพราะว่าจริงๆแล้วการเสพข่าวในบ้านเรา มันก็ขึ้นอยู่กับวิจารณญาณของแต่ละคนอยู่แล้ว ว่าอันไหนมันจริงไม่จริง บางทีอย่าไปเชื่อมันมาก เหมือนกับฟังหูไว้หู บางทีไม่ได้มีอะไรที่จริง ร้อยเปอร์เซ็นต์ ไม่มีอะไรที่ถูกต้องร้อยเปอร์เซ็นต์ ก็มาติดต่อผลงานกันดีกว่า วัดกันที่ผลงานกันดีกว่า เรื่องส่วนตัวมันก็เป็นแค่เรื่องนอกกาย ถ้ามีอะไรก็มาเจอกัน"
