หลังจากรับบทเป็นตัวประกอบร่างยักษ์ที่ปล่อยให้พระเอกร่างจิ๋วคอยจ้วงเอาๆ จนต้องพบกับความปราชัยบนจอภาพยนตร์นับครั้งไม่ถ้วน แต่วันนี้ นาธาน โจนส์ หรือที่แฟนๆ หนังไทยจำเขาได้ดีจากลีลาการต่อสู้ใน ต้มยำกุ้ง จะกลับมาทวงศักดิ์ศรีอีกครั้งในภาพยนตร์แอ็คชันฝีมือคนไทยเรื่องใหม่ "ส้มตำ" ที่รับประกันความแซบจากทีมงานชุดเดิมที่ส่งให้ องค์บาก และ ต้มยำกุ้ง ดังกระฉ่อนโลกมาแล้ว
หลังจากวางมือจากสังเวียนมวยปล้ำอาชีพมา นาธาน โจนส์ ก็ต้องมาประมือกับยอดฝีมือแห่งโลกภาพยนตร์มาแล้วมากมาย ทั้ง เฉินหลง (Police Story 4: First Strike) เจทลี (Fearless) แบรด พิตต์ (Troy) หรือ จาพนม (The Protector : The Warrior King) แต่ผู้ร่วมแสดงในเรื่องนี้คงเป็นประสบการณ์ที่เจ้ายักษ์ไม่เคยเจอมาก่อน ที่ต้องมาเผชิญหน้ากับสองนักแสดงสาวน้อยตัวจิ๋ว ที่เล็กพริกขี้หนูจากประสบการณ์ในวงการมาแล้วมากมาย ทั้ง น้องเกรซ นวรัตน์ เตชะรัตนประเสริฐ หรือลูกสาวเสี่ยเจี่ยง ที่ผ่านผลงานการเล่นหนังมาแล้วโชกโชนตั้งแต่ เอ๋อเหรอ, ข้าวเหนียวหมูปิ้ง, ไฉไล, สลัดตาเดียวกับเด็ก 200 ตา และส่งท้ายด้วยผลงานเรื่องที่ 3 ของปีนี้อย่าง พาวเวอร์ คิดส์ ตัวเล็กหัวใจใหญ่ ที่จะลงโรงปลายปี และ น้องแคท ศษิสา จินดามณี สาวน้อยที่แจ้งเกิดจากเรื่อง เกิดมาลุย ด้วยลีลาแม่ไม้มวยไทยที่เก่งกาจเกินตัว
ในเรื่องนี้ นาธาน โจนส์ รับบทเป็น บาร์นนี่ นักท่องเที่ยวที่มาเยือนแดนสวรรค์บนหาดพัทยา ก่อนที่จะถูกลอกคราบทั้งเงินและพาสปอร์ตก็ไม่เหลือ จนทำให้เขาต้องไปหาที่พึ่งและได้มาพบกับ กระเต็น (น้องเกรซ) เด็กสาวมือไวที่ถูกแก๊งอันธพาลไล่จับตัวอยู่ แต่กระเต็นก็แทบไม่เชื่อสายตาเมื่อยักษ์ใหญ่ที่เธอขอความช่วยเหลือกลับไม่ต่างจากลูกแมวเมื่อเผชิญหน้ากับการต่อสู้ จนต้องได้ ดอกหญ้า (น้องแคท) พี่สาวที่โปรมวยไทยสุดๆ มาช่วยเอาไว้ได้ทันการ ทั้งสองจึงพาเจ้ายักษ์ขี้ขลาดไร้บ้านไปหาแม่อิ๊ด (สุภัทรา วรรณทิวานนท์) ที่บ้านเปิดร้านขายส้มตำอยู่ และก็เป็นเรื่องเมื่อเจ้ายักษ์ได้ชิม "ส้มตำคำแรกของชีวิต" ความเผ็ดร้อนเกินจินตนาการของฝรั่งที่กินแต่นมเนยมาทั้งชีวิตได้สร้างพลังอันมหาศาลให้กับเขาจนเกินจะควบคุม และเป็นจุดเริ่มต้นของการผจญภัยที่เต็มไปด้วยการต่อสู้ของ 3 ใบเถาต่างไซด์ในที่สุด
และก่อนที่แฟนหนังจะได้ชมกันแบบเต็มๆ ในโรงภาพยนตร์วันที่ 29 พ.ค. นี้ ทางค่าย สหมงคลฟิล์ม ได้เปิดงานแถลงข่าว ส้มตำ ขึ้นที่เซนทรัลเวิร์ล พลาซา เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยมี 2 นักแสดงนำตัวจิ๊วพร้อมทั้ง 3 หัวเรื่องใหญ่ของเรื่อง ทั้ง นนทกร ทวีสุข ผู้กำกับ, พันนา ฤทธิไกร ผู้กำกับฉากต่อสู้ และ ปรัชญา ปิ่นแก้ว ผู้ควบคุมการสร้าง มาเปิดใจถึงการทำงานเรื่องดังกล่าว แต่ที่ขาดไม่ได้ก็คือตัวจริงเสียงจริงของเจ้ายักษ์ นาธาน โจนส์ ที่พาความสูงเกือบ 7 ฟุต และ น้ำหนักกว่า 160 กก. มาโชว์ตัวบนเวทีด้วยเช่นกัน
“ผมว่าบทหนังเรื่องนี้เหลือเชื่อมาก ๆ ดีมากด้วย ผมชอบบทเรื่องนี้มากครับ มันมีทั้งความสนุกสนาน ประทับใจ ตลกด้วย และที่ขาดไม่ได้คือแอ็คชั่นสนุก ๆ ครับ ส้มตำเหรอครับ ผมจะไม่กินมันอีกแล้ว ผมว่าผมอาจตายได้ ตอนผมกินเข้าไปรู้สึกเหมือคอเริ่มไหม้ รู้สึกได้ตั้งแต่คอไปจนถึงกระเพาะอาหารเลย แล้วผมก็เริ่มน้ำตาไหล ผมว่าผมตายแน่ ไม่มีการแสดงใด ๆ ทั้งนั้น คุณไม่จำเป็นต้องใช้เทคนิคการแสดงเลย นี่มันของจริงเลย” นาธาน โจนส์ กล่าวถึงประสบการณ์ในการมาเป็นพระเอกหนังไทยครั้งแรก และยอมรับว่าทำครกในกองถ่ายแตกไปหลายใบกว่าจะถ่ายทำส้มตำเสร็จ
นอกจากจะกลัวนาธานเหยียบตายแล้ว น้องเกรซเผยว่าฉากที่ยากที่สุดในหนังแอ็คชั่นบนขำเรื่องนี้กลับเป็นฉากร้องไห้ "ฉากที่ยากที่สุดคือตอนที่เกรซต้องจับมือกับแคทจ้องตากันร้องไห้ เพราะต้องทำอารมณ์กันอยู่นาน แต่พอเข้าฉากจริงๆ มองหน้ากัน น้ำตามันจะไหลออกมาอยู่แล้ว ก็ดันปล่อยก๊ากกันออกมา ฮากมากๆ"
ส่วน 3 คนที่อยู่เบื้องหลังผลงานส้มตำชิ้นนี้ทั้งปรัชญา ปิ่นแก้ว, พันนา ฤทธิไกร และ นนทกร ทวีสุข ที่ประเดิมผลงานกำกับเรื่องแรก หลังแหวกว่ายในแวดวงในฐานะบุคคลเบื้องหลังมาอย่างยาวนาน ก็เผยว่าส้มตำจานนี้มีครบทุกรสทั้งบู๊, ขำ, ดรามา และเป็นครั้งแรกหลังจากที่เคยนำศิลปะแม่ไม้มวยไทยมาใช้ในหนังอย่างประสบความสำเร็จมาแล้ว ในเรื่องนี้จะเป็นการนำศิลปะของโลกมวยปล้ำมาใช้ในหนังบู๊ของไทยกันอย่างถึงลูกถึงคน
ก่อนปิดงาน ทางทีมงานก็ได้เตรียมครก, สาก และเครื่องเคราเอาไว้พร้อมสำหรับการตำส้มตำสดๆ บนเวที ซึ่งผู้ที่รับหน้าที่โขกเองไม่ใช่ใครที่ไหนนอกจากพระเอกของงานอย่างนาธานนั่นเอง งานนี้เรียกว่าเตรียมตัวมาอย่างดี แม้เจ้าตัวจะเข็ดขยาดต่อความเผ็ดร้อนของอาหารจานหลักรสเด็ดของพี่น้องชาวไทยก็ตาม แต่ความจัดจ้านในฉบับหนังจะเทียบเท่าหนังไทยแอ็คชั่นชื่อชวนหิวเหมือนที่แล้วๆ มาหรือไม่ แฟนๆ คงต้องไปติดตามกันเอาเอง