xs
xsm
sm
md
lg

เผยเหตุตีจากช่อง 7 “ตู่” พ้อ เปรียบตนเหมือนสัตว์ไร้ประโยชน์!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ทนไม่ไหว ! “ตู่” จูงมือ “ซ้อนุช” หนีกลับบ้านเก่าตายรังช่อง 3 เหตุไม่พอใจตัวเลขเรตติ้งไม่เป็นธรรม แม้ค่ายอื่นทำไม่ถึงเป้า แต่กลับไม่โดนสั่งระงับ เหน็บเหมือนตนเป็นสัตว์หมดประโยชน์ก็ถูกทิ้ง วอนอย่าใช้กติกาโหดๆ กับค่ายอื่นอีก ยันไม่มีปัญหากับคุณแดง ด้าน “ซ้อนุช” ร่ำไห้โทษตัวเองดึงมาลำบาก10 ปีื เผยร้องไห้มา 3 เดือนแล้ว ส่วนนักแสดงเก่าช่อง 7 โล๊ะใหม่ ใช้ช่อง 3 หมด

หลังจากมีข่าวลือหนาหูมานานว่าค่ายละครคุณภาพ “เป่าจินจง” ของผู้จัดละครคนดัง “ตู่ นพพล โกมารชุน” และ “ซ้อนุช ปรียานุช ปานประดับ” ได้ยกละครนำไปเสนอบ้านใหม่ยังวิกพระราม 4 เพราะมีเรื่องบาดหมางกับทางช่อง 7 ล่าสุด กระแสข่าวลือต่างๆ ได้ถูกเปิดเผยจากปากของสองผู้จัดคนดังในงาน “ฉลองครบ 10 ปี เป่าจินจง” ว่า ได้บ้านใหม่พักพิงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หลังไม่พอใจกับกติกาการวัดเรตติ้งที่ไม่เป็นธรรม โดยผู้บริหารบ้านเก่าใช้ประเมินค่ายของตนแค่ค่ายเดียว โดย “ตู่” เผยหลังอัดอั้นมานานว่า.....

“เรากำลังจะย้ายที่ทำกิน เพราะถ้ายังอยู่ที่เดิมเราไม่มีจะกิน หมดทางหากิน เนื่องจากคำว่ากติกาที่เกิดขึ้นกับผู้บริหารของสถานี ตรงนี้สิบปีเราทำงานด้วยความตั้งใจกับช่อง 7 โดนถามบ่อยมากเลยว่าทำไมไม่ไปทำช่องอื่นบ้าง ไม่ไปทำช่อง 3 บ้าง หรือช่อง 9 บ้าง ช่อง 5 เราบอกไม่หรอกครับ ช่อง 7 เป็นคนให้โอกาสเราๆ ก็จะทำงานอยู่ตรงนี้”

“จนกระทั่งวันนึงมีการเปลี่ยนแปลงกติกาหนึ่งเกิดขึ้นในการทำงาน กติกานั้นเรียกว่า เป็น กติกาเรตติ้ง เรายืนยันอยู่เสมอว่างานของเราไม่ได้แสวงหาเรตติ้ง เราแสวงหาคุณภาพ เราตั้งใจในการทำงานของเรา หลายเรื่องไม่ประสบความสำเร็จ “กิจกรรมชายโสด, ทิพยดุริยางค์” เราก็ยังมีอีกหลายเรื่อง แต่สิ่งที่เราทำ เราทำงานที่มีสาระ”

“เราทำงานที่ให้สังคมดูแล้วเกิดความคิดเกิดความรู้สึกเกิดการสะท้อนภาพให้ชัดเจนให้คนดูรู้สึกไปกับเรา “เก็บแผ่นดิน, เมืองดาหลา, แม้นเลือกเกิดได้” ทุกอย่างเราตั้งใจทำ จนกระทั่งสุดท้าย “สายน้ำ สามชีวิต” ตรงนี้เราตั้งใจสร้างให้กับสถานี รางวัลที่เราได้มาตลอดเกือบ 50 รางวัล หรือมากกว่านั้น คือ หน้าตา คือ เกียรติยศ คือ ความภาคภูมิใจ แต่มันไร้ความหมายเมื่อตัวเลขหรือเรตติ้งมาเป็นตัวกำหนดชะตาชีวิตคนทำงาน”

แจงสาเหตุหลักที่ย้ายบ้าน เพราะช่องเลือกวัดค่าของงานจากตัวเลขเรตติ้งของบริษัทเดียวเท่านั้น

“เรื่องนี้เกิดขึ้น “สตรีที่โลกลืม” ละครไม่ประสบผลสำเร็จ ละครหล่นไปเหลือ 5 กติกาใหม่บอกว่าละครเรื่องใดต่ำกว่า 8 จะต้องหยุดผลิตทันที ไม่ว่าบริษัทใดก็ตามนี่เป็นคำพูดของผู้บริหารจะต้องถูกระงับและรอดู คุณสุรางค์ ได้อนุมัติละคร 12 เรื่อง ก็ถูกระงับไปโดยปริยาย อีกหลายเรื่องที่ถูกเสนอชื่อเข้าไปก็ถูกระงับเช่นเดียวกัน เราก็เลยถามต่อว่าแล้ว เป่าจินจง จะทำยังไง ก็มีคำตอบว่า รอดูก่อนแล้วกัน รอดูเรตติ้ง “วิมานมังกร” หรือ “ฟ้าให้เรามารักกัน” จะเป็นยังไง นั่นคือคำตอบ ชีวิตที่แขวนไว้กับตัวเลขจากหนึ่งบริษัทจะมีความมั่นใจมากแค่ไหน”

"ข่าวลือเรื่องนี้เริ่มออกมาเป็นกระสาย บางฉบับบอกตู่น้อยใจย้ายบ้าน ไม่ใช่น้อยใจเป็นความตกใจมากกว่า การทำงานที่ดี ความตั้งใจ การทุ่มเทการลงทุนไม่สามารถต่อสู้กับตัวเลขได้ แต่บริษัทนี้ที่สำรวจให้กับหลายช่องบอกเราได้ 8 ไม่ค่อยดีนัก แต่อีกผลสำรวจบอกเราได้ที่ 1 พิสูจน์แล้วว่าถามใครคำที่ติดปาก คือ “กาษานาคา” กระแสตรงนั้นมาแรง ไปตรงไหนก็ได้รับคำชม แต่ตรงนี้ไม่ใช่ เพราะฉะนั้นเรากำลังฝากชีวิตไว้กับอะไร”

“ตัวเลขของบริษัทเดียวแค่นี้มันทำให้ชีวิตคนผันผวน วันไหนที่สื่อสิ่งพิมพ์เกิดเชื่อในตัวเลข บอกเรตติ้งอยู่ไม่ดีชีวิตเราจะแขวนอยู่ตรงนั้นมั้ยครับ”

“สุดท้ายจะมาถึงคำพูดของ “คุณประวิทย์ มาลีนนท์” เมื่อปลายปีที่แล้ว คุณประวิทย์ให้ข่าวว่าต่อไปนี้จะไม่ซื้อเรตติ้งจากบริษัทนี้แล้ว เพราะไม่เชื่อและก็สามารถทำการสำรวจได้ด้วยตัวเอง หลังจากนั้นมา เรตติ้งช่อง 3 ชนะช่อง 7 ต่างจากเมื่อก่อน วันนี้เป็นวันที่เราอยากจะบอกว่าเราทำงานมาสิบปี 30 เรื่อง เรามีแต่โดนเพ่งเล็งโดนตำหนิ ไม่ทราบว่าทำไมถึงเกิดเหตุการณ์ขึ้นแบบนี้”

เผยสิ่งที่ทำให้แค้นใจมากที่สุด คือ ถูกทางช่องเรียกเข้าไปคุยเพื่อรับทราบการสั่งระงับละครในวันเกิดซ้อ และยังเปรียบเทียบเรตติ้งกับละครค่ายอื่นในช่องเดียวกันที่มีตัวเลขต่ำกว่าแต่กลับไม่มีผลกระทบใดๆ

"วันที่ 18 ธันวาคม เป็นวันเกิดของคุณนุช ช่องเรียกเข้าไปแล้วช่องก็บอกว่า “ระงับงานนะ หยุดทำงาน” ดีมากเลยครับ เขาเลือกวันได้ดีมากที่จะบอก หลังจากนั้นมาละครที่ออกอากาศต่อจากเรา เรตติ้งต่ำกว่าเราอีก “สตรีที่โลกลืม” วันสุดท้ายของการแสดงกลับขึ้นมา 9.9 “แสงดาวแห่งหัวใจ” ได้ 4.8 แต่ต้องขอยืมตัวเลขมาเปรียบเทียบว่าบริษัท “ฮั้งมโนก้า” เป็นบริษัทเดียวที่ถูกระงับการทำ แต่ดาราวิดีโอก็สามารถเสนองาน ได้ทำงานต่อไปได้เรื่อยๆ เราเลยไม่รู้เลยว่ากติกานี้ถูกตั้งขึ้นมาเพื่อใคร เพื่อบริษัท เป่าจินจง เพื่อ ฮั้งมโนก้า เท่านั้นใช่มั้ยครับ ไม่มีคำตอบชัดเจนกับเราเพียงแต่บอกว่าตั้งข้อเสนอกันมาแล้วก็รอดูกันไปก่อนแล้วกัน รอดูเรตติ้งเรื่องต่อๆ ไปว่าจะเป็นยังไง”

ยันแม้ละครของตนได้เรตติ้งสูงแค่ไหนไม่มีความหมายในสายตาของช่อง

“วันนี้เรตติ้ง “วิมานมังกร” ไม่ดีนัก เพราะเราต้องเจอกับ “จำเลยรัก” เจอกับ “สงครามนางฟ้า” มันเป็นกระแสอยู่ แสดงว่า เป่าจินจงจะไมได้รับการอนุมัติงานต่อไปใช่มั้ยครับ หลังจากนั้น เราก็เลยคิดว่าเป็นเวลาที่เราต้องหาที่ทำกินใหม่ ปีที่แล้ว “กาษานาคา” ได้ 9, 10 “เลือดในดิน” 11, 12 แต่มันก็ไม่มีผล ไม่มีความหมายอะไร เราไม่ได้มีละครเยอะ มีแค่ปีละ 2-3 เรื่อง กติกานี้เรียกว่ากติกาจับผิด หรือกติกาลำเอียง การมีกติกาต้องมีความแฟร์ ต้องมีความเป็นธรรมเพราะบริษัทเดียวที่โดนคือบริษัทของเรา ก็เลยเกิดความรู้สึกว่าคงถึงเวลา เราอดทนมาตลอด”

“รุ้งเคียงดาว เรตติ้งตอนนั้นประมาณ 9, 10 ก็บอกว่าไม่ดีและตัดออกเลย 3 ตอน สตรีที่โลกลืม ถูกตัดอีก 3 ตอน สัญญาเมื่อสายัณห์ ถูกตัดอีก 1 ตอน เหนือทรายใต้ฟ้า 1 ตอน ทั้งหมดละคร 8 ตอน เงินรายได้เกือบ 9 ล้านบาท หายไปเลย เราต้องควักกระเป๋าจ่าย ไม่มีการรับผิดชอบร่วมกัน ไม่มีมันเป็นความผิดของบริษัทที่ได้เรตติ้งไม่ถึงเป้า ทุกอย่างขึ้นอยู่กับเรตติ้ง เราไม่เคยคิดมาก่อนจะเกิดขึ้นกับคนที่ตั้งใจทำงานอย่างเต็มที่ให้กับช่อง”

“ขอบอกว่า กรุณาอย่าใช้กติกาโหดๆ แบบนี้กับใครอีก เอาละ เมื่อใช้กับเราแล้วก็ต้องไปแต่อย่าใช้กับคนอื่น อย่าให้คนทำงานรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นสัตว์ (เน้นเสียง) ประเภทที่ใช้แทง แทงเข้าไปแทงให้ได้ชัยชนะ แต่พอคุณแพ้เขาเอาคุณทิ้งแล้วบอกว่าคุณใช้ประโยชน์อะไรไม่ได้แล้ว อย่าทำแบบนี้อีก อยากให้เสนอความเป็นจริงไม่ต้องบิดเบือนอะไรทั้งนั้น”

บอกตอนนี้อยู่ในช่วงการพูดคุยกับผู้ใหญ่ ยังไม่มีละครเรื่องใดผ่านการอนุมัติ ส่วนเรื่องใหม่ไม่มีดาราสังกัดช่อง 7 แสดงอีกแล้ว รวมถึงอดีตนางเอกช่อง 3 “จอย ศิริลักษณ์” ยัน ยังไม่มีการติดต่อให้ร่วมงานตามข่าวด้วย

“กราบขอบคุณ คุณประวิทย์ มาลีนนท์ ที่ให้ความกรุณา ตัวผมเองเป็นคนที่เกิด เล่นละครและเป็นผู้จัดของช่อง 3 มาก่อน อันนี้เป็นความในใจที่อยากจะบอกวันนี้”

“ข่าวออกเราได้ 3 เรื่องแล้วไม่จริง ตอนนี้เราอยู่ในการพูดคุยกันอยู่ แต่ที่แน่ๆ คุณประวิทย์บอกว่ายินดีที่จะให้เราร่วมงาน เราเสนอหลายเรื่อง หลายแนว นักแสดงทั้งหลายเหมือนที่เคยทำมา ยังไงก็เลือกนักแสดงที่เซ็นสัญญากับช่อง ไปช่อง 3 เราก็ต้องเลือกนักแสดงของช่อง 3 ออยกับลิฟท์เป็นนักแสดงอิสระเล่นช่องไหนก็ได้ เขาเล่นช่อง 3 มาหลายเรื่องถ้าเขาจะกลับมาเล่นอีกก็ไม่เป็นไร คิดว่าไม่ภายในเดือนนี้หรือเดือนหน้าคงจะได้รู้แล้วว่าได้เรื่องไหนบ้าง ของ เป่าจินจง และ ฮั้งมโนก้า เสนอไปอย่างละ 4 เรื่อง”

"ส่วนจอย ออไม่มีครับๆ แต่จอยจะโทร.คุยกันในฐานะครูกับลูกศิษย์ จอยมีอะไรก็โทร.มาเป็นประจำอยู่แล้ว เรายังไม่เคยชวนจอยแม้แต่เรื่องเดียว เรารอดูว่าทางช่องต้องการใครแสดงมากกว่า ไม่ว่าจะเป็นช่อง 3 ช่อง 7 ยังไงเขาก็ต้องเลือกนักแสดงที่ขายในตลาดได้”

ย้ำสัมพันธ์กับหนึ่งในผู้บริหาร “แดง สุรางค์ เปรมปรีด์” จากกันด้วยดี ส่วนละครที่กำลังถ่ายทำป้อนให้วิกหมอชิต “ฟ้าให้เรามารักกัน” ที่นำแสดงโดน “วิน ธาวิน” และ “ชาม ไอยวริญห์” กำลังเร่งถ่ายทำ

“กับคุณแดงก็ยังดีอยู่ครับ คุณแดง บอกว่า ตู่ไปทำช่องอื่นได้เลยนะ เราทำมานานตลอดสิบปีเราไม่เคยไปช่องไหน แต่เมื่อเราตัดสินใจก้าวเข้าไปแล้วเราก็ต้องยึดมั่นกับช่องที่ให้เราจริงๆ ปัญหาอื่นไม่มีครับเรามีแต่ปัญหาเรตติ้ง”

“ส่วนเรื่อง “ฟ้าให้เรามารักกัน” ก็ออนแอร์ครับ สิ่งที่ลงทุนไปแล้วยังไงก็ไม่ปล่อยให้เสียหรอกนะ วินก็เป็นพระเอกที่ฮอตมากๆ พอสมควร และตอนนี้ยังถ่ายไม่จบคิดว่าจะปิดกล้องได้ภายในเดือนนี้ เมื่อเกิดเหตุการณ์ขึ้นไม่มีคำว่า คุณภาพด้อย การทำงานของตู่เวลาทำงานแล้วเป็นคนบ้างาน เต็มที่กับงานจะไม่ให้คุณภาพของงานลดลง”

ด้าน ซ้อนุช หลังจากที่ฟังอีกฝ่ายพูดมานาน ก็ได้ระบายความในใจบ้างว่า.....

“ณ วันที่เป็นผู้จัดนุชเคยแอบไปทำละครช่อง 3 เป็นละครสั้น ไม่มีใครทราบ เพราะจะปิดเงียบมากเลย ตอนนั้นคุณนพพลก็อยู่ ยูม่า ดังมาก เรารู้สึกว่าช่อง 7 เหมือนเป็นพ่อเป็นแม่เรา ช่อง 3 เสมือนดวงใจเป็นเพื่อนเป็นพี่ เลยเป็นที่ถกเถียงกันว่าเราจะอยู่ช่องไหน ขณะที่เปิดเป่าจินจงมีทั้ง คุณประวิทย์ มา คุณสุรางค์ มา แต่แล้วเราก็เอามือที่เล็กๆ ของเราดึงเขามา พรากจากอกทุกคนที่รักเขาดึงเขามาอยู่สถานีนี้โดยที่ไม่ได้คิดถึงหัวอกของเขา ดึงมาก็เชื่อ มาง่ายๆ อย่างนั้นด้วย”

“ณ วันนี้ขอบอกว่าบ้านเราทำให้เขาไม่สบายใจ เราก็ต้องยอมเขาไป นี่ร้องไห้มา 3 เดือนแล้ว (น้ำตาไหล) อันนี้คือ บ้านเรา จาก พ.ศ.2531 จนมาถึง 2551 20 ปีอ่ะ เรารักช่อง 7 ใครจะว่า ช่อง 7 เชย ช่อง 7 ลาว เรารักเขา เพราะเราเป็นคนของเขา แต่เขาไม่รักคนของเรา (เริ่มสะอื้น) วันนี้ต้องขอกราบขอโทษ (กราบตู่) พ่อด้วยนะคะๆ ที่เอาพ่อลำบากถึง 10 ปี ทุกข์บ้าง หัวเราะบ้าง หนูร้องไห้ หนูมีความสุขอยู่แล้วค่ะ เขาทำให้หนูเกิดมา แต่หนูต้องขอโทษพ่อจริงๆ ที่เอาพ่อมาเจ็บหนักขนาดนี้ หนูจะไม่แบบนี้อีกแล้วค่ะพ่อ” (ปล่อยโฮซบลงที่ไหล่)

ผู้จัดคนเก่งหลังปลอบใจซ้อ ลั่นไม่โทษใครทั้งสิ้น หวังมุ่งมั่นทำงานที่มีคุณภาพต่อไป

“มันไม่ใช่ความผิดของนุชหรือของใครทั้งนั้น มันเป็นการเดินทางของเราสองคนบางทีมันก็ยากลำบาก บางทีก็มีรอยยิ้มบางทีก็มีเสียงหัวเราะ เราต้องพบเจอหลายๆ สิ่ง แล้วจะสอนเราเองว่าจะทำยังไง ทางเดินข้างหน้าเราสองคนมั่นใจว่าจะเดินไปในทางมุ่งมั่นและตั้งใจ และการทำงานที่เราทำเราก็จะยึดมั่นคติเดิมว่าเราจะทำงานที่ดีที่สุดให้กับคนดู เพราะว่าตัวผมเองได้คู่คิดที่ดี ได้คนที่ให้กำลังใจ ร่วมชีวิตที่ดีคนนี้ครับ”








กำลังโหลดความคิดเห็น