กระทบไหล่ซูเปอร์สตาร์ "ทาทา ยัง" ย้อนปูมหลังสาเหตุที่ทำให้คนรุมเกลียด กับบทพิสูจน์ตัวเองที่เอาความจริงใจ ไม่ใส่หน้ากากกับแฟนเพลงฝ่าฟันมา เปิดปากบ่น หากวันข้างหน้าตกที่นั่ง "ขาลง" คงคลุ้มคลั่ง ก่อนเผยถึงก้นบึ้งหัวใจ แม้อนาคตจะดังไม่ได้อย่าง "มาดอนน่า" ก็จะไม่มีวันเลิกเป็นนักร้อง
ออกอัลบั้มไหนมาก็มักจะโดนกระแสสังคมสวดยับ ไม่เรื่องใดก็เรื่องหนึ่ง เรียกว่าถูกหมั่นไส้มาตั้งแต่เข้าวงการบันเทิง อัลบั้มแรกที่โกอินเตอร์ก็ถูกโจทก์เก่าอย่าง "เจ๊เบียบ ระเบียบรัตน์ พงษ์พานิช" ด่าเละ! ว่าท่าเต้นล่อแหลมส่อเจตนาให้เห็นถึงการร่วมเพศ
ล่าสุดพอเจ้าตัวโผล่มาออกอัลบั้มไทยชุดใหม่ "TATA YOUNG ONE LOVE" พร้อมรูปร่างที่เดี๋ยวบวมเดี๋ยวผอมบาง ราวกับเสกได้ ก็ถูกลือหนักว่าแอบเบนโล ท้องก่อนแต่งกับคู่หมั้น "เปรม บุษราคัมวงศ์" จนต้องหนีไปคลอดอังกฤษ เรียกว่าหาข่าวดีแทบจะไม่มีถ้าเป็นคนอื่นคงบ่อน้ำตาแตกฟูมฟายไปแล้ว แต่สำหรับ "ทาทา ยัง" กลับยังยิ้มร่าออกมาตอบทุกคำถามอย่างฉะฉานตรงไปตงมาทุกครั้ง
แม้ว่าทุกย่างก้าวจะสาหัสสากรรจ์ แต่ ทาทา ยัง ก็ยังยืนยันจะเป็นตัวของตัวเองไม่สร้างภาพ พร้อมเผยถึงเส้นทางอาชีพ "นักร้อง" ว่าถึงจะดังไม่ได้อย่าง "มาดอนน่า(Madonna)" ก็ไม่มีทางล้มเลิกที่จะทำอาชีพนี้
"ผลตอบรับดีใจค่ะ ที่มันประสบความสำเร็จในตอนนี้ เพราะมันทำให้รู้สึกว่าวงการเพลงไทยดีขึ้น เพราะว่ากระแสตอบรับดี ซึ่งมีอยู่ช่วงหนึ่งทาทาคิดว่าคนจะไม่ค่อยฟังเพลงไทยแล้ว หันไปฟังเกาหลี เจป็อป เราก็เสียใจนะว่าทำไมคนไทยไม่ฟังเพลงไทย แต่ก็เข้าใจว่ามีอยู่ช่วงหนึ่งเพลงไทยไม่ได้เรื่องเลย มีออกมาเยอะมากแต่ก็ไม่ดี"
"แต่ทาทาก็เข้าใจค่ายเทปนะ ว่าพยายามรีบผลิตออกมาเพื่อดูซิว่ากระแสเป็นยังไง แต่ความรู้สึกทาทาในฐานะที่ทาทาเป็นคนที่อยู่วงการนี้มานานคนนึงก็รู้สึกค่อนข้างผิดหวังกับสมัยนี้ ทาทาไม่เห็นด้วยกับการที่จะปั้นเด็กคนนึงมาเป็นนักร้องที่มองแต่หน้าตา ถ้าหน้าตาดีแล้วไม่มีการพัฒนาด้วย แต่อย่างบางคนที่พัฒนาก็รู้สึกว่าเขาอยากเป็นนักร้องจริงๆ เพราะหน้าตาอย่างเดียวอยู่ไม่ได้นานหรอก"
"ก่อนจะมีอัลบั้มนี้ออกมาก็มีการคุยกับโปรดิวเซอร์ก่อนเลย ว่าถ้าอัดแล้วไม่ดีให้ทิ้งนะ ต้องลองก่อน เพราะอย่างบางทีเพลงมันเพราะแต่มันไม่เหมาะกับตัวของเรา น้ำเสียงของเรา เนื้อเสียงของเรา จะให้ทาทาไปร้องเพลงของดา เอ็นโดรฟิน มันก็ไม่ใช่ อย่างดา เขาก็มีวิธีการร้องของเขา ทำให้รู้สึกว่าอัลบั้มนี้ทาเลยทุ่มเทมาก คุณพ่อพูดเลยว่าเป็นอัลบั้มที่ดีมากที่พ่อฟังมา เป็นอัลบั้มไทยอัลบั้มที่ 2 ที่พ่อชอบมาก"
"อย่างเดี๋ยวนี้นักร้องต้องตั้งคอนเซ็ปต์ก่อนเลยว่าต้องเซ็กซี่มาก่อน เลยรู้สึกว่าตั้งใจไปรึเปล่า มันไม่ได้ดูกลมกลืน อย่างทาทาทำอัลบั้มชุดนี้ให้ไปฟังดูได้เลย จะให้ทาทาไปแต่งตัวเป็นเอลนิโย่มันไม่ได้เลยจริงๆ มันขัดแย้ง คือถ้าทาทำทาก็ต้องโดนดุว่าคิดอะไรอยู่ อยากให้คนเข้าใจว่าทารู้จักกาลเทศะนะ ไม่ใช่ว่าอยู่ดีๆ อยากทำแบบนี้ก็ทำตลอด มันไม่จำเป็น ส่วนแฟนคลับที่เมืองนอกก็บอกว่าดีมากๆ ทุกคนก็อยากเห็นหลายลุค อย่างมาดอนน่าก็ไม่เคยมีลุคเดียว ต้องเปลี่ยนไปเรื่อยๆ แล้วกับการที่ทาทาเปลี่ยนแปลงมันเหนื่อยมากนะ (ลากเสียง)"
"ถามว่าชอบแบบไหน ทาทาชอบคนละแบบค่ะ คือรู้สึกว่าเวลาเซ็กซี่มันท้าทาย อย่างเวลาเต้นหรือทำอะไรก็ต้องระวัง มันต้องหุ่นดี จะมานั่งมีเซลลูไลท์ก็ไม่ได้ เราต้องดูแลตัวเองอย่างหนัก ยิ่งเราเป็นคนติ๊งต๊อง ไม่ใช่เป็นคนสวย เริ่ด เชิด หยิ่ง แล้วต้องไปทำเป็นเซ็กซี่มันยากนะ แต่ถ้าเป็นอย่างนี้มันก็สบายๆไง สบาย สวย ใส ไม่ต้องคิดเยอะ แต่เวลาจะขึ้นเวทีก็ต้องปรับโหมดเหมือนกัน"
โดนประณามว่าบวมเกินงาม ทำให้ต้องฮึดลดน้ำหนักอย่างเอาเป็นเอาตาย จนผอมลงทันตา แต่สุดท้ายกลับมีคนเอาไปเม้าท์ว่า เจ้าตัวเพิ่งหนีไปคลอดลูกที่อังกฤษมาสดๆ ร้อนๆ ซึ่งเรื่องนี้สาวทาทาบอกด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า หากมีลูกจริงไม่มีทางเอาไปซ่อน มีแต่จะเอามาอวดอย่างภูมิใจ
"ตอนนี้ต้องควบคุมน้ำหนักมากเหมือนกัน แต่ว่ามันกินไม่ได้โดยปริยาย เพราะเทรนเนอร์โหดมาก ช่วงที่ทาทาว่างเป็นเหตุที่ทำให้น้ำหนักขึ้นมาเยอะ มันไม่ได้ทำอะไร เพราะเป็นคนทำอะไรมาตั้งแต่เด็กๆ ทำโน่นทำนี่ตลอดเวลา บางคนจะบอกว่าไม่ดีใจเหรอได้มีเวลาไปเที่ยวนะ แต่พอได้เที่ยวทาทารู้สึกผิดหวังอยากทำงาน เพราะรู้สึกว่างานไม่มีวันทรยศเรา ทำไปเถอะ"
"ตอนนี้มันลดเองเลยค่ะ ไม่ต้องว่าจะต้องลดอีกกี่กิโลฯ บางคนก็บอกว่าแค่นี้กำลังดีแล้ว คือทาทาเห็นดาราบางคนผอมมาก คือเห็นในกล้องโอเค แต่พอดูตัวจริงแล้ว อืม...กินอะไรหน่อยมั้ย ดูไม่ได้เลย ดูก้างเกินไป อย่างบางคนน่ากลัว เหมือนจะหัก ดูไม่มีความสุข โอเคเขาอาจจะรับผิดชอบในหน้าที่การงานของเขา แต่ในความรู้สึกของทาทามันดูไม่เฮลท์ตี้ ขา แขน หน้าเล็กมากแต่พอออกกล้องแล้วโอเค ตัวจริงดูไม่ได้เลย โทรม แต่สำหรับทาไม่ชอบที่จะให้ดูจากกล้องแล้วดูดี แต่ทาทาขอให้ทั้ง 2 อย่างแล้วดูดี ให้สุขภาพดีและสดใส"
"ส่วนผอมลงเพราะไปคลอดลูก เอาเรื่องจริงเลยนะ ถ้าทาทาคลอดนะป่านนี้ไม่นั่งอย่างนี้หรอก ทาจะเอาลูกทามาโชว์ เผยแพร่กันเลยค่ะ เพราะอยากมีมาก อยากมีมากไม่ได้พูดเล่น แล้วมันคงจะมีความสุขมาก เมื่อ 2-3 วันก่อนยังฝันเลยว่ามีลูก แล้วพอตื่นมาเฮ้ย...รีบโทรหาเปรมเลย เปรมลูกน่ารักมาก ฝันว่ามีลูกแล้วมีความสุขมาก คือไม่มีทางเลย ถ้าไปคลอดมาทาทาไม่มีทางจะเอาลูกไปเก็บไว้ที่ไหน แล้วไม่มีใครได้เห็นลูกทาทาตอนโตแน่ เกิดปั๊บต้องได้เจอกันแน่ ไม่รู้จะเอาไปเก็บทำไม มีแต่พ่อแม่เขาอยากมีลูกแล้วเอามาโชว์ ทาทาแหละคนนึง"
เจ้าตัวเปิดปมสาเหตุที่คนรุมหมั่นไส้ จนเกิดกระแสต่อต้านมายาวนาน ว่าเกิดจากนิสัยส่วนตัวที่ตรงไปตรงมา ไม่ใช่คนสร้างภาพ ซึ่งคนส่วนใหญ่รับไม่ได้ แต่ถึงอย่างไรเจ้าตัวยืนจัดจะซื่อสัตย์กับความเป็นตัวของตัวเองแบบนี้ต่อไป
"ทาทาเชื่ออย่างนึงว่า เราจะทำให้คนชอบมันเป็นไปไม่ได้ และจะให้ทาทาฝืนธรรมชาติเพื่อให้คนมาชอบเรามันไม่ถูกต้อง เหมือนอย่างถ้าเราไม่ชอบคนๆ นึงมาก แต่เราไปขอเงินเขาเพราะเราอยากได้ คือคุณพ่อคุณแม่ไม่เคยสอนให้เป็นอย่างนี้ ถ้าไม่ชอบก็คือไม่ชอบ ก็อยู่เฉยๆ ทำอะไรไม่ได้ แล้วยิ่งถ้าเราไปพยายามมากๆ เราเองที่จะไม่มีความสุขเอง เพราะมันไม่ใช่ธรรมชาติของเรา ก็เลยไม่รู้จะทำทำไม เพราะทาทาจะไม่พยายามมาก รู้สึกว่ามันเฟค ทาทาอยากให้คนเห็นว่าก็มันเป็นอย่างนี้ อย่างนึงเลยที่วันนี้พิสูจน์ตัวเอง มากคือตั้งแต่วันนั้นถึงวันนี้ ทาทาเป็นเหมือนเดิม แค่ความคิดโตขึ้นเท่านั้นเอง"
"ที่เป็นแบบนี้ก็เพราะคนไม่ค่อยชอบคนพูดความจริง เหมือนเวลาคนไปดูหมอดู ที่บอกว่าหมอดูดูแม่นเพราะหมอดูพูดในสิ่งที่เขาอยากได้ยิน เพราะมีคนที่ทำใจไม่ได้กับการที่ได้ยินความจริง แต่ทาทาเป็นประเภทเหรอ เออ โอเค นั่นคือความจริงก็ต้องยอมรับมัน คนจะอยากได้ยินแต่สิ่งที่ดีๆ บางทีทาพูดตรงมาก ถึงแม้มันจะตบหน้ามากๆ แต่ทาเป็นคนพูดความจริงแล้วชัดเจน"
"แต่ทาทาก็จะเป็นอย่างนี้แหละ ไม่คิดว่าเปลี่ยนสิ่งที่เป็นอยู่ เพราะในที่สุดแล้วทำให้รู้ว่า ถ้าทาทาไม่มีคนอยู่ใกล้ๆ เลย ไม่มีคนที่แคร์ ไม่มีคนดูแล ไม่มีคนที่ออฟฟิศ ที่รักและเป็นห่วงเรา เราก็ต้องเริ่มพิจารณาตนเอง แต่นี่ยังมีคนที่รัก คนที่แคร์เรา และเข้าใจที่เราเป็นเรา ถ้าคนที่ได้เข้ามาสัมผัสตัวทาทาจริงๆ จะรู้เลยว่าทำงานกับใครคือจะให้เขาเต็มที่ และเขาก็ให้เรากลับมาเหมือนกัน แต่ถ้าคนที่อยู่กับเรามา 7 ปี อยู่ดีๆ ก็มาลาออก เราก็จะต้องเริ่มพิจารณาตัวเองได้แล้ว ว่าเฮ้ย...เกิดอะไรขึ้น หรือว่าเจ้าอารมณ์ แต่นี่ก็ยังมีคนที่ยังทำงานกับเราได้ ยังอยู่กับเรา"
"ข่าวด้านลบที่เข้ามาจึงไม่มีผลอะไรกับทาทา แต่มักจะโกรธกับข่าวที่ว่าคนรอบข้างทาทา ว่าคุณพ่อ ว่าเปรม ข่าวพวกนี้ถึงจะโกรธ เพราะรู้สึกว่าเขาไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการที่เราเป็นดารา เราเป็นดาราเราต้องยอมรับสื่อให้ได้ ว่ามันเกิดอะไรขึ้น เขาไม่เกี่ยว เพราะฉะนั้นข่าวเรื่องคนอื่นจะฉุนมากๆ นั่นคือเรื่องครอบครัวทาทา ซึ่งไม่อนุญาตให้ก้าวก่าย"
ความเป็นซูเปอร์สตาร์ค้ำคออยู่ก็จริง แต่ทาทาก็ยืนยันว่าไม่เคยห่วงภาพลักษณ์ถึงขนาดต้องปั้นแต่งชีวิต เคยเป็นอย่างไรก็เป็นอย่างนั้น ธรรมชาติของตัวเราดีที่สุด
"ไม่เลยค่ะ อยากกินเอ็มเคก็ไปกิน ไม่มีอะไรที่ไม่ต้องทำ ถ้าทาทายิ่งไปทำตัวให้ไฮโซ มันก็จะไฮโซ มันก็จะกลายเป็นว่าต้องอะไรไม่รู้ อย่างร้านที่เป็นเพิงพื้นไม้ มีหนูวิ่งผ่านบ้าง อยู่ติดถนนอร่อยเยอะมาก อย่างร้านส้มตำ อยู่ๆ ก็จอดรถเดินเข้าไปเลย หิวก็กินก๋วยเตี๋ยวข้างถนน เราไม่ได้รู้สึกว่า โอ้โหเราต้องเข้าร้าน 5 ดาว ก็กินเคยกินแล้ว แต่ตอนนั้นหิวจะให้ขับไปถึงสุขุมวิทก็คงไม่ไหว ก็เอาก๋วยเตี๋ยวไก่ตรงนี้เลย ถ้าคิดว่าไม่ได้หรอก ฉันเป็นทาทายัง คิดอย่างนี้ชีวิตก็ไม่มีความสุขหรอก"
"ถ้าจะรักษาความชื่นชมไว้ให้ได้ ง่ายมาก เป็นธรรมชาติค่ะ คือคนเรายิ่งเฟคยิ่งจบ เพราะในที่สุดมันก็ค่อยๆ ออกมาว่าตัวตนจริงๆ ของคนๆ นั้นมันเป็นยังไง ดีที่สุดเป็นธรรมชาติ ไม่ต้องเยอะ จะอยู่ในดวงใจต้องเป็นธรรมชาติที่สุด แล้วจะเป็นคนที่เจ๋งมาก"
การร้องเพลงคือชีวิต ฉะนั้นต่อให้ดังไม่ได้อย่าง "มาดอนน่า" ก็จะไม่มีวันทิ้งไมค์ แม้จะไม่ดังเปรี้ยงปร้างเหมือนเดิม ก็ไม่มีทางเลิกเป็นนักร้องอย่างแน่นอน
"ทาทาจะเป็นคนที่ไม่คิดอะไรไปไกล ไม่เป็นคนที่จะมองว่าอีก 5 ปีจะมีลูก อีก 10 ปีจะต้องเป็นซูเปอร์สตาร์ คือทาทาจะปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติ ไม่คาดหวัง เพราะถ้าไม่คาดหวังเราจะรู้สึกว่ามันสำเร็จไปส่วนหนึ่ง ชีวิตถ้าเราไม่คาดหวังแล้วมีความสุขไปกับมัน คงจะอำลาวงการนี้ยาก ทาทาอยากจะร้องเพลงไปเรื่อยๆ"
"เรตติ้งตกก็ต้องทำใจ ถ้าเปรียบเทียบตัวเองว่าดิฉันแก่ขนาดนี้แล้วยังดังอยู่ มันเป็นไปไม่ได้ไง คือคนที่จะเป็นอย่างมาดอนน่า คือมันเป็นหนึ่งในล้านนะ ที่เขาอายุจะ 50 แล้วคนยังรักเขาขนาดนี้ แต่เขาก็ทำงานหนักนะ หุ่นอย่างนั้นไม่ง่ายนะ ซึ่งรักษาได้ดีขนาดนั้นต้องให้เกียรติเขา และนับถือเขาว่ารักษาความเป็นซูเปอร์สตาร์ไว้ได้"
"แต่ถ้าวันนั้นมาถึงจริงๆ ทาทาก็คงฟุ้งซ่านอยู่พักนึงนะ ว่ามันเกิดอะไรขึ้น แต่ความจริงก็คือความจริง คุณก็ต้องยอมรับ ถ้ามัวมานั่งซึมเศร้ากับมัน ทาทาก็จะเป็นอย่างนั้นตลอดไป แต่คิดว่าสังขารมันก็ต้องเป็นอย่างนี้ ไม่เป็นไรเราก็ไปทำอย่างอื่น คิดอย่างอื่นที่ทำให้เราสบายใจ แต่หันไปปั้นคนอื่นคงยาก เพราะไม่เห็นตัวเองทำงานเบื้องหลัง เพราะว่ายังรู้สึกว่าตัวเองยังไม่มีสายตาเหมือนอย่างอาเต๋อ เพราะอย่างอาเต๋อเนี่ยมหัศจรรย์ เห็นใครแล้วแบบทะลุปรุโปร่ง เรายังไม่ถึงขนาดนั้น"
"เรื่องแต่งงานแล้วกระแสตกเหรอ ไม่รู้ต้องลองดูก่อน เพราะมีหลายคนที่แต่งแล้วก็ไม่เห็นกระแสจะตกเลย ถ้าเป็นเมืองไทยมีเยอะ แต่ถ้าเป็นต่างประเทศก็ปกติ คือต้องแยกแยะให้ออก เรื่องส่วนตัวก็เรื่องส่วนตัว ทำงานเราก็ต้องทำเหมือนเดิม แต่ทาทาไม่ใช่พวกเพ้อเจ้อไง ถ้าแต่งงานไปแล้วร้องเพลงได้ไม่ดีเหมือนเดิม อย่างนี้สิน่าวิจารณ์ เฮ้ย...ทำไมไม่มืออาชีพ ปล่อยให้มันเป็นไปตามสบายๆ ดีกว่า"
ไม่เคยทะนงตัวเองว่าดังล้นฟ้า หลงระเริงว่าเป็นซูเปอร์สตาร์ บอกไปทำอัลบั้มเพลงที่ยุโรปก็ต้องเริ่มต้นจากศูนย์ เป็นนักร้องหน้าใหม่เหมือนกัน
"ทาทามีความสุขค่ะ ไม่ได้คิดว่าระดับความดังของเราในตอนนี้อยู่ในระดับที่พอใจหรือยัง ทาทายังมีความสุขอยู่กับการอยู่ตรงนี้ ไม่รู้จะพูดยังไง คือเชื่อว่าไปถามนักร้องหรือดาราคนอื่นว่าเธอดังหรือยัง คงไม่มีใครตอบว่าฉันดังมากแล้ว คือไม่เคยถูกสอนมาให้หลงระเริง ทาทามีความสุขในวันนี้ที่เป็นแบบนี้ และนี่อาจจะเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ทาทาอยู่ตรงนี้ได้ เพราะไม่เคยคิดว่าตัวเองดังหรือยิ่งใหญ่มาจากไหน"
"และทาทาก็พยายามมาก อย่างจะไปทำงานยุโรป ก็ต้องเริ่มจากศูนย์นะ เราไม่มีวันจะพูดได้เลยว่าฉันดังมาจากเอเชียนะ แต่ถ้ามีคนมาพูดอย่านี้กับทาทา ทาทาจะบอกว่าเหรอ แล้วไง ไม่สนใจ นี่ยุโรป คุณต้องเคารพให้ได้ อยากค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป เพราะทาทาไม่ได้ยิ่งใหญ่มาจากไหน คนยิ่งใหญ่ที่ร่วงมีเยอะแยะไป"