หลังจากที่เพิ่งครบรอบวันเกิดอายุครึ่งศตวรรษไปเมื่อวานนี้ "ไมเคิล แจ๊กสัน" ราชาเพลงป็อปชื่อดังก็เพิ่งมีงานฉลองวันเกิดของตนเองที่เพิ่งผ่านไปแบบเงียบๆ โดยชีวิตครึ่งศตวรรษของเขาเป็นช่วงเวลาที่เงียบเหงาและน่าเศร้าเสียจริงๆ
แม้ว่าจะมีอายุครบ 50 ปีไปเมื่อวานนี้ ( 29 ส.ค. ) แต่ดูเหมือนว่า "ไมเคิล แจ๊กสัน" จะยังคงมีหัวใจเป็นเด็กอยู่เสมอ
"ผมคงจะมีแค่มีเค้กชิ้นเล็กๆฉลองกับลูกๆ และเราอาจจะนั่งดูการ์ตูนด้วยกัน" เขาเคยให้สัมภาษณ์ว่าจะจัดงานวันเกิดของเขาแบบสบายๆผ่านทางโทรศัพท์กับรายการ Good Morning America ของช่อง ABC News
ไมเคิล แจ๊กสัน คุณพ่อลูก3 ผู้ผ่านการหย่าร้างมาถึง 2 ครั้ง พยายามมอบชีวิตที่แสนธรรมดาที่สุดให้กับลูกๆทั้ง ปริ๊นซ์ ไมเคิล วัย 11 ปี, ปารีส วัย 10 ปี และ แบล๊งเคท วัย 6 ปี
"ผมจะปล่อยให้พวกเขามีความสุขกับช่วงชีวิตวัยเด็กให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ผมให้พวกเขาไปเล่นที่ร้านเกมส์ ไปดูหนัง และทำสิ่งต่างๆ ผมคิดว่าอยากให้เป็นธรรมชาติเหมือนเด็กคนอื่นๆ ผมอยากให้พวกเขาได้ทำสิ่งต่างๆที่ผมไม่เคยได้ทำตอนเด็กๆ ผมเป็นสุขมากเมื่อได้เห็นพวกเขามีช่วงเวลาที่สุดแสนวิเศษเหล่านั้น"
ในส่วนของอาชีพนักร้อง แจ๊กสันเคยให้สัมภาษณ์ไว้ว่า "ผมกำลังตั้งตาคอยที่จะได้ทำงานที่ยอดเยี่ยมเหล่านั้นอีก ผมคิดว่าสิ่งที่ดีที่สุดยังมีเข้ามาในความคิดที่แสนต่ำต้อยของผมอยู่เรื่อยๆ"
เขายังกล่าวอีกว่าอัลบั้มที่ติดบล็อกบลัสเตอร์อย่าง Thriller และ Off The Wall ได้กลายเป็นช่วงเวลาที่เขามีความสุขมากที่สุดในชีวิต
"นั่นมีความหมายมากเลยสำหรับผมและดูเหมือนว่าจะเป็นช่วงที่ผมได้รับสิ่งที่ดีสิ่งที่งดงามที่สุดจากสาธารณชนและคนทั้งโลก"
ชื่อเสียงของไมเคิล แจ๊กสันในฐานะนักร้องเริ่มตกต่ำลงหลังจากที่เขาถูกฟ้องร้องในคดีทำอนาจารเด็กเมื่อปี 2003 แม้ว่าทุกอย่างจะเคลียร์ชัดหมดแล้วแต่เรื่องราวเหล่านั้นได้ส่งให้เขากลายเป็นคนรักสันโดษนับตั้งแต่นั้นมา
ไมเคิล แจ๊กสัน เป็นหนึ่งในศิลปินที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักของคนทั่วโลก เติบโตมาในฐานะศิลปินตั้งแต่ยังเป็นเด็ก และช่วงวัยรุ่นที่ได้ออกอัลบั้มเดี่ยวเขาเชื่อแน่ว่าอัลบั้มเพลงของเขาจะสามารถทำยอดขายได้มากที่สุดถล่มทุกสถิติและไม่เคยมีใครทำได้มาก่อน ซึ่งทุกสิ่งเป็นไปตามที่เขาคาดไว้ทั้งสิ้น
นอกจากนั้นเขายังเป็นที่รู้จักกันดีในฐานะของนักร้องที่เปิดคอนเสิร์ตใหญ่ไปทั่วทุกมุมโลก เคยปินศิลปินที่ยิ่งใหญ่มากที่สุดคนหนึ่งของโลก
หากแต่ทุกวันนี้เขาใช้ชีวิตอยู่อย่างลำพังกับบอดี้การ์ดไม่กี่คนและลูกๆทั้งสามคนของเขาในลาสเวกัส
เขาไปไหนมาไหนด้วยรถเข็น และสวมชุดนอนที่ดูแปลกประหลาดกับการปกคลุมรูปร่างหน้าตาด้วยหมวก แว่นตา ถุงเท้า ผ้าคลุมหน้า โดยเหลือเพียงมือซีดๆที่ทิ้งให้เห็นถึงสภาพอันทรุดโทรมของราชาเพลงป็อปคนนี้เท่านั้น
ด้วยสภาพร่างกายที่ทรุดโทรมเช่นนี้ การกลับมาอีกครั้งของ ไมเคิล แจ๊กสัน จึงเป็นเรื่องที่ยากและยังเป็นข้อกังขาให้เกิดขึ้นกับผู้ที่คร่ำหวอดในวงการเพลงถึงศักยภาพในตัวเขาว่าจะสามารถกู้ภาพลักษณ์ของราชาขาแด๊นซ์บนเวทีกลับมาอีกครั้งได้หรือไม่
เหตุการณ์เช่นนี้ ตัวไมเคิลเคยคาดเดาเอาไว้แล้วเช่นกัน เพราะถ้าย้อนกลับไปสิบปี เขาเคยให้สัมภาษณ์ไว้ด้วยว่า "เมื่อใดก็ตามที่ผมขึ้นไปบนเวที ผู้คนต่างคาดหวังกับผมไว้มาก พวกเขาต้องการเห็นผมเต้น หมุน และทำทุกๆอย่างที่พวกเขาคาดหวังว่าจะได้ดู แต่ผมไม่รู้หรอกว่าผมจะทำแบบนี้ได้อีกนานเท่าไหร่ ผมไม่รู้เลยว่าเมื่อไหร่ที่ผมจะไม่สามารถทำแบบนี้ได้อีกแล้ว"
ทุกวันนี้ไมเคิล มีปัญหาในเรื่องของกระดูกค่อนข้างมากทั้งเรื่องของหัวเข่า ข้อเท้า และตามข้อต่อนิ้ว ทำให้เขาต้องใช้รถเข็นเป็นพาหนะที่จะทำให้เขาเคลื่อนที่ไปตามที่ต่างๆได้
เห็นชัดว่าความมั่นใจในตนเองของไมเคิลที่เคยมีสมัยเป็นเด็กนั้นหายไปหลังจากที่มีกระแสข่าวด้านลบเกี่ยวกับตัวเขาออกมามากมาย และสิ่งนี้เองที่เขากลัวว่าแฟนๆที่เคยชื่นชอบเขาในจำนวนมหาศาลจะกลายมาเป็นศัตรูผู้ต่อต้านตัวเขาเสียเอง
แต่ถึงอย่างไรความเป็นราชาของเขาก็ยังคงปรากฏอยู่และพิสูจน์ให้เห็นว่าแฟนเพลงของเขาแยกแยะได้ว่าอะไรเป็นอะไร เมื่ออัลบั้มรีแพ็กเกจ Thriller ของเขาเมื่อไม่นานมานี้สามารถทำยอดขายได้ถึง 3 ล้านแผ่น
"ผมช็อคจริงๆ ผมไม่อยากจะเชื่อเลยว่าคนจะยังซื้อมันอยู่อีก ผมได้ยินมาว่ามันขายได้มากกว่า 3 ล้านแผ่นทั่วโลก คุณเชื่อไหม?"
ประเด็นหนึ่งที่เป็นที่กล่าวถึงสำหรับไมเคิลนั้นคือ การทำศัลยกรรมพลาสติก ซึ่งเจ้าตัวได้เอ่ยถึงเรื่องนี้เอาไว้เมื่อต้นปีว่า "ผมเดาว่า ทุกๆคนย่อมเคยทำผิดพลาดเมื่อครั้งยังเป็นเด็ก แต่ผมก็ยังคงดูโอเคอยู่ จริงไหมล่ะ? ผมหมายถึงดูดีอยู่ขณะที่ผมอายุ 40 ปีแล้ว"
เมื่อถูกย้ำว่าจริงๆแล้วปีนี้เขามีอายุครบ50 ปี เขาได้แต่ทำหน้าเศร้าและยิ้มเล็กน้อยพร้อมพูดว่า "ทุกอย่างมันผ่านไปเร็วจริงๆเลยนะ คุณว่าไหม? ผมขอให้ผมได้กลับไปทำอะไรแบบเก่าๆได้อีกครั้ง ผมอยากทำจริงๆ"
แต่จากสภาพดูเหมือนว่าช่วงเวลาแห่งการกลับไปโด่งดังอีกครั้งของไมเคิล จะผ่านพ้นไปแล้วเพราะเมื่อสัปดาห์ที่แล้วนี่เองที่เขาได้ให้สัมภาษณ์ทิ้งท้ายไว้ว่า
"ผมเหนื่อยเหลือเกิน ผมไม่มีอะไรเหลือทิ้งไว้ให้แล้ว ผมแค่ต้องการอยากอยู่คนเดียว มันน่าเศร้ามากเลยว่าไหม?"