เหตุการณ์ภาพหลุดอันฉาวโฉ่ของนาย "เฉินกว้านซี" ที่สนั่นเกาะฮ่องกงอยู่ในขณะนี้ ทำให้หลายคนอดสงสัยไม่ได้ว่า เหยื่อสาวทั้งหลายที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ครั้งนี้ที่ล้วนแต่เป็นคนดังที่มีหน้ามีตาในสังคมแทบทั้งสิ้น จะตัดสินใจกับชีวิตที่เหลือในแวดวงแสงสีอย่างไร
ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับสาวอีกรายหนึ่งอาจจะเป็นตัวอย่างให้กับพวกเธอได้เป็นอย่างดี
เผกจียอง นักร้องสาวชื่อดังชาวเกาหลีที่เปิดตัวในฐานะนักร้องสุดเซ็กซี่เมื่อปี 1999 ที่ชื่อเสียงของเธอต้องมาสะดุดหลังจากนั้นแค่ปีเดียว เมื่อคลิปฉาวระหว่างเธอและคิม ผู้จัดการส่วนตัวได้ออกมาเผยแพร่ทั่วอินเตอร์เน็ตเมื่อปี 2000 ที่ผ่านมา
และใครจะเชื่อว่าหลังจากผู้จัดการส่วนตัววัย 45 ของเธอหนีจากเรื่องฉาวดังกล่าวไปกบดานอยู่ที่สหรัฐฯ เมื่อเดือนที่ผ่านมานี้เองที่เขาถูกตำรวจจับในข้อหาพรากผู้เยาว์ในเขตชุมชนเกาหลีในแอล.เอ. หลังจากที่ทางการสหรัฐฯขึ้นบัญชีดำเขามาเป็นเวลา 2 ปีแล้ว โดยการยื่นขอประกันตัวของเขาได้รับการปฎิเสธจากศาลในสหรัฐฯ เนื่องจากทางการเกาหลีได้ขอร้องให้ดูแลคดีครั้งนี้เป็นพิเศษ เนื่องจากพวกเขาออกตามล่านายคิมจอมถ่ายผู้นี้มาอย่างยาวนานแล้ว
"เราได้แต่เฝ้ารอว่าเมื่อไหร่นายคิมจะถูกส่งตัวกลับมาที่เกาหลีเสียที" หนึ่งในผู้บริหารในวงการเพลงเกาหลีกล่าว
อย่างไรก็ดี เผกจียอง ที่เกือบสูญเสียเส้นทางอาชีพจากฝีมือของนายคิมผู้นี้ ไม่ต้องการที่จะแสดงความเห็นในการถูกจับกุมของเขาครั้งนี้แต่อย่างใด
แหล่งข่าวที่ใกล้ชิดกับนักร้องสาวออกมาเปิดเผยว่า "เธอไม่ต้องการให้ชื่อของเธอถูกเอ่ยขึ้นมาพัวพันใดๆ กับนายคิมหลังจากที่คลิปฉาวครั้งนั้นเกือบจะทำลายชีวิตของเธอ" โดยยืนยันว่าคลิปฉาวครั้งนั้นแตกต่างจากเหตุการณ์ของเฉินกว้านซีอย่างสิ้นเชิง เนื่องจากเธอไม่รู้ว่าระหว่างที่ร่วมกิจกรรมทางเพศกับเขานั้นจะถูกบันทึกภาพเพื่อนำไปเผยแพร่ต่อสาธารณชน
คลิปสยิว สุดอื้อฉาว
เผกจียอง ที่ปัจจุบันวัย 31 แล้วเพิ่งจะไปเปิดคอนเสิร์ตเพื่อการกุศลที่มหาวิทยาลัย Yonsei University ที่กรุงโซลเมื่อวันที่ 2 ก.พ.ที่ผ่านมา ก่อนที่ 2 วันต่อมาเธอจะต้องเข้ารับการผ่าตัดเส้นเสียงหลังจากต้องทนทุกข์จากเนื้องอกในเส้นเสียงที่ส่งผลให้เธอต้องหยุดร้องเพลงระหว่างการแสดงมาแล้วหลายต่อหลายครั้ง ส่งให้เธอต้องหยุดร้องเพลงหรือใช้เสียงพูดคุยเป็นเวลาถึง 3-4 เดือน เพื่อให้เส้นเสียงของเธอกลับใช้การได้ดีอย่างเดิม
แม้จะเป็นที่รู้กันดีในวงการว่าเธอผ่านเรื่องที่เลวร้ายกว่านี้มาเนิ่นนานแล้ว
ในช่วงปี 1999 ที่ เผกจียอง ยังคงสาวใส เธอได้นำภาพลักษณ์อันเซ็กซี่และเพลงเต้นรำสไตล์ซัลซามาสู่วงการเค-ป็อปจนโด่งดังในเวลาไม่นานนัก แต่ชื่อเสียงของเธอกลับต้องมาป่นปี้ในช่วงข้ามคืนกับเรื่องสุดอื้อฉาวที่สุดในชีวิตของเธอ เมื่อช่วงเดือนพ.ย.ของปี 2000 ที่ภาพการมีเซ็กซ์ของเธอกับอดีตผู้จัดการสวนตัวที่นัดไปร่วมกิจกามกันที่ห้องทำงานของผู้จัดการหนุ่ม จะหลุดออกมาทางเว็บเพย์-เพอร์-วิวปลุกใจเสื่อป่าอย่างอล่างฉ่าง
นายคิมผู้วางแผนเรื่องราวทั้งหมด ออกมายอมรับในการให้สัมภาษณ์ผ่านทางรายการทีวีภายหลังว่าเรื่องราวทั้งหมดเผกจียองไม่มีส่วนรู้เห็นด้วย ซึ่งเหตุการณ์ครั้งนี้เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 1998 ก่อนที่นักร้องสาวจะโด่งดังแค่เพียงปีเดียว
ความฉาวโฉ่เช่นนั้นส่งผลให้ทางรายการโทรทัศน์,สถานีวิทยุ และสปอนเซอร์จะพร้อมในกันบอยคอตนักร้องสาวเผกจียองกันอย่างถ้วนหน้า
แต่แทนที่จะออกมานั่งบีบน้ำตาแล้วโทษถึงความ "ไร้เดียงสาและโง่เขลา" ของตัวเองต่อสื่อเหมือนสาวๆ บางคนในกรณีของอาเฉิน เผกจียองออกมาแสดงเจตจำนงอย่างชัดเจนว่าเหตุการณ์ครั้งนั้นไม่สามารถหยุดเธอจากเส้นทางในวงการบันเทิงของเธอไปได้
จากการเปิดใจต่อทาง Times Asia เธอออกมายืนยันอย่างหนักแน่นว่าจะยังคงจับไมค์ร้องเพลงต่อไปถ้าแม้จะมีเพียงแฟนเพลงเพียงแค่คนเดียวต้องการที่จะฟังเธอร้องเพลง ซึ่งความมุ่งมั่นของเธอได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มสิทธิสตรีอย่างเข้มแข็งในเวลาต่อมา
แต่ถึงกระนั้นภาพฉาวอันติดตาของเธอครั้งนั้นไม่อาจเปลี่ยนทัศนคติของเธอในสายตาของสาธารณชนส่วนใหญ่ไปได้ง่ายๆ เมื่อผลงานกลับคืนวงการหลังจากเหตุการณ์ครั้งนั้น ถูกสถานีฟรีทีวียักษ์ใหญ่ 3 รายของเกาหลีหันหลังอย่างไม่ใยดี
การกลับมา
จากเหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้เผกจียองต้องหยุดงานไปเป็นเวลาหลายปี ก่อนที่จะกลับมาอีกครั้งอย่างอื้อฉาวในปี 2003 เมื่อเธอมาพร้อมกับโปรเจ็คท์สุดสยิวที่ไม่แคร์เสียงวิจารณ์ด้วยการเป็นศิลปินเกาหลีรายแรกที่เปิดการแสดงที่เรียกว่า adult concert ที่เปิดให้เฉพาะแฟนเพลงอายุมากกว่า 19 ปีเท่านั้นที่จะมาดูการแสดงของเธอได้ ซึ่งครั้งนั้นเธอมาปรากฏตัวด้วยชุดที่วาบหวิว และท่าเต้นที่วาบหวาม
ก่อนที่การกลับมาในปี 2006 จะทำให้หลายคนต้องแปลกใจ เมื่อเธอได้สลับคราบนักร้องสาวลาตินเซ็กซี่ มาร้องเพลงรักบัลลาดใน Smile Again ผลงานเพลงชุดที่ 5 ของเธอแทน ซึ่งเป็นงานที่คว้าแชมป์ในชาร์ตเพลงเกาหลีของปีนั้นอย่างมากมาย ความสำเร็จครั้งนั้นทำให้สถานีโทรทัศน์มากมายออกมาอ้าแขนตอบรับเธออีกครั้ง
อย่างไรก็ดี แม้ว่าเธอจะตื่นออกมาจากฝันร้ายมาเนินนานแล้ว แต่ภาพจากคลิปฉาวเหล่านั้นยังคงตามมาหลอกหลอนในความทรงจำของเธออย่างไม่มีวันจบสิ้น
"ฉันหวังว่าผู้คนจะนึกถึงฉันในฐานะนักร้องคนหนึ่ง เมื่อครั้งที่พวกเขาได้ฟังเพลงที่ฉันขับกล่อม เรื่องอื้อฉาวครั้งนั้นจะไม่มีวันถูกลืมเลือนแม้ว่าฉันจะแก่ตัวไปแล้ว ไม่ว่าต่อไปฉันจะประสบความสำเร็จหรือล้มเหลวในชีวิต มันเจ็บปวดที่ยังคงได้ยินผู้คนเอาเหตุการณ์ครั้งนั้นมาพูดถึงกันอยู่" นักร้องสาวเปิดใจ โดยยอมรับว่าการนึกถึงเหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้เธอรู้สึกหดหู่ทุกครั้ง แต่เธอก็ฝ่าฟันมันมาได้ทุกครั้งจากกำลังใจที่เธอได้รับจากเพื่อนๆ และครอบครัว
