พิษไข่แม้ว! "หรั่ง ร็อคเคสตร้า" ถูกไล่ที่ สนง. ซัดสื่อ รู้แก่ใจอะไรผิดอะไรถูก แต่ไม่ทำหน้าที่

พิษไข่แม้วเล่นงาน "หรั่ง ร็อคเคสตร้า" ถูกสั่งย้ายสำนักงานออกจากตึกยักษ์ใหญ่ย่านพหลโยธินฟ้าผ่า! หลังขึ้นเวทีพันธมิตร เจ้าตัวไม่ติดใจ พร้อมยกมือไหว้ขอบคุณที่ให้ใช้พื้นที่ทำงานเพื่อชาติโดยไม่คิดค่าเช่า บอกเข้าใจทุกเหตุผลเป็นอย่างดี เพียงแต่อยากเรียกร้องให้ทุกคนเห็นแก่บ้านเมือง มากกว่าผลประโยชน์ส่วนตน

ยังคงยืนหยัดบนเวทีพันธมิตร สำหรับร็อกเกอร์รุ่นเก๋า "หรั่ง ร็อคเคสตร้า" หรือ "ชัชชัย สุขาวดี" ถึงแม้ว่าล่าสุดเจ้าตัวจะโดนพิษไข่แม้วเล่นงาน จนต้องอพยพสำนักงาน We love the King We love Thailand ระเห็จออกจากตึกใหญ่ย่านพหลโยธิน ทั้งที่เปิดมานานกว่า 9 เดือน แต่เจ้าตัวก็ยังยืนกราน ว่าจะยังเคียงข้าง ร่วมต่อสู้กับกลุ่มพันธมิตรอย่างไม่หวั่นเกรง พร้อมกับเรียกร้องสื่อมวลชนในบ้านเมืองไทย ไม่ควรขลาดเขลา ควรทำหน้าที่ของตนเองอย่างซื่อตรง ไม่เห็นแก่ผลประโยชน์ส่วนตน

“การมาขึ้นเวทีนี้ มันยังมีบุคคลอีกกลุ่มหนึ่ง ซึ่งเขายังรักษาผลประโยชน์ของธุรกิจของตัวเขาเองมากกว่ารักษาผลประโยชน์ของประเทศชาติและสถาบันพระมหากษัตริย์ ผมก็ถือว่าไม่เป็นไรครับ ถือว่าทุกคนล้วนมีเหตุผลแตกต่างกัน ก็ยินดีครับ”

“เราอยู่มาประมาณ 9 เดือนได้แล้วครับ ผมทำเป็นออฟฟิศครับ ออฟฟิศ We love the King We love Thailand ซึ่งจริงๆ แล้วต้องกราบขอบพระคุณครับ ที่พี่เขาให้ เพราะว่าเราไม่ได้เช่า เขาให้เราดำเนินการปลูกจิตสำนึกรักสถาบันชาติและพระมหากษัตริย์ แต่เมื่อมาถึงวันนี้เขาให้เราออกเราก็ต้องออกครับ ขอบพระคุณมากครับ (ยกมือไหว้ขอบคุณ) ขอบพระคุณที่ให้ออฟฟิศเราถึง 9 เดือน ทำให้ We love the King We love Thailand แข็งแรงขึ้นกว่าเดิมครับ”

ทั้งนี้ เรื่องดังกล่าวไม่เกี่ยวกับเจ้าของตึกช้างแต่อย่างใด เพราะเป็นพื้นที่ที่ให้เช่าช่วงมาอีกต่อหนึ่ง

“ไม่มีต่อรอง เขาให้ออกเราก็ออก ชีวิตผม ผมอยากให้คนบางคนที่กำลังมีปัญหาอยู่ขณะนี้ ถ้าเราเพียงแต่คิดว่า มันไม่ใช่ของๆ เรา อะไรมันไม่ใช่ของเรา มันก็ไม่ใช่ของเรามันก็จบเรื่อง แต่อะไรที่ไม่ใช่ของเราพยายามให้เป็นของเราก็มีเรื่อง สบายใจกว่าครับ มีความสุข ผมเดินอย่างสง่าผ่าเผย ไม่ต้องหลบๆ ซ่อนๆ ไม่ต้องเอาสมองไปวางอุบายอะไรใดๆ ทั้งสิ้น อยู่ในที่ๆ เราควรอยู่ เรามีความสุขครับ ตอนนี้ได้ออฟฟิศใหม่เรียบร้อย อยู่ที่ประตูน้ำ ไม่ต้องเช่า มีแต่คนให้ ขอบพระคุณครับ (ยิ้ม)”

“การมายืนบนเวทีนี้ ผมไม่เคยผิดหวัง ผมทำอะไรผมปรึกษาทุกฝ่าย ผมทำด้วยสติ เมื่อมีสติผมย่อมเกิดปัญญาในการทำงานทุกอย่างครับ”

“ซึ่งมีเรื่องนี้เรื่องเดียว ด้านอื่นไม่มีปัญหาครับ คือผมไม่ได้ไปทำร้ายใคร ผมต้องการเรียกร้องให้ทุกคน ประชาชนอย่าทิ้งประเทศชาติ และประชาชนอย่าทิ้งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระมหากษัตริย์ของเรา ผมไม่ได้มาเพื่อสิ่งใดๆ แต่จริงๆ แล้วผมอยากให้สื่อช่วยกันนะครับ ออกสื่อในช่องที่ไม่ได้ออก 50 เปอร์เซ็นต์ แล้วออกในฝั่งที่คุณอยากจะออก 50 เปอร์เซ็นต์ ลองคุณยุติธรรมสิครับ เรื่องนี้ไม่เกิดขึ้นครับ”

“เพราะความไม่ยุติธรรมเรื่องจึงเกิดขึ้น และจบไวและไม่มีใครเดือดร้อน ทุกวันนี้ที่ไม่จบเพราะสื่อไม่ให้ความร่วมมือ ฝากพี่ๆ ช่วยให้ความร่วมมือด้วย ถ้าพี่มีความกล้าหาญพอ พี่ต้องนำเสนอทางฝ่ายนี้ครึ่งหนึ่งและทางฝ่ายที่พี่ต้องการนำเสนออีกครึ่งหนึ่ง อย่างละเท่าๆ กัน จะถือว่าพี่เป็นคนดีของประเทศชาติ คนดีของพระมหากษัตริย์ครับ”

“ผมว่าสื่อเองก็รู้อะไรผิดอะไรถูก โตๆ กันแล้ว อายุก็ขนาดนี้แล้ว อย่าปกป้องผลประโยชน์ของตัวเองจนลืมนึกถึงชาติและพระมหากษัตริย์ ผมพูดได้แค่นี้ครับ และอย่ารอตั้งการ์ดคอยซ้ำคนผิด คอยซ้ำเติม คอยเข้าข้าง ฝ่ายไหนชนะก็เข้าข้างฝ่ายนั้น อย่าทำครับ ลูกผู้ชายไม่ทำ ตัดสินใจได้แล้วครับ บ้านเมืองจะได้สงบเรียบร้อยอยู่ที่ทุกๆ คนครับ”

“เรื่องชนะไม่ชนะ คือน้ำน้อยย่อมแพ้ไฟ แต่ถ้าน้ำเยอะไฟก็ดับครับ มันอยู่ที่ประชาชน ประชาชนไม่ได้ปิดหูปิดตา แต่คนรักษาผลประโยชน์ของตัวเองเยอะกว่าเท่านั้นเอง”

ในฐานะที่เป็นแกนนำในการปลูกจิตสำนึกให้คนไทยรักสถาบันชาติ และพระมหากษัตริย์ พอคนในรัฐบาลบังอาจจาบจ้วงเบื้องสูง ไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ นักร้องร็อกเกอร์รุ่นเก๋าบอกว่า เป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่ควรจัดการรับผิดชอบในเรื่องนี้

“เรื่องนี้ขอให้เป็นเจ้าหน้าที่เขาพูดกันแล้วกัน ทางผมนี่ผมมีหน้าที่ปลูกจิตสำนึกให้ประชาชนรักสถาบันชาติและพระมหากษัตริย์ครับ ผมขอครับ เพราะนั่นคือหน้าที่ ผมมาตามหน้าที่ที่ผมต้องทำด้วยบทเพลงครับ ผมไม่ใช่นักการเมืองครับ”

“มันจะไม่บานปลายเป็นความรุนแรง ตรงนี้ไม่มีใครรุนแรงอยู่แล้ว คนที่จะรุนแรงคือคนตรงกันข้ามครับ แต่ถ้าคุณรุนแรง คุณก็คงอยู่ประเทศนี้ไม่ได้เหมือนกัน เพราะว่าเหนือฟ้าย่อมมีฟ้าครับ”

“ส่วนการที่มีกลุ่มริบบิ้นขาวออกมาเคลื่อนไหวนั้น ผมว่าคงตั้งหลังจากที่ผมใส่เสื้อสีขาวมาร้องเพลงมั้ง พูดได้แค่นี้ ถามว่าจะช่วยอะไรได้บ้าง ผมว่าองค์กรนี้ช่วยไปเปิดตาสื่อให้นำเสนออย่างที่ผมบอก ข้างละ 50 องค์กรนี้ช่วยเรื่องนี้ดี ผมว่าได้ผลกว่า”

บอกเพื่อนร่วมอุดมการณ์ We love the King We love Thailand อันประกอบไปด้วย วสุ แสงสิงแก้ว, ฮิวโก้ จุลจักร จักรพงษ์, โป่ง ปฐมพงศ์, หนุ่ย อำพล ฯลฯ ต่างสรรเสริญในความหาญกล้าครั้งนี้
 
“สรรเสริญทุกคน เห็นด้วยทุกคน ผมใช้สติและปรึกษาแล้วถึงได้ขึ้น ผมขึ้นในฐานะที่ผมคือประชนคนไทยที่รักสถาบันชาติและพระมหากษัตริย์ ผมพูดได้แค่นี้ ใครที่รักแต่ปากไม่ทำอะไรเลย ผมถือว่ามันน่าอายครับ ผมไม่อยากอายอยู่กับบ้านเฉยๆ”

“เพลงชาติ มันมีอยู่ท่อนหนึ่งบอกว่า อย่าขลาด เอกราชเราจะรักษาไว้ได้ครับ ท่อนนั้นล่ะครับ ไปร้องเพลงชาติดีๆ แล้วก็อ่านพันท้ายนรสิงห์เยอะๆ ผมว่าน่าจะออกมา อย่าไปอาจเอื้อมถึง ไม่ต้องไปอ่านถึงวีรสตรี วีรกษัตรี จะสูงเกินไป เอาแค่พันท้ายนรสิงห์ ถ้าทำได้บ้านเมืองก็ไม่เดือดร้อนแล้วครับ”

“ผมยินดีร่วมมือครับ ยินดีจะมาให้กำลังใจ และร่วมมือกับคนดีกับประชาชนที่ไม่ได้ถูกจ้างวานมา ผมเห็นแล้วผมมีสติปัญญาพอที่จะเห็นว่าคนเหล่านี้ไม่ได้ถูกจ้างวานมา ผมอยากให้กำลังใจพวกเขาเต็มที่ครับ ส่วนกระแสในอินเทอร์เน็ตที่หาว่าผมถูกจ้างนั้น ผมมีแต่หาเงินให้องค์กรนี้ เพลงที่ผมร้องสามารถหาเงินมาช่วยประเทศชาติด้วยซ้ำ มีแต่ผมมาจ้างเขา ไม่ใช่เขามาจ้างผม”