เปิดตัวไปเรียบร้อยแล้วสำหรับหนังเรื่องใหม่ “หนึ่งใจ..เดียวกัน” where the miracle happens นำแสดงโดย ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี ร่วมด้วยนักแสดงยอดนิยม เวียร์ ศุกลวัฒน์ คณารศ, นุ่น ศิรพันธ์ วัฒนจินดา, ซีแนม สุนทร, รอง เค้ามูลคดี ร่วมด้วยนักแสดงอื่นอีกคับคั่ง ภายใต้การดูแลจัดสร้างของบริษัท โอเรียนทัลอายส์ โดยมี “สิริปปกรณ์ วงศ์จริยวัตร” ที่เคยฝากผลงานไว้ในหนัง 2499 อันธพาลครองเมือง รับหน้าที่ผู้กำกับภาพยนตร์แนวดรามาเป็นครั้งแรก
บรรยากาศในงานเปิดตัวภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นไปอย่างคึกคัก มีคนในหลายวงการเข้าร่วมงานจำนวนไม่น้อย อาทิ คุณหญิงพจมาน ชินวัตร, มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์, มดดำ คชาภา และเหล่าดีเจคลื่นเอไทม์, ตุ้ย ธีรภัทร์ และเหล่าดีเจคลื่นซี้ด, ผู้ว่าฯอภิรักษ์ โกษะโยธิน, ดี้ นิติพงษ์ ห่อนาค ฯลฯ
ภายหลังเปิดตัวภาพยนตร์จบลง ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนฯ ได้ทรงพระราชทานสัมภาษณ์กับสื่อมวลชนด้วยพระพักตร์ยิ้มแย้มว่า ได้แรงบันดาลใจหนังเรื่องนี้มาจาก “เรื่องสั้น..ที่ฉันคิด” บทประพันธ์จากฝีพระหัตถ์ของพระองค์เอง
“แรงบันดาลใจในการด้านทำงานในการทำภาพยนตร์เรื่องนี้มาจากหนังสือ “เรื่องสั้น..ที่ฉันคิด” คือ แรงบันดาลใจมาจากเด็กที่ได้ทำงานร่วมกันกับเรา ไม่ว่าจะเป็นโครงการทูบีนัมเบอร์วัน หรือในมูลนิธิคุณพุ่ม เพราะโครงการพวกนี้ เราจะแก้ไขปัญหาเด็กในทุกๆ อย่าง ไม่ได้จะเน้นอย่างใดอย่างหนึ่ง”
“พอเราได้มีโอกาสได้ใกล้ชิดอย่างมาก ทำให้เราได้รับรู้ว่าในสังคมไทย มีปัญหาอะไรบ้างมันจึงทำให้เรามีแรงบันดาลใจในการนำเสนอให้ทุกคนทุกคนได้มีความรู้สึก และได้สัมผัสในสิ่งต่างๆ ที่เราจะบอกเล่า ไม่ใช่ว่าเราจะบอกเล่าด้วยตัวหนังสือต่างๆ ได้อย่างเดียว แต่เราจะบอกเล่าผ่านภาพยนตร์ และเราก็หวังว่าทุกคนจะไปดู”
“เพราะจะได้สัมผัสถึงความรู้สึก และปัญหาที่เด็กได้ประสบเป็นสิ่งที่เราอาจจะมองไม่เห็นและรับรู้ด้วยใจ คืออยากให้ทุกคนที่ได้ดูหนังเรื่องนี้ เกิดความรู้สึกร่วมกับเราในการทำงานต่อไป”
“ส่วนความคาดหวังนั้นเราแค่อยากให้ทุกคนเข้าไปชมกันเยอะๆ อยากให้สื่อมวลชนช่วยกันประชาสัมพันธ์หน่อย อยากให้ทุกคนได้มีความรู้สึกร่วมกัน เพราะมันจะทำให้หนังประสบความสำเร็จอย่างที่เราคาดหวังไว้ คือเราเป็นคนที่ค่อนข้างมั่นใจในตัวเองมาก ว่าเราจะทำอะไร แต่ว่าภาพยนตร์เรื่องนี้จะสามารถสื่อให้ทุกคนได้สัมผัสไปถึงหัวใจ อยากให้ทุกคนเข้าไปดูกันเยอะๆ เพราะจะทำให้ความหวังของเราเป็นจริง”
“คนที่ได้ไปดูหนังเรื่องนี้เขาจะได้ซึ้งใจ ได้ข้อคิด เพราะภาพยนตร์เรื่องนี้จะบอกว่าไม่ว่าคนที่จะมีปัญหาอะไรก็ตาม ทุกอย่างมันจะขึ้นอยู่กับตัวเองก่อน แต่ในการที่จะแก้ไขปัญหาอะไรนั้น เราก็ต้องจะต้องมองรอบๆ ตัวด้วย เพราะเราไม่ได้อยู่คนเดียวในโลก”
ในส่วนของบรรยากาศการถ่ายทำนั้นทูลกระหม่อม ทรงตรัสว่า...“การทำงานภาพยนตร์นี้ถือเป็นครั้งแรก ซึ่งถือว่ายาก เพราะภาพยนตร์จะมีรายละเอียดมากกว่าละครโทรทัศน์ อย่างที่เราเคยทำมาแล้วกับบรรยากาศในกองถ่ายมันก็จะมีทั้งยากและง่าย คือเราจะต้องไปถ่ายในต่างจังหวัดเยอะมาก”
“แต่ก็สนุกดี ที่ได้เห็นทำงานกันเยอะ เราได้พูดคุยสนุกเฮฮาบ้าง ในการที่ไปอยู่ต่างจังหวัด ในการถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องนี้ เราจะใช้เวลาถ่ายทำประมาณ 4 เดือนเราจะเจอตัวแมลงกัดบ้าง เพราะฝนมันตก คือ เราถ่ายกันหน้าฝน และถ่ายกันบนดอยอินทนนท์ ก็จะลำบากหน่อยหนึ่ง และต้องเจอทั้งอากาศร้อนและหนาว”
“ฉากที่ยากที่สุดนั้นก็คงจะเป็นฉากสุดท้ายที่เราจะต้องนั่งคุกเข่าอยู่นาน และมันจะต้องใช้อารมณ์เยอะ มันเลยยากมาก มันจะต้องร้องไห้ คือ ตั้งแต่เราเสียน้องพุ่มไป เราร้องไห้กับครั้งนั้นไปมาก และเราก็บอกกับตัวเองว่าเราจะต้องเข้มแข็ง เพราะเราร้องไห้จนน้ำตาหมดไปแล้ว แต่พอเราต้องมาแสดงเรื่องนี้ และมีซีนอารมณ์ทั้งร้องไห้”
“เราก็เลยรู้สึกว่ามันค่อนข้างที่จะยากมาก อีกอย่างเราต้องนั่งคุกเข่าด้วยมันก็เจ็บไปหมดเลย เราเจ็บไปหมดเลย หัวเข่าดำไปหมด ช้ำ แต่จริงๆ แล้วบท “พิมพ์ดาว” ที่เราเล่นนั้นมันก็ค่อนข้างที่จะเหมือนกับตัวเราอยู่แล้ว คือ ในบทเราจะเล่นเป็นนักธุรกิจสาวที่มีความสามารถมันก็ค่อนข้างที่จะเหมือนตัวเรา แต่เราก็ต้องพยายามทำความเข้าให้มากขึ้นในการแสดงภาพยนตร์ อีกอย่างเราก็ได้ร่วมงานกับเด็กๆ เพราะเราอยากทำงานกับเด็กๆ อยู่แล้ว มันก็เลยทำให้ไม่ยากเท่าไหร่”
“อีกซักอาทิตย์หนึ่งเราก็จะบินไปประเทศฝรั่งเศส คือ เราทำงานในวงการบันเทิงมาบ้างนิดหน่อย เราก็อยากให้ภาพยนตร์ไทยได้ออกไปสู่ชาวโลก ได้ไปเผยแพร่เยอะขึ้น ว่า เราก็สามารถทำภาพยนตร์ได้ไม่แพ้ต่างประเทศ วงการภาพยนตร์ไทยก็ได้ก้าวหน้าไปเยอะมากแล้ว มันมีภาพยนตร์ไทยหลายเรื่องที่ได้ไปโกอินเตอร์ เราก็อยากให้ภาพยนตร์เรื่องนี้ ทำให้ช่วยในเรื่องของธุรกิจภาพยนตร์และธุรกิจท่องเที่ยวในประเทศไทย”
สำหรับรายได้ของภาพยนตร์เรื่องนี้จะนำไปช่วยเหลือเด็กๆ ผู้ยากไร้ เพื่อเป็นทุนการศึกษาและเสริมสร้างภูมิคุ้มกันในเรื่องของยาเสพติด...
“เราจะเสริมสร้างศักยภาพของเด็กที่ด้อยโอกาส เราจะเสริมภูมิคุ้มกันในเรื่องของยาเสพติด และการศึกษา คือเราอยากจะให้โอกาส กับทุกคน เพราะทุกคนจะต้องมีโอกาส แต่ถ้าใครไม่ได้ไปชมภาพยนตร์เรื่องนี้ เราก็จะถือว่าตกเทรนด์ เพราะถ้าเกิดคุยกับใคร เดี๋ยวจะไม่รู้เรื่องเราอยากให้ทุกคนมาร่วมเป็นส่วนหนึ่ง ของการทำสิ่งดีๆ ให้มีสังคมแบบใหม่ ที่ไม่ใช่เรื่องของคนแก่ เรื่องของการถอยหลังเข้าคลอง เพราะต่อไปจะมีสิ่งดีๆ ที่เกิดขึ้นอีกมากมาย”
“เราอยากให้ทุกคนมาดูกันเยอะๆ อยากให้ภาพยนตร์ประสบความสำเร็จเยอะๆ เราจะได้มีแรงทำงานชิ้นใหม่งานต่อไปออกมาอีก แต่ถ้าไม่ประสบความสำเร็จกำลังใจเราก็คงจะเหือดหายไปนิดหน่อย แต่เราก็ไม่ทราบว่าจะมีอีกหรือเปล่า เพราะฉะนั้นก็อยากให้ทุกคนช่วยสร้างความมหัศจรรย์ใหม่ๆ ขึ้นมา แล้วก็น่าจะมีเรื่องต่อไป”