“ร็อคกี้” หลั่งน้ำตาแจงแทนพ่อ ลั่นพ่อไม่ใช่อันธพาล แต่ทำไปเพราะอยากปกป้องลูก ส่วนสาเหตุที่แท้จริง ตนไม่สามารถเอาเรื่องภายในองค์กรมาเปิดเผยได้ บอกเหตุที่ไม่ให้พ่อออกมาชี้แจง เพราะอยากให้พัก ส่วนตนจะลาออกจากดีเจคลื่นเดิมหรือไม่ ให้ผู้ใหญ่ตัดสิน
หลังจากมีเรื่องมีราวกับดีเจ และ ผอ.คลื่น ไปเมื่อวานนี้ (21 ก.ค.) สำหรับนักร้องลูกทุ่งชื่อดัง “สุรชัย สมบัติเจริญ” ทายาทครูเพลง “สุรพล สมบัติเจริญ” หลังบุกสถานีลูกทุ่งมหานคร ซัดดีเจน่วม แล้วหายตัวเงียบไป โดยในวันนี้ (22 ก.ค.) ลูกชายอย่าง “ร็อคกี้ สุรบดินทร์ สมบัติเจริญ” พร้อมด้วยแม่และครอบครัว ร่วมชี้แจงกรณีดังกล่าวแทนผู้เป็นพ่อทั้งน้ำตา โดยบอกสั้นๆ ว่า ขอแถลงข่าวแทน เพราะพ่อเหนื่อยมามากแล้ว แต่ไม่ขอระบุปัญหาภายในที่เกิดขึ้น ลั่นยอมความคู่กรณีเรียบร้อยแล้ว
โดยเปิดใจที่ร้าน “inside the glory” ชั้น 6 มาบุญครอง ท่ามกลางสื่อมวลชนที่มารอทำข่าวจำนวนมาก โดยเจ้าตัวเปิดใจทั้งน้ำตา และขอโทษแทนพ่อต่อเรื่องที่เกิดขึ้น และมีสาเหตุมาจากตน แต่ไม่สามารถเผยปัญหาภายในได้ ยันพ่อไมได้หนี แถมให้นามบัตรตำรวจตามตัวได้อีกต่างหาก
“แรกเลยต้องขอบคุณทางฝั่งโน้นก่อน ก่อนจะมาแถลงข่าวได้คุยกันแล้ว บอกแล้วว่าจะเคลียร์กันในวันนี้ เมื่อเที่ยงที่ผ่านมา ตำรวจติดต่อมาหาผม แล้วก็คุยกันฝ่ายโน้นไม่ติดใจยอมความ เพราะว่าทาง อสมท ก็ไม่ติดใจเอาความด้วย อีก 2-3 วันก็จะเคลียร์คดีให้ ที่วันนี้มาแถลงข่าวเพราะว่าผมไม่มีปัญหาอะไรกับทาง อสมท ที่นั่นดีมาก ผู้ใหญ่ทุกคนดีกับผมมาตลอด ตอนที่เขารู้เรื่องตอนนั้นเขาอยู่บ้าน กะว่าจะเข้าออฟฟิศพอดี ปรากฏว่า โทร.ไป พ่อบอกว่าพ่อรออยู่ที่ อสมท ไม่ได้ไปไหนด้วยรออยู่ที่นั่น”
“ พอผมรู้ก็ตกใจก็เลยบอกว่าพ่อออกมาเดี๋ยวนี้ แต่พอใจดียังรออยู่ที่นั่น ยังยื่นนามบัตรให้ตำรวจ มีอะไรให้รีบติดต่อกลับมา แล้วพ่อก็ออกมาไม่ได้หนี ผมไปถึง อสมท เขาไปสน.ห้วยขวาง หมดแล้ว เรื่องเรียบร้อยเคลียร์กันเรียบร้อยแล้ว พอไปถึง สน.ผมได้เจอพี่เขาก็ขอโทษแทนพ่อ สำหรับเรื่องที่เกิดขึ้น พาพี่เขาไปกินข้าว ไปโรงพยาบาลดูแลเป็นอย่างดี
“ส่วนพ่อให้แม่ไปตาม แกคงสะเทือนใจเหมือนกัน สาเหตุเนี่ย เท่าที่ทุกคนรู้ ก็คือ เรื่องสปอตโฆษณา จริงๆ แล้วไม่อยากจะพูดเรื่องนี้ ก็ต้องขอโทษพี่ๆ ด้วย เชื่อว่า หลายคนตามตัวอยู่ ที่ออกมาพูดแบบนี้ เพราะห่วงสวัสดิภาพของพ่อ (เสียงเริ่มสั่นเครือ) ต้องทำให้พ่อปลอดภัยก่อน
“(ร้องไห้)...อย่างที่บอกไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ผมคุยกับทนาย คุยกับพี่คู่กรณี พี่ที่ อสมท ผมขอโทษ อะไรที่ให้อภัยได้ อยากให้ ให้อภัยพ่อผม ให้ผมทำอะไรก็ได้ผมยอมหมด นั่นก็พ่อ นี่ก็พี่ ให้ผมทำอะไรก็ได้ผมยอม”
บอกอึดอัดกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น แต่ไม่อยากให้พ่อตกเป็นจำเลยสังคม ขอรับผิดเอง ยอมรับเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น บอกสาเหตุที่ไม่ให้พ่อแถลงข่าวเอง เพราะตนอยากให้พัก ก่อนเผยพ่อไม่ทิ้งชื่อเสียง เพราะเงิน 5 หมื่นบาทแน่นอน
“ผมอึดอัดพอสมควร แต่ขอให้ผมทำอะไรก็ได้ แต่ขออย่าทำอะไรพ่อผม จริงๆผมไม่อยากพูดเรื่องนี้อีกแล้ว แต่เพราะทุกอย่างพ่อทำเพราะผม แต่เรื่องที่เกิดขึ้นเนี่ยผมยังเป็นหนึ่งใน อสมท สำหรับเรื่องภายในเดี๋ยวไปคุยกันอีกที แต่ที่ต้องพูดวันนี้เพราะพ่อผมเป็นจำเลยสังคม..(ร้องไห้) จริงๆ แล้วมันไม่เกี่ยวกับสปอตโฆษณา 5 หมื่น พ่อผมยังไม่ตายยังหาได้มากกว่านี้อีกเยอะนัก พ่อผมหาชื่อเสียงมาทั้งชีวิต เลี้ยงลูกมา 4 คน แค่เงิน 5 หมื่นจะให้มาทำลายพ่อผมหรือครับ”
“ตอนแจ้งความไม่เห็นมีใครพูดซักคนว่าพ่อผม อยู่ในที่เกิดเหตุ พูดแต่อย่ามารังแกลูกกูอีก เวลาแจ้งความก็ใส่กันยับเลย ว่าพ่อผมทำอะไรบ้าง ไม่เห็นมีใครพูดซักคนบอกว่าพ่อผมพูดอะไร พ่อบอกขอความยุติธรรมให้ลูกผมด้วย ก็พูดกันแต่ประโยคที่พ่อบอกว่าอย่ามารังแกลูกกูอีก”
“ตอนแรกผมเสียใจ และตกใจที่รู้เรื่องนี้ แอบตำหนิพ่อเล็กๆ ด้วยซ้ำไป ว่า พ่อทำแบบนี้ทำไม แต่วันนี้ผมรู้แล้วว่าเวลาที่ทุกคนว่าพ่อผม พ่อรู้สึกเหมือนผมตอนนี้ ถ้าจะทำพ่อผมมาทำที่ผมดีกว่า ตอนนี้ผมจะบอกทุกคนว่าถ้าจะว่าพ่อผมมาว่าผมดีกว่า นี่คือ สัญชาตญาณของความเป็นพ่อที่ปกป้องลูก ผมไม่รู้หลังจากนี้จะเกิดอะไรขึ้น แต่ตกลงกันแล้วว่าจะไม่พูดเรื่องนี้กันอีกให้จบแค่นี้”
“ วันนี้ที่มา ผมไม่ได้มาหาเรื่อง แค่ไม่อยากให้พ่อตกเป็นจำเลยของสังคม เพราะทุกสิ่งที่พ่อทำก็เพราะลูก เรื่องที่เกิดขึ้นอย่าว่าพ่อผม ผมสงสารป๋า ตอนนี้แม่ออกไปเจอป๋า ป๋าก็ตัวสั่น ป๋าบอกป๋าไม่ได้ตั้งใจ แค่จะไปคุยแทนลูกเรื่องสปอตโฆษณา เพราะเขาไม่รู้รายละเอียด แต่พ่อก็บอกว่าพ่อขอโทษ”
“วันนี้ผมขอพูดเอง เพราะผมขอไว้ป๋าเหนื่อยพอแล้ว ผมบอกให้เดี๋ยวกี้เอง ผมอยากให้พ่อสบายใจเพิ่งเสร็จงานปู่ไปก็สบายใจ ไม่คิดว่าจะมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น”
ยันข่าวฉาวที่ร้อนระอุไม่กระทบเรื่องงานตน ส่วนจะลาออกจากงานดีเจในคลื่นเดียวกับคู่กรณีพ่อหรือไม่ บอกแล้วแต่ทางผู้ใหญ่
“ผมไม่ทราบครับว่า กระทบมั้ย แต่เท่าที่รู้ตอนนี้ คือ พ่อรักลูก ปกป้องลูก วันนี้ลูกก็้ตองออกมาปกป้องพ่อเหมือนกัน ผมไม่มีปัญหากับเรื่องงานดีเจ เรื่องนี้มันเป็นปัญหาระดับบุคคลไม่ใช่องค์กร เป็นปัญหาของพ่อ มันไม่เกี่ยวว่า ผมจะทำงานต่อไม่ได้ พี่เขาก็ยังบอกให้ผมไปจัดรายการตามปกติ แต่ที่ออกมาเพราะว่าผมสงสารพ่อ ทางคู่กรณีเขาก็ไม่ติดใจอะไรไกล่เกลี่ยกันแล้ว ที่มาแถลงวันนี้พี่เขาก็รู้แล้ว ส่วนเรื่องงานแล้วแต่ทาง อสมท ว่าจะเอาอย่างไร”
“จะลาออกมั้ย ตอนนี้ตอบอะไรไม่ได้ เอาเป็นว่าแล้วแต่ทางผู้ใหญ่แล้วกัน ถามว่าทำงานที่นี่ก็มีความสุข แต่ก็เสียใจเหมือนกัน ว่าเพราะเราทำงานที่นี่หรือเปล่า ถึงทำให้พ่อเสียใจพ่อผมอายุขนาดนี้แล้ว เพื่อนๆ พ่อหลายคนบอกพ่อไม่เคยเป็นแบบนี้ ผมอยู่มาตั้ง 25 ปี ก็ไม่เคยเห็นพ่อเป็นแบบนี้เหมือนกัน”
“ทางโรงพักก็คงเสียเรื่องค่าปรับ อาจ 500 ไม่ก็พันนึง แต่ก็ไม่เป็นไรหรอกครับ เคลียร์กันแล้ว ปัญหาส่วนตัวก็คุยกันบ้างแล้ว ตอนนี้ไม่มีอะไร ปกติ บอกได้เลยว่าพี่ๆที่ร่วมงานทุกคนดีกับผมมาก”
ก่อนที่นักข่าวจะตื๊อถามถึงสาเหตุที่แท้จริงของการที่นักร้องดังถึงขั้นบุกทำร้าย ผอ.คลื่น “ร็อคกี้” ยันทิ้งท้าย พ่อไม่ใช่อันธพาล แต่ตนไม่สามารถพูดเรื่องภายในได้ เนื่องจากยังเป็นคนในองค์กรเหมือนกัน
“บอกได้เลยว่าพ่อไม่ใช่อันธพาล เกิดมา 25 ปี ไม่เคยเห็นพ่อเป็นแบบนี้ เรื่องของปัญหาอาจจะเป็นที่ข้างในอย่างที่บอกว่าเป็นหนึ่งในองค์กรอยู่ ก็เดี๋ยวให้กลับไปจัดการในองค์กรกันก่อน แล้วค่อยว่ากันอีกที”