"แตงโม" โต้ "ก้อง" หึงจัดรื้อกระเป๋าส่วนตัว เช็คโทรศัพท์จับพิรุธแฟนสาวหวั่นมีกิ๊กใหม่ เจ้าตัวแจงเรื่องธรรมดาของผู้ชายแต่ยอมรับอึดอัดช่วงแรก บอกเข้าใจแสดงถึงความห่วงใย เผยแฟนหนุ่มเป็นเงาตามตัวเรื่องปกติ เปรยอีกฝ่ายสั่งห้ามถ่ายหวือ พร้อมปัดเกเรเข้ากองสาย ไม่ยอมทำการบ้านอ่านบทล่วงหน้า
พอเปิดตัวว่าคบหาดูใจกันไม่ทันไร ดูเหมือนไฮโซหนุ่ม "ก้อง กรุณ โซโสตถิกุล" ยอมเป็นเงาตามตัวนางเอกสาว "แตงโม ภัทรธิดา พัชระวีรพงษ์" แบบไม่ห่าง วันไหนที่ไม่ได้อยู่ด้วยกันฝ่ายชายก็จะโทรตามเช็คตลอดเวลาว่าแฟนสาวทำอะไรอยู่กับใครที่ไหน แถมยังเช็คทั้งโทรศัพท์ กระเป๋าพก แสดงออกถึงอาการหึงหวงนางเอกสาวออกนอกหน้า ซึ่งเรื่องนี้นักแสดงสาว "แตงโม" ยันแฟนหนุ่มไม่เคยรื้อกระเป๋า เช็คโทรศัพท์จับพิรุธใดๆ รับช่วงแรกอึดอัดกับพฤติกรรมหึงเกินเหตุแต่เข้าใจได้
"อันนี้ต้องไปถามเขาเอง (หัวเราะ) ไปถามเอาเองนะคะ โอ้ย..ไม่ถึงขนาดนั้หรอก ไม่เช็คกระเป๋า ในกระเป๋ามีแต่กระเป๋าตังค์ เครื่องสำอางแล้วโทรศัพท์ เขาไม่เคยมาเปิดดู เพราะว่าโมคุยกับใครก็คุยต่อหน้าเขานั่นแหละ ไม่มีอะไรให้เช็ค ถามว่าเขาขี้หึงไหม (หัวเราะ) โมว่าธรรมดาของผู้ชาย"
บอกให้คำตอบยากถามถึงความห่วงใยของหนุ่ม "ก้อง" ที่มีให้นางเอกสาว
"โอ้...ก็ตอบยากเลยทีเดียว ก็เทียบเท่าคุณพ่อได้เลยทีเดียว เพราะว่าบางทีคุณพ่อยังปล่อยโมเยอะกว่าด้วยซ้ำ อาจจะเพราะคุณพ่อเขาไว้ใจแล้วก็รู้ว่าโมไม่ได้ไปทำอะไร ไม่ใช่ไม่ไว้ใจหรอก แต่โมว่ามันเป็นเรื่องธรรมดาของผู้ชาย ไม่ใช่ว่าโมไม่เป็น โมก็เป็นเหมือนกันนั่นแหละ ถามว่าใครขี้หึงมากกว่ากันผู้ชายขี้หึงมากกว่าผู้หญิงแน่นอนที่เราเจอผู้ชายมากกว่า"
"แรกๆ ก็มีอึดอัดบ้างเพราะว่าเรามีความรู้สึกว่าเราดูแลตัวเองได้มาตลอด แต่พอนานๆไปเราจะเริ่มเข้าใจว่าความเป็นห่วง ความหึงหวง มันมีพื้นฐานมาจากความห่วงใยก็คือความปราถนาดีว่างั้นเถอะ คือจุดกำเนิดจากสิ่งที่ดี ไม่ใช่ว่าเขาอยากจะมามีปัญหากับเรา อยากจะมีปากเสียง อันนั้นไม่ใช่ คือจุดที่ทำให้คนหลายๆ คน หลายคู่ที่คบกันที่มีการหึงหวงหรือว่าเป็นห่วงเป็นใยมากผิดปกติ มันคือมาจากจุดเล็กๆ ความปราถนาดีนั่นแหละ หลังๆ โมจะเริ่มรู้สึกว่าถ้าวันนึงไม่มีเขามาห่วงใยแบบนี้มันจะยิ่งแย่ อันนั้นมันเป็นเรื่องที่ไม่ดีแล้ว ยกตัวอย่างง่ายๆ เวลาออกไปข้างนอก มีคนรู้จักหรือคนที่เข้ามาขอถ่ายรูปด้วย บางทีแตะเนื้อต้องตัว อันนั้นก็เป็นสิ่งที่ไม่ควร ไม่ต้องถึงใครโมเองก็ไม่ชอบอยู่แล้ว เพราะว่าบางทีถ่ายแค่ครึ่งตัวบนแต่เอามือมากอดเอวทำไม คือตัวโมเองก็ไม่ชอบ"
ถามต่อว่าเป็นเพราะเขาห่วงอย่างนี้ด้วยหรือเปล่าเขาถึงขอไปไหนมาไหนด้วยบ่อยๆ เจ้าตัวปฏิเสธแต่ออกกฎเหล็กห้ามถ่ายแฟชั่นหวือ
"จริงๆ ไม่เชิงขอไปด้วยเหมือนเราอยู่เป็นเพื่อนที่จะไปไหนมาไหนกันเป็นปกติอยู่แล้ว เป็นกิจวัตรประจำวันที่เราจะต้องทำด้วยกันทุกวัน เราอยู่เป็นเพื่อนกันไม่ได้เพื่อเป็นการคุมหรือว่าเป็นการขอติดสอยห้อยตามไป มันไม่สูญเสียความเป็นส่วนตัวเหรอ เออ... โมว่าแรกอาจจะมี ต่างคนต่างจะมีโลกส่วนตัว แต่พอเราใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันเรื่อยๆ มันกลายเป็นโลกเดียวกันไปแล้ว เพราะว่าบางทีเราแยกกันทำอะไร เราต้องโทรรายงานเล่าให้กันฟัง ไปซะเลยด้วยกันง่ายกว่าไม่ต้องโทรรายงาน (หัวเราะ)"
"มันเป็นด้วยธรรมชาติ มันไม่ได้เป็นการตั้งใจเพื่อจะทำให้ได้ใช้เวลาด้วยกัน เรื่องแฟชั่นก็มีห้ามบ้างแต่ก็เข้าใจว่าเขาก็ไม่อยากจะให้เราไปดูไม่ดีในสายตาของคนอื่น มันก็ไม่ใช่แค่ตัวเขาอย่างครอบครัวโม เพื่อนๆ ก็มีเตือนว่าลิมิตเธอประมาณนี้ดีอยู่แล้ว อย่าทำไปมากกว่าที่เคยทำ จริงๆ แล้วโมเองก็มีลิมิต โมก็ถ่ายเท่าที่เห็นกันนะ โมจะไม่ถ่ายอะไรที่มันมากไปกว่านี้อยู่แล้ว ตลอดเวลา 4 -5 ปี โมก็ทำอยู่แค่นี้แหละ ถามว่ามีผลไหมการที่เราจะรับงานเราต้องนึกถึงเขามีส่วนมากๆ อย่างบางงานที่ค่อนข้างล่อแหลม สามบุคคลเลย พ่อ ช่อง พี่ก้อง นอกจากตัวเงอแล้วก็จะมีสามสิ่งใหญ่ มีแฟชั่นถ่ายคู่ทาบทามมาคะ โมว่าเรายังไม่พร้อม อะไรที่อยู่บนความพอดีก็ดีแล้ว อะไรมากไปมันก็จะอ๊วก"
ปัดกรณีมากองถ่ายละครค่ายเอ็กแซ็กท์ที่เจ้าตัวรับเล่นต่างบ้านเรื่องแรกสายและไม่ทำการบ้านอ่านบทก่อนเข้าฉาก
"อันนี้ใครบอกมา อืม...โมไม่เคยไปสายเลยนะเพราะว่ากองละครเอ็กแซ็กท์เพิ่งเปิดกล้องได้แแค่ไม่กี่วัน อ่านบทก็อ่าน ยอมรับเลยว่าเอ็กแซ็กท์เป็นที่ที่มีมาตรฐานค่อนข้างสูง ฉะนั้นโมทำการบ้านหนักกว่าปกติแน่นอน แน่นอนเลยเพราะว่าปกติโมก็เครียดกับตรงนั้นอยู่แล้ว ทุกๆ คนในกองจะรู้สึกเลยว่าโมเครียด เครียดขึ้นสมองพอเครียดขึ้นสมองแล้วเล่นไม่ได้ ทุกคนจะรู้เลยว่าโมทำการบ้านมา แต่ว่าถ้าความสามารถโมมันไม่ถึง อันนั้นมันเรื่องของความสามารถ แต่ถ้าถามทำการบ้านไหม ทำการบ้านแน่นอน"